คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : (OS) เสียอาการ
(OS) เสียอาการ
Rate: PG
Total words: 2,430 words
Note: AU-Thai กรุ๊งกริ๊ง คำศัพท์เกี่ยวกับเรื่องบางอย่างอาจจะผิดพลาดไป ขออภัยล่วงหน้านะคะ จะหาเวลามาแก้น้า
ลูคัส – คิรากร
มาร์ค – มิวนิค
จิณณ์ – จองอู
คิรากรกำลังรู้สึกแปลก ๆ
ท่ามกลางความโกลาหลของสต๊าฟนับสิบคนที่เดินสวนกันไปมาอยู่ในสตูดิโอแห่งนี้ ไม่ได้ทำให้นายคิรากร กิตติ์ภัทรกุลคนนี้รู้สึกรำคาญหรือเวียนหัวเลยสักนิด
ไม่สิ เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนรอบ ๆ ข้างตัวเองนั้นกำลังทำอะไรอยู่
ในเมื่อสายตาของเขาจดจ้องไปที่คนที่กำลังยืนหัวเราะอยู่กับชายหนุ่มอีกคนที่เขาเดาเอาเองว่าน่าจะเป็นเพื่อนของอีกฝ่ายอยู่อีกฝากหนึ่งของสตูดิโอ อากัปกริยาที่มองดูแล้วเพลินตาและรอยยิ้มที่สดใสราวกับพระอาทิตย์ยามเช้านั่น…
มันทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย!!
“…ระ…”
“…”
“ไอ้คิรา..!”
“หะ หา?” คิรากรหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นไอ้จิณณ์เพื่อนสนิทต่างคณะของเขาเองที่กำลัง ยืนดูดน้ำจ้องเขาอย่างจับผิดอยู่ เขาได้แต่ขมวดคิ้วมองมันอย่างสงสัย “มึงมีอะไรวะ”
“มึงมองอะไรวะ”
“หะ?! อะไรวะ!? มองอะไรอะ ใครมอง!! ไหน อะไรของมึงเนี่ย??” คิรากรรีบปฏิเสธเป็นพัลวันแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเพื่อนเดือนของตัวเองไปได้
“แหม เลิ่กลั่กเชียวนะมึง…” จิณณ์ลากเสียงยาว “พูดผิด ๆ ถูก ๆ แบบนี้กูเชื่อก็ควายแล้วปะวะ”
จิณณภัทรหรือจิณณ์ เดือนวิศวะภาคคอมฯ กำลังอมยิ้มหยอกล้อเพื่อนตัวสูงอย่างมีเลศนัยก่อนจะยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าหงุดหงิดตัวเองอย่างอารมณ์ดี
“มองก็บอกว่ามองสิวะ กูไม่แซวหรอก” จิณณ์ตบบ่าคิรากรพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“แล้วที่มึงพูดอยู่ตอนนี้ไม่เรียกว่าแซว?”
“ก็แซวนั่นแหละ”
“สัด”
“ดุจริงพ่อ” จิณณ์แกล้งบีบเสียงเล็ก ๆ ก่อนจะร้องโอดโอยเมื่อคิรากรชกไหล่ตัวเอง ถึงจะไม่เต็มแรงแต่จิณณ์ก็คิดว่าเจ็บพอสมควร “เข้าเรื่องก็ได้วะ เมื่อกี้พี่อิงอรเขามาบอกกูว่ามึงจะได้ถ่ายคิวที่ 7 ให้ไปเตรียมตัวเข้าเซ็ตติ้งตอนคิวที่ 5 เริ่มถ่าย เดี๋ยวพี่เขาจะบรีฟมึงอีกที เก็ท?”
“เออ” คิรากรพยักหน้าตอบรับอีกฝ่าย ก่อนจะหันกลับไปยังอีกฟากของสตูดิโออีกครั้ง ก็พบว่าคนตัวเล็กที่เขาแอบมองอยู่นั้นได้หายไปจากกรอบสายตาของตนแล้ว
หายไปไหนแล้ววะ
ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสตูดิโอที่กำลังถ่ายโฟโต้ชู้ตแอมบาสเดอร์ของมหาลัย ซึ่งมีคนมากมายทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกำลังวุ่นวายกับหน้าที่ของตัวเองอยู่ ไม่แปลกที่เขาจะได้พบเจอทั้งคนที่ตัวเองรู้จักมักจี่กันมาก่อนหรือแม้กระทั่งพวกหน้าใหม่ที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็มี ซึ่งเดือนคณะวิทย์ฯกีฬาอย่างเขาก็ต้องมายืนเด๋อตรงมุมสตูรอสต๊าฟเรียกไปทำนู่นทำนี่กับเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างจิณณภัทร
“เนี่ยมึงมองหาใครจริง ๆ ด้วยว่ะ” จิณณ์พูดออกมาพร้อมกับมองหาบุคคลที่ไม่รู้ว่าใครไปมา
“ยุ่งจังวะมึงอะ”
“เออ กูเสือกเอง แต่สวยปะวะคนที่มึงมองอะ”
“หึ”
“แล้วมองทำไมวะ”
“น่ารักต่างหาก” คิรากรยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงอีกคนตอนกำลังพูดนู่นนี่กับคู่สนทนาไม่หยุด
“นั่น! เขาเอาว่ะ ใจมันได้ ว่าแต่คนไหนวะ”
“ไม่รู้”
“อ้าว”
“ก็มึงชวนกูคุยเขาเลยหายไป”
“เวร” จิณณ์ตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ
“เออ ไม่เป็นไรมึง กูก็แค่เห็นว่าเขาน่ารักดี”
คิรากรหัวเราะให้กับความตื่นเต้นเกินเบอร์ของเพื่อนตัวเอง เพราะจิณณ์ดูจะลุกลี้ลุกลนกับคนคนนั้นมากกว่าเขาที่เป็นคนเจอเสียอีก ความจริงเขาก็รู้สึกเสียดายนิด ๆ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อขาทั้งสองข้างของตนมันไม่ขยับตามใจของตนที่ลอยไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่แรกที่ได้เห็นนี่หว่า ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย
ป๊อดเองก็นกไปตามระเบียบ
คิรากรคิด ก่อนจะกดความคิดนี้เอาไว้ลึกสุดใจ
หากใครได้รู้คงต้องหัวเราะใส่เขาเป็นแน่
“น้องคิรา”
“ครับ?” คิรากรหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของพี่อิงอรที่เป็นประธานสโมฯเรียกชื่อของตน
“เดี๋ยวน้องคิราต้องไปสแตนด์บายแล้วนะคะ นู่นนน เห็นกลุ่มคนหน้าตาดีตรงโน้นไหมคะ? น้องคิราไปยืนรวมเลยเนอะ”
“ฮ่าๆ กลุ่มคนหน้าตาดีหรอครับ? ผมว่าผมไปยืนตรงนั้น ผมต้องขี้เหร่แน่เลยอะพี่” คิรากรแกล้งพูดขำ ๆ ออกมาตบมุกอีกฝ่าย
“บ้า น้องคิราเป็นตั้งเดือนมหาลัยปะคะ ทำมาพูดดี เดี๋ยวพี่หมั่นไส้ซะเดี๋ยวนี้เลย” อิงอรพูดก่อนจะดันหลังคนตัวสูงให้ไปยืนรวมกับคนอื่น ๆ “ไปเลย ไม่ต้องมาเล่นแล้ว ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“ครับ ๆ ไปแล้ว ๆ”
คิรากรหัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลายเมื่อได้คุยกับพี่ที่สนิท เขาเดินล้วงกระเป๋าไปยังกลุ่มเดือนคณะที่กำลังจับกลุ่มทำความรู้จักกันอยู่ ก่อนจะเดินไปยังจิณณ์ที่ไม่รู้ว่ามันเดินมานี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังไม่เรียกเขาอีก
“มึงมานี่ มะ...”
“อ้าว กว่าจะโผล่หัวโผล่หางมาได้นะมึงอะ”
ยังไม่ทันที่คิรากรจะพูดจบ จิณณ์ก็พูดขึ้นมา แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เขาหยุดพูดหรอกนะ สาเหตุที่ทำให้เสียงเขาหายไปนั่นยืนอมยิ้มอยู่เยื้อง ๆ กับเพื่อนสนิทของเขามากกว่า
คนที่เขาแอบมองเมื่อ10นาทีที่แล้วนั่นแหละ…
“เออ มึงมาก็ดี กูจะแนะนำให้มึงได้รู้จัก แต่จริง ๆ กูก็เพิ่งรู้จักมิวมันเมื่อกี้นี่เองเหมือนกันว่ะ”
จิณณ์ที่ไม่ได้มองปฏิกิริยาเพื่อนตัวเองก็พูดไม่หยุดอย่างอารมณ์ดี ส่วนคนตัวสูงมองคนตรงหน้าตาค้าง คนตรงหน้าเขาสูงถึงแค่ประมาณหูของเขา ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตตัดเข้าทรงกับรูปหน้าเล็ก ๆ นั้น ไหนจะดวงตาสีน้ำตาลเข้มเข้ากันดีกับแว่นกรอบกลม ๆ ทรงคุณปู่สีเงินที่อยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นอีก…
“มิวนี่ไอ้คิรานะ ส่วนมึงนี่มิวนิคเดือนมนุษย์ฯนะ”
“สวัสดีคิรา เรามิวนิคนะ”
.
.
.
แม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ!!
“..รา คิรา… คิราเป็นอะไรหรือเปล่า?” คนตัวเล็กทำหน้าตาตื่นก่อนจะโบกมือไปมาตรงหน้าคิรากร
“อะ..อ๋อ เปล่า ๆ ไม่อะไร”
“อ่าหะ งั้นเอาใหม่ เราชื่อมิวนิคนะ เรียนมนุษย์ฯแหละ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“คิรากรนะ”
“หืม?”
มิวนิคทำหน้างุนงงใส่คนตัวสูง ดวงตากลมโตกลอกไปอย่างใช้ความคิด ก่อนจะค่อย ๆ ขมวดคิ้วเป็นปม ซึ่งการกระทำนี้อยู่ในสายตาของคิรากรทั้งหมด เขารู้สึกว่าภาพทุกอย่างมันเบลอจนเห็นแค่คนตัวเล็กชัดเพียงอย่างเดียว หูเริ่มอื้อจนได้ยินเพียงแค่เสียงน่ารัก ๆ ของคนตรงหน้าเขาเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งอีกฝ่ายอ้าปากถามอะไรสักอย่างกับเขา เขาจึงรู้สึกตัวอีกที
“…”
“หะ มิวนิคถามเราใหม่ได้ไหม”
“ได้สิ เราแค่จะสงสัยว่าทำไมจิณณ์เรียกคิราว่าคิราแต่ทำไมคิราเรียกตัวเองว่าคิรากรอะ คิราคือชื่อเล่นหรอ? เรางงอะ”
ให้ตายเถอะมิวนิค
แค่คิดหรือสงสัยยังน่ารักเลย..
“อ๋อ…ก็...คิรากรอะชื่อจริง”
“แล้วชื่อเล่น?”
“ไม่มีครับ ที่บ้านเราก็เรียกว่าคิรากรอย่างเดียวเลยแต่เพื่อน ๆ เราขี้เกียจเรียกชื่อเต็ม ๆ ของเราเลยเรียกเราแค่คิรา”
“อ๋ออออ” คนฟังพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ “งั้นเราต้องเรียกคิรากรยังไงอะ”
“แล้วแต่มิวนิคเลย”
“อืมม…ไม่รู้ว่าคิรากรนับเราเป็นเพื่อนหรือยัง จริง ๆ เราก็อยากเรียกคิรากรว่าคิราแต่ว่า...”
“เป็นแล้วสิ มิวเป็นเพื่อนเราแล้ว”
“โอเค๊ เราเป็นเพื่อนกันแล้วเนอะ นึกว่าถ้าไม่ให้เป็นเพื่อนจะเป็นแฟนสักหน่อย”
.
.
.
“อ้าว นิ่งไปเลย เราขอโทษษษษษ คิราไม่ชอบแน่เลย ๆ เราไม่เล่นแล้ว ๆ โอ๊ยเราลืมตัว เราชอบแกล้งเพื่อนแบบนี้อะ ฮือ ขอโทษนะ” มิวนิคเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป คนตัวเล็กได้ทำท่าถูมือไปมา ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายอย่างปลกๆ
โดยไม่ได้รู้เลยว่าที่อีกฝ่ายนิ่งเพราะไม่ได้โกรธ
แต่เขินจนพูดไม่ออกต่างหาก
“คิราาาา”
“เปล่า ๆ เราไม่ได้โกรธมิวเลย ๆ” คิรากรบอกอย่างลุกลี้ลุกลน
“จริงมิว มันไม่ได้โกรธมิวหรอก เนอะคิราเนอะ”
ไอ้จิณณ์…
จิณณภัทรที่เงียบไปนานก็โพลงขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ดวงตาที่เป็นประกายราวกับลูกสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเว่อร์ได้เล่นสนุกหันไปสบมองเพื่อนตัวสูงอย่างมีเลศนัย เขาลอบมองดูเพื่อนสนิทตัวเองคุยกับเพื่อนใหม่อย่างเงียบ ๆ และพบว่าคิรากรเพื่อนเขาทำตัวแปลก ๆ ท่าทางกระโตกกระตาก มือไม้ที่อยู่ไม่สุขนั่นอีก
แน่นอนเลย…
สาเหตุที่คิรากรทำตัวไม่ถูกก็คือมิวนิคแน่นอน
จิณณภัทรฟันธง!
“อืม” คิรากรตอบก่อนจะส่งสายตาห้ามปรามเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังล้อเลียนไม่หยุด
“ไม่โกรธเราจริง ๆ นะ?” มิวนิคถามอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ก่อนจะทำหน้าโล่งอกเมื่อคนตัวสูงพยักหน้าอีกครั้ง “เฮ้อ โล่งอกไปเลย เราเข้าสังคมไม่เก่งอะ เลยนึกว่าเล่นมุกแบบนี้แล้วคนจะชอบแล้วผูกมิตรได้ง่ายซะอีก คราวหลังไม่เล่นแล้ว”
“อืม เราว่ามิวนิคไม่เล่นอะดีแล้ว” คิรากรพูดสำทับอีกฝ่าย
“มันไม่เวิร์กใช่ไหม”
“เปล่า...”
“อ้าว”
มันน่ารักเกินไปต่างหาก!
ไม่อยากให้เล่นกับใครเลย หวง!
“เปล่า ไม่อะไร”
“โอเค ไม่ถามต่อก็ได้ ว่าแต่คิราได้ถ่ายคนที่เท่าไหร่หรอ”
“คนที่ 7 ครับ เดี๋ยวเราต้องไปทำธุระต่อ พี่อิงอรเลยจัดคิวให้เราแบบนี้”
“เราคนที่ 8 แหละ ดีเลยต่อคิรา เราจะได้มีเพื่อนคุย อ๋อ! แล้วไม่ต้องพูดครับกับเรานะ มันแปลก ๆ อะ” มิวนิคพูดพลางเกาแก้ม
“อ่า..ครับ”
“คิรา!!”
“เอ้ย!! ขอโทษครับ!!”
“…”
“มะ..ไม่พูดแล้ว”
คิรากรรีบแก้คำพูดของตนเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มทำหน้างอแงใส่ เขาเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อตัวเองรู้สึกว่าตัวเองกำลังขัดใจเพื่อนตัวเล็ก เขาพูดรัว ๆ ออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะเบา ๆ ของจิณณ์ ก่อนเพื่อนสนิทจะรู้ตัวและแกล้งทำเป็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำและจะไปนั่งรอสักหน่อย เพราะคิวของตนอยู่เกือบท้าย ๆ ถ้าให้ยืนตั้งแต่ตอนนี้คงจะเมื่อยเอา
“จิณณ์ไปแล้วอะ” มิวนิคพูดออกมาเมื่อเห็นร่างสูง ๆ ของจิณณ์เดินออกไปห้องน้ำ
“อืม...”
“คิราคุยไม่ค่อยเก่งหรอ”
“อ่า… ก็นิดนึง” คนตัวสูงเกาแก้มเบา ๆ อย่างเก้อเขิน
คุยไม่เก่งก็แย่แล้ว เมื่อกี้ยังแซวเล่นกับพี่อิงอรอยู่เลยเหอะ
แต่ตอนนี้อะแย่จริง เพราะพูดไม่ออกเลย มัวแต่เขินคนน่ารักจนเกร็ง
จะบ้าตายแล้วโว้ย
“ว่าแต่...ทำไมเราไม่เคยเห็นมิวนิคเลยอะ”
เมื่อทั้งสองเริ่มเงียบไป กลายเป็นว่าคิรากรเป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นมาได้ซะอย่างนั้น ใครเขาอยากจะเงียบให้เสียเวลาทำความรู้จักกันล่ะ ของแบบนี้มันไม่ได้หาโอกาสได้ง่าย ๆ สักหน่อย
“อ๋อ” คนตัวเล็กกว่าเขาดันแว่นทรงกลมเข้าที่ก่อนจะยิ้มแหะออกมา “ตอนประกวดอะ เป็นไข้หวัดใหญ่ มาไม่ได้ก็เลยต้องสละสิทธิ์อะ”
“ถึงว่า”
“อื้อ แต่คิราเก่งมากเลยน้า จิณณ์บอกว่าเพื่อนจิณณ์เป็นเดือนมหาลัย แสดงว่าเพื่อนจิณณ์คนนั้นก็คือคิราอะดิ ยินดีด้วย ๆ”
“ขอบคุณคะ...”
“แหนะ”
“นะ”
มิวนิคยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อคนตัวสูงไม่ผิดสัญญากับเขา คนตัวเล็กหันไปดูการถ่ายโฟโต้ชู้ตตรงจอไอแมค ก่อนจะชื่นชมการถ่ายทำไปเรื่อย ๆ โดยอยู่ในสายตาของคิรากรตลอด
“คิราว่ามิวควรโพสต์ท่าไหนดีอะ”
“หืม?”
“จะยกมือลูบท้ายทอยหรือกอดอกดีอะ?” คนตัวเล็กพูดพร้อมทำท่าประกอบเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนตัวสูง
“ทำท่าแบบธรรมชาติก็พอแล้ว แค่นี้มิวก็ดีแล้ว”
“เอางั้นหรอ?”
“อืม”
“โอเค๊ งั้นเราจะรอดูคิราทำแล้วเราค่อยทำตามแล้วกัน”
“โอเค” คิรากรหัวเราะ “แต่เรายืนเฉย ๆ ก็หล่อแล้วอะ”
“โหย เป็นคนแบบนี้หรอเราอะ”
“พูดเล่นหน่า แต่เดี๋ยวจะถึงคิวเราแล้วอะ”
“อื้อ สู้ ๆ นะ”
ยังไม่ทันที่คิรากรจะเผยความต้องการออกมาเขาก็โดนอีกฝ่ายน็อกด้วยคำพูดน่ารักประกอบท่าทางอีกแล้ว คนตรงหน้าเขายิ้มหวานให้พร้อมกับกำมือชูขึ้นตรงหน้าพร้อมกับเขย่าเบา ๆ จนเขาพูดอะไรไม่ออกยืนนิ่งจนหูแดงจนอีกฝ่ายทักว่าเป็นอะไร
“อ๋อ เราว่าห้องมันเริ่มร้อนน่ะ”
“คิราขี้ร้อนเหมือนเพื่อนเราเลยอะ”
“หรอ?”
“ช่ายยย ว่าแต่เสร็จงานนี้ต้องทำธุระต่อใช่ปะ”
“อืม อาจารย์นัดเราคุยงานอะ”
“โอเค งั้นเราขอไลน์คิราหน่อยสิ”
“หะ…”
“จะชวนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันในฐานะเพื่อนใหม่ คิราสะดวกหรือเปล่า?”
“…”
“คิรา?”
“… kirakorn.nine คะ…ครับ”
“โอเค เดี๋ยวเราทักไปนะ”
“ครับ…”
ถ้าถามว่าวันนี้คิรากรเสียอาการให้มิวนิคไปแล้วกี่รอบ …เขาก็จะตอบว่านับไม่ถ้วน
โรคภูมิแพ้มิวนิคโคตรอันตรายต่อหัวใจจริง ๆ
end .
#serendipitylm
ก็คือจะมาสั้น ๆ แต่ได้มายาวกว่าที่คิดเอาไว้ (มาก) ตอนแรกจะหาเวลาว่างมาแต่ง(ซึ่งตอนนี้แทบจะไม่ว่างเลย) แต่มันอดไม่ได้ u__u ก็เลยแต่งมันซะเลย คิดถึงลูมาร์ควนไปค่ะ! เรื่องนี้มาเรื่อย ๆ เน้อ ไม่มีพล็อตอะไรนอกจากอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรลูคัสเสียอาการให้กับน้องมาร์ค ;-; เอนจอยด์รีดดิ้งค่า
ความคิดเห็น