คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : How should I know!? (ถึงเรื่องราวระหว่างนั้น) - 2
ตอนที่ 7:
How should I know!?
(ถึงเรื่องราวระหว่างนั้น)
2
โดฟลามิงโก้มองค้างอยู่ที่ประตูห้องเนิ่นนานตั้งแต่ไอ้หน้าละอ่อนออกไป ถือว่ามันคิดถูกแล้วที่รีบ ๆ ไสหัวไปเสียที เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะทนนั่งมองมันยืนส่งสายตาหวานเยิ้มไปอีกนานแค่ไหน
เห็นหน้ามันครั้งแรกก็รู้สึกตะหงิด ๆ แล้ว แต่มันมาชัดเจนก็ตอนบัฟฟาโลกับเบบี้ไฟว์เล่าให้ฟังว่ามีหมอคนหนึ่งชอบแอบมาหย่อนขนมจีบให้ไวโอเล็ตตลอดทั้งวัน พยายามคิดว่ามันเป็นเจ้าของไข้น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ขนาดแอบดอดเข้ามาหาช่วงเวลาดึกดื่นแบบนี้
ดูท่าโรงพยาบาลนี้เตียงห้องดับจิตจะไม่ว่างเพิ่มไปอีกหนึ่งเตียง
เสียงสวบสาบของเนื้อผ้าบังคับให้ต้องหันกลับไปมองที่เตียงทันที หล่อนยังคงไม่ตื่น ทั้ง ๆ ที่คุยกันชิดขอบเตียงขนาดนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่เผยอเปลือกตาขึ้นมา ...สงสัยยาที่กินไปคงจะแรงน่าดู
‘น่าหาเอามาติดบ้าน จะได้เอาไว้ยัดปากพวกขี้แซวให้หลับ ๆ ยันสว่าง’
นึกโล่งอกอยู่พอสมควร
เพราะตอนนี้บอกตามตรงว่าคนคารมดีอย่างเขายังไม่รู้จะเริ่มต้นพูดคุยอย่างไรหากโจทก์ตื่นขึ้นมาพบจำเลยอยู่ในห้อง ถึงได้ตัดสินใจแวะมาหาหลังเธอพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์ยาแล้วเท่านั้น ส่วนเวลาตื่นน่ะหรือ อย่าหวังว่าเขาจะมา
ถอนหายใจแล้วเหลือบมองนาฬิกาบนผนังก็พบว่าเป็นเวลาเกือบตีสามแล้ว ปกติชายหนุ่มมักจะนอนในช่วงเวลานี้ ดูท่าคงได้เวลาต้องกลับ ยันกายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าใกล้อีกลมหายใจที่นอนอยู่บนเตียง ไล้มือเกลี่ยพวงแก้มใส ปัดไรผมที่บดบังวงหน้างามอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าหากเธอตื่นขึ้นมาจะยังมีโอกาสได้สัมผัสอยู่อีกไหม
ยืนมองอยู่ช้านานก่อนต้องข่มใจเดินจากไป จำได้ว่าเหลาจีเคยบอกว่าหล่อนตื่นเช้ามาก คงต้องรีบจรลีหนีหายไปก่อนนกน้อยจะรู้สึกตัว
ไม่วายแวะทำธุระบางอย่างก่อนเตะปลุกคนขับรถให้พากลับบ้านทันที
วงล้อเคลื่อนตัว
รถสีดำแล่นไปอย่างเงียบเชียบบนท้องถนนที่แทบร้างไร้ผู้คน
ผ่านมาได้ครึ่งทางก่อนคนขับจะเอ่ยปากถามบางสิ่งกับเจ้านาย
“พรุ่งนี้นายน้อยจะมาหาคุณไวโอเล็ตอีกไหมครับ?”
“เสือก”
‘แค่ถามเฉย ๆ เอง’ สารถีหน้าหดลงเหลือสองนิ้วก่อนบ่นกระปอดกระแปดในใจ ที่ถามก็แค่อยากจะจัดสรรเวลาไปกลับให้ถูก แต่ตอบมาอีหรอบนี้คงต้องสงบปากสงบคำแล้วตั้งใจขับรถด้วยความเงียบต่อไป
………………………
ไวโอเล็ตนั่งมองแพทย์หนุ่มวัดไข้เธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล เธอสังเกตเห็นว่าตาคุณหมอดูช้ำ ๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากมายเพราะคาดว่าเจ้าตัวคงเข้าเวรจนโต้รุ่ง
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่จะไม่รอพี่ชายผมดำเหรอครับ? เห็นบอกว่าจะมารับ” เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่ ไม่วายเผลอพูดคุยทั้ง ๆ ในใจคิดว่าจะตัดใจแล้วแท้ ๆ
“พอดีมีธุระจะรีบไปจัดการน่ะค่ะ ว่าจะรีบไปแล้วรีบกลับมาให้ทันก่อนทั้งสามคนมา” เจ้าหญิงวางเท้าลงบนพื้นเมื่อพบว่าไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่บนเตียงอีกต่อไป หล่อนเอ่ยพูดไปด้วยจัดการเก็บสัมภาระไปด้วย แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคุณหมอที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ รออยู่ตรงประตู
“ถ้ายังไงก็โชคดีนะครับ ผมคงต้องไปแล้ว ไว้มีโอกาสค่อยเจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่ในโรงพยาบาลนะครับ”
“ค่ะ” สาวน้อยตอบยิ้ม ๆ นึกขันกับคำพูดที่ว่า
‘ไว้เจอกันอีกที่อื่น’ ในเมื่อเขาเป็นหมอแล้วจะให้ไปเจอกันที่ไหนถ้าไม่ใช่ในสถานรักษาพยาบาล ก่อนคนหายป่วยจะเอ่ยขอตัวแล้วเลือกเดินไปยังแผนกธุรการเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ตอนนี้เธอมีเงินติดตัวพอสมควร เพราะอยู่ดี ๆ ตอนสิ้นเดือนก็ได้รับบัตรเอทีเอ็มพร้อมเงินเดือนอย่างกับพนักงานบริษัท แถมจำนวนมันไม่ใช่น้อย ๆ เสียด้วย
เอ่ยปากถามชายสวมแว่นกันแดดสีดำก็ได้คำตอบว่า ‘ระดับผู้จัดการก็เงินเดือนเท่านี้อยู่แล้ว จะตกใจทำไม?’ เธอจึงเลือกที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืด เพราะให้พูดตามตรง เวลาไม่มีอะไรติดตัวเลยค่อนข้างจะลำบาก แต่ก็อดหวั่นใจกับตัวเลขยอดเงินไม่ได้ จึงหวังไว้ว่าจะรีบหาทางใช้คืนหลังจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว
“คนไข้ห้อง 304 นะคะ เอ~ ไม่มียอดค้างชำระแล้วนะคะ กลับบ้านได้เลยค่ะ” คนมาจ่ายเงินจำต้องขมวดคิ้วเพราะมั่นใจว่ายังไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลแน่นอน แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงแจ้งว่าไม่มียอดค้างชำระไปได้
“ไม่น่านะคะ มีคนจ่ายแล้วเหรอคะ?”
“ค่ะ ชำระไปเมื่อวาน”
“ใครคะ?”
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีคนชำระไม่ได้แจ้งชื่อไว้ค่ะ” พนักงานตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนหันไปสนใจเอกสารใบเสร็จต่อ ไวโอเล็ตหรี่ตามองอีกครั้งก่อนตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
หวังว่าสิ่งที่คิดไว้จะไม่ใช่เรื่องจริง
“เอ่อ ขอร้องนะคะ ช่วยบอกหน่อยเถอะ พอดีมีพลเมืองดีช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันไม่มีญาติเลยคิดว่าเขาต้องจ่ายค่ารักษาให้ก่อนแน่ ๆ ฉันแค่อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนามของเขาเท่านั้น หากมีโอกาสก็อยากจะตอบแทนให้ได้น่ะค่ะ ได้โปรดเถอะ” แปลกใจตัวเองเหลือหลายที่กล้าเล่นละครตบตาขนานใหญ่ ไม่คาดฝันว่าการต้องอยู่ตัวคนเดียวจะเปลี่ยนให้เธอกล้าทำอะไรมากขนาดนี้
“เขาไม่ได้แจ้งชื่อไว้จริง ๆ ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ดูลายเซ็นได้ไหมคะ? หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตน่าจะมีลายเซ็นอยู่ แค่ยื่นให้ดูก็ได้ค่ะ ขอร้องนะคะ ฉันอยากตอบแทนเขาจริง ๆ” บีบน้ำตาปลอม ๆ ครั้นพบว่าการตบตาเริ่มจะประสบผล พนักงานกะกลางวันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนใจอ่อนยวบเป็นฟองน้ำครั้นเห็นน้ำใส ๆ กลิ้งหล่นจากดวงตากลมโตคู่งาม คว้านหาสลิปบัตรเครดิตอยู่พักหนึ่งก่อนร้องดีใจแล้วยื่นใบดังกล่าวให้เธอดู
นักแสดงจำแลงมองลายเซ็นบนกระดาษเขม็ง แม้จะดูหวัด ๆ เหมือนไม่ใส่ใจเซ็นแต่ก็พออ่านชื่อออก กลับมายิ้มขอบคุณพี่พนักงานก่อนปลีกตัวออกจากเคาน์เตอร์ไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
ทำไมต้องมาจ่ายค่ารักษาให้เธอด้วย เธอไม่อยากติดหนี้อะไรเพิ่มเติมจนต้องมาตามชดใช้ไปตลอดชีวิตหรอกนะ เพราะแค่สัญญาบ้อบอที่ต้องชดใช้มันก็มากมายมหาศาลเกินพอแล้ว ตั้งปณิธานไว้อย่างแรงกล้าว่าระหว่างที่อยู่ที่บ้านหลังนั้น จะไม่ยอมให้ใครมาอ้างทวงบุญคุณทีหลังได้เป็นอันขาด
องค์หญิงเดินใบหน้าบึ้งตึงไปหยุดยืนอยู่แถวริมถนนเพื่อหาแท็กซี่ไปทำธุระตามที่ตั้งใจไว้
แต่อนิจจา โบกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรับเสียที สงสัยต้องยืนกำหนดลมหายใจสักพักแล้วเปลี่ยนไปทำสีหน้าให้นิ่งสงบดั่งเดิม
………………………
“คนไข้ห้อง 304 ไปไหน!!!” เสียงทรงอำนาจเรียกให้พนักงานต้อนรับแทบลืมหายใจ ครั้นโดนเจ้าพ่อส่งเสียงลอดไรฟันถามทันทีหลังเดินปึงปังออกมาจากตึกผู้ป่วย
โดฟลามิงโก้เดินกัดฟันหยุดหน้าเคาน์เตอร์หลังเดินเข้าห้องไปไม่เจอแม่ตัวดี
“คะ…คือ คนไข้พึ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ” พยาบาลหลบสายตาเป็นพัลวัน เหงื่อตกกันเป็นทิวแถวเพราะตามอารมณ์ชายหนุ่มไม่ทัน ทั้งที่ขามาพ่อคุณยังดูยิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่เลยแท้ ๆ แต่พอขากลับดันพกระเบิดมาด้วยเสียนี่
คนหัวเสียส่งสายตาฟาดฟันทุกคนโดยไม่รู้ตัว เขาพลาดเองที่ชะล่าใจ ทั้ง ๆ ที่กะจะมารับคนป่วยตัดหน้าสามคนนั้นสักเล็กน้อยแต่ไม่คิดว่าแม่เจ้าประคุณจะมาเหนือเมฆ รีบบินออกจากโรงพยาบาลไปเสียตั้งแต่ไก่โห่ ดีที่พยาบาลบอกว่าเจ้าหล่อนพึ่งออกไป ชายอารมณ์ร้อนจึงรีบก้าวยาว ๆ ออกจากโรงพยาบาลแล้วบอกลูกน้องให้ออกรถขับหาตัวเจ้าหล่อนทันที
เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ เขารึอุตส่าห์นอนทำใจอยู่ตั้งนานกว่าจะถ่อสังขารมาที่นี่ได้ แต่ครั้นเปิดประตูห้องแล้วไม่เจอคนที่หวัง ถึงได้ลงเอยด้วยการทิ้งระเบิดตูมใหญ่ไว้ที่โรงพยาบาล ...หงุดหงิดเหลือประดา
จริงอย่างที่เวอร์โก้บอกว่าเจ้าหล่อนชอบไปไหนมาไหนคนเดียว... คอยดูเถอะ ไว้เจอตัวเมื่อไหร่ล่ะน่าดู
“นายน้อย เจอแล้วครับ!” ขับรถออกมาสักพักก็ได้ยินลูกน้องตะโกนบอก สายตาหลังแว่นกันแดดหันมองตามทันที ก่อนใบหน้าจะหยุดอยู่ที่ร่างผู้หญิงคนหนึ่งที่เด่นสะดุดตา
เจ้าของร่างเดินเชื่องช้าหันมองถนนบ้างเป็นบางครั้งคล้ายกำลังมองหารถโดยสารอยู่ สีหน้าเจ้าหล่อนนั้นดูไม่รับรู้เรื่องราวรอบตัว ไม่ได้สนใจท่าทางหรือแววตาของพวกผู้ชายกลัดมันตามท้องถนนที่มองตามเลยสักนิด
‘นี่คิดว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์รึไงเนี่ย!?’ คิดเผ็ดร้อนก่อนสั่งให้ลูกน้องขับเข้าไปชิดตรงขอบถนนอย่างรวดเร็ว
เสียงเบรกล้อกะทันหันเรียกไวโอเล็ตให้หันไปมอง สาวน้อยตกใจครั้นเห็นรถหรูเจ้าของเสียงจอดเทียบแทบจะประชิดตัวเธออยู่แล้ว ขมวดคิ้วเป็นปมสวยยามรู้สึกว่าคนขับรถช่างไร้มารยาท มีคนเดินอยู่บนทางเท้าแท้ ๆ ยังจะมาเบียดเบียนกันอีก ไม่ทันได้คิดคำบ่นในใจร่างทั้งร่างจำเป็นต้องแข็งทื่อครั้นเห็นใครบางคนก้าวลงมาจากรถ
เด็กน้อยหลุบสายตาลงต่ำ คิดไม่ออกว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ได้ยินเสียงก้าวเดินเข้ามาใกล้ยิ่งส่งผลให้ร่างกายเธอออกอาการสั่นเทา ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป เธอยังไม่พร้อมจะรับมือ
“...ขึ้นรถ” ตอนแรกโดฟลามิงโก้ก็คิดว่าตัวเองหงุดหงิด แต่มันก็กระเด็นหายไปตอนเห็นคนตรงหน้าเก็บอาการสั่นไว้ไม่อยู่ เจ้าตัวก้มหน้าไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาทักทายกัน ความแข็งกระด้างอ่อนยวบลงทันทีเมื่อพบว่าอีกฝ่ายกำลังกลัวเขามากมายขนาดไหน
“ไม่ได้ยินรึไง? บอกให้ขึ้นรถ หรืออยากให้อุ้มไป?”
สาวน้อยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนรีบก้าวขึ้นรถด้วยความหวาดระแวงเพราะอีกฝ่ายเอื้อมมือมาคล้ายจะบังคับเธอให้ทำตาม ไวโอเล็ตจำต้องนั่งชิดประตูอีกด้านเพราะคนตัวโตกว่าก้าวขึ้นมานั่งปิดทางเข้าโดยไว ก่อนเจ้าของรถจะสั่งให้คนขับพายานพาหนะสีดำเคลื่อนตัวออกไปทันที
โดฟลามิงโก้หันมองคนข้าง ๆ ตลอดตั้งแต่รถออกตัว แกล้งนั่งกินพื้นที่เบียดอีกคนจนชิด เมื่อเห็นว่าผู้ร่วมเดินทางเขยิบไปนั่งตัวติดประตูจนแทบจะหลอมละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จำต้องเอ่ยทำลายความเงียบ ครั้นเห็นมันส่งผลให้เจ้าหญิงยังคงสั่นไม่หยุดจนต้องระบายออกมาด้วยการกำชายกระโปรงเอาไว้แน่น
“...นี่ ของเธอ” เธอสะดุ้งอีกแล้ว คนกลัวหันมองซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถูกยื่นมาให้ก่อนรับมันมาไว้ในมือ เปิดดูก็พบว่าข้างในคือพวกโทรศัพท์มือถือ บัตรประชาชน หรือบัตรเอทีเอ็มต่าง ๆ คนมากเล่ห์เห็นอีกฝ่ายมองหน้าเขาในรอบหลายวันคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่มันก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
สุดท้ายเจ้าหล่อนก็เลือกเงียบแทน
“เวอร์โก้บอกว่าจะมารับไม่ใช่เหรอ? ทำไมออกมาก่อน?”
“…พอดีมีธุระต้องไปทำค่ะ” ในรถนั่นเงียบไปนานมาก
กว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา
“ธุระอะไร?”
“...ธุระส่วนตัว”
“ธุระส่วนตัวคืออะไร?” ไวโอเล็ตพยายามควบคุมจังหวะลมหายใจ ไม่เผลอใช้อารมณ์ตอบโต้ด้วยกลัวว่าเรื่องจะลงเอยด้วยรูปแบบเดิม ๆ ไม่เข้าใจว่าคำว่า ‘ธุระส่วนตัว’ มันเข้าใจยากตรงไหน
ธุระส่วนตัว พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือไม่อยากให้ถาม แต่พ่อคุณยังจะตะบี้ตะบันถามอยู่อีก
“ทำไมไม่ตอบ?”
“...ไม่ต้องทำแล้วล่ะค่ะ ก็คุณคืนของใช้จำเป็นมาให้หมดแล้ว” เธอหมายความตามที่พูด ที่รีบออกมาก่อนก็เพื่อมาจัดการบรรดาของใช้จำเป็นที่ต้องเอาไว้ดำเนินชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่พออีกฝ่ายส่งคืนให้แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปติดต่อขอแจ้งทำอะไรใหม่อีก รู้สึกโล่งใจไปเป๊าะหนึ่งก่อนเลือกเปิดโทรศัพท์มือถือครั้นพบว่ามันถูกปิดเครื่องไว้
เสียงข้อความกับสายที่ไม่ได้รับเด้งเข้ามารัว ๆ จนสาวน้อยกดปิดเสียงแทบไม่ทัน หันมองคนข้างตัวทันทีก็พบว่าอีกคนนั่งมองอยู่ก่อนแล้ว
เด็กสาวชั่งใจก่อนตัดสินใจพูดอะไรบางอย่าง
“โทรศัพท์ฉันไม่ได้ล็อก”
“...แล้วไง?”
“…...” เก็บความไม่พอใจเอาไว้ในใจก่อนกดตั้งรหัสผ่านใหม่ แม้จะรู้อยู่ว่าเต็มอกว่ามาตั้งใหม่เอาป่านนี้ก็คงซ่อนความลับอะไรไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาปลดล็อกไปได้ยังไง? แล้วจะปลดล็อกไปเพื่ออะไร? แต่วิธีการมันคงไม่สำคัญ
พยายามไม่สนใจเมื่อหางตาเห็นคนร้ายเปลี่ยนมานั่งหันข้างจ้องเธออย่างจริงจัง เจ้าตัวกำลังแสยะยิ้มท่าทางเหมือนนึกสนุกอะไรอยู่ในที เธอเกลียดพฤติกรรมแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว
จึงเลือกเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่แทน
“ค่ารักษาพยาบาล... เดี๋ยวฉันจะรีบคืนให้คุณนะคะ ไม่อยากรบกวน” พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเครือตามร่างกายยามที่ต้องเอ่ยคุยกับเขา
“…...” คนสวมแว่นหน้าตึงเมื่ออีกฝ่ายโพล่งถึงเรื่องนั้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ขมวดคิ้วทันทีตอนหาคำตอบไม่ได้ว่าเธอรู้ได้ยังไง? อุตส่าห์ปิดบังไม่ออกนามตอนจ่ายเงินแล้วแท้ ๆ นี่เขาพลาดอะไรไป?
‘เด็กคนนั้นฉลาดมากนะ’ จู่ ๆ แว่วเสียงของเวอร์โก้ก็ผุดขึ้นมาย้ำเตือนความคิด ก่อนสมองจะนึกย้อนถึงสลิปบัตรเครดิตที่จำต้องเซ็นแล้วยื่นให้พนักงาน
“เห็นจากสลิปรึ?” ไม่มีคำตอบรับ
สาวน้อยเพียงแค่หันหน้ามองเพียงนิดแล้วเสมองออกนอกหน้าต่าง ก่อนนึกเอะใจว่ามันไม่ใช่ทางกลับบ้าน
กำลังอ้าปากเพื่อถามไถ่แต่ชายหนุ่มชิงพูดเสียก่อน “10 โมงกว่าแล้ว
จะไม่ให้ฉันไปทำงานทำการเลยรึไง?”
“งั้นขอลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ
เดี๋ยวหาทางกลับเอง” ยกมือขึ้นขวางทันควันตอนอีกฝ่ายขยับพรวดพราดเข้ามาใกล้
สายตาเริ่มหาทางหนีแต่ก็พบว่าเธอโดนขังอยู่ในวงแขน ที่ข้างหน้าคือเขาและข้างหลังคือทางตัน
พยายามจะปลดล็อกประตูแต่ก็โดนมือหนาหยุดไว้ไม่ให้เธอคิดสั้นกระโดดออกไป
“อุตส่าห์มารับทั้งที
ไปส่งที่ทำงานหน่อยไม่ได้รึไง?” สาวน้อยเลี่ยงไม่สบตา
ไม่เข้าใจการกระทำของเขาในตอนนี้เสียเท่าไหร่ เธออยากกระโจนออกไปนอกรถจริง ๆ
เมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ไม่ต้องรอให้เสียเวลา
คนผมทองก็ฝังริมฝีปากลงซอกคอหอม ๆ ทันที
ลิ้มรสกลิ่นอายชวนหลงใหลที่ยั่วยวนทุกครั้งยามอยู่ใกล้
“อะไร? ไม่เจอกันตั้งนาน
คิดถึงฉันบ้างไหม?” พูดเสียงอู้อี้อยู่แถวซอกคอเพราะตอนนี้ปากกำลังไม่ว่าง
ที่จริงเขาก็แอบมาเจอเธอทุกคืน แต่โดฟลามิงโก้โกหก
แกล้งพูดเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจก็เท่านั้น
‘ถ้าเป็นไปได้
ก็ไม่อยากเจออีกตลอดชีวิต’ ไวโอเล็ตบอกเขาในความคิด
ตอนนี้หัวกำลังระเบิด กำลังบังคับตัวเองอย่างสุดความสามารถไม่ให้เผลอร้องไห้
ยกมือดันแผงอกอย่างสิ้นหนทาง เพราะตนเองกำลังหวั่นวิตกว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอีกจนคิดได้เพียงเท่านี้
คนจู่โจมฝังจุมพิตอยู่เนิ่นนาน
รู้แล้วว่าอีกคนนั้นตื่นกลัว มือเท้าเจ้าหล่อนสั่นเทาจนน่าสงสาร
ได้ยินเสียงหอบหายใจคล้ายเจ้าตัวกำลังอึดอัดทรมาน
...ห้าวินาที ...สิบวินาที
ซบใบหน้าอยู่ตรงนั้นช้านานคล้ายแสนคิดถึง
ก่อนฝืนใจผละตัวออกอย่างเชื่องช้าแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
ชายหนุ่มเว้นระยะห่างมากกว่าเก่ายามสบตาเจ้าหญิงแล้วพบเจอแต่ความหวาดหวั่น
เจ้าของใบหน้าเบนหน้าหนีแล้วขยุ้มเส้นผมตรงต้นคอคล้ายบริเวณนั้นมีแผลแสบร้อน
ก่อนฝังตัวชิดขอบประตูรถประหนึ่งต้องการหายไปจากสายตา
ปฏิกิริยาดังกล่าวส่งผลให้เขาอยากจะพูดอะไรแต่จู่ ๆ ก็ดันนึกไม่ออก ถอนลมหายใจก่อนหันมองนอกรถเมื่อภาพคนตื่นกลัวไม่ได้น่าชมมากนัก
นั่งดูภาพสิ่งเคลื่อนไหวข้างนอกด้วยความรู้สึกสั่นไหวพอ ๆ
กับอาการสั่นเทาของคนด้านข้าง
คิดไม่ออกว่าต่อจากนี้ควรจะทำตัวอย่างไร?
จะร้ายต่อ... หรือจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ดี?
แล้วเขา... จะรู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!?
─────── Talk
with write ( ̄▽ ̄)ノ ───────
ไม่รู้เหมือนกันโดฟลามิงโก้
นายไปคุยกับตัวเองก่อนก็ได้นะ เราอนุญาต
แต่อย่ามาทำบ้าบอกับองค์หญิง
เดี๋ยวตีตายเลย
ความคิดเห็น