ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sf/os serendipity | nct lumark

    ลำดับตอนที่ #49 : (SF) Freak Out

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      80
      3 เม.ย. 63

    short fiction

    Title: Freak Out

    Pairing: lucas x mark

    Rate: NC18

    Total words: 6,371 words

     

     

     

     

     

     

    “เป็นไงบ้างวะมาร์ค”

     

    เสียงเลื่อนเก้าอี้ครูดไปกับพื้นลามิเนตสีเทาทำให้มาร์คเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ของตนก่อนจะส่งยิ้มให้กับเพื่อนคนแรกที่โรงเรียนแห่งนี้ หลิวหยางหยางยังคงส่งรอยยิ้มสดใสติดกวน ๆ ให้กับมาร์คเหมือนวันแรกที่เปิดเทอมไม่มีผิด

     

    “หมายถึงอะไร”

     

    “อันนี้คือไม่เข้าใจคำถามจริงหรือแค่กวนประสาทเฉย ๆ ?”

     

    “ก็ถามกว้างเหมือนแม่น้ำอะเมซอนขนาดนี้จะไปตอบได้ไงวะ”

     

    “อะ..กูว่าแล้ว กวนประสาทกูนี่เอง” หยางหยางแสร้งทำเป็นไม่พอใจก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อคู่สนทนาของตนยักคิ้วใส่อย่างไม่เกรงกลัวเจ้าถิ่นแบบเขา “ก็หมายถึงการใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนประเทศจีนอะไรแบบนี้”

     

    “ก็ไม่เลวเท่าไหร่ อยู่ยาว ๆ ก็ยังได้” มาร์คยักไหล่ก่อนจะยกมือขึ้นไฮไฟว์กับหยางหยางที่ผิวปากให้กับคำตอบที่แสนจะมั่นอกมั่นใจของเพื่อนเกาหลีคนนี้เสียจริง

     

    มาร์คอีเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้มาแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนในระยะเวลา1 ปี ซึ่งก็ตามที่เขาพูดกับเพื่อนตัวแสบเลยว่าการมาอยู่ประเทศจีนของเขาแทบจะไม่ลำบากเลยสักน้อย เพราะว่าเขามีสกิลภาษาจีนในระดับที่พอจะสามารถสื่อสารกับคนทั่วไปโดยไม่เป็นปัญหา เลยทำให้เขาไม่ต้องปรับตัวมากเท่าไหร่ อีกทั้งโฮสต์แฟมิลี่ของมาร์คนั้นยังพูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

     

    แค่นั้นมาร์คก็ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับเขาแล้ว

     

    “แล้วยังไงครับยังไง เมื่อไหร่ทางจะสะดวกสักที”

     

    อ่า…แต่ติดปัญหาตรงนี้นี่แหละ

    ปัญหาคือเขาไม่อยากดีแตกใส่โฮสต์แฟมในระยะเวลาไม่ถึงเดือนนี่แหละ

     

    ด้วยความที่มาร์คเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนและเขาจำเป็นต้องมีโฮสต์ไว้คอยดูแลเขาตลอดระยะเวลาที่มาเรียนที่จีนนั้นทำให้มาร์คค่อนข้างเกรงใจโฮสต์มัมโฮสต์แด๊ดมาก ๆ และถ้าเป็นไปได้มาร์คก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนที่ดูแลเขาต้องกังวลใจ มาร์คเลยพยายามที่จะเป็นเด็กดีให้กับคนทั้งคู่

     

    ซึ่งพูดกันตามตรงเลยว่าค่อนข้างสวนทางกับชีวิตสุดโต่งที่ของมาร์คเกาหลีมาก ๆ!

     

    “ถ้ามันพูดง่ายเหมือนขอไปเดินห้าง กูก็ขอไปแล้วหรือเปล่าวะ”

     

    มาร์คบ่นอุบเมื่อหยางหยางยังคงคะยั้นคะยอตนไม่หยุด ซึ่งเขาก็เข้าใจนะว่าเพื่อนอยากชวนไปเปิดหูเปิดตา และของแบบนั้นมันก็เข้าทางเขาเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นมาร์คก็คงทำไปตั้งแต่สามวันแรกที่เหยียบเท้าอยู่ที่ประเทศแผ่นดินใหญ่นี้ไปแล้ว

     

     

    “เอางี้ งั้นมึงก็บอกโฮสต์มึงไปว่าจะมานอนบ้านกูเพราะมึงมีรายงานต้องทำ แค่นี้ก็จบแล้ว”หยางหยางคิดให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพ

     

    “เออมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่าวะ”

     

    “ดีลไม่ดีล?”

     

    “จะเหลือหรอ”

     

    มาร์คหลุดหัวเราะออกมาเมื่อหยางหยางผิวปากอย่างชอบอกชอบใจเมื่อในที่สุดเขาก็ตกลงไปท่องราตรีกับตน ทั้งคู่ชนหมัดกันเบา ๆ เพื่อทำสัญญากันก่อนที่เพื่อนตัวแสบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนแต่ก็ยังไม่วายทำท่ายกแก้วให้ มาร์คส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะส่งข้อความไปหาโฮสต์แฟมิลี่ของตนว่าจะไม่กลับบ้านในวันนี้ ซึ่งมันง่ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากเพราะโฮสต์ของเขาอนุญาตทันทีที่เขาส่งไปโดยไม่ถามอะไรต่อเลยสักนิด

     

    มาร์คเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ก็เหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งที่นั่งขีด ๆ เขียน ๆ อะไรสักอย่างลงบนสมุดทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เป็นคาบว่างของห้องแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าลูคัสน่ะเด็กเรียนขนาดไหน

     

    ด้วยความใฝ่รู้แต่เพราะส่วนสูงที่เกินมาตรฐานผู้ชายทั่วไปมาค่อนข้างมากทำให้เพื่อนตัวสูงคนนั้นจำเป็นต้องนั่งติดริมหน้าต่างค่อนไปทางข้างหน้าแทน ทำให้เป็นภาพแปลกตาสำหรับคนห้องอื่นที่เห็นผู้ชายตัวใหญ่นั่งอยู่หน้าห้องและตั้งใจจดเนื้อหาที่เรียนอย่างขะมักเขม้นอยู่เสมอ ไหนจะแว่นตากรอบใหญ่บดบังที่บดบังหน้าตาของอีกฝ่ายและทรงผมที่แสนจะเนี๊ยบนั่นอีกทำให้คนในห้องต่างเรียกเพื่อนคนนั้นว่า ‘ไอ้เนิร์ด’

     

    ซึ่งมาร์คก็เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ ในห้องว่าลูคัสน่ะโคตรเนิร์ดเลย

     

    ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือว่ามาร์คเผลอมองอีกฝ่ายนานเกินไป เพื่อนตัวสูงที่ตัวเองกำลังนินทาอยู่ในใจคนเดียวถึงละสายตาออกมาจากสมุดพร้อมกันหันมาทางเขาและส่งยิ้มให้บาง ๆ เป็นการทักทายจนมาร์คสะดุ้งเบา ๆ และส่งยิ้มโง่ ๆ กลับไปให้อีกคน และทั้งคู่ก็จบการทักทายแต่เพียงเท่านั้น

     

    นั่นแหละความสัมพันธ์ระหว่างมาร์คและเพื่อนร่วมห้องอย่างลูคัส

     

    .

    .

    .

     

    เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ดังขึ้นแทรกเสียงเพลง RB ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในช่วงนี้ หยางหยางผลักประตูเข้าไปยังร้านขนมหวานที่คราคร่ำไปด้วยนักเรียนนักศึกษาที่กำลังจับกลุ่มติวหนังสือกันอยู่ มาร์คถึงกับขมวดคิ้วออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงรั้งชายเสื้อของเพื่อนคนจีนให้หันมาคุยกับตน

     

    “มาผิดร้านปะวะ”

     

    “ก็ไม่นะ”

     

    “อ้าว แล้วไหนบอกว่า-”

     

    “ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมากินอะไรแบบนี้” หยางหยางฉีกยิ้มกว้าง “ของจริงน่ะ..อยู่นู่น”

     

    หยางหยางเพยิดหน้าไปทางประตูสีดำสนิทที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์ติดอยู่กับเสาขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าไม่สังเกตเห็นก็จะไม่รู้ว่าตรงนั้นเป็นประตูและหลังบานประตูนั่นมีอะไรที่สนุก ๆ รออยู่ มาร์คมองไปตามที่หยางหยางบอกก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชอบใจเมื่อเพื่อนตัวดีนั้นเทสต์ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะพอสมควร

     

    “บาร์ลับ?”

     

    “อ่าหะ กูบอกเลยว่า tomorrow land สร้างโลกเอาไว้สองใบ..โลกของหวานกับโลกของเรา :-)”

     

    “เทสต์ดีนี่หว่า” มาร์คเดาะลิ้นออกมาอย่างถูกใจในคำพูดที่แสนจะฮาร์ดเซลล์ของเพื่อนจีนคนนี้

     

    “แน่นอน พร้อมหรือยังเหอะมึง?”

     

    “ตั้งแต่โฮสต์อนุญาตกูแล้วว่ะ”

     

    ว่าแล้วหยางหยางก็พามาร์คมุ่งหน้าไปยังบานประตูสีดำที่กำลังรอคอยให้เขาเข้าไปสนุกอยู่ ในระหว่างที่มาร์คกำลังเดินไปยังทางเข้าของบาร์ลับนั้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายตัวสูงกำลังนั่งเปิด texts book สลับไปมาอย่างจริงจังและคนคนนั้นคือลูคัสเพื่อนร่วมห้องของเขาเอง แต่ก็ใช่ว่ามาร์คจะสนใจเพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่าเด็กเนิร์ดนั่นคือtomorrow land ที่กำลังรอเขาอยู่ต่างหาก

     

    เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังขึ้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนเกือบทั้งบาร์ ทำให้บรรยากาศที่คึกคักอยู่แล้วยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก ที่ใครเขาบอกว่ายิ่งดึกเท่าไหร่ยิ่งสนุกก็คงจะจริง เพราะตอนนี้มาร์คที่มากับหยางหยางกันเพียงแค่สองคนในตอนแรกกลับเดินชนแก้วกับคนนู้นคนนี้ไปทั่วร้านราวกับรู้จักกับนักท่องราตรีเหล่านี้กันอย่างดิบดี

     

    หัวกลม ๆ โยกไปตามเสียงบีทหนัก ๆ ของเพลงฮิพฮอพรีมิกซ์ชื่อดังที่เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของตัวเอง ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียงเมื่อถึงท่อนฮุคของเพลง ไม่รู้ว่าบรรยากาศมันพาไปหรือเพราะว่าไม่ได้เที่ยวสักพักแต่มาร์ครู้สึกว่าตอนนี้เหมือนได้ตัวเองคนเดิมคนที่อยู่เกาหลีกลับมา ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกว่ามันโคตรจะสุดยอดไปเลย

     

    มาร์คนั่งดื่มอยู่สักพักก่อนจะกวาดสายตาหาหยางหยางที่มาด้วยกันในตอนแรกไปมา ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ไหวแล้ว แต่ก็เห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังสนุกอยู่ก็เลยไม่อยากไปขัดมู้ดเพื่อนเท่าไหร่จึงเลยนั่งรออยู่ตรงโต๊ะของตนเพื่อรอให้เพื่อนกลับมาแล้วค่อยพากันกลับ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่หยางหยางจะเดินกลับมาที่โต๊ะเลยสักนิด อีกทั้งยังมีคนแวะเวียนมาชนแก้วกับมาร์คอยู่เนือง ๆ ทำให้คนตัวขาวเริ่มความรู้สึกช้าและสติที่มีอยู่เริ่มถดถอยลงไป

     

    มาร์คสะบัดหน้าไปมา ๆ เพื่อไล่อาการมึนงงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากโต๊ะเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก เพราะถ้าขืนนั่งอยู่แบบนี้มีหวังต้องชนแก้วกับคนนู้นคนนี้ไม่หยุดจนต้องน็อคไปแน่ ๆ อย่างน้อยการไปล้างหน้าก็ช่วยทำให้เขาสร่างเมาขึ้นบ้างแหละ

     

    เด็กหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี-แคนาดาเดินฝ่าผู้คนมากมายที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ออกมาด้านนอกบาร์ ก่อนจะเดินเอียงซ้ายทีขวาทีไปยังห้องน้ำ มาร์คพยายามประคองสติตัวเองให้เดินให้ตรงมากที่สุดแต่ด้วยความที่ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์มานานบวกกับจำนวนที่กินไปไม่น้อยทำให้มาร์คแทบหมดแรงในการเดินไปเข้าห้องน้ำ

     

    และมาร์คกำลังเดินไปห้องน้ำไม่ไหวจริง ๆ นั่นแหละ

     

    เขาทรุดลงนั่งพิงกำแพงอยู่ตรงระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ ทั้ง ๆ ที่มาร์คเห็นป้ายห้องน้ำแล้วแท้ ๆ แต่เขารู้สึกว่าระยะทางมันช่างไกลซะเหลือเกิน ไกลจนเขารู้สึกว่าต้องนั่งพักและงีบสักหน่อย จังหวะที่เขากำลังจะเคลิ้มหลับนั้น มาร์คได้กลิ่นกายเย็น ๆ จากใครสักคนนึงที่อยู่ใกล้ตัวเองมาก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเมื่อใครคนนั้นสะกิดเข้าที่ตัวเขา

     

    “เฮ้… เฮ้”

     

    “…”

     

    “ตื่นก่อนเถอะ นายจะหลับตรงนี้ไม่ได้นะ”

     

    “นอนก่อนได้ไหม”มาร์คแย้งออกมาด้วยน้ำเสียงมึนงง

     

    “ไม่ได้ ๆ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อนมาร์ค” สิ้นสุดคำพูดของคนคนนั้น มาร์คก็ต้องฝืนลืมตาขึ้นมามองหน้าคู่สนทนา ก่อนจะร้องครางอ๋อออกมาในลำคอเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

     

    ลูคัส หว่องนี่เอง

     

    “ลูคัส?” มาร์คเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้น เพื่อย้ำว่าตัวเองไม่ได้คุยกับคนแปลกหน้าหรือคุยผิดคน

     

    “อืม ผมเอง”

     

    “โอเค นึกว่ามองผิด ตอนนี้เบลอ ๆ ตื้อ ๆ ไปหมดเลย”

     

    “ไหวหรือเปล่า ทำไมเมาแบบนี้ล่ะ” เพื่อนตัวสูงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

     

    “อือ… ไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” มาร์คตอบไปตามความจริง“นายพาเราไปเข้าห้องน้ำได้ไหม”

     

    “ได้สิ มา ลุกหน่อยมาร์ค เดี๋ยวผมพานายไปเข้าห้องน้ำเอง”

     

    ลูคัสเอื้อมแขนไปดึงรั้งให้อีกฝ่ายลุกขึ้น ก่อนจะพามาร์คไปเข้าห้องน้ำอย่างทุลักทุเลเนื่องจากอีกฝ่ายทรงตัวไม่ค่อยอยู่และทำตัวอ่อนจะเอนมาพิงอกเขาอยู่เรื่อยเลย จนในที่สุดลูคัสก็พาเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนมาถึงห้องน้ำจนได้

     

    เขาให้คนตัวเล็กกว่าล้างหน้าล้างตาเพื่อคลายความง่วงงุนรวมไปถึงเพื่อช่วยให้สร่างเมา ลูคัสยืนมองมาร์คผ่านกระจกเงาแทนที่จะมองไปที่อีกฝ่ายตรง ๆ เพื่อดูเพื่อนลูกครึ่งคนนี้จัดการกับสภาพของตัวเองที่ดูไม่จืดเท่าไหร่

     

    หัวที่กระเซิงเพราะขยี้ไปไปมาเพื่อทำให้สร่างเมา ไหนจะกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งไปทั่วเสื้อผ้านั่น…

    เพื่อนแลกเปลี่ยนคนนี้ของเขาขี้เมาชะมัด…

     

    “โอเคขึ้นบ้างหรือยัง” ลูคัสเอ่ยถามมาร์คที่เงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างหน้า

     

    “ก็..มั้ง”

     

    ลูคัสไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ต่างคนต่างตกอยู่ในความเงียบ คนพื้นที่อย่างลูคัสกำลังคิดไม่ตกเกี่ยวกับเพื่อนตัวเล็กคนนี้ ส่วนมาร์คก็เงียบเช่นเดียวกับลูคัส เพียงแต่ว่าคนตัวเล็กคิดอะไรไม่ออกเนื่องจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปทำให้สมองเขาสั่งการช้ากว่าเก่า แต่สิ่งเดียวที่มาร์คคิดออกในตอนนี้คือ

     

    “ง่วง”

     

    “หือ”

     

    “อยากนอนอะ”

     

    “แล้วจะเอายังไงต่อ กลับเลยไหม? นายมากับใคร?”

     

    ลูคัสถามมาร์คที่หันมาคุยกับตน สะโพกของคนตัวเล็กพิงเข้ากับอ่างล้างหน้า ดวงตากลมโตที่ลูคัสเคยสบตากันอย่างโดยบังเอิญกลับปรือปรอยเพราะความง่วง เพื่อนแลกเปลี่ยนนิ่งไปเกือบค่อนนาทีก่อนจะเริ่มตอบอีกฝ่ายอีกครั้ง

     

    “มากับหยางหยาง แต่มันกำลังสนุกอยู่เลยไม่อยากขัดมัน แต่ก็อยากกลับเลย”

     

    “อ่าหะ” ลูคัสพยักหน้ารับและทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งมาร์คเอง ดึกแล้วนายคงไม่ชินทาง อีกอย่างนายยัง…เมาอยู่ด้วย”

     

    “ได้ใช่ไหม?”

     

    “ได้ดิ งั้นเดี๋ยวไปเก็บของกันก่อนแล้วค่อยกลับกัน นายมีของอะไรที่ต้องกลับไปเอาที่บาร์หรือเปล่า” คนตัวสูงเอ่ยถามอีกฝ่ายก่อนจะได้รับท่าทางเป็นการส่ายหน้ากลับมาแทน “โอเคงั้นผมไปเก็บของที่โต๊ะก่อน”

     

    ว่าแล้วลูคัสก็จับข้อมือมาร์คเอาไว้หลวม ๆ แล้วออกแรงดึงน้อย ๆ เพื่อให้คนที่สติเริ่มจะหดหายเดินตามตัวเองมา ทั้งคู่เดินกันมาอย่างเงียบ ๆ จนเข้าเขตคาเฟ่ของหวาน บรรยากาศเงียบ ๆ จึงจางหายไปและมีเสียงเพลง RB ดังขึ้นมาแทน

     

    “หายไปนานจัง” เสียงใส ๆ ของใครสักคนนึงดังขึ้นเมื่อลูคัสเดินไปถึงโต๊ะ“อ้าว นั่นใครหรอลูคัส”

     

    มาร์คหันไปมองตามเสียงเล็ก ๆ เมื่อตัวเองถูกพูดถึงในบทสนทนานี้ ก็พบว่าหญิงสาวคนนึงกำลังมองมาที่เขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้หรือถามอะไรต่อ มาร์คมองพิจารณาอีกฝ่ายเล็กน้อย กระโปรงทรงเทนนิสลายสก็อตสีดำน้ำตาลเข้ากับเสื้อยืดแขนยาวสีดำขนาดพอดีตัวคนใส่ที่ดูไปดูมาเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้เดินได้ ยังไม่รวมใบหน้าสวย ๆ ตามฉบับสาวจีนนี่อีก… บอกเลยว่าสิบคะแนนเต็มไม่หัก

     

    เพื่อนร่วมห้องคนนี้ของเขาร้ายไม่เบานี่หน่า… มาร์คคิดในใจเพราะเพียงแค่มองหน้าของหญิงสาวคนนั้น มาร์คก็รู้แล้วว่าอีกคนน่าจะแอบชอบเพื่อนร่วมห้องตัวสูงของเขามากน่าดู

     

    “เพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เรียนห้องเดียวกับเราน่ะเจี๋ย” น้ำเสียงทุ่มต่ำตอบอีกคนกลับไป“เออเราต้องกลับก่อนนะเพราะเพื่อนเราเมามากอะ ไม่อยากให้กลับคนเดียว”

     

    ลูคัสรีบบอกจุดประสงค์ทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาเพราะเมื่อกี้เขาแอบเหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันก็เห็นว่าเพื่อนลูกครึ่งของเขาเริ่มหาวน้อย ๆ อีกครั้ง

     

    “อ๋อ..ได้สิ เราโอเคนะลูคัส” โจวเจี๋ยฉงพยักหน้าตอบรับอีกฝ่าย

     

    “อื้อ ขอโทษนะเจี๋ยเดี๋ยวเราติวให้วันอื่นนะ”

     

    “ไม่เป็นไรลูคัส เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีแล้วกัน”

     

    คนตัวสูงบอกขอโทษหญิงสาวอีกครั้งแล้วจึงรีบเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าเป้ของตัวเองและรีบสะพายใส่หลังทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนร่วมห้องตัวเองเพื่อบอกเป็นกลาย ๆ ว่าตัวเองเสร็จแล้ว และทั้งคู่เลยพากันเดินออกมาจากคาเฟ่ขนมหวานที่ซ่อนบาร์ลับเอาไว้อยู่ด้านในทันที

     

    เมื่อออกมาจากร้านได้ ลูคัสรีบโบกแท็กซี่คันที่ผ่านมาพอดีทันที คนตัวสูงรีบรุนหลังให้อีกฝ่ายรีบเดินขึ้นแท็กซี่และตัวเองก้าวตามขึ้นไปติด ๆ

     

    “ลุงครับ ไป-” ลูคัสเตรียมจะบอกพิกัดให้คนขับแท็กซี่แต่ก็ลืมไปว่าตนนั้นยังไม่ได้ถามเพื่อนตัวเล็กเลยว่าพักอยู่ที่ไหน “มาร์ค บ้านนายอยู่ไหนนะ”

     

    “หือ” มาร์คที่ไหลไปกองกับเบาะก็ผงกหัวขึ้นมา

     

    “จะให้ผมบอกคุณลุงว่าไปส่งนายที่ไหน”

     

    “ที่จริงจะไปนอนบ้านหยางหยาง...”

     

    “…”

     

    “เพราะไม่ได้บอกโฮสต์ว่าจะมาเที่ยวแล้วก็เกรงใจเขาด้วย…”

     

    “…”

     

    “คืนนี้นอนบ้านนายได้ไหมอะลูคัส”

     

    .

    .

    .

     

    และตอนนี้ทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ในห้องชุดหรู ๆ ในคอนโดที่ตั้งอยู่ในย่านกลางเมืองแบบนี้… ใช่แล้วทั้งคู่อยู่ที่ห้องของลูคัส หลังจากที่มาร์คเอ่ยปากขอมานอนห้องเพื่อนตัวสูง ลูคัสก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้สนิทกันเลยแม้แต่น้อยและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันจริง ๆ แต่ลูคัสก็ไม่ได้ปฏิเสธเพื่อนแลกเปลี่ยนออกไป เพราะตัวเขาก็ไม่ได้มีปัญหาหรือลำบากใจอะไรขนาดนั้น

     

    เพียงแค่รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะกะทันหันไปหน่อย..

    หมายถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาน่ะนะ

     

    คอนโดแห่งนี้เป็นคอนโดที่ลูคัสอาศัยอยู่เพียงคนเดียวเนื่องจากป๊ากับม๊าของเขาทำงานอยู่ต่างประเทศทำให้ลูคัสเลือกที่จะอยู่คอนโดแทนการไปกลับบ้านใหญ่

     

    “อะ กินน้ำหน่อยมาร์คจะได้หายเมาบ้าง” ลูคัสยื่นแก้วน้ำเปล่าให้แขกตัวเล็ก

     

    “ขอบใจ”

     

    และทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ลูคัสนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวมองเพื่อนใหม่กำลังจิบน้ำทีละน้อยแต่ก็ยังมองนู่นมองนี่ด้วยความสนใจ ลูคัสไม่รู้จะทำอะไรดีกับสถานการณ์แบบนี้จึงเดินเลี่ยงไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ มาชุบน้ำและบิดมันหมาด ๆ แล้วเดินกลับที่ห้องรับแขกอีกครั้งก็พบว่ามาร์คที่นั่งกินน้ำอยู่เมื่อครู่นั้นได้เอนตัวลงนอนไปกับโซฟาแล้ว

     

    เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นเหล้าที่ติดมากับเสื้อผ้าของอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดเข้าที่ใบหน้าและลำคอขาว ๆ ของเพื่อนตัวเล็ก มาร์คครางอื้ออึงนิดนึงเมื่อความเย็นของผ้าขนหนูสัมผัสเข้ากับผิวกายที่มีอุณหภูมิสูงกว่า ดวงตาที่หลับตาพริ้มอยู่ก็ลืมขึ้นมามองคนตัวสูง ลูคัสชะงักมือนิดนึงก่อนจะลดมือลงและเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเกร็ง ๆ

     

    “อ-เอ่อ จะเช็ดต่อเองไหม?” ดวงตาคมเข้มมองลอดแว่นสายตาไปที่คนที่กำลังมองมาที่ตนอยู่ด้วยสายตาที่เขาเองก็เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

     

    “เช็ดต่อสิ”

     

    “เอางั้นหรอ”

     

    “อือ เช็ดให้หน่อยขี้เกียจ”

     

    ลูคัสพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มเช็ดหน้าอีกฝ่ายต่อโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กกำลังมองตนอยู่ด้วยสายตาแบบไหน ใบหน้าของลูคัสมักจะฉายแววจริงจังอยู่เสมอเมื่อตั้งใจทำอะไร และครั้งนี้ก็เช่นกัน… ใบหน้าคมคายเวลาที่มองไปตามเนื้อตัวของเพื่อนตัวเล็กนั้นทำให้มาร์คเกิดความรู้สึกประหลาด ๆ ขึ้นมา

     

    มาร์ครู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวยามที่ลูคัสซับผ้าขนหนูไปตามร่างกายของตน

    ไหนจะดวงตาคู่คมนั่นอีก…

     

    เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่มาร์คเผลอเอื้อมมือไปดึงแว่นหนาของเพื่อนตัวสูงออกจากกรอบหน้าคม เด็กหนุ่มแลกเปลี่ยนกัดริมฝีปากน้อย ๆ เมื่อตนได้เห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่ตอนนี้ไม่มีแว่นมาบดบัง ส่วนคนตัวสูงก็มองอีกฝ่ายอย่างตกใจเมื่อโดนดึงแว่นออกจากหน้า

     

    “ทำไมถึงไม่ถอดแว่นล่ะ”

     

    “ใส่แล้วมันมองเห็นชัดกว่า ก็เลยใส่”

     

    “แสดงว่าสายตาสั้นมาก”

     

    “ไม่เท่าไหร่.. ประมาณ 220”

     

    “ก็ไม่สั้นเท่าไหร่นี่หน่า” มาร์คพูดเบา ๆ“แล้วแบบนี้ล่ะ เห็นชัดไหม”

     

    /

     

     

    cut scene

    on #serendipitylm

     

    (hint.ชื่อเพลงของวอน(one) ขึ้นต้นด้วยh ตามด้วยชื่อนักร้องคนโปรดของน้องมาร์คพิมพ์ติดกันทั้งหมด)

     

     

    /

     

     

    “เฮ้ หยุดมองได้แล้ว” มาร์คร้องท้วงขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะถูกอีกฝ่ายรังแกซ้ำหากไม่รีบห้ามเอาไว้ก่อน

     

    “ขี้หวงจัง ไม่เหมือนเมื่อกี้”

     

    “เหนื่อย ง่วง”

     

    “ซะอย่างนั้น”

     

    “เห็นใจกันหน่อย” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ

     

    “โอเค๊ จะเห็นใจก็ได้นะ เห็นว่าเมื่อกี้ร้องซะจนหมดเสียง”

     

    “แล้วใครล่ะมันทำเราเสียวไม่หยุด” มาร์คพลิกตัวนอนตะแคงไปมองลูคัสที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ก่อนจะผุดลุกขึ้นมานั่งเบียดคนตัวสูง“แต่เมื่อกี้มันโคตรจะสุดยอดเลย”

     

    “ครับ?”

     

    “อย่างที่บอกไป นายเก่ง”

     

    “อ่า.. อาจจะเป็นพรสวรรค์ของผมก็ได้นะ”

     

    ลูคัสพูดพลางกลั้วหัวเราะจนมาร์คต้องย่นจมูกใส่อีกฝ่ายน้อย ๆ ด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายเก่งจริง ๆ คนตัวสูงน่ะเก่งไปทุกอย่างทั้งการเรียนหรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียง… อีกฝ่ายรู้หมดว่าเขาชอบแบบไหนหรือไม่ชอบแบบไหนและก็ทำมันได้ดีเยี่ยมจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

     

    แน่ล่ะสิ… เสียวแทบขาดใจขนาดนี้จะให้มานึกเรื่องอื่นได้ก็เก่งเกินไปแล้ว

     

    “ไม่เถียง” มาร์คยักไหล่ก่อนจะช้อนสายตามองอีกฝ่าย“ว่าแต่เราจะมาหานายบ่อย ๆ ได้ปะ”

     

    ลูคัสที่ฟังจบก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ไม่ต้องเสียเวลาตีความอะไรมากเขาก็รู้ว่าคนตัวเล็กต้องการอะไรจากเขา เพียงแต่เลี่ยงที่จะพูดออกมาตรง ๆ ใบหน้าน่ารักของเพื่อนชาวเกาหลียิ้มออกมาเมื่อลูคัสแกล้งครางในลำคอราวกับคิดหนัก

     

    “อืม…แต่เราไม่สนิทกันนะครับ”

     

    “ไม่ยากเลย ก็แค่นายมาช่วยเราติวเพราะนายเก่งไง”

     

    ลูคัสหัวเราะออกมาเมื่อเข้าใจความหมายที่มาร์คต้องการจะสื่อ ประโยคทั่วไปแต่ความหมายค่อนข้างแตกต่างและคนตัวสูงก็คิดว่าเขาน่าจะคิดตามอีกคนถูกนะ…

     

    “งั้นก็อย่าให้คนเขาจับได้นะครับ”

     

    “อ่าหะ เผื่อนายจะไม่รู้นะว่าเราเก็บความลับเก่ง”

     

    .

    .

    .

     

    “และเรื่องนี้มันจะเป็นความลับของเราสองคนแน่นอน”

     

     

     

     

    The ended

    #serendipitylm

     

     

    b. เชื่อว่าคนอ่านน่าจะเป็นลมเหมือนคนแต่งไปแน้ว แง555555 เหมือนไม่ได้แต่งฟิคมาสักพักเลยค่ะ คิดถึงมาก;; รอบนี้ก็เลยจัดเต็ม ฮือ55555 ชาเล้นจ์กับตัวเองว่าจะแต่งฟิคให้จบภายในสัปดาห์นี้แล้วก็เข็นจนจบจริงๆด้วยค่ะ ;; สุดท้ายนี้คิดถึงคนอ่านนะคะ หวังว่าจะได้เจอกันบ่อย ๆ นะคะ (ย้ำกับตัวเอง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×