คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : (SF) Mondschein (2/4)
Mondschein | kapitel 2
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มินฮยองแทบจะไม่ได้ขยับตัวออกจากเตียงนอนหลังโต
ผ้านวมหนาๆที่ทำหน้าที่ปกป้องคนตัวเล็กจากอากาศเย็นๆที่อยู่รอบห้องทำให้เจ้าของห้องนอนขุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มแบบนั้นอย่างลืมเวลา
เมื่อวานพยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีพายุหิมะเข้าปกคลุมประเทศ
ทำให้สัญจรหรือออกไปไหนไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
มินฮยองเลยถือโอกาสนอนยาว ๆ ให้ผ้าห่มได้ทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นให้แก่เขา
คนตัวเล็กนอนตอบแชทเพื่อน ๆ ที่แวะเวียนมาทักทายกันอย่างไม่ขาดสายตามประสา
คนออกไปไหนไม่ได้เหมือนกัน
จนในที่สุดเขาก็อดทนกับความหิวของตัวเองไม่ไหวเลยต้องออกจากผ้านวมหนา
ๆ ของตนแล้วเดินไปยังห้องครัวด้านล่างแทน
เสียงท้องร้องโครกครากทำให้มินฮยองนึกขำตัวเองที่ขี้เกียจจนทำให้ร่างกายของตัวเองประท้วงออกมาแบบนี้
คนตัวเล็กเลือกที่จะทำอาหารง่าย ๆ
อย่างข้าวผัดและซุปมันฝรั่ง
เวลาที่เขานึกเมนูที่จะกินไม่ออก เขามักจบลงที่ซุปมันฝรั่งเสมอ เรื่องนี้กลายเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาไปแล้ว
ซึ่งเขาจำไม่ได้หรอกว่าทำไมตนถึงชอบเจ้าเมนูนี้
แต่คับคล้ายคับคลาว่าตนนั้นจะชอบตามคนรู้จักนั่นแหละ
เขาใช้เวลาไม่นานสำหรับการทำอาหารเพียงที่เดียว
มินฮยองเปิดเพลลิสต์โปรดของตนเพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป
เขาเป็นคนรักสงบก็จริงแต่ถ้าให้เงียบสงัดจนได้ยินเสียงตัวเองเคี้ยวก็คงน่าเบื่อไม่เบา
ความสงบเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มินฮยองไม่ค่อยได้จากชีวิตในเมือง
ชีวิตปกติของมินฮยองเป็นพนักงานเงินเดือนในบริษัทที่มีชื่อเสียงของประเทศ
ด้วยความขยันและความเก่งของเขาทำให้ผู้ใหญ่บริษัทเล็งเห็นความสามารถอันโดดเด่นนี้จนตัวเขากลายเป็นคนในบริษัทที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย
ๆ ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าคนเป็นสิบ
แต่ก็อย่างว่าแหละ
คนเราบางทีก็มีช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย
ถ้าเขาจะมีช่วงเวลาสำหรับพักผ่อนบ้างก็คงจะไม่เสียหายหรอกล่ะมั้ง
.
.
มินฮยองเดินไปยังห้องแกรนด์เปียโนเหมือนเช่นทุกวัน
เมื่อวันก่อนเขาเจอชีทโน้ตเพลงที่ห้องสมุดโดยบังเอิญ มีเพลงคลาสสิกต่าง ๆ มากมาย
ไปจนถึงเพลงดังเมื่อ 4
– 5 ปีที่แล้ว
เขาเลยติ๊ต่างเอาเองว่าเจ้าของบ้านคนเก่าคงจะชอบเล่นเป็นเปียโนน่าดู
วันนี้เขาหยิบโน้ตเพลง A thousand
years ขึ้นมาเล่น และด้วยความที่เขาชอบเพลงนี้เอามาก ๆ เขาจึงเล่นมันจนแทบที่จะไม่ดูโน้ตเลย
มือเรียวเล็กพรมไปตามลิ่มเปียโน ขณะที่ดวงตากลมโตก็หลับพริ้มราวกับซึมซับความหมายของเพลง
เขาฮัมเพลงตามท้วงทำนองของเปียโน แต่จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
เลยทำให้เขาต้องหยุดเล่น
“เฮ้อ ลืมจนได้สิหน่า” มินฮยองบนพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
คนตัวเล็กไม่สนใจที่จะเล่นเพลงโปรดของตนต่อให้จบ
เขาลุกจากที่นั่งแล้วทำการปิดเจ้าเปียโนให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิมแล้วเดินไปยังห้องสมุดที่เขาลืมของสำคัญทิ้งเอาไว้ในทันที
.
.
คืนนี้เป็นอีกคืนที่เขาฝันหลังจากไม่ได้ฝันมาหลายวัน
ในความฝันยามค่ำคืนนี้
มินฮยองก็ยังคงอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เช่นเดิม
แต่คราวนี้เขากลับฝันถึงเรื่องราวในอีกฤดูหนึ่ง
เป็นฤดูใบไม้ผลิที่เขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตาม
ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีไปตามสองข้างทางตัดกับท้องฟ้าสีสันสดใสไร้หมู่เมฆมาบดบัง
มินฮยองเดินไปตามถนนเส้นเดิมจนในที่สุดเขาก็มาหยุดที่หน้าบ้านหลังเดิม
หลังที่เขาฝันถึงเมื่อคราวก่อนและเป็นหลังที่เขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
เขาได้ยินเสียงของใครสักคนที่เป็นผู้ชายดังมาจากในตัวบ้าน
เสียงของใครคนนั้นมีโทนเสียงที่แหบต่ำแต่คงความนุ่มทุ้มเอาไว้
ซึ่งมินฮยองคิดว่ามันมีเสน่ห์มาก ๆ เพียงแค่ได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้น
มินฮยองก็นึกภาพชายคนนั้นไปไกลโขเสียแล้ว
ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนที่หล่อเหลาในระดับหนึ่ง
อาจจะมีผู้หญิงสวย ๆ มากมายเข้าหา อาจจะมีลุคที่ดูเป็นเทพบุตรเดินดินอะไรเถือกนั้น
อืม… มินฮยองคิดว่าอย่างนั้นนะ
หลังจากที่เสียงของชายคนนั้นเงียบไปได้ไม่เท่าไหร่
เขาก็ได้ยินเสียงเปียโนดังขึ้นมา
มันเป็นบทเพลงคลาสสิกชื่อดังที่มินฮยองมักจะได้ยินประจำตามหนังหรือละคร
ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าเพลงนี้มันชื่ออะไร
แต่ทำนองมันแฝงไปด้วยความร่าเริงและงดงามราวกับว่าตัวโน้ตของเพลงนี้กำลังเต้นรำอยู่
มินฮยองจึงเดินอ้อมไปยังบริเวณห้องกระจกที่แสนคุ้นเคย
แต่ทว่าชายเจ้าของเสียงโทนต่ำปิดผ้าม่านเอาไว้เกือบทั้งหมดจึงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อย
เข่ากนด่ากับความงุ่นง่านใจของตัวเองเบา ๆ
รวมไปถึงความอยากรู้ว่าใครที่เป็นคนอยู่ในห้องเปียโนแห่งนี้
คนที่เขาฝันถึงมาสองสามครั้งแล้ว
ราวกับพระเจ้าเห็นใจในความใคร่รู้ของคนตัวเล็ก
ม่านเจ้าปัญหาไม่ได้ถูกปิดสนิทเสียทั้งหมด
มันถูกเปิดแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยคล้ายกับเชื้อเชิญให้มินฮยองได้เดินเข้าไปดูว่าชายเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มคนนั้นคือใคร
ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ขัดข้องกับความบังเอิญที่มาพร้อมกับความสงสัยของตนแต่อย่างใด
เขาเดินเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน
ดวงตากลมโตจ้องมองไปตรงนั้นด้วยความอยากรู้ระคนระแวงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว
มินฮยองค่อยชะโงกเข้าไปมองภายในห้องเปียโนก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดที่แกรนด์เปียโนหลังใหญ่ที่มีชายคนนึ่งนั่งเล่นมันอย่างเพลิดเพลินราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะนั่งอยู่แต่ช่วงขาที่ยาวนั่นทำให้รู้ว่าชายผู้นี้ค่อนข้างสูงพอสมควร
ร่างกายสมส่วนดูเข้าลักษณะของคนสุขภาพดี ไหนจะสีผิวที่ออกไปทางสีแทนนั่นอีก
ทำให้มินฮยองรู้สึกทึ่งในความสมบูรณ์แบบเกินกว่าที่คิดเอาไว้ของชายผู้นี้
ไหนจะถ้วงท่าการเล่นเปียโนนั่นอีก
บอกได้คำเดียวว่าคนตรงหน้าเขานั้นมีเสน่ห์ล้นเหลือ
มินฮยองยังคงลอบมองอีกฝ่ายเล่นเปียโนต่อไปเรื่อย
ๆ แต่ทว่ายิ่งเขามองชายคนนั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ภายในอก หัวใจเจ้ากรรมที่ควรจะเต้นในระดับที่ปกติกลับเต้นเร็วและถี่รัวจนเขาเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
เหมือนกับสมองสั่งการว่าเขาควรรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่สิ.. อาจจะเป็นใจเขาเองแหละที่ควบคุมมันไม่อยู่
ไม่ใช่เพราะว่าตื่นเต้นหรือระแวงว่าตนจะถูกคนที่อยู่ภายในห้องจับได้
แต่มันเป็นอาการของคนที่ไม่ได้รู้สึกถึงอะไรแบบนี้มานาน…
มินฮยองมองไปที่ชายคนนั้นอีกที
ครั้งนี้เขาพยายามเพ่งมองอีกฝ่ายและเก็บรายละเอียดของคนคนนี้ให้ได้มากที่สุด
ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกดำ ริมฝีปากเป็นกระจับหนา โหนกแก้มขึ้นชัดคล้ายกับอีกฝ่ายน่าจะโหมงานหนักเสียจนพักผ่อนไม่พอเหมือนช่วงที่เขาต้องปิดงบประจำไตรมาสอย่างไรอย่างนั้น
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักเท่าไหร่
ประเด็นที่ว่าก็คือมินฮยองคนนี้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาชายคนมาก
ๆ ต่างหากล่ะ
เหมือนกับว่าคนตัวเล็กรู้จักกับชายปริศนาที่เล่นเปียโนนี่มาก่อน…
.
คนตัวเล็กตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
เขาพยายามนึกอะไรบางอย่าง
ที่ตกผลึกอยู่ในห้วงความทรงจำของเขา
ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจไหนจะรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกนั่นอีก… เหมือนกับว่านี่เป็นความคุ้นเคยที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน
.
.
ชายคนนี้เป็นใครกันนะ?
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่นาที
แต่ว่าตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นเล่นเพลงบรรเลงจบลงแล้ว
ชายหนุ่มประสานมือเข้าหากันก่อนจะยกไปด้านหลังพร้อมกับบิดขี้เกียจแลคลายความเมื่อยเล็กน้อย
ก่อนจะหันมามองมินฮยองอย่างไม่ปิดบังจนคนตัวเล็กต้องสะดุ้งสุดตัว
ก่อนจะวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น
.
.
นั่นทำให้มินฮยองตื่นขึ้นมาจากความฝัน
เวลานี้เป็นเวลาตีสี่กว่า ๆ แล้ว
โดยที่มินฮยองก็ยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ในความฝันเมื่อกี้อยู่
ไม่รู้ว่าตัวเองจำความฝันได้ทั้งหมดหรือเปล่า แต่ตอนที่ชายคนนั้น… มินฮยองลืมไม่ลงแน่นอน
โดยเฉพาะรอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้เขาตอนที่เขากำลังตกใจอีกฝ่ายจนต้องวิ่งหนีนั่น…
รอยยิ้มอบอุ่นงั้นเหรอ…
พูดตามตรงว่าตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น
นอกจากอมยิ้มเบา ๆ ท่ามกลางความมืดมิดพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ
ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องเสิร์ชหาในกูเกิ้ลหรอกว่ามันเป็นอาการอะไร เพราะมันง่ายนิดเดียวและเขาก็รู้ทันทีเลยว่าตัวเองเป็นอะไร
เขาก็แค่มีอาการเขินคนในฝัน…
เท่านั้นเอง
“วันนี้ฝันถึงบ้านนี้อีกแล้ว…
เสียงเปียโนนั่นทำให้ผมต้องออกตามหาคนที่เล่นเจ้านี่อีกแล้ว
และผมก็ได้เจอกับเขา
คนที่เล่นเปียโนสีขาวหลังนี้
แถมเขายังมีรอยยิ้มที่อบอุ่นอีกด้วย
คงจะเป็นฝันที่ดีกว่านี้
ถ้าผมได้รู้ว่าเขาเป็นใคร
และ
เราทั้งสองได้รู้จักกันในชีวิตจริง”
07 December, 20xx
M.lee
หลังจากที่มินฮยองเขียนไดอารี่จบ
คนตัวเล็กก็เดินไปทำกิจวัตรประจำวันเฉกเช่นทุกวัน
ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะตื่นเร็วกว่าปกติก็ตามที สองเท้าเล็ก ๆ ลากสลิปเปอร์สีขาวไปยังห้องเปียโนด้านล่าง
มินฮยองหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นเจ้าเปียโนสีขาวตัวโปรด
มันทำให้เขานึกถึงชายคนนั้นที่อยู่ในความฝันของเขา คนตัวเล็กส่ายหน้าออกมาเบา ๆ เพื่อหยุดอาการเพ้อฝันของตน
แต่ก็ยังไม่วายเผลอยิ้มอ่อนให้กับความคิดที่เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งหัดมีความรัก ก่อนจะเริ่มพรมนิ้วลงบนลิ่มเปียโนและบรรเลงเพลงที่รักหวาน
ๆ สำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนจะอบอุ่นไปทั้งหัวใจของเขาเอง
To be
continued
#serendipitylm
talk; ก่อนอื่นเลย...
เห็นอะไรในตอนนี้ไหมคะ? สำหรับตอนนี้...บอกได้เลยว่ามีบทพูดอยู่ประโยคเดียวตลอดทั้งตอนค่ะ
55555555555 แง ฟีลลิ่งหนังใบ้มากเลยอาจจะดูน่าเบื่อนิดนึงนะคะเพราะพระเอกค่าตัวแพงมากๆ
5555 ระหว่างนี้ก็อ่านบรรยายรอพระเอกไปพลางๆก่อนน้า
แต่เชื่อสิว่าเราไม่ได้แค่บรรยายเอาไว้เฉยๆ XD เจอกันตอนหน้านะคะ
ความคิดเห็น