ตอนที่ 6 : ผิดคาด Part 2
เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียดาย
_______________________________________________________________________________________________
“ไอ้ขี้ขลาดอาซาคริโต้ส ออกมาเดี๋ยวนี้!!” เสียงของดรัคดังก้องไปตามทางเดิน เพียงไม่นานก็ปรากฏเงาของร่างสูงใหญ่ของอาซาที่ทางเข้า ในมือของเขามีไม้เบสบอลขนาดใหญ่และมีหนามแหลม
นั่นละอาซาเอาอาวุธมาด้วยดีมาก!!
“ในที่สุดแกก็มาอาซา ฉันคิดว่าแกจะรีบมุดเข้าไปในท้องแม่แกตอนที่ได้ยินเสียงฉัน!!!” อาซามีสีหน้าตกใจ
“ดรัค! ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่!?”
“พวกแกค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม...แค่ก ทีหลัง..” ตอนนี้เขาถูกรัดจนเลือดไม่ขึ้นไปเลี้ยงสมองแล้ว ใบหน้าของเฟยฉางแดงกล่ำ “แค่..หยุดดึง...คอเสื้อ...ก่อน..โอเค?”
“คอเสื้อ?” ดรัคเขย่าคอเสื้อที่กำไว้เล็กน้อย “อย่างนี้? โอเคยัง?”
“.....” เฟยฉางหมดคำพูดจึงชูนิ้วกลางให้แทน
“ปล่อยเขาดรัค! เขาเป็นมนุษย์ เดี๋ยวเขาตาย!” อาซาตื่นตระหนกขณะที่ตาของเฟยฉางค่อยๆหรี่ปรือ
“ก็ได้ รับนะ!” ดรัคปฏิบัติตามอย่างง่ายดายด้วยการโยนเฟยฉางออก
อาซาเบิกตากว้างมองตามร่างของเฟยฉางที่ลอยละลิ่วก่อนที่จะล่วงลงพื้น บนชั้นหนึ่งในเรือโนอาห์ก็ปรากฏปีกคู่สีดำที่คลี่กางบินมาอย่างสง่างามไปยังจุดหมายร่างหนึ่งที่มีใบหน้าซีดเซียว
“ฟัค! ไอ้ปีกดำน่ารักเกียจ!” ดรัคสบถอย่างโมโห
“แกไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว ครัค” อาซาบอกอย่างขึงขัง
“หึ แกมีปัญญาห้ามฉันด้วยหรอ? แกนี่มันขี้ขลาดขึ้นทุกวันนะอาซา” ดรัคหัวเราะเยาะ
“ตอนนั้นแกยังคว้าคอฉันแล้วบอกว่าอยากตายอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?! แต่ตอนนี้แกบอกฉันไปไกลกว่านี้ไม่ได้ โอ้ แกจะฆ่าฉันหรืออาซา?”
“ทำไมแกถึงมาที่นี่!” อาซาไม่สนใจคำพูดถากถางพวกนั้น ดรัคหัวเราะเพียงครู่ก่อนจะมองไปที่อาซาเขม็ง
“ทำไมฉันถึงมาไม่ได้?”
“มันเป็นการละเมิดสนธิสัญญาสันติภาพ”
“ใครสน?” ดรัคตอบอย่างยี่ระ “เราเป็นไททัน เป็นเผ่าพันธุ์ของนักรบไม่ใช่คนขี้ขลาดที่ถูกย่ำยี่ง่ายๆ!”
“นี่แกเข้าร่วมกับพวกต่อต้าน?” อาซาถามด้วยสีหน้าทะมึน
“เฮ้อ.. เราควรจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้งั้นหรอ? แกเป็นหนี้ฉันเมื่อสองพันปีที่แล้วในการแข่งขัน!” ดรัคทุบลงหน้าอกตัวเอง “เข้ามาอาซา มาทำให้ฉันดูหน่อยว่าแกมีอะไรนอกจากการร้องไห้ขอความเมตตา!”
“ฉันจะไม่สู้กับแก”
“เพราะแกสู้ฉันไม่ได้ไง ในฐานะของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของ Noah’s Ark แกต้องกำจัดผู้บุกรุกไม่ใช่หรอ ฉันอุส่าใช้เวลาสองพันปีเพื่อคิดแผนนี้เชียวนะ เพื่อให้แกสู้กับฉัน!”
“ฉัน..”
“ต่อยมัน! เตะมัน! ทำทุกอย่างจนกว่ามันจะขอความเมตตา!!” อาซาและดรัคแหงนหน้าขึ้นมองมนุษย์ที่ตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าของปีกนกสีดำ ใบหน้าของเฟยฉางมีแต่ความโกรธ
“หุบปากไปซะ!! ไอ้มนุษย์โง่เง่า!” ดรัคคำราม
“ไม่ว่าฉันจะโง่หรือไม่ ฉันก็ไม่ใช้เวลาตั้งสองพันปีเพื่อคิดแผนปัญญาอ่อนนี่หรอก ไอ้หัวหมู!!”
“หัวหมู!!? แกเปรียบเทียบกับสัตว์ชั้นต่ำอย่างนั้นอยากตายใช่ไหม!?” ดรัคโกรธจนหน้าแดง
“ฉันขอโทษ” เฟยฉางกล่าวทำให้ดรัคชะงักทันที
“เหอะ.. ตามที่ฉันคิดว่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ”
“ฉันขอโทษหมูที่เอามันมาเปรียบเทียบกับสายพันธุ์แกต่างหากโว้ย!” เฟยฉางตะโกนอย่างฉับพลัน “ยกโทษให้ฉันด้วยที่เห็นหมูเหมือนกับแกอย่างกับพิมพ์!”
ดรัคกระทืบเท้าด้วยความโกรธและพุ่งไปที่เขา ใบหน้าโกรธของดรัคอยู่ในระยะประชิดจนเฟยฉางตัวแข็งค้างด้วยความตกใจ แขนที่รัดรอบเอวกระชับแน่นพร้อมกับบินสูงขึ้นจนห่างจากดรัคเขาก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา ดรัคมองมาอย่างอาฆาตนั่นทำให้เฟยฉางหัวเราะออกมาดังลั่น
“ข้อผิดพลาดที่หนึ่ง หักเงินเดือน 1500 ดอลลาร์” เฟยฉางสำลักน้ำลายตัวเองหันไปมองคนพูดหน้าตายอย่างเหลือเชื่อ
ด้านล่าง
ดรัคกำลังหงุดหงิดเต็มเจ้าปีกสีดำนั่นเต็มขั้น เขากระชากกระบองคู่ออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงมันเป็นวงกลมด้วยความเร็วสูง ขณะที่จินเอนตัวพิงประตู หยิบกุหลาบขึ้นมาส่งให้กับฮิวจ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“กุหลาบที่อ่อนโยนและสวยงามที่สุดเท่านั้นที่เหมาะกับนาย”
แก้มของฮิวจ์ขึ้นสีเพียงเล็กน้อยแต่ดวงตาของเขากำลังจับจ้องไปที่ร่างสองร่างตรงเคาน์เตอร์ด้วยความกังวล
“มันเป็นความผิดของฉัน ฉันควรจะสอนเฟยฉางว่าควรแยกแยะบัตรเดินทางยังไง” ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ดรัคเข้ามา
มุมปากของจินกระตุกยิ้มเยาะ
“เฮ้อ เด็กหยาบคายอย่างนี้ควรได้บทเรียนบ้าง”
“มีปัญหากันหรือไง ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” ฮิวจ์หันไปแหย่
“แน่นอน ฉันไม่มีทางบอกอยู่แล้วเพราะงั้นนายลืมเรื่องที่จะพูดกับเด็กนั่นได้เลย” จินขบริมฝีปากด้วยความแค้น “เด็กเวรนั่นหัวเราะฟันฉัน” ฮิวจ์หมดคำพูด
ดรัคกระโดดสูงเหนือหัวอาซาแล้วฟาดกระบองลงหวังจะให้อาซาเจ็บ อาซายกอาวุธตัวเองขึ้นตั้งรับก่อนจะเริ่มต่อสู้ตอบสนองกลับไป จินกับฮิวจ์กลั้นหายใจกับความดุดันของคู่ตรงหน้า ในช่วงจังหวะที่อาซาพลาดพล้ำก็คล้ายกับมีบางอย่างดูดดรัคออกและหายเข้าไปในความมืดมิด
ในท้ายที่สุดเฟยฉางก็ไม่อาจเงียบต่อไปได้ “นายไม่คิดว่าพันห้าร้อยนี่ไม่มากไปหน่อยหรอ?”
“ขาดไม่บอก หักห้าร้อยเหรียญ”
“เดี๋ยวนะ สามวันมานี้นอกจากฉันไม่ได้รับเงินเดือนแล้วยังเป็นหนี้อีก?”
“หนึ่งหมื่นดอลลาร์”
“ฟัค”
( TL ; คือคำเดียวจบทุกอย่างขอรับ ไม่อาจแปลงเป็นไทยได้ อาจจะโดนเซนเซอร์ มันเป็นคำว่า ฟาก นะขอรับ )
เฟยฉางนั่งเงียบอยู่บนพื้นโล่งตรงเคาน์เตอร์ ในความเป็นจริงเขานั่งตรงนี้มาเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ก่อนเจอดรัค
“เราจะกินแซลมอนกันตอนค่ำ” จินพูดขณะที่เดินเข้าไปหาเฟยฉาง เฟยฉางนั่งเท้าคางในขณะที่มืออีกข้างลากพื้นตรงหน้าเล่นอย่างเฉื่อยชา
“ฮิวต์เป็นที่ปรึกษานาย เขาควรได้สอนนายทุกข้อควรระวังทั้งหมดหลังจบการประชุม แต่ว่านะ..” จินยักคิ้วก่อนพูดต่อ “ฉันกวนเขา”
มือของเฟยฉางหยุดชะงัก
“นี่เป็นการเยาะเย้ยจากคนที่มาจากตระกูลขุนนางหรือไง?” แม้ใบหน้าของจินจะเชิดขึ้นดูเย่อหยิ่งแต่ดวงตาของเขาก็ยังคงแช่นิ่งอยู่ที่เฟยฉาง เฟยฉางหันกลับมาขีดเขียนบนพื้นด้วยนิ้วตัวเองต่อ
เมื่อหันไปเห็นฮิวจ์จากทางประตูความขุ่นเคืองก็ลดลง เขาก้มหน้าลงแล้ว “แต่ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยกโทษให้นาย” ดังนั้นขอบคุณฉันซะ จินต่อประโยคในใจ
ฮิวจ์ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี เขาเลยบุกเข้าไปยืนข้างจินทันที ในห้องมีเพียงคนหนึ่งคน จิน และกองเสื้อผ้า
“ฮิวจ์!” จินคร่ำครวญขึ้นมาเขามองไปรอบๆก่อนจ้องไปที่กองเสื้อผ้าแล้วถอนหายใจ
“ทำให้แน่ใจด้วยนะว่าใส่เสื้อผ้าได้ทันเวลาก่อนตัวจะโผล่ออกมาน่ะ โอเค?”
“....”
“ด้วยความจริงใจเลยนะที่รัก” จินพูด “นายไม่คิดว่าถึงเวลาแก้นิสัยไม่ใส่เสื้อผ้านี่หรอ ฉันรู้นะว่ามันสบายดี แต่..” เขาจับรองเท้าที่บินโฉบมาเกือบจะโดนหน้าแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “เอ่อ... ฉันเป็นห่วงสุขภาพนายนะ”
“ฉันจะรอนายที่ห้องของฉัน มาแบบเปลือยๆก็ได้นะ” จินพูดอย่างทะเล้นพร้อมทั้งคอยรับรองเท้าและข้าวของมากมายที่ถูกโยนมาได้อย่างราบรื่น ก่อนจะเจ้าตัวจะหนีออกไป
เพียงไม่นานเสื้อผ้าในกองก็ค่อยๆพองขึ้น ฮิวจ์ทิ้งตัวลงนั่งข้างเฟยฉาง
“ขอโทษนะ”
เฟยฉางหันมอง
“ที่ฉันไม่ได้ทำหน้าที่ ที่ปรึกษาให้นาย”
“....”
“อาจเป็นเพราะฉันอยู่ที่นี่มานาน ทำอย่างเดิมซ้ำๆในทุกๆปี เลยลืมไปว่าพวกคุณต่างไม่เหมือนกันและค่อนข้างเปราะบาง”
“ฉันไม่ใหม่นี่”
“ยกโทษให้?”
“ฉันไม่ใช่มือใหม่ ฉันมีประสบการณ์ทำงานสองปีในโรงแรม และภายในสองปีที่ผ่านมาฉันก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการเพียงคนเดียว ให้กับผู้จัดแผนกต้อนรับ”
“ดีกว่าฉัน” ฮิวจ์ยิ้มบางๆ “ฉันมาที่นี่เป็นเวลาสามพันปีแล้วยังไม่การเลื่อนขั้นอะไรเลย”
“ฉันไม่ได้เปราะบาง ฉันอาจเป็นมนุษย์แต่เรามีสติปัญญา อย่างน้อยก็เยอะกว่ายักษ์ที่ใช้เวลาคิดแผนปัญญาอ่อนตั้งสองพันปี”
“อันนี้เห็นด้วย” ฮิวจ์พยักหน้า
“ดังนั้นฉันไม่โทษนายหรอก เราต่างก็ผิดพลาดกันทั้งคู่” เฟยฉางกล่าว “ฉันควรจะมาถามนายเรื่องพื้นฐานของที่นี่ด้วยเหมือนกัน”
ฮิวจ์มองหน้าเขาเหมือนซึ้งใจ ทันใดนั้นเฟยฉางก็แบมือ
“ดังนั้นคนละเจ็ดร้อยห้าสิบดอลลาร์”
“เอ๊ะ?” ฮิวจ์ทำหน้าแปลกใจ
“อิเซเฟลบอกฉันว่าข้อผิดพลาดของฉันแค่ระดับหนึ่งและฉันจะโดนหักเงินหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ เมื่อมันเป็นความผิดของเราทั้งคู่ คนละครึ่ง”
ฮิวจ์คิดอยู่ครู่ “สกุลเงินของนายคือ...”
“นอกจากนายกับแฟนจ่ายกันด้วยประตูหลังแล้ว นายจ่ายเงินเป็นอะไร ปอนด์?”
“แต่...”
“นายเพิ่งยอมรับว่าตัวเองก็ผิดพลาด”
“แต่เราใช้เหรียญทองเท่านั้น”
“ทองคำบริสุทธิ์?”
“ไม่ใช่.. 18K” เฟยฉางกลืนน้ำลาย
“ฉันไม่ได้เต็มใจรับนะ”
ฮิวจ์พยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
“แล้วเมื่อไหร่ที่นายจะให้ละ?” เฟยฉางรู้สึกดีใจขึ้นมา
“ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวฉันให้อิเซเฟลแทนนายเอง” ฮิวจ์พูดพร้อมตบบนไหล่ของเฟยฉาง
“นายยังไม่ได้ทานอาหารค่ำใช่ไหมละ? คืนนี้คือปลาแซลมอนเลยนะ จินไปขออันโตนิโอ้มาพิเศษ น่าจะยังพอมีอยู่ในตู้เย็น ไปดูสิ”
ระหว่างทางไปที่ห้องอาหาร เขาก็นึกถึงประโยคหนึ่งซ้ำๆ
ฉันจะเอาไปให้อิเซเฟลแทนนายเอง
ฮิวจ์ขยับตัวไปนั่งแทนที่เฟยฉาง เขาวาดมือเป็นวงกลมเหนือพื้นที่เฟยฉางขีดเขียนเมื่อครู่ ลำแสประกายออกมาจนปรากฏคำสามสี่คำ
Gin มาเต๋อฟากเกอร์
ใคร ใครว่าเฟยฉางแสบขอรับ ไม่มี๊ ไม่มี
ยังไม่ได้แก้คำผิดนะขอรับ ขอพรุ่งนี้แล้วกัน
เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียดาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดื้อสุดๆเลยคนนี้
จริงๆน้องคือปั่นสุดขีวิตแล้ววว แง้ ไอต้าวตัวแสบ
เหมือนมันวนมาสองรอบค่าาา
สงสารก็ไม่บอกอะไรเลย จะให้ทำงานยังไงงง
โถถถๆๆ