ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sf/os serendipity | nct lumark

    ลำดับตอนที่ #20 : (SF) Burst into flames (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.28K
      113
      14 ก.ย. 62

    Short fiction

    Pairing: lucas x mark

    Rate: 15+

    Genre: au omegaverse

    Total words: 4,291 words

    Note: เนื้อเรื่องและเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น

     

     

     

    สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกย่อมมีวัฏจักรที่มีจุดเริ่มต้นและมีจุดสิ้นสุดของมันเองและโลกใบนี้ก็ไม่ได้ให้ความเท่าเทียมกับทุกสิ่งทุกอย่างเสมอไปเช่นกัน หากมีต้นกำเนิดหรือที่เรียกตามทั่วไปบนห่วงโซ่อาหารว่าผู้ผลิต ก็ย่อมต้องมีผู้บริโภคและผู้ย่อยสลายเป็นธรรมดา

     

    มนุษย์นั้นก็มีห่วงโซ่อาหารเหมือนกัน

     

    ในยุคโลกาภิวัตน์แบบนี้มีวิวัฒนาการต่าง ๆ มากมายที่ถูกพัฒนาจากสมองอันชาญฉลาดของมนุษย์ นั่นก็เพื่อความสะดวกสบายและความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ แต่ทว่าขีดความสามารถของมนุษย์ก็ยังไม่สามารถฝืนโชคชะตาในสัญชาตญาณและต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ได้เหมือนกัน

     

    ผู้ที่เป็นนักล่าอย่างอัลฟ่า

    ย่อมอยู่เหนือสุดบนห่วงโซ่อาหาร

     

    และไม่มีใครมาล้มอัลฟ่าได้นอกจากพวกเดียวกัน

     


    สนามบินนานาชาติอินชอน, เกาหลีใต้

     

    ชายหนุ่มบึกบึนในชุดสูทสีเข้ม 5 คนกำลังยืนรวมกลุ่มและพูดคุยอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดแต่ก็ยังไม่วายมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลาราวกับกำลังหาใครสักคนก่อนทุกคนจะก้มหัวเป็นเชิงทักทายและทำความเคารพให้ชายหนุ่มวัยกลางคนที่เดินเข้ามารวมกลุ่มอย่างเร่งรีบ

    "หาเจอไหม" เสียงของผู้มาใหม่เอ่ยถามทันทีที่มาถึง

     

    "ไม่เจอเลยครับ"

     

    "แน่ใจนะว่าไม่เจอคนที่หน้าคล้ายกับคุณหนูเลยสักคน ผมก็ส่งรูปคุณหนูให้พวกคุณดูแล้วไม่ใช่หรือไง แล้วพวกคุณทำพลาดได้อย่างไร?" ชายวัยกลางคนเอ็ดคนที่เหลือด้วยสีหน้าไม่สู้ดี "ถ้าคุณท่านรู้ล่ะก็พวกเราตายแน่"

    "พวกผมจะแยกกันไปตามหาครับ"

    "ดี อย่าให้คุณหนูหนีรอดสายตาไปได้ล่ะ"

     

    ว่าแล้วทุกคนก็แยกออกไปตามอย่างที่พูดเอาไว้เหลือแต่เพียงชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินตามมาสมทบในภายหลังที่ยังคงยืนจ้องไปที่ประตูผู้โดยสารขาเข้าอย่างไม่วางใจ เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อคนที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดวุ่นวายกันไปหมด

     

    "ว่าไงเลขาคิม"

     

    "คุณมาร์คครับ! ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ คุณท่านสั่งให้ผมมารับครับ!" เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบพร้อมกับหันซ้ายหันขวามองหาอีกคนไปซะทั่ว

    ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยแจ็คเก็จหนังสีดำกำลังเสยผมให้เข้าทรงขณะที่กำลังพูดคุยกับคู่สนทนาและเหลือบมองอยู่ตรงมุมอับมุมนึงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและไร้ที่ติบวกกับท่าทางที่เป็นธรรมชาติของเขาทำให้หญิงสาวหลายคนที่สังเกตเห็นต้องเหลือบมองแล้วอมยิ้มเขินออกมาเมื่อชายหนุ่มส่งยิ้มให้

    ทำตามคำสั่งพ่อมากไปแล้วนะเลขาคิม มาร์คผิวปากออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มทำท่าทางเหมือนหนูติดจั่น

     

    โธ่คุณมาร์คครับ อย่าแกล้งพวกผมเลย

     

    ผมไม่ได้แกล้งคุณนะคุณคิม แต่ว่าผมก็เพิ่งมาถึงเอง เขาแกล้งเงียบเสียงเพื่อดูปฏิกิริยาของลูกน้องพ่อก่อนจะพูดต่อ แล้วผมก็ยังไม่ได้เจอเพื่อนผมด้วย

     

    แต่ว่า!”

     

    ผมยังไม่อยากกลับบ้านน่ะเลขาคิมฝากบอกพ่อด้วย มาร์คพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงโวยวายทักท้วงของอีกฝ่ายขึ้นมาทันทีแต่ว่าเขาไม่ได้ฟังมันสักเท่าไหร่เพราะไม่มีอะไรน่าฟังเลยสักนิด เอาเป็นว่าบอกพ่อด้วยว่าผมยังไม่กลับ และผมดูแลตัวเองได้ไม่ต้องมีใครมาตามประกบผม ถ้าผมกลับเดี๋ยวผมกลับเอง โอเคนะครับ ขอบคุณมาก ๆ เลยเลขาคิม

    ว่าแล้วมาร์คก็สวมหมวกบักเก็ตแบรนด์ดังที่แสนจะไม่เข้ากับชุดที่เขากำลังใส่อยู่เพราะตนเพิ่งซื้อมันมาจากดิวตี้ฟรีและเดินออกมาพร้อมกับถือแผนที่ท่องเที่ยวประเทศเกาหลีที่ซื้อเตรียมเอาไว้ตั้งแต่อยู่ที่แคนาดาราวกับตนเป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก

     

    ไม่รู้ว่าความเนียนของตัวเองหรือความไม่ได้เรื่องของบอดี้การ์ดเซ็ตใหม่ของพ่อทำให้มาร์คเดินออกมาและหลุดรอดสายตาคนพวกนั้นมาได้อย่างง่ายดาย

     

    เขาผิวปากออกมาเมื่อทุกอย่างสำเร็จตามที่วางแผนเอาไว้และเดินไปยังพอร์ชสีดำสนิทที่จอดรอเขาอยู่ถัดไปอีกสองเกท เมื่อขึ้นรถได้และเจอกับคนขับที่ส่งยิ้มกวน ๆ มาให้ เขาก็ไฮไฟว์ทักทายอีกคนอย่างเคยชิน

    "กูนึกว่ามึงจะไม่รอดซะอีก" คิมจองอูยกยิ้มขำก่อนเอ่ยแซว

    "คนใหม่ ๆ ของพ่อกระจอกสัด" มาร์คยักไหล่

    "ก็ดีแล้วไง"

     

    จองอูพูดก่อนจะปลดเกียร์ว่างแล้วขับรถออกมาจากสนามบินด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามประสาหนุ่มรักความเร็ว เสียงเพลงฮิพฮอพใต้ดินฝั่งอเมริกาทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกคึกคะนองมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นมาร์คที่เริ่มต้นบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง

     

    แล้วมึงบอกไอ้เจย์ยังว่ากูถึงแล้ว

     

    ยัง

     

    ดี งั้นบอกมันด้วยว่าเปิดเพนท์เฮ้าส์รอได้เลย

     

    กูว่าแล้ว จองอูเดาะลิ้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตนโยนใส่ตักคนต้นคิด ไม่ล็อกรหัส

     

    คืนนี้จะมีปาร์ตี้ต้อนรับกู ใครไม่มาหากูล่ะก็หมาทุกตัว

     

    -          Burst into flames   -

     

    เสียงเพลงแนวไซเคเดลิกร็อคของวงอินดี้ร็อคชื่อดังจากเกาะอังกฤษดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนของมาร์ค และเพื่อนของเพื่อนสนิทมาร์คอีกประมาณ 2-3 คน ตอนนี้จองอูกำลังเล่าวีรกรรมเด็กหนีออกจากบ้านให้เพื่อน ๆ คนที่เหลือฟังโดยมีมาร์คที่นั่งหน้าหงิกกระดกเบียร์อยู่ในวง

     

    เอาหน่าก็แชร์ประสบการณ์ชีวิตให้เพื่อน ๆ มันฟังหน่อย

     

    เออสีสันของเพื่อนฝูง เอ๊ย ของชีวิต

     

     เจโน่เป็นอีกคนที่ถูกจองอูเรียกมารวมตัวต้อนรับเพื่อนสนิทกลับบ้านที่เจ้าตัวไม่ค่อยอยากจะกลับสักเท่าไหร่ จองอู เจโน่ แจฮยอนและมาร์คต่างเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยเรียนประถม ด้วยความที่ครอบครัวทุกคนต่างมีชื่อเสียง อีกทั้งไลฟ์สไตล์ของพวกเขายังไปด้วยกันได้จึงทำให้ทั้ง4คนเป็นเพื่อนกันจนมาถึงปัจจุบัน

     

    เหี้ยเถอะมาร์คปาก้อนน้ำแข็งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใส่จองอูที่พูดกระแนะกระแหนเขาอยู่ซึ่งคนตัวสูงก็หลบมันได้อย่างทันท่วงที

     

    ดุครับดุจริง กลับบ้านไปก็ดุให้ได้แบบนี้นะครับคุณหนู จองแจฮยอนหรือเจย์เจ้าของเพนท์เฮาส์สุดหรูแห่งนี้ยังไม่ยอมหยุดแซวเพื่อนตัวเล็ก

     

    รุมกูกันเก่งจริง ๆ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ มาร์คพูดด้วยน้ำเข่นเขี้ยวก่อนจะต่อยไปที่ต้นแขนของแจฮยอนไปหมัดนึง

     

    ว่าแต่มึงอะ หนีมาแบบนี้ที่บ้านไม่ตามตัวตายห่าเลยหรอวะ

     

    แล้วไง

     

    ก็ไม่แล้วไง กูก็แค่สงสัยว่ามึงจะดื้อกับที่บ้านไปได้สักเท่าไหร่กันเจโน่ยักไหล่ก่อนจะหันไปพูดกับจองอู มึงว่าไอ้มาร์คมันจะรอดสายตาพ่อกี่วันวะ กูให้3วัน

     

    กูว่าไม่เกินคืนนี้ จองอูมองนาฬิกาเรือนสวยที่แขวนอยู่บนผนังห้องก่อนจะยกยิ้มแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เผลอ ๆ กูว่าอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงนี้ด้วยซ้ำ ถ้าปู่มันส่งคนของเขามาเองอะนะ

     

    เหอะ มึงเอาอะไรมามั่นใจวะ เพนท์เฮ้าส์ไอ้เจย์ระบบความปลอดภัยแน่หนาจะตายไป ถ้าเข้ามาได้ก็ลองมาร์คพ่นลมหายใจก่อนจะกระดกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มเสียอึกใหญ่เพื่อลดความหงุดหงิดจากการที่ถูกเพื่อนพูดจาปากเปราะใส่

     

    แหม พูดไม่ดูปู่มึงเลยนะ ปู่มึงธรรมดามากมั้ง โธ่ไอ้หลานท่านปะ…”

     

    ding-dong, ding-dong

     

    ยังไม่ทันที่จองอูจะพูดจบเสียงกริ่งจากอินเตอร์คอมหน้าประตูก็ดังขึ้นมาท่ามกลางรอยยิ้มกวนประสาทจากเหล่าเพื่อน ๆ ของมาร์ค จองอูยักคิ้วใส่เพื่อนสนิทอย่างเหนือกว่า ทุก ๆ การกระทำของเพื่อน ๆ ทำให้มาร์ครู้สึกหงุดหงิด

     

    เอาไงครับ ให้กูไปเปิดไหมเอ่ย แจฮยอนพูดพร้อมอมยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก

     

    กูว่าไม่ต้องถามมั้งไอ้เจย์ ถ้ามึงไม่เปิดล่ะก็ ประตูบ้านมึงอาจจะพังก็ได้นา

     

    บวกครับ

     

    ก็ให้เข้ามาดิ คิดว่ากูกลัวหรือไง มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงไม่หยี่ระพร้อมกับยกเบียร์ขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมด ส่วนคนที่เหลือก็หันไปชนกระป๋องเบียร์กันอย่างสบายใจก่อนจะเป็นแจฮยอนที่ลุกขึ้นและเดินลากสลีปเปอร์ไปที่หน้าประตู

     

    เมื่อคนตัวขาวเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็พิจารณาคนข้างนอกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ เขารู้ว่ายังไงเพื่อนของตนต้องโดนคนของพ่อไม่ก็ปู่ลากกลับไปที่บ้านแน่นอน เพียงแต่ว่ารอบนี้ค่อนข้างจะเร็วกว่าที่คิดเอาไว้สักหน่อย อีกทั้งบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นค่อนข้างต่างจากคนอื่น ๆ ที่เขาเคยเจอมาก่อน

     

    ดูภูมิฐาน ปราดเปรียวและดูร้ายกาจ?

    นั่นเป็นสิ่งที่แจฮยอนคิดได้

     

     ใครครับแจฮยอนเริ่มต้นทักทายผู้มาเยือนผ่านอินเตอร์คอมก่อน

     

    สวัสดีครับ ผมมารับคุณมาร์คครับ

     

    ใครนะครับ แจฮยอนแกล้งถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่งง-งวย

     

    ผมมารับคุณมาร์คครับ

     

    มะ-“

     

    จะบอกว่าไม่อยู่หรือไม่ทราบดีครับ คุณจอง

     

    ผู้มาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ขณะที่กำลังแกะถุงมือหนังออกจากฝ่ามืออยู่ ถึงแม้ว่าแจฮยอนจะไม่ได้เห็นสายตาของอีกฝ่ายว่านึกหรือคิดอะไรอยู่แต่น้ำเสียงของผู้มาเยือนทำให้เขารู้ว่าหมดเวลายึกยักและเลิกเล่นตัวได้แล้ว

        

       โอเค๊ เขาอยู่ที่นี่แหละครับ แต่จะกลับหรือไม่กลับก็อีกเรื่องนะครับ

     

       เขาจะกลับแน่นอนครับแขกคนใหม่ของแจฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ

     

       งั้นก็เชิญครับ แต่บอกไว้ก่อนนะเพื่อนผมน่ะพยศกว่าที่คุณคิดซะอีก

     

       แจฮยอนเปิดประตูให้ผู้ใหม่เข้ามากก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อออีกฝ่ายพยักหน้าเบา ๆ เป็นการขอบคุณในความร่วมมือของเขา เสียงเปิดประตูของแจฮยอนทำให้คนข้างในทั้งหลายต่างหยุดดื่มพร้อมกับตีหน้านิ่งกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์สุดขีด

     

    ด้วยความที่ระยะทางจากประตูมาถึงบริเวณห้องนั่งเล่นไม่ได้ไกลเท่าไรนัก มาร์คก็ได้ยินเสียงของรองเท้าสลีปเปอร์ลากเข้ามาใกล้ตนเองเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็ได้เห็นหน้าผู้มาใหม่ซึ่งผิดคาดจากที่เขาคิดเอาไว้มากพอสมควร

     

    นึกว่าจะเป็นพวกโตแต่ตัวแต่ใจปลาซิวเสียอีก

     

    คุณท่านให้ผมมารับครับ คนมาใหม่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็บอกจุดประสงค์ของการมาเยือนเพนท์เฮ้าส์สุดหรูในครั้งนี้

     

    มาร์คไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาแทน คนตรงหน้าน่าจะสูงกว่าเขาประมาณเกือบ10เซนติเมตรได้ เพราะขนาดแจฮยอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้นยังตัวเล็กไปเลย ใบหน้าคมเข้มที่มีดวงตาสีดำสนิทเสริมให้บุคลิกมีความดุดันยิ่งขึ้น ไหนจะผิวสีแทนที่ดูกร้านแดดเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในห้องนี่อีก จะบอกว่าคนตรงหน้าดูไม่ธรรมดาเลยก็น่าจะจริง มาร์คคิดในใจ

     

    ไม่ธรรมดาและไม่น่าจะเป็นมิตรด้วย

     

    สัญชาตญาณความเป็นอัลฟ่าที่มันติดตัวอยู่ทำให้มาร์คคิดแบบนั้น นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอคติและพาลไม่ชอบคนตรงหน้ายิ่งขึ้นไปใหญ่ มาร์คเลือกที่จะเมินคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะเปิดกระป๋องเบียร์ใหม่ขึ้นมายกดื่มท่ามกลางบรรยากาศที่ไร้เสียงรบกวนจากผู้คนรอบข้าง

     

    งั้นผมจะให้คนมาเก็บกระเป๋าของคุณหนูทีหลังนะครับคุณจองคนตัวสูงหันไปพูดกับแจฮยอนที่กำลังยืนสังเกตตัวเองและเพื่อนของตนอยู่เงียบ ๆ

     

    เฮ้ ผมยังไม่บอกคุณเลยว่าจะกลับไป มาร์ครีบเถียงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นมา

     

    แล้วใครบอกว่าผมจะเชื่อฟังคุณ

    ผู้มาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ  ๆ เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคน แจฮยอนที่เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดที่สุดถึงกับร้องอูยออกมาเมื่อได้ยินคนของที่บ้านเพื่อนสนิทพูดออกมา ส่วนมาร์คที่ถูกตอกกลับอย่างเนิบ ๆ ถึงกับหน้าเหวอก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่โกรธจัด

     

    งั้นก็กลับไปซะสิ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น

     

    แล้วทำไมผมต้องฟังคุณคนตัวสูงเลิกคิ้วใส่ ผมไม่รับคำสั่งจากใครนอกจากท่านประธานาธิบดี

     

    โห ท่านประธานาธิบดีเลยว่ะ ปู่มึงเอาจริงนะรอบนี้ คิมจองอูหันไปพูดกับมาร์คและอดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้

     

    แล้วยังไงวะ กูต้องกลับเพราะคำขู่เด็ก ๆ แบบนี้น่ะหรอ?

     

    แต่กูว่าไม่ด-” เจโน่ที่กำลังจะตอบกลับไปถึงกับหุบปากฉับเมื่อเจอสายตาพิฆาตจากเพื่อนสนิท

     

    ชายนิรนามยืนมองหลานชายของเจ้านายตัวเองนั่งทะเลาะกับบรรดาเพื่อนด้วยแววตาที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรเช่นเดิม จนเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเวลากับการมารับอัลฟ่าทะนงอย่างมาร์คไปมากพอแล้วก็ทำท่าจะเดินเข้าหาตัวพร้อมกับจะเอื้อมมือไปหาอีกฝ่าย

     

     ส่วนมาร์คที่เห็นแบบนั้นก็ผุดลุกขึ้นทันทีก่อนจะพุ่งเข้าใส่คนตัวสูงหวังว่าจะประเคนหมัดหนัก ๆ สัก2-3หมัดให้อีกฝ่ายเป็นของขวัญ แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายรู้ว่าคนตัวเล็กจะทำอะไรเขาจึงไหวตัวได้ทัน เขาเบี่ยงซ้ายหลบมาร์คที่เหวี่ยงหมัดเข้ามาในทันทีจึงทำให้มาร์คเล็งพลาดและเสียหลักในครั้งนี้

     

    จะเอาแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหมครับ

     

    ก็ถ้าไม่กลับไปตั้งแต่ตอนนี้ ก็คงต้องโดนหมัดไปสัก2-3หมัด มาร์คตอบอีกฝ่ายกลับด้วยสายตาที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีอำพันเมื่อตัวเองเริ่มควบคุมอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ได้

     

    งั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่คุณอาจจะต้องผิดหวังกับครั้งนี้

     

              คนตัวสูงพูดก่อนจะพุ่งเข้าไปที่ตัวของมาร์ค คนตัวเล็กกว่าเห็นแบบนั้นก็เตรียมยกเท้าจะยันอีกคนแต่ก็ต้องเพี้ยงพล้ำให้อีกฝ่ายที่เบี่ยงตัวหลบอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่าตกใจก่อนจะร้องโวยวายออกมาเมื่อมือหนาของฝ่ายตรงข้ามนั้นเอื้อมไปจับที่ขาข้างที่เขายกค้างเอาไว้อยู่ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปจับที่ข้อมือของมาร์คแล้วปล่อยขาคนตัวเล็กลงแล้วกดตัวคนตัวเล็กกว่าให้โน้มไปด้านหน้าจนมาร์คเสียหลักล้มลงไปกองที่พื้น

     

              เห้ย!” กลุ่มเพื่อน ๆ ของมาร์คได้แต่ร้องออกมาด้วยความตะลึงเพราะเห็นเพื่อนตัวเองล้มไปกับตาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงคนของท่านประธานาธิบดีของประเทศ อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องภายในบ้านมาร์คอีกซึ่งเจ้าตัวก็ขัดขืนและดื้อรั้นไม่ยอมกลับไปเองตั้งแต่แรกอีกด้วย

     

              โอ๊ย!”

     

              บางครั้งการที่คุณยกขาถีบอีกฝ่ายก็ป้องกันตัวไม่ได้เสมอไปหรอกนะคนตัวสูงพูดขึ้นมาขณะที่เข่าของตนกำลังกดอยู่ตรงต้นขาของอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ดิ้นแล้วรวบมือทั้งสองข้างของคนใต้อาณัติเอาไว้ในมือเดียว และนี่คือผลของการดื้อรั้นของคุณ

     

              ตอนนี้โซนนั่งเล่นแห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงหอบหายใจของมาร์คเท่านั้น คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างถอยหลังออกจากมาร์คและคนของท่านประธานาธิบดีเพื่อเว้นระยะห่างเอาไว้เผื่อว่าจะมีการวิวาทกันอีก เจ้าของเพนท์เฮ้าส์สุดหรูอย่างแจฮยอนได้สติคืนมาก่อนใครก็หันไปพูดกับมาร์คอย่างอ่อนใจ

     

              กู..ว่ามึงกลับไปกับเขาเถอะว่ะ

     

              เหอะ มาร์คพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมจากคนตัวสูง

     

              ไอ้มาร์คมึงฟังพวกกูบ้างดิวะ พวกกูเป็นห่วงมึงนะเว้ยถึงให้มึงกลับไปตั้งแต่ตอนนี้ พยศกับพ่อกับปู่มึงมากเกินไป มึงนั่นแหละที่จะแย่เอา

     

     เป็นเจโน่ที่ค่อย ๆ พูดเกลี้ยกล่อมเพื่อนตัวเล็กให้กลับบ้านบ้าง ซึ่งคราวนี้มาร์คก็เริ่มนิ่งขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ  พร้อมกับหันไปสบตากับไอ้คนที่มันกำลังล็อกแขนล็อกขาเขาอยู่อย่างไม่พอใจ

     

    โอเค กูยอมกลับกับมันก็ได้ มาร์คพูดแล้วหันไปมองเพื่อน ๆ แต่ละคนที่ส่งยิ้มแหย ๆ มาให้ นั่นก็เพราะว่ากูเห็นแก่ที่พวกมึงพูดไม่ใช่เพราะไอ้หน้าไหนทั้งนั้น

     

    งั้นเราจะกลับได้หรือยังครับ ชายหนุ่มที่ถูกพาดพิงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวเล็กต่อ เขาเมินคำพูดเหล่านั้นและถามอีกฝ่ายกลับแทน

     

    เออ

     

    ดี ผมให้เวลาคุณเลือกว่าจะเอาอะไรกลับไปบ้าง ส่วนของที่เหลือทผมจะแจ้งให้คนมาเอาพรุ่งนี้เช้าแทน

     

    คนตัวสูงพูดนิ่ง ๆ ก่อนจะปล่อยตัวมาร์คเป็นอิสระแล้วก้าวกลับไปยืนที่เดิมในตอนแรก ส่วนมาร์คก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเดินไปที่ห้องนอนที่ตอนแรกจะเป็นห้องพักของเขาในค่ำคืนนี้แล้วหยิบพวกกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือติดมือมาเพียงแค่นั้น

     

    เท่านี้ใช่ไหมครับ ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยถามมาร์คซ้ำอีกครั้ง

     

    เออ

     

    โอเค งั้นผมกลับแล้วนะครับคุณจอง แล้วขอบคุณในความร่วมมือของทุก ๆ ท่านนะครับ ชายหนุ่มก้มหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่หลายชายของเจ้านายตัวเอง เชิญครับคุณมาร์ค

     

    อ่ากลับดี ๆ นะครับยังไงพวกผมฝากมันด้วยนะคุณ…” เป็นจองอูที่ตอบกลับไปและลากเสียงอย่างประหม่าเมื่อตัวเองพึงระลึกได้ว่าไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่าย

     

    ลูคัสครับ

     

    โอเค ผมฝากด้วยนะครับคุณลูคัส

     

     

    -          Burst into flames   -

     

     

    ลูคัสพามาร์คมายังลานจอดรถด้านล่างคอนโดที่เป็นเพนท์เฮ้าส์ของแจฮยอน ระหว่างทางที่ลงลิฟต์มาทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรกันสักคำ มีเพียงเสียงลิฟต์ที่ดังเมื่อผ่านชั้นต่าง ๆ และตัวเลขบนหน้าจอที่แสดงว่าตอนนี้กำลังถึงชั้นที่เท่าไหร่แล้วเท่านั้น ลูคัสลอบมองดูปฏิกิริยาของคนตัวเล็กกว่าก็พบว่ามาร์คไม่ได้หงุดหงิดหรือโมโหกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกแล้ว มีเพียงความนิ่งเฉยของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาให้เขาได้เห็น

     

    เมื่อถึงลานจอดรถ ลูคัสก็เดินนำอีกคนไปยังลูกรักของตัวเองทันที และเมื่อมาร์คเห็นว่าอีกฝ่ายเอาอะไรมารับเขาก็ปั้นหน้าออกมาไม่ถูกจนคนตัวสูงสังเกตเห็นได้และบอกเหตุผลออกไป

     

    พอดีว่ามันเป็นคำสั่งเร่งด่วน ผมก็ขี่มันมาที่นี่เลย

     

    ใช่แล้ว ลูคัสขี่ Ducati Scrambler Cafe Racer สีเงิน-น้ำเงินมารับเขา

    อืม.. มอเตอร์ไซค์กับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก เยี่ยมไปเลย

     

    อ่าหะ มาร์คพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วมองเจ้าดูคาติคันโตเจ้าปัญหา ก็ยังดีที่นั่งซ้อนได้

     

    ถึงมาร์คจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สักเท่าไหร่ แต่เขาก็พอจะรู้บ้างว่าดูคาติบางรุ่นไม่สามารถนั่งซ้อนได้เพราะดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อแข่งความเร็วโดยเฉพาะ หรือบางรุ่นที่มีเบาะสำหรับนั่งซ้อนก็จริง แต่ทั้งเขาและคนตัวสูงต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่ก็อาจจะนั่งไม่สบายเท่าที่ควร แต่เจ้าตัวที่ลูคัสขี่มานั้นยังพอปราณีตัวเขาอยู่พอสมควร

     

    ลูคัสฟังคำวิจารณ์ของหลานท่านประธานาธิบดีอยู่เงียบ ๆ พร้อมกับหยิบถุงมือหนังออกมาจากแจ็กเก็จหนังสีดำของตนขึ้นมาสวมแล้วก้าวขาคร่อมลูกรักทันที เขาหยิบหมวกกันน็อกของตนยื่นให้อีกคน เผื่อคุณต้องการมัน

     

    ไม่อะ มาร์คปฏิเสธมันในทันที

     

    โอเค

     

    ลูคัสพยักหน้ารับแล้วสวมหมวกกันน็อกทันที เขาไม่ใช่คนใจดีเสียเท่าไหร่หรือเป็นประเภทที่ว่าจะต้องทรีตคนอื่นเสียไปหมด ยิ่งเป็นคนที่ปฏิเสธความหวังดีของเขาทันทีแบบมาร์คยิ่งไม่จำเป็นที่จะต้องไปคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายรับมันด้วยซ้ำ

     

    คนตัวสูงสตาร์ทรถแล้วหันไปมองมาร์คที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงแม้ว่าเขาสตาร์ทรถเพื่อบอกอ้อม ๆ ว่าพวกเราควรออกจากที่นี่กันได้แล้วแต่คนตัวเล็กกว่าก็ยังไม่เข้าใจเขา

     

    "ขึ้นรถ

     

    “…”

     

    ด้วยความที่เสียงเครื่องยนต์ดังพอสมควรทำให้มาร์คไม่ได้ยินเสียงของลูคัสและเป็นอีกครั้งที่ลูคัสถอนหายใจออกมาแล้วเปิดกระจกหมวกกันน็อกแล้วเพยิดหน้าสั่งอีกฝ่ายให้ขึ้นรถ

     

    โอเค๊

     

    มาร์คพูดก่อนจะเหยียบขารองเท้าขึ้นคร่อมดูคาติของลูคัส ด้วยความที่พวกเขานั่งกันอย่างใกล้ชิดและมีสติมากกว่าตอนที่ทะเลาะกันที่ห้องของแจฮยอน มาร์คได้ยินกลิ่นของบุหรี่มาร์โบโลไอซ์บลาซที่เขาชอบมาจากลูคัส

     

    คนบ้าอะไรวะมีกลิ่นเฉพาะตัวเป็นกลิ่นบุหรี่

     

    มาร์คคิดในใจก่อนลูคัสจะเริ่มออกตัวจากช่องจอดรถและมุ่งสู่ถนนใหญ่ที่มีปลายทางเป็นบ้านหลังใหญ่ของคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง คนตัวสูงบิดคันเร่งขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเผลอตัวเพราะปกติไม่ค่อยได้ขี่รถให้ใครได้ซ้อน แต่ความเร็วพวกนี้ก็ทำอะไรมาร์คไม่ได้เพราะคนตัวเล็กกว่าก็รักในความเร็วเช่นกัน จนในที่สุดพวกเขาก็ถึงที่หมายกันอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 20นาที

     

    มาร์คเดินเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่รออีกคนและเมื่อเดินเข้ามาถึงโถงกลางของบ้านก็พบว่าอีบยองมินปู่ของเขากำลังนั่งเช็กงานบนไอแพดโดยไม่มองเขาเลยสักนิด ลูคัสที่ตามเข้ามาสมทบก็มองคนเป็นหลานชายครู่นึงก่อนจะเรียกประมุขของบ้านและประเทศ

     

    ท่านครับ

     

    อืม คิดไม่ผิดเลยที่ใช้นายไป บยองมินเงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดก่อนยิ้มชื่นชมลูกชายของบอดี้การ์ดประจำตัวเขาแล้วหันไปทางหลานชายตัวเองที่ยืนหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ ไงล่ะไอ้เสือ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าแกต้องมีคนติดตาม

     

    ปู่

     

    ก็รู้นี่ว่าฉันเป็นปู่ของแกแล้วทำไมไม่ฟัง

     

    ผมโตแล้วไง ดูแลตัวเองได้ อัลฟ่าหนุ่มเถียงออกมาเมื่อคนเป็นปู่เริ่มพูดเรื่องเดิม ๆ

     

    แล้วยังไง

     

    “…”

     

    ถึงแกจะเป็นอัลฟ่าเป็นจ่าฝูงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่กล้าทำร้ายแกนะ คนเป็นปู่พูดพลางจ้องหน้ามาร์คนิ่ง ๆ แต่นั่นก็ทำให้มาร์คหลุบตาหนีในทันที แกเป็นหลานฉัน เป็นหลานของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แกคิดว่าแกจะไม่โดนเพ่งเล็งหรือมีศัตรูเลยหรือไง

     

    “…”

     

    ฉันจะพูดให้แกฟังอีกครั้งนะว่าเกมส์การเมืองไม่ได้ใสสะอาดเสมอไป มีคนบางกลุ่มอยากจะพัฒนาประเทศแต่ก็มีคนบางกลุ่มไม่ต้องการมันเพราะคำว่าผลประโยชน์มันค้ำคอ

     

    “…”

     

    เพราะฉะนั้นอย่ามาห้ามฉันไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของแก

     

    ปู่พูดขนาดนี้แล้วผมทำอะไรได้ล่ะ มาร์คกลอกตาขึ้นมองเพดานก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อปู่ของตนยื่นคำขาดออกมาแบบนี้

     

    ดี บยองมินพูดกับมาร์คแล้วหันไปหาลูคัสที่ยืนฟังทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ ลูคัส

     

    ครับ

     

    ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานหรือเข้าสังกัดที่ไหนใช่ไหม

     

    ครับ

     

    งั้นดี ฉันจะให้นายมาเป็นบอดี้การ์ดคอยติดตามมาร์คแทนทีมอื่น

     

     สิ้นสุดคำพูดของอีบยองมินทั้งมาร์คและลูคัสต่างหันมาสบตากันในทันที ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากคนทั้งคู่ เป็นมาร์คที่ทักท้วงคนเป็นปู่ขึ้นมาก่อน

     

    ปู่ แต่ว่-”

     

    ไม่มีแต่ว่า บยองมินเอ็ดหลานอีกครั้ง ไม่ติดอะไรใช่ไหมลูคัส

     

    ครับ

     

    งั้นคำสั่งของฉันถือเป็นสิ้นสุด

     

     

    To be continued

    #serendipitylm

     

             

              กาวกับน้องในวันนั้นสู่ฟิคเรื่องนี้ในวันนี้ กราบน้องเนเน่ค่ะ 55555 บังเอิญว่าคาแรกเตอร์ลูคัสใน super m เป๊ะกับที่คิดเอาไว้ในหัวเลยก็ปั่นตาแตกเลยค่ะ /สูดทินเนอร์/ เอ็นจอยรีดดิ้งครับ

              ปล. ไม่รับปากว่าตอนจบจะมาตอนไหน แต่ช่วงนี้ก็กาวใช้ได้เลย น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนค่ะ /ภาวนากับเวลาว่างของตัวเองแรงๆ/


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×