คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : (OS) The gravity between us
Short fiction
Pairing: nct lucas x mark
Rate: PG15
Total words: 1,914 words
มีบางคนบอกว่าตัวเราก็เหมือนขั้วของแม่เหล็ก…
ที่จะมีแรงดึงดูดเข้าหากันเมื่ออยู่ใกล้ๆ
บริเวณห้องน้ำชายชั้นห้าของโรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่งกำลังถูกชายหนุ่มที่ร่างเล็กกว่าร่างกายผู้ชายทั่วไปกำลังนั่งห้อยขาอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าลายแกรนิตอยู่ด้านในสุด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นแล้วก็คงจะโดนคนอื่นต่อว่าในความไม่มีกาลเทศะต่อสถานที่ที่เหยียบอยู่
แต่นี่คือมาร์คลีที่เป็นบุตรชายของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศก็เลยไม่มีใครกล้ามีเรื่องหรือมีปัญหากับมาร์คเลยสักคนและเพราะบุคลิกที่ไม่สุงสิงกับใครและไม่แคร์ใครเลยทำให้มาร์คลียิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม
เหมือนผีเสื้อแสนสวยที่มองได้แต่จับต้องไม่ได้
ภาพกลุ่มควันสีเทาพวยพุ่งออกมาทางปากสีแดงเชอรี่ที่ดูขัดแย้งกับมวนบุหรี่มาโบโล่ดีพซีอยู่ในมือมาร์คนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้สิ่งทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างดูเพอร์เฟกต์ราวกับงานศิลปะชื่อดังที่ศิลปินบรรจงสร้างสรรค์มันขึ้นมา
มาร์คลีนั่งห้อยขาลงเพียงข้างนึงส่วนอีกข้างนึงก็ชันขึ้นเพื่อเป็นที่พักคางของตนเอง ใบหน้าที่แสนจะเฉยชามองรอดออกไปยังช่องหน้าต่างเล็กๆเพียงบานเดียวเฉกเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้ที่แปลกไปก็คงจะเป็นเสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ห้องน้ำเรื่อยๆแค่นั้นแต่คนตัวเล็กก็หาได้สนใจสิ่งรอบข้างไม่ มือเรียวยกมวนบุหรี่ทุกถูกจุดไปแล้วครึ่งนึงขึ้นมาสูบอีกครั้ง ก่อนจะต้องหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มขึ้นมา
“เฮ้”
“..”
“ไม่ได้ยิน?” ชายหนุ่มมาใหม่เอ่ยถามพลางยกคิ้วอย่างกวนประสาท
“ได้ยิน แต่ไม่รู้จะตอบอะไร” มาร์คลีตอบไปตามสัตย์จริงทำให้อีกฝ่ายหัวเราะหึ
“เด็กโรงเรียนนี้เขาเป็นแบบนี้กันหรอ?”
สิ้นสุดคำถาม มาร์คลีจึงหันไปมองอีกฝ่ายอย่างชัดๆ ใบหน้าคมเข้มที่ต่างจากพิมพ์หน้าของคนเกาหลีอย่างชัดเจนบวกกับผิวสีแทนนั้นยิ่งทำให้ผู้ชายคนนั้นน่ามองเข้าไปอีก แล้วไหนจะรอยยิ้มที่แสนจะร้ายกาจนั่นด้วย…
มาร์คลีก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ
แต่ว่าหมอนั่นหน่ะฮอตจริง
แววตาสีนิลสบเข้ากับดวงตากลมโตสีฟ้าโดยธรรมชาติทำให้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนเพียงชั่วครู่ เป็นคนตัวเล็กที่เสหน้าหลบก่อนจะหยิบมวนบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมาจุดไฟจากซิปโปอันโปรดของตน
“นี่ ยังไม่ตอบคำถามเลยนะ”
“ไม่”
“ไม่ตอบ?”
“ไม่ได้เป็นแบบฉัน ถามมากจังเด็กใหม่” มาร์คลีมุ่นคิ้วเพียงเสี้ยววิก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบนิ่งในเวลาต่อมา
“รู้ด้วยหรอว่าเป็นเด็กใหม่?” คนมาใหม่ก็ยังคงถามไม่เลิก
“ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน อีกอย่างนี่ก็กลางเทอมแล้วด้วย อย่างน้อยก็ต้องเห็นหน้ากันบ้างแหละ”
“อ่าหะ เก่งดี”
ชายหนุ่มตรงหน้าแสร้งทำเป็นตกตะลึงและโปรยยิ้มใส่คนตัวเล็กกว่า ซึ่งมาร์คลีก็ไม่ได้สนใจคำพูดหรือท่าทางที่แสนจะกวนประสาทเท่าไหร่นัก เขายกมวนบุหรี่ขึ้นมาสูบ ค่อยๆสูดควันสีเทาเข้าไปช้าๆเพื่อให้มันกระจายไปทั่วปอด ก่อนจะพ่นลมออกมาน้อยๆพร้อมกับส่งเสียงหอบหายใจออกมาอย่างไม่ดังมากนัก
ลูคัสมองภาพนั้นอย่างไม่วางตา แล้วผิวปากออกมาแล้วเดินเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้นกว่าเดิมโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้ถึงภยันตรายที่ย่างกรายเข้ามาใกล้ตัว กว่าที่มาร์คลีจะรู้ตัวอีกทีก็โดนผู้ใหม่ท้าวแขนอยู่ที่กำแพงด้านข้างพวกเขาและเหลือช่องว่างเพียงแค่นิดเดียว
“นี่” เป็นลูคัสที่เอ่ยขึ้นมาก่อน
“…” มาร์คไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆแทน
“อยากว่ะ”
“พูดให้ดีหน่อย” แววตาของคนที่นั่งอยู่บนอ่างล้างมือแข็งกร้าวขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่เข้าหู มาร์คเตรียมจะยกเท้าถีบคนตรงหน้าแต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่คว้าขาเล็กๆของมาร์คเอาไว้ก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปอยู่ที่หว่างขาของคนตัวเล็ก
“เฮ้ ใจเย็นดิ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มแกมหยอกล้อของลูคัสทำให้มาร์คต้องพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ลมหายใจจากคนตัวเล็กที่มีกลิ่นของดีพซีเจือปนอยู่ทำให้ลูคัสรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาลอบมองใบหน้าของอีกคนอีกครั้ง
คนตรงหน้าเขามีดวงตากลมโตสีซัฟไฟร์บลูที่พบได้น้อยในเกาหลี มีริมฝีปากที่อวบอิ่มและแดงสด และมีผิวที่ขาวราวกับหิมะ ทำให้เขารู้สึกตกอยู่ในภวังค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นึกอิจฉาอีกฝ่ายที่ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นมาอย่างเพอร์เฟกต์ เพียงแค่ลูคัสคิดว่าคงมีผู้คนอีกมากมายที่ชื่นชมและหลงใหลเสน่ห์ของคนตรงหน้านี้ เขาก็หวงแทบแย่
หวงจนอยากจะทำลาย
หวงจนอยากให้มีร่องรอยหรือตำหนิอะไรก็ได้ที่มาจากเขา
หวงจนอยากจะครอบครองไว้เพียงคนเดียว
ลูคัสยอมรับว่าเขาหวงคนตรงหน้าเอามากๆทั้งที่เขาเพิ่งจะเจออีกฝ่ายไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ก็ตามและเขาก็เป็นพวกที่ถือคติว่าถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก… เพราะถ้าเขารุกมากเกินไปเดี๋ยวไก่จะตื่นเสียก่อน
“ที่บอกว่าอยากหน่ะหมายถึงบุหรี่”
“…”
“ขอบุหรี่ตัวสิ ถือว่าเป็นการต้อนรับเพื่อนใหม่” ลูคัสโน้มตัวเข้าไปพูดใกล้ๆแล้วแสร้งยิ้มออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ
“ก็ได้ แต่ถอยออกไปหน่อย มันอึดอัด” มาร์คลีพูดจบแล้วกดปลายบุหรี่ลงไปที่มุมอ่างล้างหน้าเพื่อให้มันดับทั้งๆที่ตัวเองยังสูบได้ไม่ถึงครึ่ง
ท่าทางที่ดูล่อแหลมของทั้งคู่ทำให้มาร์ครู้สึกอึดอัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและด้วยความที่คนมาใหม่สูงกว่าเขามากทำให้มาร์คเผลอช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งทำให้ลูคัสอยากแกล้งมากขึ้น คนตัวสูงเบียดเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิมก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากใส่คนตรงหน้า
“ไม่อะ แค่ขอบุหรี่เฉยๆต้องรังเกียจกันด้วยหรอ”
“ขอบุหรี่แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่นายมากักตัวฉันไว้แบบนี้”
“เถียงจังวะ” ลูคัสแกล้งบ่นเบาๆ “ถ้านายยื่นบุหรี่ให้ฉันก็จบแล้ว”
มาร์คนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจแรงๆออกมาอีกครั้ง เขาล้วงไปที่เสื้อสูทด้านในแล้วหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาและยื่นไปให้คนตรงหน้า
“พอใจยัง”
“อ่าหะ ขอบใจมาก … มาร์คลี?” ลูคัสไล่อ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่บนเสื้อสูทสีเข้ม
“ถอยออกไปได้แล้ว” มาร์คผลักไหล่คนตรงหน้าให้ออกห่างจากตัว
“เดี๋ยวๆ ได้มาแต่บุหรี่เนี่ย จะสูบยังไงล่ะ”
เป็นอีกครั้งที่มาร์คต้องรู้สึกหงุดหงิดกับคนตรงหน้านี้ เขาหยิบซิปโปแล้วส่งไปให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้คาบบุหรี่ไว้ในปากแต่ไม่ยอมรับซิปโปไปจุดสักที
“เอาไปดิ”
“จุดให้หน่อย”
“ทำไมเรื่องมากจังวะ”
“เร็วๆ คาบรอจนเมื่อยแล้ว”
ลูคัสไม่ฟังเสียงของอีกฝ่าย หนำซ้ำยังเร่งให้มาร์คทำตามที่ตัวเองขออีกด้วย ส่วนมาร์คที่ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็เหมือนพูดใส่กำแพงก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะจุดซิปโปแล้วยื่นไปจ่อที่ปลายมวนบุหรี่ที่อีกฝ่ายคาบไว้อยู่โดยไม่ทันสังเกตสายตาของอีกฝ่ายที่เหมือนหมาป่าที่จ้องจะตะครุบเหยื่ออยู่
มือเล็กๆเอื้อมไปบังไฟที่ออกมาจากซิปโปตัวโปรดเพื่อไม่ให้มันดับก่อนที่บุหรี่จะติด เมื่อมาร์คเห็นว่าบุหรี่ติดไฟแล้วเลยจะชักมือออกแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้และดึงเข้าหาตัว ร่างสูงสูดควันเข้าไปเต็มปอดก่อนจะโน้มคออีกคนเข้ามาใกล้ตัวแล้วบดเบียดริมฝีปากลงไป
ลูคัสอาศัยจังหวะที่มาร์คยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้อยู่บีบแก้มคนตัวเล็กเพื่อให้อีกฝ่ายเผยอปากออกมาก่อนจะส่งควันสีเทาที่อยู่ในปากของตนให้กับคนตัวเล็กซึ่งเขาก็ไม่ได้ส่งทีเดียวทั้งหมดเพื่อป้องกันอีกฝ่ายสำลักควันแต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหาทางเลี่ยงได้เหมือนกัน
จนในที่สุดมาร์คก็คุมจังหวะการหายใจของตนและการรับส่งควันบุหรี่จากเด็กใหม่ได้ กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่ไม่มีใครละริมฝีปากออกจากกัน ลมหายใจของทั้งคู่ผสมปนเปไปกับกลิ่นบุหรี่ที่เพิ่งสูบมาและเป็นมาร์คเองที่เผลอไผลไปกับสัมผัสใหม่ๆบวกกับกลิ่นของบุหรี่ที่ตนชอบจนต้องขบกัดริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการระบายอารมณ์
ทั้งคู่ต่างผลัดกันขบเม้มริมฝีปากกันไปมาโดยที่ไม่ได้แลกเปลี่ยนสัมผัสที่ลึกซึ้งไปมากกว่านี้ สุดท้ายทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน ลูคัสที่เห็นนัยตาหวานฉ่ำของมาร์คก็อดไม่ไหวที่จะกดริมฝีปากตัวเองลงไปจุ๊บกับริมฝีปากเล็กๆแล้วลูบเบาๆที่หัว
“พอแล้ว” มาร์คปัดมือหนาออกจากหัวของตน
“ไม่ชอบหรอ”
“ถ้าเป็นลูบหัวล่ะก็ไม่ชอบ”
“แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นอะ”
“ก็ดี”
“รู้สึกว่าตัวเองเก่ง” ลูคัสแกล้งทำเป็นทุบอกตัวเองเบาๆก่อนจะส่งสายตาระยิบระยับไปให้มาร์คอย่างปิดไม่มิด
“เว่อร์จริงๆ” มาร์คยันเท้าเบาๆไปที่สีข้างของอีกคน “แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าเป็นการรับน้องใหม่จากฉันแล้วกัน”
“ปกติทำแบบนี้?” ทันทีที่มาร์คพูดจบลูคัสก็ขมวดคิ้วฉับก่อนจะถามออกไปอย่างขุ่นเคือง
“ไม่นี่ กับนายคนแรกเลยลูคัส”
“รู้จักด้วย?”
“อื้อ ระดับนึง” มาร์คยิ้มร้ายออกมาก่อนจะเตรียมเดินออกไปจากห้องน้ำ “หว่องยกเหยลูกชายมาเฟียฮ่องกงมาเรียนทั้งที ทำไมจะไม่รู้จัก”
“ร้ายนะเรา ทำเป็นไม่รู้จักกัน” ลูคัสเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้ามาร์คก่อนจะยิ้มพอใจออกมา
“ถ้าไม่ร้ายแบบนี้จะทันคนแบบนายไหมล่ะ ศีลเสมอกันนะ” มาร์คเขย่งตัวไปกระซิบข้างหูคนตัวสูงแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำทันทีโดยทิ้งให้ลูคัสยืนมองแผ่นหลังเล็กๆด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
พอลูคัสรู้แบบนี้แล้วยิ่งทำให้ต้องการตัวอีกคนมากขึ้นยิ่งไปอีก เขาก็อยากจะลองพิสูจน์ดูเหมือนกันว่ามาร์คลีหน่ะจะร้ายแบบที่เจ้าตัวพูดจริงหรือเปล่าหรือก็แค่ลูกแมวที่อยากเป็นสิงโตเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นสิงโตจริงๆ เขานี่แหละจะเป็นคนถอดเขี้ยวให้มาร์คเอง
End
สวัสดีค่ะ เขียนด้วยความอยากเห็นน้องมาร์คในลุคนี้ พอเขียนออกมาแล้วก็แซ่บจริงด้วย ;;; แง้ โนพล็อตนะคะ 5555 แล้วคือจบไม่ลงและจบยากมากๆ ตอนจบเลยออกมางงๆแบบนี้แหละค่ะ;; แล้วก็ช่วงหลังๆมานี้มีรีดเดอร์มาพูดคุยกับเราในทวิตเตอร์เยอะมากๆ ขอบคุณมากๆนะคะ จะพัฒนาการเขียนให้ดีขึ้นนะคะ u__u เจอกันเรื่องหน้าค่ะ
#serendipitylm
ความคิดเห็น