ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับสมัคร!! ABYSS HABITATION: New York City แนว RE

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 4 WHITEBEAR

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 55


    Chapter 4 White Bear

     

    15 มิถุนายน 2020

    เวลา 20.50 น.

    มหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้แมนฮัตตัน

     

    เรือดำน้ำลำหนึ่งได้ลอยลำโผล่ขึ้นจากน้ำ ที่ข้างเรือดำน้ำมีตราสัญลักษณ์ของหมีสีขาวติดอยู่ และภายในเรือดำน้ำนั้นก็มีทหารจำนวนหนึ่งกำลังสวมชุดดำน้ำสีดำ เตรียมตัวที่จะเข้าสู่สมรภูมิ

     

    Zdrahst vooy the (สวัสดี) ทุกท่าน” ชายอายุมากคนหนึ่งมีหนวดเคราสีดำตามใบหน้าและเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ย กับทหารอีกสี่นายที่ห้องแต่งตัว

     

    “กระผม วาชิลี่ ชูไตรคราฟ จะมาเป็นหัวหน้าทีมของพวกคุณตามคำสั่งของประธานาธิปดี มัสควิช วลาดิมีร์” วาชิลี่กล่าวต่อ “ภารกิจของพวกนายคือการไปเอาเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่กระจายอยู่ที่เมืองแมนฮัตตัน ภารกิจนี้ถือเป็นภารกิจลับระดับ S อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองนี้ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนระวังตัว อย่าให้ใครเห็น อย่าให้ใครรู้ตัวตนของพวกเรา อย่าให้ใครรู้ข้อมูลภารกิจ หน้าที่ของพวกนายคือเอาไวรัส จัดการคนที่ขวางทาง และกลับบ้าน เท่านั้น”

     

    “พวกนายทั้งสี่ ฉันรู้หมดแล้วว่าเป็นใครบ้าง แต่คนอื่นๆยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นแนะนำตัวกันหน่อยก็ดีนะ” วาชิลี่บุ้ยปากไปที่คนทางซ้ายของเขา เหมือนจะให้เริ่มก่อน

     

    “โมสัน” ชายร่างสูง หน้าตานิ่งเหมือนหิน ตาสีเขียวเหมือนมรกต เอ่ยแนะนำตัวสั้นๆ เสียงเหมือนรำคาญ

     

    “อลิซ่า อเล็กซานดรอฟ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน” หญิงสาวผมสีขาวยาวถึงกลางหลัง และสีตาเหมือนไข่มุกที่นั่งข้างๆโมสันพูดต่อ

     

    “ร้อยเอก อีวาน โรมานอฟ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ชายที่มีรอยแผลเป็นเต็มใบหน้า รูปร่างใหญ่โตเอ่ย

     

    “ฉัน เซซีเรีย แชร์เดอร์” ผู้หญิงหุ่นดี ผิวขาว หน้าตาออกเอเชีย ใบหน้าเรียวคมสวยเหมือนนางแบบพูดเสียงเรียบๆ

     

    “หลังจากนี้ต่อไป พวกนายจะทำงานเป็นทีมหรือจะทำงานคนเดียวก็ได้ เพราะเท่าที่ฉันดูประวัติแล้ว ดูท่าทางจะมีบางคนชอบทำงานคนเดียวมากกว่า ฉันจะให้วิทยุติดต่อสื่อสารไป มีอะไรก็ติดต่อมาได้” พูดจบวาชิลี่ก็หยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงกลาง ข้างในมีวิทยุสื่อสารขนาดเล็กอยู่ ทหารทั้งสี่คนก็หยิบกันไปคนละเครื่อง

     

    “ถ้าพวกนายพร้อมกันแล้ว ก็ไปทำงานกันได้เลย แต่ว่ามีอีกอย่างหนึ่งที่ท่านประธานาธิปดีฝากมา ถ้าภารกิจล้มเหลวพวกนายจะไม่มีสิทธ์กลับประเทศเด็ดขาด เข้าใจนะ” เมื่อวาชิลี่พูดจบ ลูกทีมทั้งสี่ก็พยักหน้ารับดูธรรมดา สีหน้าไม่มีเปลี่ยนกันซักคน เหมือนกับเป็นเรื่องปกติ

     

    “ดี งั้นก็…” วาชิลี่ยังพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่ด้านบนของเรือดำน้ำ

     

    ตูม!!!! หวอออออออออ

     

    เสียงหวอเตือนภัยดังลั่นเรือ หลอดไฟทุกดวงเปลี่ยนเป็นสีแดงและหมุนคว้างไปทั่ว

     

    “เกิดอะไรขึ้น” เซซีเรียหุ่นดีพูดด้วยความตกใจ วาชิลี่รีบวิ่งไปหยิบวิทยุภายในเรือติดต่อกับกัปตันเรือดำน้ำทันที

     

    “กัปตัน นี้มันเกิดอะไรขึ้น ได้ยินไหม ทราบแล้วเปลี่ยน”

     

    “ซ่าๆ มีข้าศึก ซ่าๆ โจมตีเรือดำ ซ่าๆ ของพวกเราครับ” เสียงกัปตันตอบกลับมา แต่ได้ยินไม่ค่อยชัดนัก

     

    “ว่าไงนะ ข้าศึกที่ไหนกันจะมาโจมตีได้ไง ไม่มีใครรู้ถึงภารกิจนี้เลย นอกจากประธานาธิปดี มัสควิช เท่านั้น และอีกอย่างมันจะรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี้” วาชิลี่เอ่ยด้วยความสงสัย

     

    “ซ่าๆ ทุกคน ซ่าๆ สละเรือ ตอนนี้น้ำท่วมเข้ามาหมดแล้ว ซ่าๆ” เสียงกัปตันเรือดังออกมาจากวิทยุอีกครั้ง หลังจากนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกดังตามมา

     

    “หัวหน้า ผมว่าตอนนี้พวกเราหนีเอาตัวรอดกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยว่ากันเรื่องภารกิจทีหลัง” อีวานบอก และรีบหยิบอุปกรณ์ดำน้ำมาจากตู้เก็บของ ก่อนจะแจกให้กับทุกคน

     

    “ตกลง ทุกคนรีบออกจากเรือดำน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเจอกันที่ชายฝั่งแมนฮัตตัน”

    และทั้งห้าคนก็ฝ่าเสี่ยงตายออกจากเรือดำน้ำอย่างทุลักทุเล วาชิลี่ขึ้นมาถึงชายฝั่งเป็นคนแรกด้วยความเหน็ดเหนื่อยและเดินมานั่งลงที่ชายฝั่ง หอบหายใจอย่างรินรัว เซซีเรียหุ่นนางแบบตามมาเป็นคนที่สอง หลังจากนั้นก็เป็นโมสันที่ช่วยพยุงอลิซ่าให้เดินมานั่งพักข้างๆเขา

     

    “แล้วอีวานละ” โมสันถามหัวหน้าทีม

     

    “ไม่เห็น หรือว่าหนีออกมาไม่ทันนะ” ชายหนุ่มผู้นำทีมเอ่ย ระหว่างที่นั่งพักอยู่

     

    “ทุกคนเช็คอาวุธ!” เขาสั่งลูกทีม ทุกคนจึงเช็คอาวุธเท่าที่มี ซึ่งอาวุธทุกคนดูเหมือนจะยังสามารถใช้งานได้อยู่บ้าง

     

    “หัวหน้าครับ วิทยุยังใช้การได้อยู่” โมสันบอก และลองปรับคลื่นเสียงดู

     

    “จะรออีวานไหนคะ” อลิซ่าถาม หันหน้ามองไปยังทะเล ที่มีเศษซากเรือดำน้ำลอยมาติดอยู่ที่ชายฝั่ง เซซีเรียเดินดูของต่างๆที่ลอยมาเพื่อดูว่ามีอะไรที่สามารถเอามาใช้งานได้หรือมีประโยชน์ต่อภารกิจบ้าง

     

    “รออีกซัก 10 นาทีก็แล้วกัน” วาชิลี่พลางทิ้งตัวนั่งลงที่ชายหาด

     

    โมสันหยิบน้ำขึ้นมาดื่มและส่งให้อลิซ่าดื่มด้วย เซซีเรียยังคงเดินหาอุปกรณ์ต่างๆที่ลอยมากับน้ำ แต่ก็ไม่พบอะไรที่มีประโยชน์เลย

     

    เวลาผ่านไป 10 นาที วาชิลี่มองดูนาฬิกาก่อนจะลุกขึ้น

     

    “สงสัยเราต้องทำภารกิจกันแค่สี่คนเท่านั้น ทุกคนรวมตัว! เอาละนี้คือแผน...” แล้วหัวหน้าทีม White Bear ก็เรียกลูกทีมมาประชุมเพื่อหารือแผนการโดยที่ไม่รู้เลยว่า อีกด้านของชายฝั่งแมนฮัตตันมีชายหนุ่มคนหนึ่งสามารถรอดจากเรือดำน้ำออกมาได้

     

    “หึ เป็นไปตามแผน” อีวาน โรมานอฟ ยิ้มที่มุมปาก เดินย่ำมุ่งหน้าสู่เมืองแมนฮัตตันเพียงลำพัง

     

    ด้านบนฟากฟ้า เครื่องบิน AH-64D บินผ่านหัวพวกเขาไป ทิ้งแต่เสียงบินดังเท่านั้น

     

    Event 4.1

    Whitebear 4 คนที่นำทีมโดย วาชิลี่ ต้องคิดกันแล้วครับว่าจะเริ่มยังไงดี

     

    1.       โทรกลับ HQ เรียกกองกำลังเสริม

    2.      มุ่งหน้าเข้าเมืองไปเอาไวรัส

     

     

     

    15 มิถุนายน 2020

    เวลา 20.45 น.

    สักแห่งภายในเมือง

     

    “แฮ่กๆๆๆ” มาเรีย สคราฟ เด็กสาวลูกของประธานาธิปดี วิ่งไปตามถนน ด้วยความเหนื่อย ในมือของเธอมีแค่ปืนกระบอกเดียวเท่านั้น ซึ่งมีกระสุนเพียงแค่ไม่กี่นัด เพราะฉะนั้นจะต้องใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น

     

    เด็กสาววิ่งหนีเข้าไปในซอกตึก แต่แล้วก็พบกับทางตัน เธอจึงหันหลังกลับ แต่ทว่า มีซอมบี้สามตัวเดินเข้ามา

     

    “แย่แล้ว” มาเรียเอ่ย จับปืนด้วยสองมือ เล็งไปที่หัวของซอมบี้ตัวแรกที่เดินเข้ามา

     

    ปัง! กระสุนพุ่งเฉียวหน้าของมันไป

     

    ปัง! กระสุนนัดที่สองเข้าที่อกของมัน แต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้

     

    ปัง! นัดที่สาม เข้าหัวพอดี ทำให้ซอมบี้ตัวแรกล้มลง

     

    แต่ซอมบี้ตัวที่สองและสาม เดินเข้ามาใกล้ตัวเธอ มาเรียจึงต้องเดินถอยหลัง มือที่ถือปืนสั่นระริก นิ้วของเธอกำลังจะกดไกปืน แต่เธอก็สะดุดอะไรบางอย่างล้มหงายหลังไป ปืนกระเด็นหลุดจากมือ

     

    “ไม่นะะะะ” มาเรียร้อง ซอมบี้สองตัวพุ่งเข้ามาหมายจะโจมตีเธอ มาเรียหลับตาปี๋

     

    ปัง! ปัง!

     

    เสียงปืนดังสองครั้ง มาเรียค่อยๆลืมตาขึ้น และพบว่าซอมบี้ทั้งสองตัวล้มลงแน่นิ่ง ที่หัวมีรอยกระสุนอย่างละนัดที่เข้าตรงกลางอย่างแม่นยำ

     

    “ไม่เป็นไรใช่ไหม” เสียงผู้หญิงสำเนียงเอเชียดังขึ้นที่ข้างหลังเธอ เมื่อเด็กสาวหันไปก็พบกับหญิงสาวผมดำ นัยต์ตาสีฟ้า สวมเสื้อวอร์มสีขาว ยืนอยู่บนกำแพงทางตัน ในมือถือปืนสั้นอยู่

     

    “เอ้า ปีนขึ้นมาก่อนที่พวกผีดิบจะตามมา” หญิงสาวโรยเชือกให้ มาเรียรีบปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วโดยหญิงสาวผมดำช่วยดึงขึ้นมาอีกที

     

    “ขอบคุณมากคะ” มาเรียเอ่ย ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง

     

    “ขอบคุณเอาไว้ทีหลังเถอะ ตามฉันมา” สิ้นเสียงหญิงสาวก็พาลูกประธาธิปดีเดินไปตามทาง หลบหลีกพวกผีดิบที่เดินไปเดินมา  ไม่นานก็ถึงประตูอาคารแห่งหนึ่ง เธอเคาะประตูสามที

     

    “ฉันเอง โยชิโกะ เปิดประตูเร็ว” เสี้ยววินาทีประตูก็เปิดออก สองสาวก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นคนเปิดประตูให้ก็รีบปิดประตูไล่หลังและล็อกกลอน

     

    ภายในห้องนั้นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เป็นเหมือนโกดังเก็บของ ความกว้างขนาดสนามเทนนิสสองคอร์ด ภายในห้องมีหลอดไฟอยู่แค่ไม่กี่หลอดเท่านั้น ทำให้ภายในห้องเห็นได้ไม่ทั่วถึง แต่เธอก็สามารถเห็นได้ว่ามีคนอยู่สามคนในห้อง คนหนึ่งคือคนที่เปิดประตูให้เป็นหญิงสาวในชุดมหาวิทยาลัย NYU คนที่สองเป็นเด็กในชุดอยู่บ้านธรรมดาๆสวมแว่นตากรอบเหลี่ยมสีดำ นั่งเล่นโน้ตบุคอยู่ที่พื้น คนสุดท้ายเป็นผู้ชายที่หน้าตานิ่งๆ นั่งพิงเสาชันขาขึ้นข้างหนึ่ง อายุน่าจะมากกว่า 40

     

    “ฮ้า! อีกหนึ่งผู้รอดชีวิต สวัสดี ฉันชื่อคีร่า ยินดีที่ได้รู้จักนะ” หญิงสาวนิสิตเดินมาหา คีร่าเป็นหญิงสาวสวย ผมบรอนซ์ยาวถึงหลัง ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ้กตา แต่ที่มีเสน่ห์คือตาสองข้างที่คนละสี ข้างขวาสีฟ้า แต่ข้างซ้ายสีเขียว

     

    “ส่วนคนที่นั่งเล่นคอมอยู่นั้นชื่อ ทิม เฮ้! ทิม สนใจอย่างอื่นบ้างก็ได้นะ นอกจากคอมอะ” คีร่าตะโกนบอกเด็กคิดคอม ที่แค่เงยหน้ามายกมือทักทาย ก้มหน้าให้นิดนึง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเล่นคอมต่อ

     

    “ส่วนคนที่นั่งตรงนั้นชื่อ อเล็ก เค้าไม่ชอบสุงสิงกับใครนะ แต่เป็นถึงอดีตหน่วย Ranger Delta Force เลยนะ ฝีมือยิงปืนกับต่อสู้ยอดมาก ช่วยชีวิตฉันไว้หนหนึ่ง” หญิงสาวตาคนละสีบอก อเล็กเป็นชายหนุ่มหน้าเกลี้ยงเกลา นัยน์ตาดูเศร้าหมอง  สวมเสื้อโคทหนังสีดำ ซึ่งมาเรียเหลือบไปมองพอดีกับที่อเล็กหันหน้ามาสบตากัน

     

    “เธอ...มาเรีย สคราฟ ลูกสาวประธานาธิปดี เคนดริค ใช่ไหม” อเล็กเอ่ย หลังจากที่จ้องมองมาเรียสักพัก

     

    “อ๊ะ ใช่คะ” เด็กสาวตอบ

     

    “ฮ้าาาา จริงเหรอเนี้ย” คีร่าร้องด้วยความตกใจ

     

    “โอ้ เจ๋งแฮะ” โยชิโกะผิวปาก

     

    “อืม...” ทิมเงยหน้าขึ้นมา ใช้นิ้วกระดกแว่นตัวเองเล็กน้อย            

     

    “พักผ่อนกันก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยว่ากัน เรามีเสบียงเหลือเฟือ หยิบได้ตามใจชอบเลย” โยชิโกะเดินไปหยิบอาหารกระป๋องแล้วโยนมาให้มาเรีย แล้วจึงเดินไปหาเด็กนิสิตติดคอม  

     

    “มีอะไรคืบหน้าบ้างละ”

     

    “เพิ่งจะแฮ็กระบบวงจรปิดของเมืองได้เมื่อกี้ มาพอดีเลยจะได้ดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ว่าแล้วทิมก็เปิดระบบวงจรปิดภายในเมือง อเล็กและคีร่าก็เดินมาดูด้วย

     

    ทิมเปิดกล้องแต่ละตัวดูภายในเมือง ซึ่งไม่เห็นอะไรนอกจากผีดิบ เขาไล่กล้องแต่ละตัวไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึง Time Square

     

    “นี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย” อเล็กอุทาน เมื่อเห็นเหตุการณ์ภายในจอคอมพิวเตอร์ของทิม

     

    ซอมบี้อเลนกำลังวิ่งไล่ประชาชนที่วิ่งหนีกันอย่างชุลมุน พวกของครูซและแพทริกซ์ยิงต้านกันสุดกำลังแต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ 

     

    “ตัวอะไรวะนั้น ท่าทางจะไม่ใช่ซอมบี้ธรรมดา” ทิมพูดเสียงในลำคอ

     

    “เอาไงดีละ” โยชิโกะถามความเห็น แต่ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบกัน เธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

     

    “เดี๋ยวๆทิม ย้อนกลับไปกล้องเมื่อกี้หน่อย”

     

    เด็กหนุ่มกดย้อนกลับไปกล้องก่อนหน้านั้น และทุกคนก็เห็นสิ่งที่โยชิโกะเห็นคือ ณ ซอยมืดแห่งหนึ่ง มีนักวิทยาศาสตร์สาวเดินหลบไปมาตามซอย หน้าตาตื่นตระหนกและหวาดกลัว

     

    “เธออยู่ที่ไหนนะ” อเล็กถาม ทิมรีบกดหาตำแหน่ง เปลี่ยนเป็นแผนที่เมือง แสดงจุดที่กล้องนั้นอยู่

     

    “อยู่ไม่ไกลจากที่นี้ แต่ว่าไกลกว่า Time Square”

     

    Event 4.2

    พวกมาเรียต้องเลือกแล้วครับว่าจะไปไหนระหว่าง

    1. ช่วยผู้หญิง

    2. ไป Time Square สมทบกับพวกครูซและแพทริกซ์

     

     

     

    15 มิถุนายน 2020

    เวลา 20.50 น.

    ตึกอาคาร HFE

     

    พวก TOMADO ได้ลงสู่ดาดฟ้าของอาคาร HFE อย่างปลอดภัยกันหมด ทุกคนปลดร่มชูชีพออก ตรวจเช็คอาวุธประจำตัวและสวมหน้ากากประจำทีม มันเป็นหน้ากากกันแก๊สเปิดช่องตรงตาสีดำ มีที่กรองอากาศสองข้าง 

     

    “ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย” วอลเตอร์หัวหน้าทีมบอกลูกทีม

     

    “ฉันอยากลุยเดี่ยวมากกว่านะ” นิโคไลน์เอ่ย กระชากลำไกปืน MP5 เสียงดัง ที่ตาขวามีกล้อง Night Vision แบบคาดตา

     

    “ก็แล้วแต่นาย แต่ประตูทางเข้ามีอยู่ทางเดียวนะ” วอลเตอร์บอกก่อนจะเดินไปถีบประตูทางเข้าบนดาดฟ้า

     

    “ตามฉันมา!” หัวหน้าทีมสั่ง ลูกทีมทั้งสี่คนจึงเดินตามเขาไป

     

    “เป้าหมายของเราคือการนำไวรัสกลับไปให้ได้ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น” วอลเตอร์บอกภารกิจอีกครั้ง “และจัดการคนทุกคนที่ขวางหน้า” ชายหนุ่มหัวหน้าทีมเตะประตูทางเข้าอาคาร และต้องพบกับซอมบี้จำนวนมากรอต้อนรับพวกเขาอยู่ภายในห้องมืดสนิท ทุกคนจึงต้องเปิดไฟฉายจากลำกล้องปืน  

     

    ปังๆๆๆๆ หน่วย TAMADO ไล่ยิงซอมบี้ที่ขวางทางอยู่อย่างแม่นยำและคล่องแคล่วว่องไว ทุกนัดนั้นไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อยบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพของทุกคน ที่ผ่านสงครามมานับต่อนับ

     

    ปัง! เสียงกระสุนนัดสุดท้ายของบูรโนสอยเข้าที่กลางหัวของซอมบี้ รอบข้างของพวกเขาเต็มไปด้วยซากซอมบี้

     

    “เยอะจริงๆ นี้แค่ชั้นเดียวนะเนี้ย” แอนนาเบ็ต เปลี่ยนซองกระสุนใหม่แทนซองเก่าที่กระสุนหมดไปแล้ว

     

    “สงสัยว่าภารกิจนี้จะยากกว่าที่คิดนะ” นิโคไลน์เอ่ย เดินข้ามซากซอมบี้ที่นอนขวางทางอยู่ด้วยความระมัดระวัง ไฟฉายที่ติดอยู่ที่ปืนสอดส่องไปรอบๆห้องที่เป็นห้องทำงาน มีโต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์มากมาย      

     

    วอลเตอร์ใช้เครื่องแทบเล็ตของตัวเองเปิดแผนที่ภายในอาคาร และเปิดชั้นตึกของอาคารพร้อมตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา

     

    “ตอนนี้เราอยู่ที่ชั้น 77 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด และเป้าหมายของพวกเราคือชั้นใต้ดินลับที่ทางเข้ามีอยู่ทางเดียวคือลิฟท์ VIP ที่อยู่ชั้น 1 เท่านั้น” หัวหน้าทีมอธิบาย และโชว์แผนผังอาคารให้ทุกคนดูประกอบตาม

     

    “เราไปด้วยลิฟท์ลงไปยังชั้น 1 และต่อด้วยลิฟท์ VIP ลงไปยังชั้นใต้ดินดีไหม” อลิซาเบธแสดงความคิดเห็น

     

    “ก็ดีเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีซอมบี้ตามทางมากแค่ไหน กระสุนเราก็มีจำกัดด้วย” วอลเตอร์พูดจบก็ปิดแผนที่ และเดินนำทุกคนไปยังลิฟท์ของอาคาร

     

    บรูโนวางปืนลงและเดินไปเปิดประตูลิฟท์ด้วยแรงของตัวเองโดยมีนิโคไลน์ช่วย เมื่อเปิดได้เสร็จ นิโคไลน์ก็โยนแท่งแสงลงไป มันร่วงลงไปจนเห็นเป็นแค่เส้นเล็กส่องแสงอยู่ข้างล่างเท่านั้น

     

    “ลึกน่าดู แต่ก็ช่วยร่นระยะลงได้เยอะ” แอนนาเบ็ตบอกระหว่างที่ชะเง่อมองลงไปข้างล่าง

     

    “ใครจะลงไปก่อนดี” บรูโนหันมาถามเพื่อนร่วมทีม

     

    “นายนั้นแหละลงไปก่อนเลย” วอลเตอร์บอก ซึ่งทุกคนก็หันมามองชายหนุ่มตาเหยี่ยวเหมือนจะบอกว่า “มึงนั้นแหละลงไปก่อนเลย”

     

    “เออๆ ก็ได้” บรูโนเอ่ย ก่อนจะกระโดดไปคว้าสายลิฟท์ที่อยู่ในช่องลิฟท์และไหลตัวไปตามสาย

     

    ชายหนุ่มลงไปจนถึงหลังคาและเปิดหลังคาออก หลังจากนั้นก็กระโดลงไปในลิฟท์แล้วจึงเปิดประตูลิฟท์ชั้นนั้นออก และพบกับซอมบี้มากมายในชั้นนั้น

     

    “เฮ้ รีบลงมาเลยพวก มีพวกผีดิบอีกเต็มเลย” บรูโนกระซิบลงไปในวิทยุสื่อสารและหลบเข้าไปในมุมลิฟท์

     

    ไม่นานนัก พวกคนอื่นๆในทีมก็โรยตัวลงมาตามกันจนครบ

     

    “โห เยอะกว่าชั้นก่อนอีก” แอนนาเบ็ตอุทานเมื่อเห็นซอมบี้ในชั้นนั้น

     

    “ไม่ใช่แค่เยอะ แต่ดูเจ้านั้นสิ” นิโคไลน์ชี้ไปยังซอมบี้ตัวหนึ่งที่แตกต่างจากตัวอื่นๆ มันเป็นซอมบี้ที่ขนาดใหญ่กว่าซอมบี้ตัวอื่นๆ สูงราว 2 เมตรครึ่ง แขนซ้ายและขวามีขนาดใหญ่และกระดูกงอกออกมาจากแขนทั้งสองข้างเหมือนกับหนาม หัวใหญ่โต นัยน์ตาปูดออกมาเหมือนจะทะลักและหมุนคว้างไปทั่วเหมือนกำลังสอดส่องหาเหยื่อ   

     

    “ตัวสัตว์ประหลาดอะไรวะ” บรูโนพูดนัยน์ตาเบิกกว้างตกใจ

     

    “ดูเหมือนพวกมันพัฒนาตัวเองได้ วิวัฒนาการ DNA ของตัวเอง เจ้าตัวนั้นท่าจะสู้ยากแฮะ” วอลเตอร์ก้มหน้าครุ่นคิด

     

    “แล้วจะเอายังไงดีละหัวหน้า” อลิซาเบธถาม

     

    หัวหน้าทีมใช้เวลาคิดไตร่ตรอง ก่อนจะตัดสินใจ

     

    “แหวกมันเข้าไปเลยดีกว่า หาทางอื่นก็คงจะเสียเวลา”

     

    “แน่ใจแล้วนา” บรูโนถามและมองไปยังตัวประหลาดพวกนั้น

     

    “ปอดแหกจริง หัวหน้าเค้าสั่งมาแล้ว ก็ทำตามไปเถอะ” นิโคไลน์บอกก่อนจะเป็นคนเปิด เขาใช้ปืนของตัวเองยิงซอมบี้ที่อยู่ใกล้สุดตัวแรก และกราดยิงซอมบี้ตัวต่อไปอย่างรวดเร็ว

     

    ทุกคนจึงต้องตามชายหนุ่มผู้บ้าระห่ำไป เมื่อถึงตรงนี้เอง แสงและเสียงจะปืนห้ากระบอกก็ดึงความสนใจจากซอมบี้ยักษฺ์ตัวนั้น มันพุ่งตรงเข้ามาหาเหยื่อทั้งห้าด้วยความเร็ว แหวกซอมบี้ต่างๆที่ขวางทางอยู่

     

    “มันมาแล้ว! รับมือ!!!” วอลเตอร์ตะโกนบอกลูกทีมของเขา “บรูโน แอนนาเบ็ต ระวัง!”

     

    บรูโนใช้ปืนระดมยิงใส่ซอทบี้ยักษ์ แต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ มันเหวี่ยงแขนขนาดใหญ่ที่มีหนามกระดูกติดอยู่ หมายจะตบบรูโน แต่ชายหนุ่มก็สามารถก้มหลบได้ เฉียดตัวเขาไปแค่ไม่กี่มิล แอนนาเบ็ตกราดยิงไปที่ลำตัว แต่ก็เหมือนจะไปสะกิด สร้างความรำคาญให้มันมากกว่า

     

    อลิซาเบธคว้าระเบิดมือที่อยู่ในกระเป๋า หมายจะเขวี้ยงใส่มันให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ถูกอะไรบางอย่างพุ่งมารัดตัวและลากไป

     

    “ช่วยด้วย!!” หญิงสาวโดนซอมบี้ตัวหนึ่งใช้ลิ้นรัดตัวเธอและลากไป มันอ้าปากโชว์ฟันอันเหลมคมเตรียมกัดกินหญิงสาว

     

    วอลเตอร์เห็นดังนั้นก็รีบยกปืนจะช่วย แต่ก็ถูกซอมบี้ยักษ์ขวางทางเสียก่อน มันยกแขนทุบลงทำลายพื้นที่เขายืนอยู่ทำให้หล่นลงไปชั้นล่าง

     

    “หัวหน้า!!” บรูโนวิ่งเข้ามาจะลงไปช่วยหัวหน้าทีมที่ตกลงไป แต่เขาก็โดนซอมบี้ยักษ์คว้าตัวเสียก่อน

     

    “แย่แล้ว!!!” ชายหนุ่มพยายามดิ้นหนีออก แต่แรงของมันมหาศาล และมันก็อ้าปากขึ้น เตรียมตัวกินเหยื่อของมัน

     

    นิโคไลน์เห็นดังนั้นจึงจะเข้าไปช่วย แต่เขาได้ยินเสียงอลิซาเบธ ที่กำลังโดนดึงเข้าไปสู่คมเขี้ยวของซอมบี้

     

    แอนนาเบ็ตก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการซอมบี้ที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนเธอต้องกระโดดไปยังตู้เก็บของและใช้ปืนยิงพวกผีดิบกระหายเนื้อที่อยู่รอบๆโดยใช้ความที่อยู่สูงกว่าชิงความได้เปรียบ

     

    เสี้ยววินาทีนั้นเองนิโคไลน์ต้องตัดสินใจที่แสนยากลำบากเสียแล้ว

     

    Event 4.3

     

    นิโคไลน์ต้องตัดสินใจแล้วครับว่าเขาจะเอายังไงกับสถานการณ์นี้ดี

     

    1.       ลงไปช่วยหัวหน้า วอลเตอร์ที่ตกลงไปในชั้นล่าง

    2.      ช่วยอลิซาเบธ

    3.      ช่วยบรูโน

     

    Deadline วันพุธครับ

     

          

    15 มิถุนายน 2020

    เวลา 20.55 น.

    Time Square

     

    “เฮ้ย นั้นมันตัวอะไรวะ” ครูซตะโกนลั่น ซอมบี้อเลนเดินหน้ามาหาพวกเขา ระหว่างทางก็หยิบรถที่จอดอยู่โยนมาทางพวกเขา แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่ว เศษเหล็กติดไฟปลิวว่อน

     

    “ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ถอยก่อนเถอะ พวกเราตอนนี้ไม่น่าจะหยุดมันได้” แพทริกซ์บอก “เอรีน! ลงมาซะ ตอนนี้เราถอยไปตั้งหลักก่อน” หัวหน้าทีม Delta รีบวิทยุไปบอกลูกทีมที่อยู่บนหลังคา ก่อนจะสั่งลูกทีมคนอื่นๆให้ถอยเอาตัวรอดก่อน

     

    “ถอยโว้ย!!” ครูซสั่งลูกทีม Charlie ของตัวเองบ้าง

     

    เจสสิก้ารีบวิ่งหนีไปกับพวกหน่วยทหารจากรัฐบาล ในตอนนี้หน้าที่ของเธอคือการเอาตัวรอดจากซอมบี้อเลนก่อน ภารกิจค่อยว่ากัน

     

    “อ้ากกกกก” ลูกทีมของครูซโดนเล่นงานไปแล้วคนหนึ่ง เขาโดนซอมบี้จับกดลงก่อนจะโดนซอมบี้ตัวอื่นๆรุมกัดกินเหมือนฝูงหมาไนที่รุมเหยื่อ

     

    “เอรีน! อยู่ที่ไหนแล้ว” แพทริกซ์ใช้วิทยุถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “ลงมาอาคารแล้วคะ กำลังจะลงมาสมทบกับทีม ตอนนี้อยู่ในซอยข้างอาคารคะ”

     

    เอรีนรีบวิ่งออกจากซอยมายังถนนใหญ่และในขณะที่เธอกำลังวิ่งมาหาหัวหน้าทีมของเธอ ก้อนหินก้อนหนึ่งก็ปลิวมากระแทกเสาไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เธอ ทำให้มันล้มลงมาหาเธอ

     

    “เอรีน! ระวัง!” ฟอร์สตี้ตะโกนบอก หญิงสาวรีบกระโดดหลบทันที

     

    โครมมมมมม

     

    ฝุ่นกระจายควุ้งไปทั่ว เมื่อฝุ่นจางลง ฟอร์สตี้ก็เห็นหญิงสาวนอนคว่ำหน้านิ่งอยู่ แพทริกซ์และฟอร์สตี้รีบวิ่งไปช่วยอย่างรวดเร็ว โดยแพทริกซ์ช่วยยิงสนับสนุนให้ ฟอร์สตี้วิ่งนำหน้าตรงไปช่วยเพื่อนร่วมทีม

     

    “เป็นไงบ้าง ปลอดภัยรึเปล่า” ชายหนุ่มผมบรอนรีบไปพยุงตัวหญิงสาวให้ลุกขึ้น ไม่นานเธอก็ได้สติ แต่ขาขวาเธอติดเหล็กที่หล่นทับลงมา

     

    “ขาฉันติด” เธอพยายามดึงขาออก แต่มันก็ไม่ออก

     

    “ช่วยเธอออกมาเร็วเข้า! ฉันต้านพวกมันได้ไม่นานหรอกนะ” แพทริกซ์ยิงซอมบี้ที่เดินกันเข้ามา ถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด

     

    “กรรรรรรรร” ซอมบี้อเลนพุ่งตรงเข้ามาหาแพทริกซ์

     

    “Holy Shit!!!” แพทริกซ์เห็นดังนั้นก็รีบตวัดปืนกดไกปืนรัวไปที่ซอมบี้ยักษ์ที่วิ่งตรงดิ่งมา แต่มันก็ไม่สามารถชะลอมันได้เลยแม้แต่น้อย

     

    มันใช้ไหล่กระแทก แต่ชายหนุ่มกระโดดหลบออกข้างได้ และใช้ปืนยิงไปที่ขาของมัน ได้ผล! มันทรุดตัวลง แต่ก็ใช้มือปัดแพทริกซ์ หัวหน้าทีมกระโดดถอยหลังแต่ระยะแขนของมันกว้างกว่า ทำให้เขาถูกปลายนิ้วของมันตบปลิวไป

     

    “อั่ก!” ชายหนุ่มเลือดกบปาก มึนงง เพราะหัวของเขาโดนกระแทกอย่างแรง เอามือยันตัวไว้ แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

     

    “กรรรรรรรรรร” ซอมบี้อเลนเดินย่ำเท้ามาหาเขา พื้นสั่นสะเทือนไปทั่วตามแรงเท้าแต่ละก้าว

     

     ครูซเห็นดังนั้นจึงหันไปหาลูกทีมของเขา

     

    “ยูเรก้า! ลูน่า! ไปช่วยพวกเขาเร็วเข้า” เขารีบสั่งการ สิ้นเสียงคำสั่งหญิงสาวทั้งสองก็พุ่งตรงไปช่วยทันที

     

    หญิงสาวนามยูเรก้า ผู้มีผมสีทองยาว นัยน์ตาสีฟ้าใส วิ่งซิกแซก หลบหลีกซอมบี้ด้วยความคล่องตัวและรวดเร็วผิดมนุษย์ เธอหยิบปืนพก M9 ออกมาควงไปมาที่มือทั้งสองข้าง ก่อนจะวิ่งกระโดดไต่ตัวของซอมบี้อเลนจากทางด้านหลังและใช้ปืนพกรัวไปตามหลังและที่ลำคอของมัน

     

    “อ้ากกกกกก” ซอมบี้อเลนร้องด้วยความเจ็บปวด เพราะกล้ามเนื้อที่หลังคอนั้นบอบบางกว่าที่อื่น ทำให้การโจมตีของยูเรก้านั้นได้ผล

     

    ลูน่า หญิงสาวร่างเพรียว ผมยาวสีขาว ดวงตาสีแดงเหมือนแมว รีบวิ่งไปช่วยพยุงหัวหน้าทีม Delta และพาออกจากสมรภูมิ ระหว่างนั้นเอง ฟอร์สตี้ก็ช่วยเอรีนออกมาจากเหล็กที่ทับขาอยู่ได้แล้ว

     

    “หนีเร็วเข้า ตามมาทางนี้” ครูซ นางิและลูกทีมของ Delta นามว่าลุค ซิลเวียร์ ช่วยยิงสนับสนุนจากระยะไกล

     

    ลูน่าหิ้วปีกแพทริกซ์ที่ยังไม่ได้สติหนีมาทางครูซได้สำเร็จ ฟอร์สตี้และเอรีนก็ตามมาซึ่งหญิงสาวบาดเจ็บที่เท้า ทำให้เดินกระเผลกแต่ชายหนุ่มผมบรอนก็ช่วยประคองตัวให้

     

    ยูเรก้านั้นกำลังต่อสู้กับซอมบี้อเลนอย่างดุเดือด เธอใช้ความรวดเร็วในการวิ่งไปรอบๆตัวของซอมบี้อเลน ทำให้มันโจมตีไม่โดน และสร้างบาดแผลได้เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะได้เพียงแค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถสร้างบาดแผลใหญ่ได้ เพราะขนาดรูปร่างและอาวุธต่างกันมาก จุดอ่อนที่คอก็ยิงได้ยากขึ้นเพราะเหมือนสัญชาตญาณของมันจะช่วยให้มันปกป้องจุดอ่อนของมันไว้ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถโจมตีได้

     

    “ยูเรก้า! กลับมาได้แล้ว” ครูซตะโกนบอกหลังจากที่พวกคนบาดเจ็บหนีไปได้หมดแล้ว นางิปาระเบิดควันเป็นม่านบังตาให้ ยูเรก้าจึงกระโดดหลบออกมาและสมทบกับพวกคนอื่นๆ ซอมบี้อเลนโดนระเบิดควันไปทำให้มันเกิดอาการมึนงง และทำอะไรไม่ถูกเนื่องจากไม่เคยโดนอะไรแบบนี้มาก่อน (รวมถึงมันสมองที่น้อยนิด) มันจึงได้แต่เหวี่ยงแขนไปมาและเดินหมุนตัวไปมาเท่านั้น

     

    “เราจะหนีไปไหนดีละ” ฟอร์สตี้ถามหัวหน้าทีม Charlie ในขณะที่เดินหนีออกมาจาก Time Square 

     

    “พวกเรามีคนบาดเจ็บเยอะด้วย คงไม่สามารถหนีไปได้ไกลแน่ๆ ไม่นานก็คงถูกมันไล่ตามมาทัน” นางิเอ่ย เมื่อดูสภาพในตอนนี้ของทีม  

     

    ครูซหยิบแผนที่มาดูและเม้มริมฝีปากคิด

     

    Event 4.4

    ทั้งสองทีมจะต้องคิดแล้วละครับว่าจะหนีไปที่ไหนดี (แพทริกซ์ไม่มีสิทธ์ตอบนะครับ เพราะหมดสติอยู่)

     

    1.       โรงพยาบาลแมนฮัตตัน (ไกลสุด)

    2.      มหาวิทยาลัย NYU (ปานกลาง)

    3.      สถานีตำรวจแมนฮัตตัน (ใกล้สุด)

     

    Deadline วันพุธนะครับ

     

    Event 4.5

    เจสสิก้า จัง ผู้วิ่งหนีแหวกออกจากกลุ่ม ก็ต้องตัดสินใจเสียแล้วว่าเธอจะทำไงต่อไปดี

    1.       ตามพวกครูซและแพทริกซ์ต่อไป

    2.      ไปตามมามาเรียคนเดียว

     

    Deadline วันพุธเช่นกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×