สิ่งที่มองไม่เห็น
เมื่อคุณนั่งอยู่อย่างโด่ดเดียว คุณเคยหันไปมองข้างๆ บ้างหรือไม่.. สิ่งที่มองไม่เห็นน่ะ อาจกำลังพิโรธ ก็เป็นได้ :)
ผู้เข้าชมรวม
105
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พวกผู้ใหญ่สอนเสมอ อย่ากลัวสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะมันเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของความคิดที่เราจินตนาการขึ้นเอง แต่ถ้าเราไม่ได้จินตนาการมันมาขึ้นเองจริงๆ ล่ะ และถ้ามันเกิดมีตัวตนขึ้นมาล่ะ…
เฮลีย์ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ริมระเบียงชั้นสองของบ้านหลังเล็กๆ ในลอนดอน สายลมเย็นวูบพัดเอาอากาศหนาวมาสู่ใบหน้าและร่างกาย ความหนาวเหน็บที่กรีดใบหน้าจนเจ็บแสบ ไม่ได้ทำให้เด็กสาวลุกกลับเข้าไปในห้องนอน บางอย่างบอกกับเฮลีย์ให้นั่งอยู่อย่างนั้น บางอย่างที่มองไม่เห็น บางอย่างที่เป็นเพื่อนกับเธอ เสียงกระซิบจากความว่างเปล่าข้างๆ ตัวเธอ พูดด้วยเสียงที่แหบมาก จนเฮลีย์ต้องเอนตัวไปทางต้นเสียง
“เฮลีย์…พี่สาวของเธอ และแฟนของหล่อนไม่สมควรที่จะมีชีวิตต่อไป”
“เธอจะทำอะไร”
ความไร้เดียงสาของเฮลีย์เด็กน้อยวัย 11 ปี ทำให้สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นตอบกลับมา คล้ายเสียงที่ดูมีความสุขมาก
“ฉันจะฆ่าพี่สาวของเธอ เธอ..ต้องช่วยฉัน” เสียงกระซิบที่ลากยาวฟังดูน่ากลัว เฮลีย์ใจสั่นมากขึ้น
“ไม่ได้นะ เธอฆ่าเขาไม่ได้ พ่อกับแม่จะต้องดุฉันแน่ๆ”
เฮลีย์นั้นหวาดกลัวเต็มที เธออยากกลับเข้าห้องเสียตอนนี้ ติดอยู่ที่ร่างกายของเธอขยับไม่ได้เลย น้ำตาเริ่มไหลออกมา เสียงสะอื้นของเฮลีย์ถูกกลบด้วยเสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวของสิ่งที่มองไม่เห็น
“เธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแล้วใช่มั้ย งั้นเธอ..ตายซะ!”
เช้าวันรุ่งขึ้น ตำรวจและนักข่าวมากมายมาออกันอยู่ที่บ้านเลขที่ 12 แห่งนี้ นางเคชเซียผู้เป็นแม่ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ พลางกอดทิงเจอร์ลูกสาวคนโต ทิงเจอร์มองดูศพของน้องสาวอย่างไร้ความรู้สึก เธอควรเสียใจสิ แต่ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาสักหยด วูบหนึ่งที่เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองนั้นถูกกระชากจากด้านใน บางสิ่งที่เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเธอ เมื่อนางเคชเซียปล่อยเธอแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปยังระเบียงชั้นสอง ที่ซึ่งน้องสาวของเธอตกลงไปและเสียชีวิต
เมื่อมาถึงระเบียง ทิงเจอร์เริ่มรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าที่ก่อตัวขึ้นมาในหัวใจ น้ำตาเริ่มไหลอย่างช้าๆ เธอใช้มือปัดมันออก และฟุบตัวลงกับพื้น ทันใดนั้น บางอย่างจับที่บ่าของเธอ ทิงเจอร์หันหลังกลับไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครอยู่ในห้องหรือบริเวรระเบียงเลย ความกลัวเริ่มก่อขึ้นมา ทิงเจอร์วิ่งลงมาชั้นลางอย่างรวดเร็ว
“คุณนายเคชเซีย ผมมีบางอย่างที่ต้องบอกให้คุณทราบ เอ่อ อย่างลำพัง”
อเล็กกล่าว อเล็กนั้นเป็นตำรวจนายหนึ่งที่นางเคชเซีย รู้จักในฐานะแฟนของทิงเจอร์ เมื่อนางเคชเซียเดินมาถึงที่ปลอดผู้คน อเล็กก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“ผมเสียใจด้วยสำหรับเรื่องเฮลีย์ครับ” อเล็กกล่าว
นางเคชเซียไม่ตอบ แต่พยักหน้าให้ และใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหน้าตาอีกหน
“เรื่องหนึ่งคือ ผมไม่คิดว่าเฮลีย์จะกระโดดฆ่าตัวตาย” อเล็กพูดโดยไม่มองหน้านางเคชเซีย แต่เสียงสะอื้นที่ดังอยู่นั้นเป็นเชิงว่านางเคชเซียรับรู้แล้ว “ผมพบว่ามือของเฮลีย์อยู่ในสภาพที่ถลอกปอกเปิด เนื่องจากเธอพยายามเกาะระเบียง และนั่นหมายความว่าเธอไม่อยากตกลงไปข้างล่างนั่นหรอก”
“ขอบคุณสำหรับคำปลอบอเล็ก ฉันซึ้งในน้ำใจของเธอมากนะ แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายบ้านเพื่อ เอ่อ ลบล้างความทรงจำอันเลวร้าย”
อเล็กแทบไม่เชื่อหูตนเอง ถ้านางเคชเซียย้ายบ้านไป เขาจะพบทิงเจอร์ได้อย่างไรอีก
ไม่มีเวลามากพอให้ทิงเจอร์ไปบอกลาอเล็ก แต่เธอก็พบว่าอเล็กนั้นขับรถกระบะติดตามเธอมาด้วย เมื่อครอบครัวของเธอย้ายมาอยู่โรมาเนีย ในดินแดนที่แสนไกลจากลอนดอน อเล็กปรากฏต่อหน้านายเคชเซียและนางเคชเซีย ทั้งคู่ดูตกใจพอควร แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลของอเล็ก ที่บอกว่าจะมาช่วยปกป้องทิงเจอร์นั้น พวกเขาก็ตอบตกลง และยังอนุญาตให้ อเล็กนอนห้องเดียวกับทิงเจอร์ เนื่องจากทิงเจอร์บรรลุนิติภาวะเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ในช่วงเวลาค่ำคืนหนึ่ง ทิงเจอร์ออกไปเดินข้างนอกบ้านซึ่งเป็นป่าทึบ มีเพียงบ้านร้างหลังหนึ่ง ที่ตั้งคู่กันกับบ้านชั้นเดียวที่ครอบครัวเคชเซียซื้อไป อเล็กยืนยันว่าเขาต้องเดินไปเป็นเพื่อน เมื่อทิงเจอร์นึกถึงรอยยิ้มที่น้องสาวเคยยิ้มให้นั้นเธอก็น้ำตาไหลในแทบทันที อเล็กปลอบใจโดยการจูบเบาๆ ให้
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าบ้านร้าง เสียงลมดังหวีดหวิวอยู่ในหัวใจ ทำให้ทิงเจอร์จินตนาการไปไกลถึงสิ่งที่มองไม่เห็น อเล็กเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสามของบ้านร้าง ซึ่งมีท่าทีไม่ปกติ และหน้าตานั้นเละไม่ต่างกับศพ ขนที่แขนลุกชัน หมาจรจัดที่เพิ่งเดินหายไปในป่า โหยหวนอย่างน่าสยดสยอง อเล็กกลัวจับใจจึงรีบชวนทิงเจอร์กลับเข้าบ้านทันที
เช้าวันถัดมา อเล็กพยายามไม่พูดเรื่องเมื่อคืนให้ใครฟัง เช้านี้บนโต๊ะอาหารจึงมีบรรยากาศดีขึ้น ครอบครัวเคชเซียเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบ้านหลังใหม่ และเรื่องบ้านร้างข้างๆ แต่ยังไม่มีใครยกเรื่องของเฮลีย์มาเป็นหัวข้อ
เมื่ออาหารในจานเริ่มพร่องไปแล้วบ้าง ทิงเจอร์รู้สึกปวดท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ และรู้สึกเหมือนช่องคลอดบิดตัวอย่างแรง เธอจึงขอไปนอนในห้องก่อน อเล็กซึ่งกำลังจะอาสาไปดูแลทิงเจอร์ แต่ก็ถูกนางเคชเซียรั้งไว้ และบอกว่าให้เข้าเมืองไปซื้อของเพื่อทำอาหารในมื้อต่อๆ ไป
ทิงเจอร์เริ่มมีเหงื่อออกท่วมตัว จนเกือบจะคล้ายคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ช่องคลอดยังบิดไปมาอยู่ และท้องไส้ของเธอก็บิดไปมาเช่นกัน เธอรับรู้ได้ว่าบางอย่างพยายามบีบคอเธอ เธออยากจะกรีดร้องออกมา แต่ร่างกายกลับขยับตัวไม่ได้ เธอเริ่มจะมีอาการขาดอากาศหายใจ โคมไฟที่หัวเตียงหล่นแต่โดยที่เธอนั้นไม่ได้แตะต้องเลยสักนิด น้ำตาที่เป็นน้ำตาของความกลัวนั้นไหลลินออกมา เสียงหัวเราะปริศนาของเด็กดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งในห้อง เมื่อเสียงเคาะประตูของนางเคชเซียดังขึ้น ทิงเจอร์ถึงได้รู้สึกปลดจากพันธนาการอันน่ากลัว เธอรีบผละจากเตียงแล้ววิ่งไปหานางเคชเซียผู้เป็นแม่
“เป็นอะไรมากรึเปล่าทิงเจอร์ แม่ได้ยินเสียงบางอย่างตก!” นางเคชเซียร้องอย่างตกใจ
เมื่อนางเคชเซียเหลือบไปเห็นโคมไฟทีตกแตกอยู่ที่พื้น เธอจึงรีบเรียกนายเคชเซียมาช่วยเก็บกวาด และพยุงทิงเจอร์ไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
เมื่อทิงเจอร์ได้นั่ง และพยายามจะพูดเรื่องเมื่อสักครู่ที่เกิดขึ้นกับเธอ จู่ๆ เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาผูกลิ้นเธอเอาไว้ เมื่อเคชเซียเห็นสีหน้าของทิงเจอร์ เธอจึงเข้าใจว่าลูกตนนั้นไม่สบายจนพูดไม่ออก อเล็กกลับมาพอดี เมื่อเห็นทิงเจอร์ที่นอนขดอยู่ในอ้อมกอดของนางเคชเซีย ก็รีบวางของ แล้วเข้าไปนั่งข้างๆ นางเคชเซียที่โซฟา
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอกับคุณนายเคชเซีย”
“ไม่ต้องห่วง ทิงเจอร์แค่ไม่สบายหนัก ดีแล้วที่เธอมา ช่วยพาทิงเจอร์ไปนอนที่ห้องด้วย เดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้” นางเคชเซียพูดพลางพยุงทิงเจอร์ให้กับอเล็ก
เมื่อมาถึงห้องนอนได้ราวๆ สามนาที นางเคชเซียก็ตามมาพร้อมกับกะละมังขนาดเล็ก และผ้าผืนหนึ่งซึ่งแช่อยู่ในน้ำแล้ว ทิงเจอร์นั้นหลับไปตั้งแต่ถูกวางลงบนเตียง
“ฝากดูแลทิงเจอร์ด้วย” นางเคชเซียพูดอย่างอ่อนใจ
ขณะที่อเล็กกำลังบิดผ้าที่ชุ่มน้ำอยู่นั้น น้ำในกะละมังเริ่มเปลี่ยนเป็นเลือด อเล็กเกือบจะซัดมันไปให้พ้น แต่เพียงเสี้ยววินาทีเลือดก็กลับกลายเป็นน้ำเหมือน เขาสะบัดหัวไล่ภาพเด็กหญิงหน้าเละที่บ้านร้างข้างๆ ออกไป และรีบชุบตัวทิงเจอร์อย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นเขาก็รู้สึกหลับไป…
‘ฉันจะเอาชีวิตพวกแก’
เพียงคำพูดเดียว อเล็กก็สะดุ้งตื่น เขาไม่เห็นอะไรในความฝันเลย เขาได้ยินเพียงเสียงๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นเสียงเด็ก ความทรงจำอันโหดร้ายเมื่อตอนอายุสิบหกเริ่มกลับมา เขากำลังจะรื้อฟื้นมันใหม่ แต่ทิงเจอร์ก็ตื่นขึ้นมาก่อน พร้อมกับหน้าที่ซีดกว่าเก่า
เมื่อเธอเปิดผ้าห่มและกำลังจะลุกจากเตียง เธอก็พบบางอย่างที่ผิดปกติ เลือดที่อาบโชกอยู่บนเตียงนั้นกว้างเป็นวงใหญ่ มันไหลออกมาจากช่องคลอดของทิงเจอร์ เธอเอามือปิดปากและเริ่มร้องไห้อยู่บนเตียง มันยังไม่หยุดไหลเมื่อเวลาผ่านไป อเล็กจึงนำผ้าที่ใช้เช็ดตัวเมื่ออสักครู่ยื่นให้กับทิงเจอร์ เธอเอาผ้าไปยัดที่บริเวณนั้น
เธอบอกกับอเล็กว่าเรื่องนี้แม่ของเธอไม่ควรรู้ จากนั้นจึงเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนที่อเล็กออกไปข้างนอก เมื่อเล่าจบ อเล็กถึงกับอยากจะตายซะตรงนั้น ทั้งสองคนนั่งกุมขมับ อเล็กเป็นคนเปิดบทสนทนาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของทิงเจอร์
“ผมคิดว่านั่นคือเด็ก และผมคิดว่าพวกเรารู้จักเด็กคนนั้น”
ทิงเจอร์หันไปสบตากับอเล็กทันที ความรู้สึกเจ็บปวดและความรู้สึกเสียใจวูบวาบขึ้นมา ทิงเจอร์คิด เธอคือสาเหตุที่น้องสาวของเธอจากไป เด็กคนนั้นพรากน้องสาวของเธอไป และเด็กคนนั้นก็กำลังจะพรากชีวิตของเธอไปเช่นกัน
ในเย็นวันนั้นอเล็กบอกกับนางเคชเซียไปว่า ทิงเจอร์กับเขาอยากจะสนุกกัน ขอให้คุณนายและนางเคชเซียไม่ต้องเข้าไปในห้อง ซึ่งนั่นได้ผลทีเดียว แต่คุณนายเคชเซียกลับยื่นบางอย่างมาให้ นางบอกไว้ว่า ‘ป้องกันไว้ จะได้ไม่ท้องไงล่ะ’ อเล็กหน้าแดงจึงขอตัวกลับเข้าห้องก่อนในขณะที่อาหารยังไม่ทันได้แตะเลย
“คืนนี้ฉันจะกอดเธอไว้ ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกนะ แล้ว..เลือดนั่นหยุดหรือยัง”
ทิงเจอร์ส่ายน้า เธอยังคงมีเลือดไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย หน้าซีดๆ ของทิงเจอร์ทำให้อเล็กต้องไปหาของกินในห้องครัวกลางดึกให้ทิงเจอร์ได้กิน
เขาไม่แน่ใจว่าตนเองรู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่ามีบางอย่างจับจ้องเขาจากด้านหลัง หรือแม้กระทั่งเดินกลับไปที่ห้องก็ตาม แต่มีช่วงนึ่งที่เขารู้สึกได้ว่าบางอย่างดักขาของเขาก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดประตู
ในค่ำคืนนั้นอเล็กฝันแบบเดิม คือไม่เห็นภาพ แต่ได้ยินเพียงเสียงเช่นเดิม เมื่อตื่นขึ้นมาทิงเจอร์นั้นพบว่าเลือดหยุดไหลไปแล้ว เธอจึงสามารถลงไปทานข้าวกับครอบครัวได้แล้ว
เมื่อนางเคชเซียถามทิงเจอร์ถึงเรื่องแต่งงานระหว่างสองคน อเล็กตอบตกลงในทันทีและบอกว่าจะแต่งอย่างเงียบๆ นายเคชเซียนั้นไม่ขัดอยู่แล้ว ขอเพียงดูแลทิงเจอร์ให้เท่าชีวิต
ความรู้สึกแปลกๆ และเรื่องแปลกๆ ที่เคยมีเลือนหายไปจนกระทั่งก่อนวันที่อเล็กและทิงเจอร์จะไปโบสถ์เพื่อแต่งงาน นางเคชเซียล้มป่วยอย่างกะทันหัน แต่ถึงอย่างนั้น นางเคชเซียยืนยันว่าจะไม่เลื่อนวันพิธีแต่งงาน
ในคืนนั้นเอง ขณะที่ทั้งสองกำลังนอนพูดคุยอยู่บนเตียง ภาพห้องนอนรอบๆ ถูกแทนทีด้วยภาพป่าช้าสักแห่ง ทั้งสองรีบผละออกจากกัน แต่ทันทีที่ทั้งคู่ไม่ได้แตะต้องตัวกัน มือปริศนากระชากขาของอเล็กไปครูดกับพื้น ในพื้นนั้นมีลวดหนาวมากมาย เสียงร้องโหยหวนของอเล็กทำให้ทิงเจอร์ทรมานมาก มือปริศนากระชากอเล็กไปห้อยหัวไว้กับต้นไม้ใหญ่มหึมาต้นหนึ่ง เตียงนอนแปรสภาพเป็นตอไม้ ซึ่งทิงเจอร์กำลังนั่งและกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ร่างของอเล็กมีรอยขีดข่วนจากลวดหนามเต็มไปหมด เลือดที่ไหลออกมาช่างสยดสยอง อเล็กหมดสติไปแล้ว
“อเล็ก! อย่าทิ้งฉันไป ฮือๆ”
ทิงเจอร์กรีดร้องออกมา เธอเรียกชื่อของอเล็กซ้ำไปซ้ำมา เสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิงที่หาต้นเสียงไม่ได้นั้น ดังเข้ามาในหัว เธอยังไม่อยากตาย!
“พระเจ้า พระเจ้าช่วยลูกด้วย พระเจ้าช่วยลูกกับอเล็กด้วย ฮือๆ”
ทิงเจอร์พบว่าลวดหนามมันเริ่มขยับมาทางตอไม้ที่เธอนั่งอยู่ มันเริ่มกระชากขาของเธอจากทุกทิศทาง มันเลื้อยมามัดแขนทั้งสองข้างและที่ข้อเท้า ลวดหนามทิ่มแทงเนื้อของเธอ เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เลือดกระชูด ออกมาเหมือนสายยางที่มีรอยแตก
ลวดหนามก็ค่อยๆ ลากเธอไปคนละทิศทาง… เธอรู้ทันทีว่ามันกำลังจะฉีกร่างของเธอ เธอสะบัดแขนและขา แต่นั่นยิงทำก็เท่ากับยิ่งสร้างบาดแผลให้กับตัวเอง คราวนี้เธอรู้สึกว่ามือของเธอนั้นมันขยับไม่ได้ทั้งสองข้าง เมื่อหันไปดู มันขาดไปแล้ว! ความเจ็บปวดมากมายที่เธอไม่อาจบรรยายมันออกมาได้ น้ำตามากมายที่หลั่งออกมา จนในที่สุดเธอจึงตรอมใจตายขณะที่ร่างกายของเธอถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
“แกสมควรตาย! ฮ่าๆ คราวนี้แม่ก็มาอยู่กับหนูเถอะ!” เสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะลั่น อย่างบ้าคลั่ง
ภาพความทรงจำฉากหนึ่งฉายเข้าไปในจิตของอเล็กและทิงเจอร์…
‘อเล็ก ฉันท้องล่ะ’
‘ไม่ต้องห่วง เธอคลอดเมื่อไหร่ฉันจะรับผิดชอบเอง’
‘แต่อเล็ก จะให้ฉันบอกแม่ว่ายังไงล่ะ’
‘หนีออกจากบ้านหนึ่งปี’
‘ฉันอายุสิบสองเองนะ’
‘แต่ฉันสิบหก ฉันจะดูแลเธอเอง…เชื่อใจฉันสิทิงเจอร์’
‘อือ’
2 ปีผ่านไป
‘เราต้องฆ่าเด็กคนนั้น!’
‘ฉันเห็นด้วยอเล็ก มันทำลายอนาคตของฉัน!’
‘อลิซพ่อขอโทษ’
‘… ลงมือเถอะ’
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เหมือนฝันร้ายของนางเคชเซีย ลูกสาวสุดที่รักทิงเจอร์และว่าที่ลูกเขยนอนอยู่บนเตียงในสภาพที่ไร้ลมหายใจ นางเคชเซียกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อเห็นภาพนั้น เธอเกิดอาการคลุ้มคลั่งคว้ามีดในห้องครัวแล้วแทงอกตัวเอง ตายตามลูกสาว ส่วนนายเคชเซียนั้น เมื่อเห็นศพของนางเคชเซียจึงทำใจไม่ได้ ดึงมีดที่เสียบคาอกนางเคชเซียมาแทงอกตัวเอง แล้วตายตามไป
วิญญาณของทั้งสี่คน วนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ตลอดกาล โดยทุกๆ ครั้งที่มีคนมาซื้อหรือเช่าบ้านหลังนี้ ไม่เกินหนึ่งเดือนต้องตายยกครอบครัว ผ่านไปหลายสิบปีความเฮี้ยนของที่นี่ได้ถูกเล่ากันปากต่อปาก หลายคนที่บินมายังโรมาเนีย มีเหตุผลเดียวกันคือ มาพิสูจน์วิญญาณเฮี้ยน และวิญญาณทั้งสี่ก็ไม่เคยปล่อยใครกลับบ้านได้อีกเลย
แล้วข้างกายของคุณ.. จะมีสิ่งที่มองไม่เห็น อยู่ข้างๆ รึเปล่านะ.
ผลงานอื่นๆ ของ Gena ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Gena
ความคิดเห็น