ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sf/os serendipity | nct lumark

    ลำดับตอนที่ #16 : (SF) Mondschein (2/4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 845
      91
      19 พ.ค. 62

    Mondschein | kapitel 2

     

             


              วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มินฮยองแทบจะไม่ได้ขยับตัวออกจากเตียงนอนหลังโต ผ้านวมหนาๆที่ทำหน้าที่ปกป้องคนตัวเล็กจากอากาศเย็นๆที่อยู่รอบห้องทำให้เจ้าของห้องนอนขุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มแบบนั้นอย่างลืมเวลา

     

              เมื่อวานพยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีพายุหิมะเข้าปกคลุมประเทศ ทำให้สัญจรหรือออกไปไหนไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ มินฮยองเลยถือโอกาสนอนยาว ๆ ให้ผ้าห่มได้ทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นให้แก่เขา คนตัวเล็กนอนตอบแชทเพื่อน ๆ ที่แวะเวียนมาทักทายกันอย่างไม่ขาดสายตามประสา คนออกไปไหนไม่ได้เหมือนกัน

     

              จนในที่สุดเขาก็อดทนกับความหิวของตัวเองไม่ไหวเลยต้องออกจากผ้านวมหนา ๆ ของตนแล้วเดินไปยังห้องครัวด้านล่างแทน เสียงท้องร้องโครกครากทำให้มินฮยองนึกขำตัวเองที่ขี้เกียจจนทำให้ร่างกายของตัวเองประท้วงออกมาแบบนี้

     

              คนตัวเล็กเลือกที่จะทำอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวผัดและซุปมันฝรั่ง  เวลาที่เขานึกเมนูที่จะกินไม่ออก เขามักจบลงที่ซุปมันฝรั่งเสมอ เรื่องนี้กลายเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาไปแล้ว ซึ่งเขาจำไม่ได้หรอกว่าทำไมตนถึงชอบเจ้าเมนูนี้ แต่คับคล้ายคับคลาว่าตนนั้นจะชอบตามคนรู้จักนั่นแหละ

     

              เขาใช้เวลาไม่นานสำหรับการทำอาหารเพียงที่เดียว มินฮยองเปิดเพลลิสต์โปรดของตนเพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป เขาเป็นคนรักสงบก็จริงแต่ถ้าให้เงียบสงัดจนได้ยินเสียงตัวเองเคี้ยวก็คงน่าเบื่อไม่เบา

     

              ความสงบเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มินฮยองไม่ค่อยได้จากชีวิตในเมือง

     

              ชีวิตปกติของมินฮยองเป็นพนักงานเงินเดือนในบริษัทที่มีชื่อเสียงของประเทศ ด้วยความขยันและความเก่งของเขาทำให้ผู้ใหญ่บริษัทเล็งเห็นความสามารถอันโดดเด่นนี้จนตัวเขากลายเป็นคนในบริษัทที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย ๆ ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าคนเป็นสิบ

             

              แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราบางทีก็มีช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย

    ถ้าเขาจะมีช่วงเวลาสำหรับพักผ่อนบ้างก็คงจะไม่เสียหายหรอกล่ะมั้ง

              .

              .

     

              มินฮยองเดินไปยังห้องแกรนด์เปียโนเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อวันก่อนเขาเจอชีทโน้ตเพลงที่ห้องสมุดโดยบังเอิญ มีเพลงคลาสสิกต่าง ๆ มากมาย ไปจนถึงเพลงดังเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้ว เขาเลยติ๊ต่างเอาเองว่าเจ้าของบ้านคนเก่าคงจะชอบเล่นเป็นเปียโนน่าดู

     

              วันนี้เขาหยิบโน้ตเพลง A thousand years ขึ้นมาเล่น และด้วยความที่เขาชอบเพลงนี้เอามาก ๆ เขาจึงเล่นมันจนแทบที่จะไม่ดูโน้ตเลย มือเรียวเล็กพรมไปตามลิ่มเปียโน ขณะที่ดวงตากลมโตก็หลับพริ้มราวกับซึมซับความหมายของเพลง เขาฮัมเพลงตามท้วงทำนองของเปียโน แต่จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เลยทำให้เขาต้องหยุดเล่น

     

              “เฮ้อ ลืมจนได้สิหน่า มินฮยองบนพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

     

              คนตัวเล็กไม่สนใจที่จะเล่นเพลงโปรดของตนต่อให้จบ เขาลุกจากที่นั่งแล้วทำการปิดเจ้าเปียโนให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิมแล้วเดินไปยังห้องสมุดที่เขาลืมของสำคัญทิ้งเอาไว้ในทันที

     

              .

              .

     

              คืนนี้เป็นอีกคืนที่เขาฝันหลังจากไม่ได้ฝันมาหลายวัน

     

              ในความฝันยามค่ำคืนนี้ มินฮยองก็ยังคงอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เช่นเดิม แต่คราวนี้เขากลับฝันถึงเรื่องราวในอีกฤดูหนึ่ง เป็นฤดูใบไม้ผลิที่เขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตาม ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีไปตามสองข้างทางตัดกับท้องฟ้าสีสันสดใสไร้หมู่เมฆมาบดบัง มินฮยองเดินไปตามถนนเส้นเดิมจนในที่สุดเขาก็มาหยุดที่หน้าบ้านหลังเดิม หลังที่เขาฝันถึงเมื่อคราวก่อนและเป็นหลังที่เขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

     

              เขาได้ยินเสียงของใครสักคนที่เป็นผู้ชายดังมาจากในตัวบ้าน เสียงของใครคนนั้นมีโทนเสียงที่แหบต่ำแต่คงความนุ่มทุ้มเอาไว้ ซึ่งมินฮยองคิดว่ามันมีเสน่ห์มาก ๆ เพียงแค่ได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้น มินฮยองก็นึกภาพชายคนนั้นไปไกลโขเสียแล้ว

              ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนที่หล่อเหลาในระดับหนึ่ง อาจจะมีผู้หญิงสวย ๆ มากมายเข้าหา อาจจะมีลุคที่ดูเป็นเทพบุตรเดินดินอะไรเถือกนั้น อืม มินฮยองคิดว่าอย่างนั้นนะ

     

              หลังจากที่เสียงของชายคนนั้นเงียบไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็ได้ยินเสียงเปียโนดังขึ้นมา มันเป็นบทเพลงคลาสสิกชื่อดังที่มินฮยองมักจะได้ยินประจำตามหนังหรือละคร ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าเพลงนี้มันชื่ออะไร แต่ทำนองมันแฝงไปด้วยความร่าเริงและงดงามราวกับว่าตัวโน้ตของเพลงนี้กำลังเต้นรำอยู่

     

              มินฮยองจึงเดินอ้อมไปยังบริเวณห้องกระจกที่แสนคุ้นเคย แต่ทว่าชายเจ้าของเสียงโทนต่ำปิดผ้าม่านเอาไว้เกือบทั้งหมดจึงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อย เข่ากนด่ากับความงุ่นง่านใจของตัวเองเบา ๆ รวมไปถึงความอยากรู้ว่าใครที่เป็นคนอยู่ในห้องเปียโนแห่งนี้ คนที่เขาฝันถึงมาสองสามครั้งแล้ว

     

              ราวกับพระเจ้าเห็นใจในความใคร่รู้ของคนตัวเล็ก ม่านเจ้าปัญหาไม่ได้ถูกปิดสนิทเสียทั้งหมด มันถูกเปิดแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยคล้ายกับเชื้อเชิญให้มินฮยองได้เดินเข้าไปดูว่าชายเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มคนนั้นคือใคร ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ขัดข้องกับความบังเอิญที่มาพร้อมกับความสงสัยของตนแต่อย่างใด

     

    เขาเดินเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน ดวงตากลมโตจ้องมองไปตรงนั้นด้วยความอยากรู้ระคนระแวงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว มินฮยองค่อยชะโงกเข้าไปมองภายในห้องเปียโนก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดที่แกรนด์เปียโนหลังใหญ่ที่มีชายคนนึ่งนั่งเล่นมันอย่างเพลิดเพลินราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก  

             

              ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะนั่งอยู่แต่ช่วงขาที่ยาวนั่นทำให้รู้ว่าชายผู้นี้ค่อนข้างสูงพอสมควร ร่างกายสมส่วนดูเข้าลักษณะของคนสุขภาพดี ไหนจะสีผิวที่ออกไปทางสีแทนนั่นอีก ทำให้มินฮยองรู้สึกทึ่งในความสมบูรณ์แบบเกินกว่าที่คิดเอาไว้ของชายผู้นี้ ไหนจะถ้วงท่าการเล่นเปียโนนั่นอีก

     

              บอกได้คำเดียวว่าคนตรงหน้าเขานั้นมีเสน่ห์ล้นเหลือ

     

              มินฮยองยังคงลอบมองอีกฝ่ายเล่นเปียโนต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทว่ายิ่งเขามองชายคนนั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ภายในอก หัวใจเจ้ากรรมที่ควรจะเต้นในระดับที่ปกติกลับเต้นเร็วและถี่รัวจนเขาเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เหมือนกับสมองสั่งการว่าเขาควรรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่สิ.. อาจจะเป็นใจเขาเองแหละที่ควบคุมมันไม่อยู่

     

              ไม่ใช่เพราะว่าตื่นเต้นหรือระแวงว่าตนจะถูกคนที่อยู่ภายในห้องจับได้

              แต่มันเป็นอาการของคนที่ไม่ได้รู้สึกถึงอะไรแบบนี้มานาน

     

             

              มินฮยองมองไปที่ชายคนนั้นอีกที ครั้งนี้เขาพยายามเพ่งมองอีกฝ่ายและเก็บรายละเอียดของคนคนนี้ให้ได้มากที่สุด ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกดำ ริมฝีปากเป็นกระจับหนา โหนกแก้มขึ้นชัดคล้ายกับอีกฝ่ายน่าจะโหมงานหนักเสียจนพักผ่อนไม่พอเหมือนช่วงที่เขาต้องปิดงบประจำไตรมาสอย่างไรอย่างนั้น

     

              แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักเท่าไหร่

     

              ประเด็นที่ว่าก็คือมินฮยองคนนี้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาชายคนมาก ๆ ต่างหากล่ะ

              เหมือนกับว่าคนตัวเล็กรู้จักกับชายปริศนาที่เล่นเปียโนนี่มาก่อน

     

     

              .

     

              คนตัวเล็กตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง

     

              เขาพยายามนึกอะไรบางอย่าง ที่ตกผลึกอยู่ในห้วงความทรงจำของเขา ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจไหนจะรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกนั่นอีก เหมือนกับว่านี่เป็นความคุ้นเคยที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน

     

              .

              .

             

              ชายคนนี้เป็นใครกันนะ?

     

     

              ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่นาที แต่ว่าตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นเล่นเพลงบรรเลงจบลงแล้ว ชายหนุ่มประสานมือเข้าหากันก่อนจะยกไปด้านหลังพร้อมกับบิดขี้เกียจแลคลายความเมื่อยเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองมินฮยองอย่างไม่ปิดบังจนคนตัวเล็กต้องสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น

             

     

              .

              .

     

              นั่นทำให้มินฮยองตื่นขึ้นมาจากความฝัน

     

              เวลานี้เป็นเวลาตีสี่กว่า ๆ แล้ว โดยที่มินฮยองก็ยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ในความฝันเมื่อกี้อยู่ ไม่รู้ว่าตัวเองจำความฝันได้ทั้งหมดหรือเปล่า แต่ตอนที่ชายคนนั้น มินฮยองลืมไม่ลงแน่นอน

     

              โดยเฉพาะรอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้เขาตอนที่เขากำลังตกใจอีกฝ่ายจนต้องวิ่งหนีนั่น

              รอยยิ้มอบอุ่นงั้นเหรอ

     

              พูดตามตรงว่าตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น นอกจากอมยิ้มเบา ๆ ท่ามกลางความมืดมิดพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องเสิร์ชหาในกูเกิ้ลหรอกว่ามันเป็นอาการอะไร เพราะมันง่ายนิดเดียวและเขาก็รู้ทันทีเลยว่าตัวเองเป็นอะไร

     

              เขาก็แค่มีอาการเขินคนในฝัน

              เท่านั้นเอง

     

             

     

    วันนี้ฝันถึงบ้านนี้อีกแล้ว

     เสียงเปียโนนั่นทำให้ผมต้องออกตามหาคนที่เล่นเจ้านี่อีกแล้ว

    และผมก็ได้เจอกับเขา คนที่เล่นเปียโนสีขาวหลังนี้

    แถมเขายังมีรอยยิ้มที่อบอุ่นอีกด้วย

    คงจะเป็นฝันที่ดีกว่านี้ ถ้าผมได้รู้ว่าเขาเป็นใคร

     

    และ

     

    เราทั้งสองได้รู้จักกันในชีวิตจริง

                                                                      

    07 December, 20xx

              M.lee

     

     

    หลังจากที่มินฮยองเขียนไดอารี่จบ คนตัวเล็กก็เดินไปทำกิจวัตรประจำวันเฉกเช่นทุกวัน ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะตื่นเร็วกว่าปกติก็ตามที สองเท้าเล็ก ๆ ลากสลิปเปอร์สีขาวไปยังห้องเปียโนด้านล่าง มินฮยองหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นเจ้าเปียโนสีขาวตัวโปรด มันทำให้เขานึกถึงชายคนนั้นที่อยู่ในความฝันของเขา คนตัวเล็กส่ายหน้าออกมาเบา ๆ เพื่อหยุดอาการเพ้อฝันของตน แต่ก็ยังไม่วายเผลอยิ้มอ่อนให้กับความคิดที่เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งหัดมีความรัก ก่อนจะเริ่มพรมนิ้วลงบนลิ่มเปียโนและบรรเลงเพลงที่รักหวาน ๆ สำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนจะอบอุ่นไปทั้งหัวใจของเขาเอง

     

     

     

    To be continued

    #serendipitylm

     

     

    talk; ก่อนอื่นเลย... เห็นอะไรในตอนนี้ไหมคะ?  สำหรับตอนนี้...บอกได้เลยว่ามีบทพูดอยู่ประโยคเดียวตลอดทั้งตอนค่ะ 55555555555 แง ฟีลลิ่งหนังใบ้มากเลยอาจจะดูน่าเบื่อนิดนึงนะคะเพราะพระเอกค่าตัวแพงมากๆ 5555  ระหว่างนี้ก็อ่านบรรยายรอพระเอกไปพลางๆก่อนน้า  แต่เชื่อสิว่าเราไม่ได้แค่บรรยายเอาไว้เฉยๆ XD เจอกันตอนหน้านะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×