คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Underneath the deep blue sea (ก่อนพายุโหมกระหน่ำ) - 2
ตอนที่ 9: Underneath the deep blue sea
(ก่อนพายุโหมกระหน่ำ)
2
“ข่าวบอกว่าเย็นนี้มีงานแต่งของนักแสดงสาวสวย ให้เลี่ยงเส้นทางแถวตัวเมืองนะคะ...เมื่อกี้คนขายลอตเตอรี่ชี้เลขเด็ดมาให้ซื้อด้วย ไม่รู้จะถูกรึเปล่า? ไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวงเท่าไหร่ เกิดถูกแล้วเอาไปทำอะไรดี? ...อ๊ะ”
[......]
อาทิตย์กว่าแล้ว เป็นอาทิตย์กว่า ๆ ที่ไวโอเล็ตโทรหาใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จัก
บอกเล่าเรื่องราวที่เธอพบเจอแต่ละวันให้ปลายสายฟัง
ช่วงแรกตัวเธอโดนวางหูใส่ตลอดทุกครั้ง
แต่พอเลือกพูดเรื่องง่าย ๆ ก็พบว่าอีกฝ่ายเริ่มจะทำตัวเป็นคนรับที่ดี
ถือสายรอไม่กดทิ้ง ซ้ำยังทำตัวน่ารักอย่างเช่นตอบทุกการสนทนาเป็นความเงียบอีกต่างหาก
‘แหม ช่างน่ารักเสียจริง น่ารักซะจนอยากจะฟาดสักป้าบตอนเจอตัวจริงเลย’
“ใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้ว วางสายก่อนนะคะ ...ไว้พรุ่งนี้เช้าจะโทรไปใหม่”
สาวน้อยเว้นช่องว่างไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนกดวางหู ทำหน้าบื้อใส่ตัวเองแล้วเตรียมเก็บข้าวของกลับบ้าน
นึกขันอยู่ในใจว่าการได้บ่นได้ระบายเรื่องราวบ้างก็ทำให้น้ำหนักในใจเบาอย่างกับขนนกชุบน้ำมัน
...มันเกือบจะเบาแต่ก็ยังไม่เบาเสียทีเดียว
ตรวจเช็คสภาพรถบรรทุกที่กำลังจะเดินทางสู่เป้าหมายก่อนออกไปยืนรอที่หน้าโกดัง
รอไม่นานรถหรูสีดำก็แล่นเข้ามาเทียบท่า
คิดในใจว่ามันคงเป็นเรื่องเดียวที่เธอรู้สึกชื่นชม
‘พวกผู้ทรงอิทธิพลตรงต่อเวลาเสมอ’
“ขึ้นมาได้เลยครับคุณไวโอเล็ต” คนขับรถประจำตัวโดฟลามิงโก้ลดกระจกลงพร้อมเรียกเธอให้ก้าวขึ้นไปนั่ง คนยืนรอไม่อิดออด รีบเคลื่อนตัวหย่อนสะโพกลงข้างคนขับ
หากลูกสมุนกล้าพูดคุยกับเธอได้ขนาดนี้แสดงว่าเจ้าของรถตัวจริงไม่ได้มาด้วย
แม้ว่าที่วังจะมีคนขับรถประจำเหมือนกัน
แต่หากที่นั่งโดยสารตอนหน้าว่างเธอก็มักจะเลือกที่ตรงนั้นก่อนเสมอ
“ต้องแวะรับนายน้อยของคุณรึเปล่าคะ?”
“ไม่ครับ นายน้อยติดคุยงาน สั่งให้ผมมารับคุณกลับอย่างเดียว” อย่างที่คนขับพูด มันวนเวียนเป็นแบบนี้ตลอด
หากชายหนุ่มไม่ว่างก็จะสั่งให้คนขับรถมาพาเธอกลับแทน
วันดีคืนดีโดฟลามิงโก้จะนึกครึมขับรถเองบ้าง
แต่เธอไม่ขอนั่งดีกว่าเพราะพ่อคุณขับรถเร็ว
กำลังหันมองข้างทางอยู่เพลิน ๆ
จู่ๆ คนข้างตัวก็เอ่ยถามเธอ
“คุณไวโอเล็ตพกดอกไม้ติดตัวไว้เสมอเลยเหรอครับ?”
“ไม่นะคะ ได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ เหรอคะ?” คนโดนทักรีบยกแขนขึ้นมาดมฟุดฟิดก่อนย่นจมูกเพราะไม่ได้กลิ่นแปลกอะไร
“มันไม่ใช่กลิ่นแปลก ๆ หรอกครับ แค่หอม เอ๊ย แค่ไม่เหม็นครับ” เกือบกัดลิ้นตัวเอง ดีนะที่ชะงักไว้ได้ทัน คนขับรถอยากจะโทรไปขอย้ายมาทำหน้าที่ขับรถให้เจ้าหญิงแทนมากมาย
ได้ทำงานกับเจ้านายดี ๆ ช่างมีบุญท่วมหัว ยิ่งเป็นเจ้านายไม่ถือตัวมันยิ่งกว่าถูกรางวัลใหญ่เสียอีก
“น่าจะกลิ่นสบู่นะคะ แพ้รึเปล่าคะ? จะได้เปลี่ยนยี่ห้อให้”
“ไม่ได้แพ้ครับ แค่รู้สึกว่ามันหอมดี” หน้าบานเป็นดอกเห็ดตอนสาวงามยิ้มตอบให้
ตัวหอมขนาดนี้นี่เอง มิน่าล่ะ... นายน้อยถึงชอบดอดเข้าใกล้
ตอนแรกก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้น
แต่พอได้เห็นสาวร่างบางโดนลวนลามเกือบทุกวันก็ชักจะตายด้านแล้ว
“งั้นไว้เจอกันตอนเช้านะครับ” ยิ้มหวานบอกลาตอนพาเธอมาส่งได้อย่างสวัสดิภาพ รีบเอารถเข้าจอดก่อนโทรรายงานใครบางคนว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
เจ้าหญิงถึงบ้านได้แบบไร้รอยขีดข่วน
………………………
“กลิ่นอะไร แกเอาอะไรใส่ไว้ในรถ?”
“เปล่านะครับนายน้อย ...กลิ่นมันเป็นยังไงครับ?”
“กลิ่นเหมือน... อา ช่างเถอะ หึ ๆ งี้นี่เอง” จู่ ๆ นายน้อยก็ยิ้มร้ายกาจแล้วหันไปหัวเราะใส่หน้าต่างคล้ายคนสติไม่ดี
ทั้งคนขับรถและโมเน่ต่างมองภาพดังกล่าวด้วยความสงสัย
ไม่รู้ว่าเขานึกอะไรขึ้นมาถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
ทั้งประธานบริษัทและเลขากำลังนั่งรถกลับบ้าน ทั้งคู่กำลังอารมณ์ดีเพราะสามารถเจรจากับนักวิทยาศาสตร์ได้ประสบผลสำเร็จ พวกเขาสามารถทาบทามให้อีกฝ่ายหันมาทำงานร่วมกันได้ นึกแปลกใจอยู่นิดหน่อยตอนเห็นมันยิ้มแป้นแล้วตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด พอจะรู้ว่าเจ้าตัวคงจะอยากได้ทุนการวิจัยแบบไม่อั้นจากพวกเขา แถมให้ทำงานผิดกฎหมายแล้วยังมีคนคุ้มกะลาหัวอีก
...ได้ข้อตกลงดีเลิศขนาดนี้หากไม่ยอมยกแก้วชนพร้อมเคล้านารีไปด้วย ก็ไม่รู้จะให้ไปทำอะไรอื่นอีก
ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนมักไม่ค่อยมีรถ สารถีจึงทำเวลาเหยียบคันเร่งถึงบ้านได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ยังคงสังเกตว่าเจ้าของบ้านนั้นเดินหัวเราะกับตัวเองไม่เลิก ก่อนจะโดนคุณโมเน่จับพยุงเล็กน้อยเมื่อคนตัวสูงเดินมึน ๆ ตึง ๆ เข้าบ้านเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่มากจนเกินไปสักหน่อย
“นายน้อยไปผิดทางนะคะ ห้องนายน้อยอยู่ทางนี้” เลขาสาวเอ่ยท้วงทันทีตอนคนสวมแว่นเดินเลี้ยวผิดด้าน
“หึ ๆๆ ไม่ผิด ๆ ฉันจะไปออกกำลังกาย... เอาแอลกอฮอล์ออกจากตัวเสียหน่อย” ชายหนุ่มตอบไปยิ้มไป หันมองอีกฝ่ายเมื่ออดีตเลขายังบอกเล่าเรื่องราวไม่จบ
“รับทราบค่ะ แล้วจะให้ฉันหาเลขาคนใหม่ไว้ให้เลยไหมคะ?”
“อืม ขอเป็นเลสเบี้ยนก็ดีนะ บางทีก็ขี้เกียจให้ใครมาเจ๊าะแจ๊ะเวลางาน
...เธอไปพักผ่อนเถอะ ขอบใจมาก พรุ่งนี้ก็จับตาดูซีซาร์ให้ดี ๆ ฉันอยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวของตัวยา
S.A.D ถ้ามันทำได้อย่างที่โม้ไว้จะดีมาก” ใช่ ตอนนี้เธอไม่ใช่เลขาของนายน้อยอีกต่อไปแล้ว แต่ผันตัวไปเป็นแขนขาให้นักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อซีซาร์แทน ส่วนเหตุผลน่ะหรือ
ก็เพราะเจ้านายพึ่งตกลงเริ่มทำสัญญากับคนดังกล่าวไปหมาด ๆ
ซีซาร์ คลาวด์คือนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้มีผิวสีซีด
ผมดำยาวอย่างกับพวกนักร้องวงอีโม ชายหนุ่มผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความวิปลาส
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็วิจัยไปเสียหมด ทั้งแบบผิดหรือไม่ผิดมนุษยธรรม หลังผลการวิจัยเสร็จสิ้นก็หมกเม็ดเก็บเอาไว้เป็นความลับก่อนนำมาขายทอดสู่ตลาดมืด
โกยกำไรเข้ากระเป๋าไปแบบมากมายมหาศาล
...แต่ความลับมักไม่มีในโลก
เคราะห์ร้ายที่ผู้บังคับบัญชาเกิดล่วงรู้ถึงความลับของซีซาร์เข้าจนต้องไล่หมอนั่นออกทันที
คนฉลาดต้องรีบซมซานหาที่พักพิงใหม่ก่อนจะโดนคนใหญ่คนโตสั่งเก็บเพราะดันไปสร้างเรื่องราวเอาไว้เยอะ
จนในที่สุด... ก็จับพลัดจับผลูมาอยู่ใต้บารมีของโดฟลามิงโก้
ตอนแรกทุกคนคัดค้านเพราะซีซาร์ไม่ได้มาตัวเปล่าแต่พกปัญหาร้อยแปดมาเต็มกระบุง
...แต่หัวหน้าแฟมิลี่ไม่สนใจ
บอกเล่าแผนการต่อจากนี้ว่าหากนักวิทยาศาสตร์คนนี้ทำสิ่งที่ต้องการสำเร็จ
มันจะเป็นก้าวแรกที่นำพาทุกคนไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก
เป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของทั้งแฟมิลี่ไปแบบไม่คาดฝัน
“งั้นราตรีสวัสดิ์นะคะนายน้อย
ต้องการมาสเตอร์คีย์ไหมคะ?”
“ไม่
ฉันจะเข้าไปอย่างสุภาพชน” โดฟลามิงโก้ยกยิ้มพราว
ช่วงนี้โมเน่ช่างรู้ใจ คิดไว้ว่าสิ้นปีจะเพิ่มโบนัสให้สักสองสามเท่าตัว ก่อนตัดสินใจเคลื่อนตัวไกลออกไปจากห้องนอนตัวเอง
………………………
ดวงตาสีน้ำตาลกำลังปิดสนิท เพราะเจ้าของพึ่งอนุญาตให้ร่างกายได้พักผ่อน หลังจากต้องนั่งอ่านเอกสารกองโตที่หิ้วกลับบ้านมา
เธอรีบอาบน้ำอาบท่า ปิดไฟเข้านอนทันทีโดยไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
สติกำลังดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา
ร่างกายรู้สึกอบอุ่นตอนซุกตัวเอาไว้ใต้ผืนผ้า เธอกำลังจะหลับ
แต่เสียงกุกกักที่ลูกบิดประตูดึงให้สติเด้งเข้าตัว ขมวดคิ้วยุ่งเหยิง
เดินเข้าใกล้เนื้อไม้เมื่อคนด้านนอกยังหมุนกลอนไม่เลิก ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำ ๆ ปนกับเสียงพึมพำจนทำให้เธอรู้สึกไม่แน่ใจ
สาวน้อยจ้องมอง...
ที่อีกฟากประตูกำลังมีใครคิดเข้ามาอยู่
เธอยืนกอดแขนหลวม ๆ ชั่งใจชั่วคราวก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเพราะดันได้ยินเสียงเคาะประตูดังตามมา
ไวโอเล็ตถอนหายใจเบา เอื้อมมือเปิดกลอน แล้วก้าวออกไปเผชิญโชคว่าใครหนอที่คิดจะบุกรุกเข้ามาหายามวิกาล
“..….” คิ้วสวยเลิกขึ้น คิดไว้ไม่มีผิดว่าอีกฝ่ายต้องเป็นโดฟลามิงโก้
เจ้าหญิงเปิดออกไปก็เห็นเขายืนกอดอกรออยู่ตรงกรอบประตู ซ้ำยังส่งยิ้มเยิ้ม ๆ
คล้ายคนสติไม่สมประกอบมาให้เสียอีก
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” ต้องรีบเอ่ยถามเมื่อมาเฟียหนุ่มยังไม่ยอมพูดอะไรนอกจากยืนมองหน้าเธอท่าเดิม
“วันนี้ฉันอารมณ์ดี”
“? ...เหรอคะ"
“เข้าไปนอนด้วยได้ไหม” มันไม่ใช่ประโยคคำถามแต่น่าจะเป็นประโยคคำสั่ง
ชายหนุ่มแอบเห็นคำปฏิเสธในดวงตาคู่งาม
เห็นเจ้าของห้องไม่ตอบแต่เลือกเงียบคล้ายกำลังใช้ความคิด
“…คุณเมารึเปล่าคะ? ให้เรียกสาวใช้ให้ไหม?”
“ไม่ได้เมา ...ไหนดูสิ” ไวโอเล็ตถอยหลังแทบไม่ทันตอนอีกคนโน้มหน้าเข้ามาใกล้แถว ๆ ต้นคอแล้วสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด
“หึ ๆ เจอแล้วต้นเหตุ” คนตัวสูงผละหน้าออกมาแล้วกลับไปยืนยิ้มท่าเดิม
“อะไรคะ?” สาวน้อยกระชับชุดนอนเอาไว้แน่น รู้สึกว่าเนื้อผ้ามันบางกว่าปกติยามโดนมองนาน ๆ ถึงมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังใช้สายตาแทะโลมเธอไม่ผิดแน่ ตอนนี้เลยอยากจะปิดประตูใส่หน้าเอาเสียดื้อ ๆ แต่อีกใจก็กลัวพ่อคุณจะพังเข้ามาจนต้องยืนกอดตัวเองไว้
ปล่อยให้เขาปลุกปล้ำทางสายตาต่อไป
“ตอนนั่งอยู่บนรถฉันได้กลิ่นแปลก ๆ คล้ายว่าเคยได้กลิ่นที่ไหน? ...เมื่อกี้ลองดมดูก็ชัดเลยว่าเป็นกลิ่นตัวเธอ หึ ๆ” ยิ้มชอบใจก่อนแกล้งยื่นหน้าเข้าไปทำจมูกฟุดฟิดแล้วเอ่ยแซว
“อาบน้ำบ้างนะ”
ไวโอเล็ตตาโตรีบยกปกเสื้อขึ้นมาดมพิสูจน์ความจริง
บอกตามตรงว่าชักเริ่มเสียความมั่นใจแล้วตอนโดนโดฟลามิงโก้บอกว่าเธอมีกลิ่นตัว
‘ไม่มีอะไรจะน่าอายมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ให้ตายเถอะ!’ คิ้วขมวดเป็นปม ทำไมพอลองดมตัวเองแล้วไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย
สาวน้อยเผลอเปิดช่องโหว่ ตกใจสุดขีดตอนอีกฝ่ายก้าวขาเข้ามาแล้วปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย ไม่ทันจะได้ตั้งตัว
ร่างทั้งร่างก็โดนดึงไปกอดแล้วซุกไซ้ดอมดมกลิ่นหอมคล้ายภมรบินตอมบุหงางาม
“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ” พยายามเรียกให้อีกฝ่ายคืนสติ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเขาเมา...
เพราะยิ่งเข้าใกล้เธอยิ่งได้กลิ่นเหล้าแรงมากจนเวียนหัว
ขยับตัวเบาบางให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม แต่ทั้งร่างกลับโดนอุ้มลอยขึ้นจากพื้นแล้วไปจบชะตากรรมอยู่บนเตียง
คนตัวหนักนอนทับร่างน้อยที่ดิ้นไปมาอยู่นาน
ก่อนรั้งตัวให้เธอนอนตะแคงข้างแล้วรีบกอดซ้อนหลังไว้ทันที ไวโอเล็ตทำท่าจะลุกหนีตลอดเวลาจนชายหนุ่มต้องพูดจาล่อลวงดึงความสนใจ
“แค่นอนเฉย ๆ น่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก... อยู่เฉย ๆ สิ
แล้วจะอนุญาตให้คุยกับพ่อได้” คำพูดได้ผล คนตัวหอมหยุดดิ้นทันทีก่อนนอนนิ่งไม่ไหวติงจนโดฟลามิงโก้คิดว่าเธอขาดใจตายไปแล้ว ชายหนุ่มดึงเอวเล็กเข้าหาตัวแล้วนอนกอดเอาไว้จนแนบชิด
ทั้งห้องเงียบลงจนได้ยินเสียงลมพัดที่ด้านนอก
เจ้าหญิงนอนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก สายตาลอกแลกไม่เหมือนคนกำลังจะนอน
ทั้งที่ในห้องอุณหภูมิเย็นยะเยือกแต่ตัวเธอกลับรู้สึกร้อนแปลก ๆ
อาจจะเพราะไออุ่นจากคนข้างหลังหรือเพราะหัวสมองกำลังระเบิด ...เธอก็ไม่แน่ใจ
ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าวงแขนแกร่งรัดเธอแน่นมากเกินไป...
“ไม่อาบน้ำเหรอคะ?” เอ่ยทำความเงียบ
แสนกังวลว่าสติตัวเองจะหลุดไปเสียก่อน
“หือ จะเข้าไปอาบให้เหรอ?” ไม่มีคำตอบ เพราะคนตัวเล็กกว่าไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรไม่ให้ตัวเองซวย
“หึ ๆๆ” เธอเริ่มนิ่วหน้า แสนไม่เข้าใจว่าพ่อคุณหัวเราะอะไรนักหนา
เป็นคนเมาแล้วชอบขำสินะ บ่นอุบอิบกับตนเองไปเรื่อยเปื่อยดึงให้บรรยากาศตกอยู่ในความนิ่งอีกครั้ง
ช่วงเวลาค่อย ๆ
ไหลไป...
เธอกำลังต้องมนต์... สัมผัสบางเบากับผลข้างเคียงของตัวยากำลังไล่ต้อนให้สาวน้อยสิ้นสติ
นิ้วยาวของชายหนุ่มไล้วนเป็นวงกลมแผ่วเบาอยู่แถวหน้าท้อง
บรรเลงเพลงชวนฝันส่งบทเพลงกล่อมนอนให้เปลือกตาใกล้บรรจบเข้าหากัน
กำลังเคลิบเคลิ้มเผลอทิ้งสติสู่ห้วงนิทรา กึ่งหลับกึ่งตื่นไม่รู้ว่ามือร้ายกาจกำลังคืบคลานไต่ระดับลงแตะผิวกายใต้ร่มผ้าอย่างชำนาญ จากบนสู่ล่างแล้วจากล่างสู่บน
คนฉวยโอกาส... กำลังกอบโกยผลผลิตที่ต้องอดทนนอนกล่อมให้สาวคิดมากตายใจอย่างนึกอารมณ์ดี
มองเห็นจังหวะลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอก็แสนมั่นใจว่าเธอล่องลอยเข้าความฝันไปแล้ว โดฟลามิงโก้ค่อย ๆ เปลี่ยนท่านอน สอดแขนซ้ายเข้าไปใต้หมอนแล้วเอื้อมมากอดไหล่บางไว้ ชะโงกหน้ามองใบหน้าอีกฝ่ายยามใช้มือขวาลูบไล้ลงไปด้านล่าง
ทุกการกระทำนั้นอ่อนละมุน... ชายหนุ่มต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากรีบร้อน
สโนว์ไวท์แสนงามต้องลืมตาจากมนต์สะกดเป็นแน่ เจ้าพ่อจ้องใบหน้ายามหลับ... แสนลุ้นระทึกว่าเจ้าหล่อนจะเปิดตาขึ้นมาหรือไม่ยามเกี่ยวขอบกางเกง แล้วสอดมือเข้าไปแตะต้องส่วนสำคัญอย่างนุ่มนวล
เขากำลังได้ใจ ภูมิใจเหลือหลายที่วันดีคืนดีดันคว้าหนังสือเกี่ยวกับยาขึ้นมาอ่าน
จำฝังหัวไว้ว่าตัวยาที่ไวโอเล็ตกินเพื่อรักษาโรคมีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน ยิ้มพราวเมื่อบัดนี้มันกำลังทำให้ตัวเองได้เริ่มแสวงหาความสุขจากเธอได้สักที
ไม่ต้องรอช้า แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม
เริ่มโอ้โลมแม่ดอกกุหลาบ
กรีดกรายเนื้ออูมอย่างลำพอง สัมผัสความอ่อนนุ่มที่ไม่ได้รู้สึกมานานอย่างลึกซึ้ง
ดันเข่ากั้นไว้ระหว่างเรียวขาเสลาเพราะหากปล่อยให้มันแนบชิดอยู่แบบนี้คงทำอะไรตามใจคิดไม่ได้
หัวเราะในลำคอเมื่อตอนนี้ทุกอย่างช่างลงตัว..
ใช้นิ้วบดคลึงอย่างสื่อความหมาย ทำซ้ำย้ำไปย้ำมาอยู่ช้านานจนสัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำ...
รีบแทรกนิ้วร้ายลึกเข้าสู่ใจกลาง
มองใบหน้าเธอด้วยแววตาหลงใหลยามความอุ่นร้อนกำลังละลายปลายนิ้วให้แทบสูญสิ้น
‘ยังคงให้ความรู้สึกดีเสมอ’ พร่ำบอกกับตัวเองก่อนเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายถลกเสื้อสาวน้อยออกให้พ้นทาง
กำลังจะเริ่มต้นเปิดศึกสวาทอยู่แล้วแท้ ๆ
แต่สายตาจำต้องหันกลับไปมองด้านบนเพราะจู่ ๆ มือเขาก็โดนตะครุบทันที
‘เวร! สโนวไวท์ตื่น!'
เจ้าหญิงตื่นแล้ว ถ้าไม่มีแว่นกันแดดไวโอเล็ตคงเห็นว่าดวงตาเขากำลังตกตะลึงไม่แพ้เธอ
ทุกการกระทำหยุดนิ่ง
เจ้าหญิงเผลอจิกนิ้วลงบนมือเขาแน่น และเพราะฝ่ามือโดฟลามิงโก้กำลังวางอยู่บริเวณหน้าอกถึงได้รู้ว่าหัวใจสาวน้อยกำลังเต้นระส่ำ
ซ้ำยังสีหน้าหวั่นวิตกที่เริ่มจะถอดสีคล้ายคลึงกับในวันนั้นบังคับให้เขาเกือบจะหลุดปากแก้ตัวโง่ ๆ
แต่ก็ไม่ทันได้ทำ... อยู่ดี ๆ ท่าทางของเธอก็กลับมานิ่งสงบ ดวงตากลมโตผ่อนแสงลง
ก่อนเจ้าหล่อนจะปล่อยมือที่บีบเขาแน่นให้กลายเป็นอิสระ
“ถ้าฉันบอกว่าไม่อยากคุยกับคุณพ่อแล้ว คุณจะหยุดรึเปล่าคะ?” เธอไม่หลบตา จ้องมองใบหน้าเขานิ่งยามเปล่งประโยคถาม
เพราะในความฝันเธอรู้สึกซาบซ่านรัญจวนใจพิลึก
คล้ายมีก้อนลมหมุนกระตุ้นอยู่บริเวณท้องน้อยจนต้องลืมตาตื่น
“เธอคงลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อรอง” สาวน้อยแสดงสีหน้าคล้ายเข้าใจ
ก่อนจะเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน คนเกือบเปลือยนอนนิ่งประหนึ่งบ่งบอกว่าเขาอยากจะทำอะไรก็สุดแต่ใจปรารถนา
เลือกหลับตาแล้วเอ่ยพูดบางสิ่งบางอย่าง
“...ถ้าจะทำรบกวนช่วยป้องกันได้ไหมคะ?”
“ห๊า!” โดฟลามิงโก้พลิกตัวขึ้นไปคร่อมร่างบางทันที คำอะไรช่างแสลงหู...
แถมตอนพูดอีกฝ่ายยังไม่สนใจจะมองหน้ากันอีก
สร่างเมาแล้ว
อยู่ดี ๆ ความมึนตึงก็หายไป
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังโมโห โมโหที่โดนหญิงสาวพูดจาตัดเยื่อใย โมโหที่ตัวเองดันพูดบ้าอะไรออกไปไม่ทันคิด
ตอนนี้อาการตอบสนองของไวโอเล็ตทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดีเอามาก ๆ
คล้ายโดนเธอเอามีดแทงลึกเข้าที่กลางอกแล้วกดย้ำอยู่แบบนั้น โดฟลามิงโก้รีบควบคุมอารมณ์ก่อนพูดอย่างใจเย็น
“อย่าพูดแบบนี้กับฉัน”
“แบบไหนคะ?”
“แบบที่เธอกำลังพูดอยู่นี่ไง!"
“ฉันแค่อยากให้คุณป้องกัน เพราะถ้าหากมันพลาดขึ้น...” ลมหายใจโดนช่วงชิง
ประโยคไม่อาจถูกร้อยเรียงต่อให้สมบูรณ์เพราะมันโดนประกบแน่นดูดกลืนทุกคำพูด
ปิดปากหวาน ๆ นั้นไว้เมื่อเจ้าหล่อนคิดจะใช้มันเชือดเฉือนความรู้สึก
คนใต้ร่างไม่ผละหนีหรือแม้แต่จูบตอบ มีเพียงเขาคนเดียวที่รุกล้ำกวาดต้อนเธออย่างเอาแต่ใจ
จำต้องละใบหน้าออกอย่างอ้อล้อให้สาวงามได้มีโอกาสสูดลมหายใจเพื่อต่อชีวิต
เริ่มกลับมายิ้มเมื่อมันเรียกให้คนตัวบางเริ่มขมวดคิ้วทำสีหน้าปั้นไม่ถูก
“เรื่องแบบนี้มันเสี่ยงนะคะ คุณต้อง...” อีกแล้ว คนตีมึนก้มลงมาอุดปากไม่ให้เธอพูดต่ออีกแล้ว คราวนี้ไวโอเล็ตเริ่มขัดใจแทนตอนอีกฝ่ายหัวเราะใส่ ใช้มือดันไหล่ให้เขาเลิกตะโบมจูบอย่างบ้าคลั่งเสียที หัวสมองเธอกำลังฟุ้งกระจาย ความรู้สึกวาบหวิวกำลังบังคับให้เธออ่อนแรง
‘ผู้ชายคนนี้จูบเก่งมาก’
โดฟลามิงโก้แกล้งดูดริมฝีปากย้ำ ๆ ก่อนปล่อยแม่ปากหวานให้เป็นอิสระ
คนดื้อดึงรีบพลิกหน้าหนี
ยกหลังมือขึ้นมาปิดบังไว้เพราะความร้อนมันกำลังทำให้ปากเธอบวมเจ่อจนน่าอาย
“พูดไม่ถูกใจก็ต้องโดนแบบนี้” หัวเราะชอบใจตอนโดนตวัดสายตาไม่พอใจใส่
นึกมันเขี้ยวจนต้องรีบก้มลงไปหมายจะทำอีกรอบ
“หึ ๆๆ เอามือบังทำไมล่ะ นึกว่าชอบให้โดนจู่โจมซะอีกเห็นพยศเก่งจัง...
ไหนขอจูบอีกสักนิดสิ” จู่ ๆ ก็กลายเป็นการกลั่นแกล้ง
ความรู้สึกพิศวาสก็หายไปเช่นกัน ชายหนุ่มเปิดฉากคลอเคลียต้นคออย่างอารมณ์ดี
แกล้งลงลิ้นเชยชิมผิวกายยามแม่ตัวดีย่นคอหนี สาวน้อยเริ่มหมดแรงเอามือปัดป้องเป็นพลันวัน
คนเปิดเกมต้องรีบหยุดตัวเองไว้ก่อนอารมณ์ชวนหวิวมันจะตีตื้นขึ้นมาอีก
ทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างท่าเดิม ไม่ลืมที่จะรั้งตัวอีกคนให้กลับมาแนบชิดเหมือนดั่งท่วงท่าแรกที่จับให้นอนด้วยกัน
คนในอ้อมแขนนิ่งไปอีกแล้ว หล่อนขยับตัวยุกยิกประหนึ่งต้องการทำอะไร
“แค่นอนเฉย ๆ น่า คราวนี้ไม่ทำอะไรจริง ๆ” ไม่พูดเปล่ารีบฝังจมูกลงเส้นผมอ่อนนุ่มแล้วกอดเธอเอาไว้ ...ใช่ ต้องรีบหยุดเอาไว้ก่อน ปล่อยให้ดิ้นมากกว่านี้เดี๋ยวอะไรมันจะตื่นขึ้นมาหมด
“เอ่อ คุณรัดแน่นเกินไปนะคะ ฉันนอนไม่หลับ”
“......”
“...โดฟลามิงโก้?”
“หืม? อืม ๆ” คนถูกเรียกคลายอ้อมแขนลงเล็กน้อยก่อนจะนิ่งงันปล่อยลมหายใจให้ผ่อนคลาย เวลาผ่านไปยาวนาน ตัวเขากำลังจะเคลิ้มหลับ
อีกคนทิ้งสติเข้าหาความฝันไปง่าย ๆ อีกรอบแล้ว
พึมพำในใจว่าจะเอายาไปปาหัวกบาลหมอมัน ข้อหาจัดมาให้แรงเกินไป
‘ตอนจะลักหลับมันก็ดีแหละ แต่อีกใจมันก็กลัวว่าเธอจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวง่ายดายไปเสียหน่อย’
หัวเราะเบา ๆ อีกครั้งตอนกลิ่นขจรกำลังดึงเข้าสู่นิทรา
เคลิบเคลิ้มมัวเมาในความหอมไม่ทันไร สายตาจำต้องเบิกโพลง ส่งเสียงจิ๊ดังลั่น ...เพราะตอนนี้เขาข่มใจนอนตามไวโอเล็ตไปไม่ได้แล้ว
รีบลุกออกจากเตียง
สบถในลำคอก่อนดึงเครื่องมือสื่อสารราคาแพงออกมา บีบมันเอาไว้แน่นเตรียมพร้อมด่ากราดคนปลายสายที่บังอาจโทรมาขัดช่วงเวลาแสนสุข
“ถ้าโทรมาด้วยเรื่องปัญญาอ่อนฉันจะเอาปืนไล่ยิงแก เทรโบล!”
“จะยิงก็ได้แต่นายต้องมาหาฉันด่วนเลยดอฟฟี่!
เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
─────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ ───────
ดอฟฟี่บอก .....Nani !?
ปล. ไรท์ลืมชี้แจ้งเรื่องการอัพนิยายไปเลยค่ะ
ปกติหากลงตอนล่าสุดไปแล้ว จะมีเว้นช่วงอัพตอนใหม่ไปสักประมาณ 3-5 วันนะคะ
ซึ่งยังไม่นับรวมเสาร์อาทิตย์ (วันหยุดหนูขอนอน 555)
และหากมีการเปลี่ยนกำหนดการเพิ่มเติมจะมาชี้แจ้งให้ทราบโดยทั่วกันค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามนะคะ รู้สึกอิ่มเอมหัวใจมาก
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น