ตอนที่ 16 : ผลพวง Part 1
อย่าสมคบคิด
___
จินยืนนิ่งครึ่งนาทีก็ถามว่า “เราไม่ควรไปตามดูเขาหรอ?”
“นายชั่วมาก” เฟยฉางพูดด้วยสีหน้ารังเกียจเล็กน้อย
“แน่ใจหรอว่าจะใช้คำนั้นเรียกแวมไพร์ขุนนางอย่างฉัน?”
“ฉันคิดว่านายอยากจะได้คำชม”
“ฉันไปทำอะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันเป็นคนชั่ว?” จินเลิกคิ้ว
“นายไม่ต้องทำอะไรฉันก็คิด” เฟยฉางตอบชัดถ้อยชัดคำ จินกัดริมฝีปากล่างจนเห็นเขี้ยวแหลมคมเหมือนใบมีดสองอันวาววับ
“ฉันสงสัยมานานแล้ว นายรู้สึกแปลกๆไหมเวลาที่ฟันนายยืดหดได้?” จินมองตาขวางเป็นการเตือน
“ไม่ แค่จักจี้นิดหน่อย ที่จริงมันทำให้ฉันอยากกัดคนด้วย”
“ฉันคิดว่านายควรจะได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า” เฟยฉางเหน็บจินก่อนหันหลังกลับเดินเข้าครัว
___
วันนี้ห้องอาหารเงียบผิดปกติและยังรกร้าง เฟยฉางคุกเข่าลงทางเข้าแล้วค่อยๆคลานเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ความเงียบนี่น่ากลัวราวกับมันกำลังก่อพายุขนาดใหญ่ จินค่อยๆเข้าผ่านประตูไปทางอื่น
ด้านในเดียกำลังยืนอยู่ติดกับเตา
“เยี่ยม!” จินชูกำปั้นขึ้นฟ้า เฟยฉางขมวดคิ้ว
“เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ฉันนับถือความมีสปีริทของเขา”
“ถ้านายยังไม่เงียบพวกเขารู้ตัวแล้วเดินมาหาแน่”
ราวกับมีเครื่องดักฟังอันจิ๋วอยู่บนหูของเดีย เดียหันมองไปรอบห้องทำให้ผู้แอบฟังทั้งสองต้องเงียบปากลงในทันที อันโตนิโอ้เงยหน้าขึ้น
“มองหาอะไร?” ดวงตาของเดียยังจับจ้องอยู่ที่ทางเข้า
“ไม่มีอะไร”
“ฉันได้กลิ่นมนุษย์” อันโตนิโอ้พูดแล้วทำท่าดมกลิ่น เฟยฉางรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวทั้งๆที่เหงื่อแตกเพราะความกลัวว่าจะถูกจับได้
“ไม่ต้องไปสนใจ” เดียพูดเบาๆ อันโตนิโอ้ก็หันมาสนใจปรุงเสต็กเหมือนเดิม
ในความคิดของเฟยฉาง ถ้าเดียใช้เวลาทุกวันในการหยิบผลไม้ อันโตนิโอ้ก็ใช้เวลาทั้งวันในการปรุงอาหาร เขามักจะนำของเหลือใช้ในชั้นมาทำได้เรื่อยๆ เดียเฝ้าดูอันโตนิโอ้ทำงานอย่างเงียบๆ เสต็กถูกตักขึ้นวางบนจานและดันไปทางเดีย
“ต้องการอะไร?”
“ฉันไม่กินเนื้อสัตว์”
“นายควรจะเปลี่ยนอาหารบ้าง ไม่ใช่กินแต่พืชผัก มันทำให้ความสุขในการได้ลิ้มรสลดน้อยลงนะ”
“ฉันเป็นเอลฟ์แสง ไม่ใช่ เอลฟ์มืด”
อันโตนิโอ้เพียงยักไหล่และคว้าช้อนส้อมออกมาจากชั้นบนบางส่วน ในขณะที่เขากิน เดียมีสีหน้าลังเลขึ้น จนสเต็กหมดจาน
“นายมาที่นี่เพื่อพูดอะไร?” อันโตนิโอ้ถามระหว่างเก็บจาน “นายเคยออกไปจากที่นี่ทันทีที่เห็นฉันกิน”
เดียหลุบตามองพื้น เพราะทิฐิในชาติพันธุ์ตัวเองทำให้มันยากที่จะพูดออกมา เฟยฉางกำมือเกร็งด้วยความลุ้นจนข้อขาว เดียถอนหายใจ
“ไม่ ไม่มีอะไร ฉันแค่จะมาถามว่าต้องการผลไม้อะไรหรือเปล่า ฉันจะไปแล้ว”
“รอเดี๋ยว” เสียงอันโตนิโอ้ที่ดังออกมาตรงกับความคิดของเฟยฉาง
“นายยังไม่ถามฉันเลยนะ”
“อะไร?”
“นายบอกว่า นายมาถามว่าต้องการผลไม้ไหม แต่นายยังไม่ได้ถามเลย”
“เพราะฉันไม่ต้องการถามนายอีก” เดียพูดก่อนหันหลังเดินออกมา ทันใดนั้นเอง จินก็ถูกผลักเข้าไปด้านในประตูอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาตั้งใจจะหันกลับออกมาแต่อีกฝ่ายกลับขวางไว้แล้วร้องไห้คร่ำครวญ
“นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ นายทำแบบนี้กับฮิวจ์ไม่ได้!”
...เขา.. ทำอะไรฮิวจ์?? จินมองเฟยฉางที่แสดงความเสียใจและโกรธออกมาด้วยความมึนงง
“นายจะทำกับเขาแบบนี้ได้ไง? ฮิวจ์ควรได้รับสิ่งนี้หรอ ความอ่อนโยนและมีน้ำใจของเขาที่มีต่อนาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเขี้ยวแหลมๆของนาย นายคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆหรอ?” เฟยฉางกล่าวด้วยท่าทางโอเวอร์แอคติ้ง “เขาเสียงต่อการเป็นบาดทะยักทุกครั้งที่จูบนายรู้ไหม?”
.....บาดทะยัก? จินยิ่งมึนหนักเข้าไปใหญ่
“และ!” เฟยฉางตะเกียดตะกายลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งไปหาเดีย “นี่คือความรักที่แท้จริง! นายรู้จักพวกเขามานานแล้วนะ แล้วนายยังคิดจะแยกพวกเขาออกจากกันอีกหรอ!? ทั้งๆที่นายเรียกพวกเขาว่าเพื่อน!?”
...แม้แต่ความคิดของแวมไพร์อันสูงส่ง การเป็นเพื่อนกับมนุษย์หมาป่านั้นน่าขัน ..
“นายไม่ควรที่จะแสดงความยินดีกับพวกเขาหรอ?” เฟยฉางหันไปหาเดียจนพูดจบก่อนจะหันกลับมามองจิน
สมองจินกำลังสับสน เขางงกับความสัมพันธ์ที่ได้ยินมา เขาค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นมองเดียอย่างระมัดระวังในการถาม “นายอยู่ด้วยกันจริงหรือ?”
ทั้งห้องเงียบ เฟยฉางจึงแสร้งไอ
“...ใช่” เดียกล่าว ใบหน้าของอันโตนิโอ้เต็มไปด้วยคำถาม
จินหมุนตัวเองไปรอบ เขาใช้มือเท้าเข้ากับกรอบประตูและเขย่าหัวไปมา “ฉันไม่อยากจะเชื่อ .. เรื่องนี้..ฉันไม่อยากเชื่อจริงๆ นายอยากให้ฉันเชื่อเรื่องเหลือเชื่อนี่จริงๆหรอ?”
“แล้วต้องทำยังไง?”
“มันขึ้นอยู่กับนาย” จินพูดอย่างจริงจังทันที หวังว่าพวกเขาจะสามารถทำให้ฮิวจ์เชื่อได้เช่นกัน และจากนั้นความเข้าใจผิดของพวกเขาก็คลี่คลาย เขาจะได้กอดฮิวจ์อีกครั้ง
ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่สถานการณ์ตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว
เดียมองสีหน้าที่แสดงออกมาชัดเจนของจินแล้วได้แต่ทำหน้าเอือมใส่ “นายหมายถึงอะไร?”
“จิน ถึงเวลาที่ต้องตื่นมาโลกแห่งความจริงแล้ว” เฟยฉางปรบมือ “ไม่ว่านายจะเข้าไปยุ่งมากเท่าไหร่ เดียก็ไม่เคยชอบนาย นายควรก้าวออกไปข้างหน้า สิ่งดีๆที่อันโตนิโอ้กับเดียมี คือความรักที่แท้จริง นายควรจะแสดงความยินดีกับพวกเขา”
“....” ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการบอกกล่าวแล้วว่าเขาหมายถึงอะไรทีนี่จินจะ..เข้าใจใช่ไหม?
“คุณควรไป จากไป และหยุดเข้ามาเป็นมือที่สามสำหรับพวกเขา แค่ไป จิน”
จินเล่นตาม “เออ ก็ได้ ฉันจะจากไป ไม่ๆ ฉันหมายความว่าจะไปในตอนนี้ แต่ฉันไม่ยอมแพ้แน่ ได้ยินไหม? ฉันจะกลับมา!”
เฟยฉางถอนหายใจ
“นี่พวกเอ็งกำลังเล่นอะไรกันวะ?” อันโตนิโอ้เริ่มมีสีหน้างงและหงุดหงิดขึ้นมา
“ฉันจะอธิบาย” เดียถอนหายใจ
“นายอธิบายไปนะ ฉันจะไปข้างนอกหน่อย อยากสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง จะได้อารมณ์เย็นลง” เฟยฉางคลายเนคไทตัวเองออกแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อพบจินที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“นี่มันบ้าอะไร? ทุกอย่างัมนเป็นแผน” จินหันกลับมามองด้วยดวงตาแดงกล่ำ
“...ฉันยังยืนยันคำเดิมว่านายควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า”
“อย่าให้ฉันต้องกัดนายถึงตาย” จินพูดแล้วแยกเขี้ยวที่เปื้อนเลือดตัวเอง เฟยฉางกระโดดหนี
“นายจะฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้นหรอ?”
“ไม่ มันเป็นอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉันพยายามจะจับฮิวจ์ไว้”
แม้จะใช้คำว่า ‘อุบัติเหตุ’ ก็ตาม แต่เฟยฉางก็ได้คิดอะไรขึ้นมาได้
“นายหมายถึง... เมื่อกี้ฮิวจ์อยู่ในห้องอาหาร?” เขาถามอย่างช้าๆ
“ใช่”
เอาละ
“นายรู้ไหม” เฟยฉางกล่าวขึ้น “บางคนในโลกนี้ก็ไม่สามารถเป็นโจรได้ เพราะพวกเขาเกิดมาพร้อมกับความโชคร้าย”
จินก้มหน้ากัดฟัน “เรื่องมันแย่ตั้งแต่ได้เจอนาย..”
“จะ..ใจเย็นน”
“นายมีความคิดดีๆไหม?”
“มี” เฟยฉางถอนหายใจ
“ฉันหวังว่ามันจะดีกว่าความคิดอื่นๆของนาย”
“ฉันไม่รู้ว่าดีกว่าไหม แต่มันเป็นความคิดสุดท้าย”
“มันคืออะไร?”
“ทำความสะอาดกับฮิวจ์”
___
ที่หน้าห้องฮิวจ์
จินมองเฟยฉางอย่างเคร่งเครียด เฟยฉางเลื่อนมือที่จะยกกดกริ่งหน้าประตูออก
“ทำไมนายมองฉันอย่างนั้น?” เขาถามพร้อมหันไปมองรอบๆ
“แบบไหน?”
“เหมือนนายมองหานักบินพลีชีพน่ะสิ”
จินนิ่งพักนึงก็ถอนหายใจอย่างปลงตกหลับตาลง เฟยฉางยกมือจะกดกริ่งอีกครั้งแต่ก็ยังไม่กล้ากด
“ไม่เป็นไรน่า แค่เปิดตา”
“ทำไม?” จินลืมตา
“เพราะนายดูเหมือนว่านายจะเงียบเป็นเหมือนกัน”
“....”
___
ฮิวจ์เปิดประตูให้เพียงเฟยฉางเข้ามาด้านใน จินที่แม้จะดูหงอยซึมกว่าที่เคยแต่ฮิวจ์ก็ไม่ยอมให้เข้าไปอยู่ดี เขารู้สึกเจ็บปวดและอิจฉา เขาอยากที่จะเข้าไปเห็นหน้าคนรักอีกครั้ง
ได้ยินเสียงคลิกที่ประตูด้านหลังเฟยฉางก็ถอนหายใจ “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน”
“ไม่” ฮิวจ์พูดเบาๆ เทน้ำส้มใส่แก้ว “ไม่ใช่ความผิดของนาย”
เฟยฉางก้มลงมองแก้วที่ฉายภาพสะท้อนตัวเองออกมาในของเหลวสีส้ม คนที่อ่อนโยนและใจดีอย่างฮิวจ์ กับคนลามกทุเรศอย่างจินเข้ากันได้จริงๆหรอ?
เขาเริ่มคิดว่าที่ตัวเองมาตอนนี้ มันดีจริงๆไหม
“ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังฉัน” ฮิวจ์งึมงำ
...
เฟยฉางถอนหายใจ
“นั่นคือทั้งหมดที่นายอยากพูด?” ฮิวจ์ถามเสียงแข็ง
“ไม่ ฉันมาเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องครัว ความจริงคือจินพูดเพื่อให้เดียและอันโตนิโอ้แสดงตามบทบาทที่เราสร้างขึ้น นายจะได้เชื่อว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจินอีก..” เฟยฉางยักไหล่ “แต่พอนายโผล่มา มันก็ไม่เป็นไปตามแผน”
“ฉันรู้” ฮิวจ์พูดด้วยรอยยิ้ม
... เดี๋ยวนะ.. รู้งั้นหรอ?
เฟยฉางหยุดตีตนไปก่อนไข้ “แล้วนายไม่รู้อะไร?”
“ฉันไม่รู้ว่าตอนที่แผนทั้งหมดล้มเหลวแล้วเขาจะขอโทษและอธิบายยังไง” เหมือนฮิวจ์ปล่อยหมัดแยบออกมา
เฟยฉางเปิดประตูออกมามีสีหน้ามืดมิด จินที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกหมดหวัง เขาเหลือบตามองท่าทางเศร้าสร้อยนั้นก่อนจะยิ้มขึ้นมาชี้ให้จินเข้าไปในห้อง เพียงชั่วพริบตาเฟยฉางก็โดนโยนไปทางห้องโถง ตามมาด้วยเสียงประตูที่อยู่ด้านหลังปิดเสียงดัง เขาก้มลงมองปลายเท้าตัวเอง ไหนประโยคที่บอกว่า.. ‘bros before hoes’?
(TL ; คำนี้เป็นวลีนะขอรับ bros before hoes หรือ hoes before bros ในอย่างแรกกรณีพูดถึงเพื่อนผู้ชาย หรือ ฝ่ายรุก ซึ่งแปลว่า เพื่อนต้องมาก่อนแฟน นะขอรับ )
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมไม่มีใครซื่อเลยเหรอเนี่ยยยยย