ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับสมัคร!! ABYSS HABITATION: New York City แนว RE

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 1 Before hell come to earth (ก่อนที่นรกจะขึ้นมาสู่ดิน)

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 55


    CHAPTER 1 Before hell come to earth (ก่อนที่นรกจะขึ้นมาสู่ดิน)

     

     

    15 มิถุนายน 2020

    18.12 น.

    ณ มหาวิทยาลัย  NYU (New York University)

     

    “ครับพ่อ ตอนนี้เพิ่งจะเลิกเรียนครับ” เด็กหนุ่มอายุ 23 ปี ผมสีน้ำตาลเทายาวถึงคอ นัยน์ตาสีน้ำเงินอมเขียวน่ามอง ผิวสีน้ำผึ้ง สูงราว 175 รูปร่างดูผอมและสำอาง สวมเครื่อง แบบนิสิตของมหาวิทยาลัยชื่อดัง เดินออกมาจากประตูรั้วมหาลัย คุยโทรศัพท์กับพ่อของเขาที่อยู่อังกฤษ

     

    “อ๋อ กำลังจะกลับหอครับ แเล้วเดี๋ยวจะเปลี่ยนชุดไปซ้อมยิงธนูต่อครับ” หนุ่มนิสิตของคณะจิดวิทยาของมหา ลัย NYU เดินไปตามถนนที่ฟุตบาท ผ่านผู้คนมากมาย รถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมา บางครั้งก็มีเสียงแตรจากคน ใจร้อน อากาศเริ่มเย็นขึ้นเพราะพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

     

    “ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วใช่ไหมครับ ขอคุยกับแรนดี้หน่อยได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มนัยน์ตาน้ำเงินเอ่ย เสียงพ่อ ของเขาเรียก “แรนดี้” ที่เป็นน้องชาย และก็มีเสียงเดินย้ำเท้าตามมา

     

    “สวัสดีครับ พี่อเลน” เสียงแรนดี้ น้องชายอายุห่างจากเขา 5 ปีกล่าวทักทายพี่ชาย

     

    “แรนดี้ เป็นไงบ้างสบายดีไหม” อเลนถามน้องชายสุดที่รักด้วยน้ำเสียงที่สดใส ต่างจากคุยกับพ่อของเขา พ่อของอเลนเป็นผู้บังคับบัญชาของหน่วยกองกำลังป้องกันตัวเองที่อังกฤษ พ่อของเขาจึงไม่ค่อยมีเวลาให้กับอเลนมากนัก อเลนจึงสนิทกับแรนดี้น้องชายของเขามากกว่า ส่วนแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เขายังเล็ก

     

    ระหว่างทางที่อเลนคุยกับแรนดี้นั้นเอง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินชนกับเขา กระเป๋าของผู้หญิงหล่นจากบ่า อเลนจึงก้มเก็บให้

     

    “ขอบคุณคะ” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขอบคุณ สำเนียงเป็นคนญี่ปุ่น รูปร่างดูเป็นนักกีฬาแข็งแรง เตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย ผมสีดำเข้ม แต่นัยน์ตากลับเป็นสีฟ้าซะงั้น ใบหน้ามีรอยตกกระที่จมูกและโหนกแก้ม

     

    ผู้หญิงนัยน์ตาฟ้ารับกระเป๋าจากอเลน โค้งให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเดินจากไป

     

    “อ๋อ เมื่อกี้พี่เดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่งนะ ไม่มีไรหรอก” อเลนบอกแรนดี้เพราะน้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น

     

     

    18.20 น.

    ณ ห้องซ้อมยิงปืนที่อาคาร SA (Shooting Area)

     

    “สวัสดีโยชิโกะ มาช้าจังนะวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเข้ารอบชิงแล้วนะ วันนี้ซ้อมเยอะๆหน่อยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มอายุราว 30 หน้าตาเอเชีย ผมสั้นดำ สวมเสื้อนักกีฬา กล่าวทักทาย หญิงสาวที่เดินเข้ามาที่ห้องซ้อม

     

    “พอดีรถมันติดมากเลยนะ ยามาโมโตะ เลยลงเดินมาเนี้ย” โยชิโกะ โอกาว่า ครูสอนยิงปืนและนักกีฬายิงปืนบอก วางกระเป๋าส่วนตัวลง ก่อนที่เธอจะหยิบปืนขึ้นมาจากโต๊ะข้างหน้า เบื้องหน้าเธอเป็นเป้ากระดาษ ห่างจากโต๊ะไปประมาณ 15 เมตร เธอเช็กกระสุนในแม็กก่อนจะกระเทกมันกลับเข้าไป หยิบที่ปิดหูขึ้นมาสวม

     

    “พร้อมแล้วบอก” ยามาโมโตะผู้เป็นโค้ชบอก

     

    “พร้อมทุกเมื่อ” โยชิโกะหยิบปืนขึ้นมาจับกระชับไว้ด้วยทั้งสองมือ ชูมันเล็งไปที่เป้าข้างหน้า

     

    “เริ่ม!!!” ยามาโมโตะกดปุ่มแดงที่ข้างตัว เสียงออดดังก้องห้อง

     

    ปัง! เป้าแรกล้มลงเมื่อกระสุนพุ่งไปโดน เป้าที่สองกระเด็นขึ้นมา ปัง! เป้าสามกระเด็นขึ้นมา ปัง!  จนกระทั่งถึงเป้าที่ห้า

     

    “พอ...มาดูผลงานกัน” ยามาโมโตะบอกและกดปุ่มข้างตัวอีกปุ่ม

     

    แกร็ก! เป้าทุกเป้าเงยขึ้นมา

     

    “เพอร์เฟ้ก” ชายหนุ่มเอ่ยเมื่อเห็นผลงานของโยชิโกะ หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย เพราะเป้าทุกเป้านั้น กระสุนเข้าตรงกลางเป๊ะ!!

     

     

     

     

    18.30 น.

    ณ. สวนสาธารณะใกล้ๆ Wall Street

     

    “คุณหนูคะ กลับเถอะคะ เดี๋ยวคุณพ่อจะว่าเอานะค่ะ” หญิงสูงอายุเรียกเด็กสาวอายุ 15 หน้าตาน่ารัก ผิวขาวเนียนดูดีมีสกุล ที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวน รอบข้างมีบอดี้การ์ดสวมแว่นดำ สูทดำ ยืนล้อมตามจุดต่างๆกันสล่อน

     

    “ไม่เอา มาเรียไม่อยากกลับ อยากจะเล่นก่อน” มาเรีย สคราฟ ลูกสาวคนเดียวของประธานาธิปดี เคนดริก สคราฟ กล่าวแบบเด็กเอาแต่ใจ เดินไล่นกพิราบเล่น ก่อนจะเดินไปที่น้ำพุเพื่อจะเล่นน้ำ

     

    “ว้าย หนูมาเรีย อย่าเล่นน้ำเลยเดี๋ยวจะเป็นหวัดนะค่ะ” หญิงสูงอายุผู้เป็นผู้เลี้ยงนามว่า ลินดา รีบเดินตาม แต่เด็กสาวก็ไม่สน เล่นน้ำที่น้ำพุอย่างสนุกสนาน

     

    “เอาไงดีละเนี้ย พวกเธอก็รีบไปเตรียมผ้าเช็ดตัวมาสิ เดี๋ยวคุณหนูก็เป็นหวัดกันพอดี” ลินดาบอกบอดี้การ์ดคนหนึ่งให้ไปเอาผ้าเช็ดตัวมา การ์ดคนนั้นรีบเดินไปเอาทันทีที่ได้รับคำสั่ง

     

    “โอ้ยยยยยยย พอเลยๆ รีบออกมาก่อนจะเป็นหวัดเลยนะคะ” ลินดาฝ่าน้ำพุเข้าไปอุ้มตัวมาเรียออกมา เด็กสาวเนื้อตัวเปียกแฉะไปทั้งตัว

     

    “นี้ผ้าเช็ดตัวได้รึยัง” ลินดาหันไปถามบอดี้การ์ดคนหนึ่ง แต่แล้วบอดี้การ์ดอีกคนก็รีบวิ่งมาหาด้วยหน้าตาที่ เลิกลั่ก มือถือผ้าเช็ดตัว เดินมาอย่างรวดเร็ว

     

    “เอามาเร็วววว คุณหนูค่ะ เช็ดตัวก่อน อย่าเพิ่งไป” ลินดาเดินตามตัวมาเรียที่ยังวิ่งไปมาอยู่ในสวนสาธารณะ

     

     

     

     

     ณ Los Angeles

    เวลา 18.30 น.

     

    ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งมีชายคนหนึ่งรูปร่างสูง ผมสั้นสีดำ สวมเสื้อกั้กยีนต์สีฟ้าและเสื้อกล้ามข้างในสีขาว ใบหน้าคมเรียว นั่งอยู่ที่หน้าบาร์ ภายในร้านมีคนอยู่แค่ไม่กี่คน ในมือของเขามือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือถือรูปภาพที่ดูเก่าแก่

     

    ชายหนุ่มกรอกเหล้ารวดเดียวเข้าปาก ก่อนจะกระแทกมันลงที่โต๊ะ

     

    “เอามาอีก!”

     

    “แหม พี่ชาย เครียดอะไรมานะ ดื่มเอาๆ” บาร์เทนเดอร์บอกก่อนจะเทเหล้าลงแก้วให้

     

    ชายหนุ่มผมสั้นไม่ตอบ เขานั่งนิ่งจ้องมองรูปถ่าย ก่อนจะกรอกเหล้าเข้ามาตัวเองอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะขอเหล้าเพิ่มก็มีใครบางคนเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ

     

    “แหม นึกว่าหายไปไหนแล้วเสียอีก กลับมาจากภารกิจก็มาดื่มเหล้าเลยนะหัวหน้าครูซ”

     

    เมื่อครูซหันไปตามเสียงก็พบกับผู้หญิงผิวคล้ำ นัยน์ตาสีดำ ผมซอยสั้นดำ ร่างกายแข็งแรง หน้าตาน่ารักสไตล์ญี่ปุ่น เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

     

    “ไม่ไปฉลองกับคนอื่นๆในทีมเหรอไง นางิ” ครูซกล่าว ก่อนจะดื่มเหล้าอีกอึก

     

    “ทีหัวหน้ายังไม่ไปเลยนิ แล้วทำไมฉันจะต้องไปด้วยละ แล้วหัวหน้าอย่ามาจมปลักกับอดีตสิ ทำอย่างนี้เดี๋ยวลูกน้องก็หมดศรัทธาหรอก” นางิ สาวญี่ปุ่มบอกอย่างเป็นห่วง

     

    “มันไม่เกี่ยวกับเธอ ไปฉลองกับหน่วยชาลีเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวตอนนี้” ครูซพูดแบบไม่แยแส

     

    “โธ่ หัวหน้า อย่าพูดเหมือนฉันเป็นเหมือนคนไกลสิ ฉันก็เป็นห่วงภรรยาของหัวหน้าเหมือนกันแหละ แต่หัวหน้าทำแบบนี้แล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกนะ” นางิบอก หน้าตาของเธอดูเป็นห่วงเป็นใย

     

    “รู้แล้วน่า ฉันก็แค่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้เท่านั้นเอง” ครูซบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ นางิจึงลุกขึ้นเพราะเธอรู้ว่าครูซคงอยู่ตรงนี้อีกนานและคงไม่ตามเธอไปไหนแน่ๆ

     

    “งั้นก็เจอกันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ” แล้วนางิก็เดินจากไป แต่ก่อนจะออกจากร้านเธอหันมาดูหัวหน้าเธอด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง

     

    ครูซนั้นตอนนี้เหมือนเขาตกอยู่ในห้วงอะไรบางอย่าง คิดอะไรอยู่คนเดียว รูปถ่ายที่อยู่ในมือของเขาคือรูปของชายสองคนยืนกระหนาบผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายด้านขวาคือตัวของเขาเอง ใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนผู้หญิงตรงกลางเอาหัวมาซบที่ไหล่ของเขา ผู้ชายอีกคนยืนกอดอกยิ้มยิงฟัน

     

    ครูซกระดกเหล้าเข้าปากเป็นครั้งสุดท้าย เก็บรูปภาพลงกระเป๋าและเดินออกจากร้านไป

     

     

     

     

    ณ ศูนย์บัญชาการ DELTA

    ที่ห้องยิม

    เวลา 19.10 น.

     

     

    เคร้งๆๆ เสียงเครื่องเล่นส่วนหน้าอกดังพร้อมๆกับเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของชายคนหนึ่ง อายุราว 30 ย่าง 40 ร่างกายกำยำ ไหล่กว้าง ใบหน้าหยาบ ผิวขาว หน้าตาคมสัน มีรอยแผลเป็นเล็กตามใบหน้า

     

    “ยังไม่กลับอีกเหรอ แพทริกซ์” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูห้องยิม

     

    “ยัง ว่าจะอยู่เล่นอีกซักชั่วโมง” แพทริกซ์ นิวแลนท์ หัวหน้าหน่วยเดลต้าตอบ ยังคงยกน้ำหนักต่อไป

     

    “แล้วเธอละ เอรีน นึกว่าจะกลับบ้านแล้วซะอีก”

     

    เอรีนไม่ตอบแต่เดินมานั่งข้างๆ ยกมือเท้าคางมองหัวหน้าหน่วยด้วยสายตาเหม่อลอย เอรีนเป็นหญิงสาวลูกครึ่งรัสเซีย ญี่ปุ่น หน้าเรียวโค้งสวย ผมยาวสีดำ จมูกโด่งตัดกับหน้าเอเชีย

     

    “มองตาของเธอทีไรก็ไม่คุ้นซักที” แพทริกซ์บอกหลังจากที่เห็นนัยน์ตาสองสีของเอรีน ตาข้างซ้ายของเธอสีฟ้า และแต่ข้างขวากลับเป็นสีเขียว

     

    “ก็ไม่ได้บอกให้มองนิ” หญิงสาวตาสองสีบอก ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยกน้ำหนักเล่น

     

    “เป็นเด็กเป็นเล็กรีบกลับบ้านไป เดี๋ยวพ่อแม่ก็เป็นห่วง” ชายหนุ่มร่างกำยำบอก

     

    “เอรีนอายุ 23 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้ว” เอรีนหันมาค้อนเล็กๆ แพทริกซ์หัวเราะเล็กน้อย หยุดออกกำลังกายและเดินไปเก็บข้าวของก่อนจะเดินมาหาเอรีน

     

    “ไป กลับบ้าน เดี๋ยวฉันไปส่ง” แพทริกซ์เดินมาลูบหัวเอรีนเล่น เขารักเอรีนเหมือนน้องสาวแท้ๆ จึงรู้สึกเอ็นดูและดูแลมาโดยตลอด

     

    เอรีนเอามือปัดมือของแพทริกซ์เหมือนจะรำคาญ แต่ก็เดินไปขึ้นรถกระบะของแพทริกซ์แต่โดยดี

     

    “แล้ววันนี้เป็นไงบ้างละ” แพทริกซ์ถามเอรีนระหว่างทางไปส่งหญิงสาวที่บ้าน

     

    “ก็ดีอะ ได้ลองปืนใหม่ๆ พรุ่งนี้จะต้องเลือกเข้าหน่วยแล้วด้วย”

     

    “เธอน่าจะเข้าหน่วยสไนเปอร์นะ เพราะชอบปืนไรเฟิลนิ แถมยิงปืนแม่นด้วย”

     

    “ก็ว่าอยู่”

     

    “แล้วเรื่องวาดรูปละ วาดรูปไปถึงไหนแล้ว”

     

    เอรีนรีบหันหาขวับ หน้าแดดก่ำ เหมือนโดนอะไรบางอย่างมาจี้ใจ

     

    “นี้แอบดูเอรีนวาดรูปอีกแล้วเหรอ” เอรีนถามด้วยหน้าตากึ่งโมโหกึ่งเขินอาย

     

    “เปล่านะ ไม่ได้แอบดูแต่บังเอิญไปเห็น” แพทริกซ์รีบพูดแก้ตัว แต่ไม่ทันเสียแล้วเอรีนงอนตุ่บป่อง หันหน้าหนี มองไปทางหน้าต่างแทน

     

    “เอาน่าๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเลี้ยงข้าวเที่ยงแล้วให้เธอเลือกเลยว่าจะกินอะไร โอเคไหม” แพทริกซ์รีบง้อ

     

    “อยากกินซูชิ” เอรีนพูดขึ้นมาลอยๆ

     

    “ได้ๆ เดี๋ยวพาไป”

     

    “ตกลงแล้วนะ” เอรีนหันมายิ้ม ใบหน้าดีใจ

     

    “ตกลง” แพทริกซ์บอก ก่อนจะจอดหน้าบ้านของเอรีน บ้านของเอรีนเป็นบ้านชั้นเดียว มีสวนหน้าบ้านอยู่กับพ่อและแม่ของเธอ

     

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะ แล้วอย่าลืมที่สัญญากันด้วย” เอรีนบอกและลงจากรถ เดินโบกมือให้ชายหนุ่มหลังจากนั้นก็เดินเข้าบ้านไป

     

    แพทริกซ์โบกมือให้กลับก่อนจะออกรถกลับบ้านตัวเอง

     

    ระหว่างทางกลับบ้านนั้น เขาเหลือบมองเวลาที่อยู่ในรถ

     

     20.00 น.   

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×