คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่7 พระผู้ช่วย!!
ตอนที่7 พระผู้ช่วย
ริบบิ้นเมื่อ ปีก่อน.........................
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอย่าง หัวเสียที่สุด ก็เสียงแม่ที่ตรงเข้ามากระทบกับโสตประสาทที่หูของฉันนี่สิ ทำให้หูแทบแตก ขี้หูออกมาเต้นระบำอย่างเมามันเชียวล่ะ
“รี๊บบบบบบิ๊นนนนนนนน ตื่นเร็วๆ เลยลูก” เห็นไหมคะ เสียงของแม่ฉัน อลังการปานใด อ๊ากกก ฉันไม่อยากตื่นนะเนี่ย เพิ่งจะหลับไปได้แปปเดียวเองค่าแม่
“แต่งตัวทันทีนะลูก” ที่สุดแล้วฉันก็ต้องลุกขึ้นมา เพื่อแม่ค่ะทู๊กโค๊นนน
“แม่มีอะไรคะ ทำไมต้องมาปลุกหนูแต่เช้า ของหนูนอนให้เต็มอิ่มหน่อยได้ไหม” ฉันถาม แล้วก็ต้องสงสัยหลังจากที่โดนแม่ฉุดออกมาจากเตียงและแคะขี้ตาออกเพื่อการมองเห็นเต็มประสิทธิภาพ เพราะแม่ของฉันยิ้มอย่างอารมณ์ดีสุด เชียวล่ะ ฉันไม่ได้เห็นแววตาเปี่ยมสุขของแม่มานานมากแล้วหลังจากที่ทราบว่าฉันป่วยเมื่อ ห้า ปีก่อน
“มีสิ ริบบิ้น แม่น่ะ มีข่าวดีที่สุดในโลกให้ริบบิ้นเชียวล่ะ” ยัยน้องสาวตัวแสบ ของฉันพูด หลังจากที่เดินตามก้นแม่ฉันเข้ามาในห้องของฉัน
“เหรอ? อะไรล่ะ” สงสัยจริงๆ อะไรที่ทำให้มาปลุกฉันตั้งแต่เช้า นี่ถ้าไม่สำคัญจริงๆเห็นดีกันแน่ๆนะ
“หนูน่ะ อาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะลูก แล้วลงไปกินข้าวปลาข้างล่าง หลังจากนั้น แม่จะบอก” ลับลมคมในอะไรกันนักหนานะ
“ก็ได้ค่ะ “ฉันตกปากรับคำ เอ้อ อาบก็อาบ ตื่นก็ตื่น ฉันคงไม่ได้หลับแล้วล่ะ เพราะเสียงของแม่ฉันนะทำให้ฉันตื่นเต็มตาโดยอัตโนมัติ
แล้วฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวตามที่แม่ฉันสั่ง แล้วรีบลงไปที่ห้องอาหารที่ป้าแช่มเตรียมอาหารที่ฉันโปรดมากที่สุดนั่นก็คือ ข้าวต้มกุ้ง ที่แสนจะอร่อยเพราะเป็นฝีมือของป้าแช่มนั่นเองให้กับฉัน
“ว้าว ป้าแช่ม ทำให้ริบบิ้นโดยเฉพาะรึเปล่าคะเนี่ย”ฉันเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี
“ใช่แล้วล่ะค่ะ ป้าแช่มทำให้คุณหนูเป็นพิเศษเลย” ชักสงสัยซะแล้วสิ ว่าทำใมทุกคนถึงต้องยิ้มแป้นอย่างนี้ รึว่าแม่ฉันจะถูกหวย เอ...แต่ถึงจะถูกก็ไม่น่าดีใจอะไรนักหนานี่ เพราะว่าเราก็มีเงินทองมากมายก่ายกองอยู่แล้วอ่ะ
ฉันมองไปที่หน้าของทุกคนแบบซ้ายทีขวาที และก็ทำหน้าสงสัย พอแม่ฉันเห็นอย่างนั้นก็เลยเดินมาลากฉันเข้าไปนั่งในวงของโต๊ะอาหาร
“แม่จะบอกข่าวดีแล้วนะ”
ฉันตั้งใจฟังอย่างตัวโก่งเชียว
“เราได้รับบริจาคเซลล์เพื่อปลูกถ่ายไขสันหลังให้ลูกแล้วล่ะ ริบบิ้น “ ฉันตกใจมากค่ะ ไม่สามารถบรรยายเป็นความรู้สึกได้ ใครกันนะ ที่บริจาคให้ฉัน ทั้งๆที่ มีโอกาสแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น ใครกันที่มีเซลล์ไขกระดูกสันหลังที่เข้ากันกับฉันน่ะ
“ตกใจใช่ป่าว ริบบิ้น สงสัยว่า.....จะเป็นเนื้อคู่นะ” ยัยน้องสาวตัวดี หันมาล้อฉันเล่น แล้วก็ทำหน้าตา น่ารักเชียว
“บ้าเหรอ... “ ฉันว่ากลับ พลางคิดถึง กาวน์
“ลืมไป ว่าริบบิ้นมีพี่กาวน์แล้วนิเน๊อะ” แหม รู้ดีนะน้องคนนี้ สมแล้วที่เป็นน้องสาวของฉัน
“แหม ริบบิ้นของแม่ยิ้มแป้นเชียว ต่อไปนี้ ริบบิ้นก็จะไม่ต้องป่วยอีกแล้วนะลูกนะ”ฉันยิ้มให้แม่ ใช่ ฉันจะไม่ต้องทำให้กาวน์ต้องเสียใจแล้วล่ะ ในเมื่อ ฉันยังคงหายใจอยู่ และ เราก็จะมีความสุขกัน
“ค่ะ ริบบิ้นดีใจ ว่าแต่แม่คะ รู้ไหมคะว่าใครกันที่เป็นคนบริจาค”อดสงสัยไม่ได้ หากเจอเขา ฉันคงจะขอบคุณเป็นการใหญ่ เพราะเขาทำให้ชีวิตที่หมดหวัง กลับมีชีวิตขึ้นมาเลยนะ
“อืม....เขาไม่บอกน่ะลูก แต่เขาบอกว่า สักวันเขาจะมาหาลูกในวันที่ลูกหายดีแล้วน่ะจ๊ะ”
“เหรอคะ ? ริบบิ้นอยากเจอเขาเร็วๆจัง อยากขอบคุณเขาจากใจเลย”ลองถ้าได้บริจาคแล้ว เขาคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก
“อื้ม แม่ก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกัน”
“พ่อก็ด้วย” พ่อที่นั่งยิ้มแป้น แล้วเงียบอยู่ตั้งนานมีบทสักที
“เค้าก็ด้วยนะ ริบบิ้น”
ฉันหันไปยิ้มให้กับยัยน้องสาวของฉันอย่างเอ็นดู ยัยนี่น่ารักจริงๆ
“จ๊า....ยัยตัวแสบ”
“ต่อไปนี้ริบบิ้นจะได้ไปเล่นกันเค้าได้ด้วย เราจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบที่เราไม่ได้ไปด้วยกันมานานแล้วสักทีเน๊อะ” ใช่สิ ฉันไม่ได้ไป เดินห้าง ดูหนัง ฟังเพลงนานเท่าไหร่แล้วนะ
“อื้อ อยากไปเหมือนกันเน๊อะ”
“ว่าแต่ ริบบิ้นจะไปผ่าตัดเมือ่ไหร่คะ?” ฉันหันไปถามแม่
“อาทิตย์หน้าจ๊ะ เราจะเดินทางไปที่อเมริกา อาทิตย์หน้า ที่โน่นเครื่องไม่เครื่องมือทันสมัยกว่า ลูกจะได้ไม่เจ็บตัวมากไงจ๊ะ” ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วกาวน์ล่ะคะ แม่ “ แม่ทำหน้าอึกอักเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็กำลังสนใจข้าวต้มกุ้งข้างหน้ามากกว่า
“เขาไปกะเราไม่ได้หรอกจ๊ะ” ฉันชะงักทันที ที่กำลังจะเอาข้าวต้มเข้าปาก
“ทำใมล่ะคะ?” ยิงคำถามแบบไม่ต้องปรึกษาสมองก่อนเลย
“ก็............ริบบิ้นก็รู้ว่า พี่เขา มีงานถ่ายแบบ แทบทุกวัน เนี่ย แบ่งเวลามาดูแลลูกวันละ สองสามชั่วโมงได้ก็ดีถมไปแล้วล่ะ อย่าไปกวนพี่เขาเลยนะลูก” ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ในที่สุดฉันก็จะได้หายจากโรคนี้สักที จะไม่มีใครต้องเสียใจเพราะฉันต้องจากโลกใบนี้ไปอีกแล้ว เขาคนนั้น ใครกันนะ ที่ยอมบริจาคให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย อยากขอบคุณจัง ที่ทำให้ชีวิตของฉันที่ใกล้จะมืดมน กลับมีสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ‘คุณคนนั้น ไมว่าคุณอยู่ที่ใด ขอให้รู้ไว้นะคะ ว่าฉันอยากขอบคุณ คุณเหลือเกิน และหากฉันเจอคุณเมือ่ไหร่ หากฉันทำอะไรให้เพื่อตอบแทนให้คุณได้ ฉันจะทำให้คุณอย่างไม่ลังเล พระจันทร์คืนนี้สวยมาก ฝากไปบอกเขาด้วยนะ คุณพระจันทร์” ฉันบอกกับพระจันทร์ก่อนนอน เผื่อว่าหากเขามองพระจันทร์อยู่ในตอนนี้ จะรู้สึกถึงสิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ในขณะนี้บ้าง
อีกด้านของฝากฟ้า
ชายคนนึงกำลังมองดวงจันทร์ เขารู้สึกว่าดวงจันทร์ดวงนี้ สวยงามเหลือเกิน พลางคิดถึงสาวน้อยที่เขาถือรูปอยู่ในมือ เธอน่ารักเชียว ตากลมโต ผมยาวพลิ้วสวย ผิวพรรณก็นวลเนียน ผุดผ่อง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทำใมสวรรค์จึงต้องเล่นตลกกับเธอนัก
หลังจากที่ได้รับจดหมายจากทางธนาคารไขกระดูก ที่เขาเคยคิดจะไปบริจาคเซลล์ไว้ แต่ก็ต้องหยุดความคิดเพราะเห็นคนที่บริจาค เจ็บมาก เขาก็ได้รับจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าซองว่า ‘ถึงคุณที่แสนดี’
หลังจากเปิดดู ลายมือแล้ว คิดว่าคงเป็นลายมือของเด็กสาววัยแรกรุ่นที่น่าจะอายุไม่เกินสิบห้าแล้ว ก็นึกขำ ที่คิดชื่อแบบนี้มาจ่าหน้าซอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเนื้อหาในจดหมายพูดเกี่ยวกับ ‘เด็กผู้หญิงที่แสนจะน่ารัก นิสัยดี และเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ไม่ว่าจะมีเงินมากน้อยเพียงใด ก็ไม่สามารถช่วยเธอจากโรคร้ายที่เธอเป็นอยู่ได้ และคนที่จะทำให้เธอหายจากโรคนี้ได้ ก็มีเพียงเขาเท่านั้น’ เขาอดที่จะสงสารเธอไม่ได้ เขาหยิบรูปภาพของเธอผู้นั้น แล้วมองลงไป เขาเห็นว่าเธอยิ้มอย่างมีความสุขมาก ทั้งๆที่ดวงตาของเธอเหมือนจะพยายามจะซ่อนความเศร้าไว้
เขาจัดการให้คนไปสืบหาเธอผู้นี้ และตามติดเธอทุกฝีก้าว และได้ทราบว่า คู่หมั้นของเธอนั้นไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียวและลับหลังก็ยังมีสาวๆอีกมากมาย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำใมถึงต้องไปมีคนอื่นอีกในขณะที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างน่ารัก น่าสงสารเพียงใด เขาติดตามเธออยู่สักพัก จนแน่ใจ เขาเห็นว่าเธอมีความสุขเสมอ เวลาเธอยิ้มโลกนี้ช่างแสนสดใส เธอไม่เคยแม้แต่จะเรียกร้อง หรือ งอแงอะไร ด้วยความที่เป็นคนว่าง่าย เธอกินง่าย อยู่ง่าย นอนง่าย และไม่เคยแสดงความอ่อนแอมาให้ใครเห็น เพราะเธอไม่อยากให้ใคร ต้องไม่สบายใจเพราะเธอ บ่อยครั้ง ที่เขาเห็นเธอน้ำตาไหลรินลงมา แต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้น ยามเธออยู่เพียงลำพัง คงเพราะเธอกำลังทุกข์ใจ บ่อยครั้งที่เธอมองดูท้องฟ้า เธอชอบมองดวงจันทร์เหมือนกับจะส่งความรู้สึกไปถึงดวงจันทร์ เวลาที่เธอสบายใจ หรือ ไม่สบายใจ ก็จะมองดวงจันทร์ และก่อนนอน เธอจะยิ้มให้กับตัวเองเสมอ
เขาเฝ้ามองแธอมาเป็นเวลาสี่เดือน จนแน่ใจแล้วว่าเธอสมควรได้รับเซลล์จากเขา และเขาเองก็หลงรักเธอผู้นี้เข้าอย่างเต็มเปา เธอคือผู้หญิงที่แสนจะเข้มแข็งทั้งๆตัวของเธอนั้น เล็กนิดเดียวเอง ฟ้าคงส่งเขามาให้คอยช่วยเหลือดูแลเธอและเขาจะดูแลเธอตลอดไป
วันที่ต้องบริจาคเซลล์ เขาไม่ลังเลเหมือนวันก่อนที่เคยมาเลย ความกลัวทั้งหลายหายเป็นปลิดทิ้ง อาจเป็นเพราะความปราถนาอย่างแรงกล้าที่อยากให้เธอมีชีวิตต่อ
“เฮ้ย เอาจริงเหรอวะ ไอ้เยียร์ มันเจ็บนะเว้ย” เขาหันไปมองหน้าเพื่อนๆทั้งหกคนที่มาให้กำลังใจเขา
“เออ แล้วพวกแกเห่กันมาทำใมให้ครบวงวะ?”
“ก็พวกเรามาดูใจแกไงล่ะ” ไอ้คนตาสีฟ้า ที่ชื่อชายน์ พูด มันน่าตะบั้นหน้านัก
“มันยังไม่ตายซะหน่อย” คนที่ชื่อซีเคร็ต ตาสีเขียวพูดอย่างเบาๆ แต่คงความขรึมไว้
“ฉันยังไม่ตาย ไม่ต้องมาก็ได้ ยังไงก็ขอบใจพวกแก ที่มาเป็นกำลังใจให้”
“ไม่เป็นไรหรอก เผื่อว่าแกเป็นอะไรไป เราจะได้ไม่เสียใจไง ที่อย่างน้อยก็ได้มาส่งเพื่อนแล้ว” เอาอกีแล้วไอ้ชายน์
“เออ ไปแล้วเว้ย อยู่กะแกนะไอ้ชายน์เดี๋ยวได้ซัดสักหมัดสองหมัดแน่ ฮึ่ย!!”
เขาเดินไปยังห้องผ่าตัดก่อนจะหายไปนานสองนาน ท่ามกลางกำลังใจจากเพื่อนๆทั้งหกคน
ผ่านมาแล้วสองอาทิตย์เธอคนนั้น กำลังทำอะไรอยู่นะ หลังจากที่เธอผ่าตัด และรับเซลล์จากเขาไป เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
เขาลงมือเขียนจดหมายถึงเธอ ในนั้น เขียนถามถึงสารทุกข์สุขดิบของเธอหลังจากได้รับการผ่าตัด โดยมีเขาบริจาคเซลล์ให้ แต่ยังคงเป็นบุคคลปริศนาสำหรับเธอเพราะเขาเองไม่เคยบอกชื่อกับเธอเลย จะมีก็เพียงแต่ที่อยู่ของเขา และ คำว่า ‘อัศวิน’ ที่เธอเขียนเรียกเขาเสมอ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาและเธอก็เขียนจดหมายโต้ตอบกัน อย่างเป็นประจำไม่ขาดสาย
ความคิดเห็น