ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Yearbook! 2JAE (Ft.MarkBam)

    ลำดับตอนที่ #17 : YEARBOOK! : Chapter17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 665
      2
      14 ส.ค. 59

















     
    Yearbook! page.17
























    “มึงกลับก่อนเหอะ กูจะรอพี่มาร์คเอง”

     





     

    ประโยคนั้นทำเอาผมกับพวกพี่บีไม่คิดจะพูดอะไรต่อ เพราะในเมื่อพูดไปแบมแบมก็ดื้อที่จะรออยู่ดี ผมมองหน้าเพื่อนก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางเอามือลูบไหล่เล็กมันเบาๆ พ่นคำว่าสู้ๆให้กับไอ้ตัวแสบเบาๆซึ่งมันก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าให้ผม


    “พี่บี พี่แจ็คครับ พวกพี่ชินมาถึงแล้วฮะ” เด็กในรุ่นคนหนึ่งเข้ามาบอกกับรุ่นพี่ของเขา


    พี่บีมองหน้าผมก่อนจะลูบหัวผมเบาๆแบบที่พี่มันชอบทำตลอด แต่อยู่ๆคำพูดของลุงลีก็ดังขึ้นมาเรื่องที่พ่อผมอาจจะจับตามองอยู่ก็เลยก้าวถอยหลังก่อนจะเอียงหัวหลบมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นนั้นอย่างไว พี่บีขมวดคิ้วเล็กน้อยในท่าทางแปลกๆของผม


    “เอ่อ...คือ..” ผมกลืนน้ำลายทำไมการโกหกพี่บีนี่น่ากลัวจัง “ผ..ผม ยังไม่ได้สระน่ะฮะ แฮ่~” ตลกกลบเกลื่อนไปก่อนฮะ

    “งั้นหรอ?” พี่บีก้มหน้าลงมองมือตัวเองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปากของเขา “งั้นไม่จับก็ได้ พี่ไปนะ”

     





    ผมว่า...พี่บีจับได้แน่เลย อ่า~~~





     

    “พี่บี!

    “...” เขาหันกลับมาตามเสียงเรียกของผม

    “อย่าดื่มเยอะนะครับ ถึงบ้านแล้ว...” ผมเม้มปากเล็กน้อย ก็เมื่อกี้รู้สึกผิดนี่หน่าที่ทำตัวเหมือนรังเกียจมือคู่นั้น ทั้งๆที่อยากให้จับแท้ๆ “อย่าลืมโทรหาผมด้วยนะครับ”

    “เข้าใจแล้ว” เขายิ้มน้อยๆก่อนจะโบกมือบ้ายบายผม

     





    เฮ่อ~ รู้สึกแย่ยังไงไม่รู้สิ่

     





    “มึงกลับก่อนเถอะแจ” มันบอกผมแผ่วเบาหลังจากที่พวกพี่บีไปแล้ว

    “ได้ไง มึงจะอยู่คนเดียวเนี่ยนะ ตลกแล้ว ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน” ผมบอกปัดแต่แบมก็เอาแต่ไล่ให้ผมกลับบ้านท่าเดียว “แบม...”

    “อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้...” แบมพูดก่อนจะมองหน้าผม สงสารมันจังเลยครับ “ครั้งนี้...”

    “...”

    “คงครั้งสุดท้ายแล้วที่กูจะรอเขา”

    มันบอกผมยิ้มๆสุดท้ายก็ต้องยอมใจเขาล่ะครับ ในใจแบมแบมตอนนี้คงต้องสับสน วุ่นวายแล้วก็เจ็บปวดอยู่มากแน่ๆ ผมก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจและทำตามคำพูดที่เพื่อนบอก

    “มีอะไรรีบโทรหากูเลยนะแบม”

    “ครับแม่!

     

    หลังจากยองแจกลับบ้านไปแล้วผมก็หิ้วตัวเองมานั่งอยู่แถวฟุตบาทไม่ไกลจากหน้าร้านมากนัก นั่งกอดเข่าเหมือนเด็กหลงทางเลยครับ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ทำไมคุณหนูอย่างผมต้องมาเสียเวลาทำอะไรอยู่แบบนี้ด้วย แค่เพราะคนนั้นเป็นพี่มาร์คผมถึงต้องยอมขนาดนี้เลยหรือ? แต่ถึงจะบ่นในใจให้ยาวไปถึงเบตง สุดท้ายผมก็ยังยอมที่จะง้อพี่มันอยู่ดี

     





    แต่ตั้งใจไว้ว่า...ครั้งสุดท้ายแล้วที่จะง้อ

     





    “มานั่งทำอะไรตรงนี้”

    “ย..ยุค”


    หมอนั่นย่อตัวลงนั่งยองตรงหน้าผม ใบหน้าที่ช้ำแดงไหนจะมุมปากรวมไปถึงหางคิ้วที่แตกนั่นอีก ถึงจะเจ็บขนาดไหนเขาก็ยังระบายยิ้มให้ผม ผมหลุบตามองเท้าตัวเองไม่กล้าที่จะสบตายุค ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคุย ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้นถ้าพี่มาร์คมาเห็นอีกจะเป็นยังไง

     






    ผมนี่มันแย่มากจริงๆ ทั้งๆที่ยุคไม่ได้ผิดอะไรเลย...แต่ผมก็ยังเอาแต่คิดถึงพี่มาร์ค

     





    “ขอโทษนะยุค...ฮึ่ก! ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากร้องไห้ขึ้นมา เพียงแต่รู้สึกว่าอยากขอโทษคนตรงหน้าจริงๆ

    “ขอโทษเราทำไม แบมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย” เขายกมือขึ้นมาจะลูบหัวผมแต่ผมเห็นว่าเขาชะงักแล้วก็ลดมือลง เขาพยายามไม่เข้าใกล้ผมอยู่ “อ่อนแอแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนไปสู้พี่มาร์คได้ล่ะ” แล้วก็ดีดหน้าผากผมเบาๆแทน

    “...” ผมปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ

    “มารอพี่มาร์คหรอ?”

    “อื้อ!

    “แล้วพี่มาร์ครู้หรือยัง”

    (,     ,)(‘     ’) (,     ,)(‘     ’)

    “งั้นหรอ ทั้งๆที่รู้แล้วยังปล่อยให้แบมอยู่ข้างนอกในที่แบบนี้คนเดียวเนี่ยนะ”

    “ยุค คือเรา...”

    “...”

    “เราเองแหละที่ตกลงจะรอ”

    “...”

    “ยุค...” ผมเอ่ยเว้นระยะเล็กน้อย อย่างน้อยผมก็น่าจะถามถึงรอยแผลบนใบหน้าเขาสักหน่อย “ไปมีเรื่องกับใครมาหรอ”

    “คนรู้จักน่ะ”

    “อ..อ่อ แล้ว...เจ็บมากไหม ไปหาหมอมาหรือยัง”

    “เราไม่เป็นไรมากหรอก ขอบคุณนะที่ยังเป็นห่วงเรา” เขาพูดแบบนั้นทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่ “เดี๋ยวเราเข้าข้างในก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็รีบโทรหาเรา...เอ่อ หมายถึง โทนหายองแจเลยนะ!” เขาทิ้งท้ายด้วยประโยคที่เป็นห่วงเป็นใยก่อนจะหายเข้าไปในผับ

     






    เฮ่อ~

     





    “เมื่อไหร่จะเสร็จน้า~

     















     

     





     

     

     

      

    อีกด้านที่ในผับบรรยากาศก็ไม่ต่างไปจากทุกวันมากนัก เพียงแต่วันนี้ชั้นลอยของร้านถูกจับจองด้วยช่างกลฯแห่งพยับหมอกก็เท่านั้น  วันนี้เป็นวันมอบตำแหน่งประธานรุ่นให้กับตัวแทนของปีสองเพื่อต้อนรับการศึกษาใหม่ที่กำลังจะใกล้เข้ามาในอีกไม่ช้า


    “บี ไอ้ยุคนี่เขาจะไม่เบี้ยวใช่ไหมวะ นี่แม่งเลยเวลานัดมาจะยี่สิบนาทีแล้วนะเว้ย!

    “แจ็คมึงเงียบๆก่อนได้ไหม มึงถามกูมาจะร้อยรอบแล้ว” บีหันไปเหวี่ยงใส่ เขาเองยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ไม่รู้ทำไมแต่หงุดหงิดตั้งแต่ก่อนเข้าผับแล้ว ไอ้แจ็คยังมานั่งกรอกหูเรื่องไอ้ยุคอยู่ได้

    “แล้วมึงโมโหไรเนี่ย วู้!” แจ็คทำท่ารำคาญก่อนจะหันหน้าไปหามาร์คเพื่อขอความช่วยเหลือแล้วก็ต้องกรอกตาบนชนิดที่แบบถ้าลูกตาหลุดออกมาจากเบ้าได้คงทะลุฝ้าข้างบนไปแล้ว “ไอ้นี่ก็อีกคน โว้ยยยย!! พวกมึงนี่แม่ง!” สุดท้ายก็ต้องเป็นเขาไงที่ไปรับหน้ากับพวกพี่ชิน

    “ตายแน่แม่จ๋า แจ็คตายแน่ โอ้ยยยยยยยย” ในขณะที่แจ็คกำลังเดินไปหาพวกพี่ปีสี่ที่นั่งรวมตัวกันอยู่ก็บ่นกับตัวเองไปเรื่อย มือไม้นี่เริ่มสั่นไปหมด ถ้าไปบอกพี่ชินว่าไอ้ยุคยังไม่มานี่กูจะโดนไหมวะ โว้ยยยย ปวดหัววววว ไอ้บีแม่งก็เท ส่วนไอ้มาร์คแม่งก็ทำตัวเป็นรูปปั้นเดวิดไปแล้ว (=   =;;;;)

    “อ่าว พี่แจ็ค”

    “ไอ้เชี่ยยุค!!!!! แจ็คดึงมาร์คเข้ามากอดแรงก่อนจะสบทหยาบ “กูจะไม่ด่ามึงที่มึงมาช้า กูจะไม่ด่ามึง มึงรีบๆเลย พวกพี่ชินรออยู่ เร็ว!!

     






    ในที่สุดงานมอบตำแหน่งก็เริ่มขึ้น

     






    รุ่นพี่ปีสี่ห้าคนนั่งอยู่ตรงโซฟาด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเป็นรุ่นพี่ปีสองสามคน โซฟาด้านหน้าเป็นยุคที่นั่งอยู่โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นของเขายืนเรียงแถวอยู่ด้านหลัง พี่ชินในฐานะประธานรุ่นใหญ่สุดพูดเนื่องในโอกาสที่จัดงานขึ้นวันนี้และทำไมต้องเป็นที่นี่ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเป็นยุคที่นั่งอยู่ต่อหน้าพวกเขา


    “หลายคนคงรู้แล้ว ไม่สิ่กูว่าพวกมึงคงรู้กันหมดแล้ว ประธานรุ่นที่กูกับไอ้บีตกลงกันที่จะได้รับตำแหน่งก็คือ ยุค” ชินเอ่ยเสียงเรียบ “พวกมึงในรุ่นมีใครค้านไหม?”

    “...”

    “พูดได้ กูให้สิทธิ์พวกมึงพูดตอนนี้”

    “...” ไม่มีเสียงตอบรับ แน่นอนว่าเป็นธรรมดาคนในรุ่นที่มีถึงสี่สิบห้าสิบคน จะให้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันก็เป็นไปได้ยาก มีคนชอบยุคและเป็นสัจจธรรมที่ต้องมีคนหมันไส้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครได้ค้านออกไป

    “ดี! กูถือว่าพวกมึงยอมรับแล้วนะ”

    “...”

    “ถ้ากูไปได้ยินข้างนอกเรื่องนี้แบบไม่เข้าหู กูถือว่ากูบอกแล้ว เพราะงั้น...มึงเตรียมตัวเจ็บได้เลย” ชินเอ่ยเว้นระยะ แม้จะไม่ได้ใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากแต่ทุกคนกลับเสียวสันหลังได้ไม่ยาก “วันนี้ก็กินให้เต็มที่ ถือว่าพวกกูเลี้ยงก่อนจะเปิดเทอม” ชินพูดก่อนจะลุกออกไปตามด้วยเพื่อนๆของเขาเพื่อปล่อยให้รุ่นน้องได้สนุกกัน

    “เฮ่อ~~~! เห็นทีว่าแจ็คจะโล่งใจสุดกับสถานการณ์คับขันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เจ้าตัวทิ้งตัวเอนพิงกับโซฟาในท่าที่แทบจะนอนอยู่แล้วก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบรรยากาศตรงนี้แม่งโคตรอึมครึม

     





    แหม่...อึดอัดสัดเลยครับท่านผู้โชมมมม!!!

     





    ไอ้บีนี่หลังจากพี่ชินพูดจบแม่งก็ลุกหายไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนไอ้มาร์คก็ยังนิ่ง นิ่งและก็นิ่ง ตั้งแต่มาเนี่ย... ผมยังไม่เห็นมันคุยกับใครเลยแม้กระทั่งพวกผม ส่วนไอ้ยุคก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเอาแต่จ้องไอ้มาร์คไม่วางตา ผมกรอกตาเล็กๆ ไอ้สองคนนี้แม่งกำลังทำสงครามประสาทกันอยู่ชัวร์!

     





    ผมว่าผมไม่ควรเสือก!





     

    “มึงจะไปไหน” เชี่ยเอ้ยยยยยยยย!!! ยังไงอ่ะ ต้องดีใจน้ำตาไหลป่ะที่ได้ยินเสียงมันวันนี้ (-____-;;)  ผมหันไปมองไอ้เดือนหยับหมอกอย่างเซ็งๆ

    “จะไปเยี่ยว จะไปกับกูม้ะ....เฮ้ย!!! แจ็คถึงกับร้องลั่นเมื่ออยู่ๆมาร์คก็ลุกขึ้นทำท่าจะไปด้วย “ม..มึงจะไปไหน”

    “เดินดิ่ เดี๋ยวก็ได้ฉี่แตกตรงนี้หรอก” มาร์คดุนหลังให้แจ็คก้าวเท้า

     





    หมับ...

     





    ยุคจับแขนมาร์คไว้เชิงรั้งว่าไม่ให้ไป นัยน์ตาเข้มจ้องเขม็งไปยังมือคนที่อายุน้อยกว่าก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองหน้ายุคอย่างเอาเรื่อง แจ็คมองหน้าสองคนสลับไปมาพลางกลืนน้ำลายดังเอือก เชี่ยละไง!

     

    “ม...มึงสองคนใจเย็นกันก่อนนะ” พยายามควบคุมสถานการณ์

    “กูบอกให้มึงปล่อยไอ้ยุค!” มาร์คขึ้นเสียง

    “ผมปล่อยแน่ แต่พี่ต้องคุยกับผมก่อน”

     





    ผลั่ก!!

     





    คนอายุมากกว่าสะบัดแขนออกอย่างแรงก่อนจะผลักอกน้องรหัสอย่างแรงจนคนเด็กตัวโตกระเด็น ดีที่มีโซฟารองรับไม่งั้นคงได้ก้นจ้ำเบ้าเป็นแน่


    “กูว่ากูพูดชัดแล้วนะ ถ้าขืนมึงยังตอแย มึงเจ็บแน่” มาร์คทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนี้แต่แล้ว...

    “แบมไม่น่ามารักพี่เลย”

     





    ทุกอย่างหยุดลง ราวกับว่ามีเพียงแค่ตัวเขากับยุค

     





    “...” มาร์คกำหมัดแน่น

    “ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ผมคงไม่ปล่อยแบมไป” ยุคเอ่ยอย่างเหลืออด


    ภาพที่เขาเห็นก่อนจะเข้าผับมาคือคนตัวเล็กๆที่นั่งอยู่บนฟุตบาทราวกับเด็กหลงทางนั่น ดวงตากลมที่เอาแต่จดจ้องไปยังประตูหวังว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี่จะออกไปหา มือเล็กๆปัดไล่ยุงที่เริ่มมาตอม ทำไม ทำไมพี่ที่เขาเคารพถึงปล่อยให้หัวใจของเขาต้องเจอกับอะไรแบบนั้นในขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ในแอร์เย็นสบาย


    “...”

    “ใช่...ผมรักแบม” ยุคเอ่ยเว้นระยะ มาร์คลอบกลืนน้ำลาย “แล้วไงวะ ในเมื่อแบมไม่ได้รักผมแล้ว”

    “มึงรู่้ได้ไง เหอะ!” มาร์คแสยะยิ้มสมเพชตัวเอง “จริงๆแล้วเขาอาจจะยังไม่ลืมมึงก็ได้นะ”

    “พี่นี่แม่ง!!

    “...”

    “เมื่อไหร่จะหายโง่แล้วตาสว่างสักที!” ยุคกระชากคอเสื้อรุ่นพี่อย่างแรง แต่มาร์คกลับเฉยไม่ได้ตอบโต้อะไร “ถ้าแบมรักผมจริงป่านนี้เขาคงนอนอยู่บ้านแล้ว ไม่มานั่งรอพี่แบบนี้หรอก!!!

    “...”

    “ตั้งแต่รู้จักกับแบมมา ผมไม่เคยเห็นเขาอดทนกับอะไรนานเลย”

    “...”

    “แค่นี้พี่ยังไม่เข้าใจอีกหรอวะ”


    ยุคเอ่ยเสียงแผ่วราวกับจะขาดลมหายใจ ในท้องหวิวไปหมด ยิ่งพูดก็ยิ่งตอกย้ำตัวเองให้รู้ว่าแบมแบมรักพี่รหัสเขามากแค่ไหน พื้นที่ในใจเล็กๆนั่นไม่เหลือให้ใครอีกแล้วนอกจากมาร์ค ก้อนเหนียวๆจุกขึ้นมาถึงลำคอก่อนเจ้าตัวจะปล่อยคอเสื้อรุ่นพี่ให้เป็นอิสระพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง


    “พี่ฟังผมนะ...”

    “...”

    “สำหรับแบม ผมมันก็แค่อดีต...แต่พี่...คือปัจจุบันแล้วก็อนาคตของเขา”

     





    อึ่ก...

     






    มาร์คไม่รู้ตัวเองว่าเดินฝ่าผู้คนลงมาจากชั้นสองด้วยท่าทีที่ไร้มารยาทแค่ไหน เขาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ในหัวตอนนี้เขามีแต่ประโยคของยุคที่ดังก้อง ปากหยักกัดเม้มเพื่อระบายความเครียดที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำไมไอ้ประตูผับมันอยู่ไกลขนาดนี้วะ ทั้งที่ตอนเข้ามาก็ไม่ได้รู้สึกไกลขนาดนี้เลย...

     





    ตึก...ตึก...ตึกก

     





    หลังจากพ้นประตูผับออกมาด้านนอกแล้วตาคมก็กวาดสายตามองหาใครบางคนทันที ใครบางคนที่เขาเผลอทำร้ายจิตใจไปโดยไม่รู้ตัว อกแกร่งกระเพื่อมพร้อมกับหอบหายใจถี่ หัวใจเต้นแรงขึ้นเท่าตัวเมื่อไม่เห็นคนที่อยากเจอทั้งๆที่ควรจะนั่งอยู่ตรงแถวนี้แท้ๆ

     





    หายไปไหนนะ...

     





    ไวเท่าความคิด มาร์คสาวเท้าเพื่อเดินหาแบมแบมบริเวณใกล้ๆแต่ก็ไม่เจอ ใจหล่นวูบลงอย่างไม่น่าเชื่อ พยายามตั้งสติคิดว่าจะทำยังไงต่อแต่มันกลับคิดไม่ออกเลย เขาขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก่อนร่างโปร่งจะหยุดแล้วหมุนตัวไปรอบๆเพื่อมองหาไอ้เด็กตัวแสบอย่างตั้งใจอีกครั้งแต่ก็เหมือน...ไม่เจอ...


    “เชี่ยเอ้ย!!!” มาร์คสบทหยาบกับตัวเองก่อนจะก้มหน้าลงชิดอก

     





    มึงมันโง่ไอ้มาร์ค ใครเขาจะไปรอมึง...

     





    “พ...พี่มาร์ค...”


    เสียงใสๆที่มาร์คคิดว่าคงจะไม่ได้ยินอีกแล้วกลับลอยเข้าโสตประสาทของเขาทำเอาต้องรีบเงยหน้า ก่อนจะปรากฏดวงหน้ามนที่คุ้นเคย ดวงตากลมโตแสนซนนั่นกำลังฉายแววว่าตื่นเต้นมากแค่ไหนที่เห็นหน้าเขา ปากอิ่มสีเชอรี่นั่นสั่นเล็กน้อยราวกับตื่นกลัวอยู่ในที ในมือแบมแบมถือขวดน้ำเปล่าไว้แน่น


    “พี่...พี่จริงๆด้วย”

     





    ปึ่ก!

     





    ไม่รอให้อีกคนพูดจบมาร์คก็วิ่งเข้าไปกอดแบมแบมไว้แน่น แรงโถมหนักทำเอาคนตัวเล็กถึงกับต้องถอยขาข้างหนึ่งเพื่อรับแรงกอดที่อีกคนส่งมา ใบหน้าหวานเกยอยู่บนไหล่ ตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจที่จู่ๆคนที่ตัวเองตามง้ออยู่นานสองนานวิ่งเข้ามากอดเสียอย่างนั้น ที่สำคัญ...กอดเขาแน่นมากเสียด้วย


    “พ...พี่มาร์ค” แบมแบมไม่ได้กอดตอบแต่อย่างใด ได้แต่ตัวแข็งทื่อกับการกระทำของคนโตกว่า

    “หายไปไหนมา...” เสียงทุ้มสั่นเครือ มาร์คกดหน้าลงบนไหล่เล็กก่อนจะกระชับกอดแน่นราวกับกลัว กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปถ้าไม่จับไว้

    “ผม...”

    “แก้ตัวสิ่...พี่อยากฟังจากปากแบม” มาร์คไม่ยอมปล่อยแบมแบมให้เป็นอิสระแต่อย่างใด “สารภาพผิดมา”

    “ผม...ผมกับยุค...”

    “...”

    “เคยเป็นแฟนกัน” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น กลัว...แต่ก็ไม่อยากปิดบังอะไรอีกแล้ว “แต่เลิกกันนานแล้ว”

    “แล้วไงต่อ”

    “พี่เข้าใจผิด ผมไม่ได้ติดต่อกับยุคในเชิงนั้นเลย ก็แค่...”

    “...”

    “แค่เพื่อนกัน ผมไม่ได้ชอบยุคแบบนั้นแล้ว”

    “แล้วยังไงอีก” มาร์คกระชับกอดแน่นขึ้นไปอีกจนเจ้าตัวเล็กจะจมลงไปกับอกอยู่แล้ว

    “ผม...”

    “...”

    “อึ่ก! ผม...”

    “...”

    “ผมกลัวว่าเราจะเลิกกัน ฮึ่ก!!!” หลังจบประโยคแบมแบมก็สะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที น้ำตาที่เก็บกักไว้ทะลักออกมาอย่างห้ามไม่ได้

    “...”

    “ผมรักพี่มาร์คจริงๆนะ”


    มาร์คกัดฟันแน่นหลังจากจบประโยคบอกรักของไอ้ตัวป่วน ความไร้เดียงสาของแบมแบมมันทำเอาจิตใจของเขาสั่นไปหมด จริตที่ไม่มีเหมือนคนอื่นๆในการปั้นแต่งคำให้สวยหรู แบมแบมไม่ได้ใช้คำมากมายในการแก้ตัวให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น มันเป็นเพียงความจริงที่เด็กนั่นอย่างจะพูดออกมา และเขาก็รับรู็มันได้


    “พี่ให้แบมสารภาพผิดนะไม่ได้มาสารภาพรัก”

    “ค...ครับ?” แบมแบมขืนตัวออกเพื่อมองหน้าคนโตกว่า แต่ไม่ถึงนาทีก็โดนคนตัวโตดึงมากอดในท่าเดิมอีก

    “พี่ขอโทษนะที่ไม่ฟังแบมเลย...วั้นนั้น”

    “...”

    “จริงๆก็พอรู้เรื่องมาจากไอ้ยุคแล้วแหละ”

    “ว...ว่าไงนะ” เด็กน้อยขืนตัวเองออกจากอ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะจ้องหน้าคนโตกว่า “พี่รู้!

    “อืมม”

    “แล้ว...แล้วยังจะให้แบมอธิบายอีกเนี่ยนะ!!

    “ก็อยากได้ยินจากแบมมากกว่า” คนเด็กกว่าอมลมเข้าไปในแก้มเตรียมงอน

    “พี่แม่งใจร้าย” ฟาดมือลงบนอกเดือนพยับหมอกอย่างแรงแน่นอนว่ามาร์คไม่สู้ เขายอมโดนแบมแบมตีจนกว่าอีกคนจะพอใจเลย “พี่แม่งใจร้ายที่สุด!” ตีเขาไปก็ปาดน้ำตาไป มาร์คอมยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น

    “แบม...”

    “...”

    “ยังจำวันนั้นที่เราท้าแข่งกินเหล้ากันได้ไหม”

     





    “สิบนาทีแก้วต่อแก้ว ไม่หลับ ไม่อ้วกและถ้าเดินตรงไม่เซถือว่าชนะ”


    “ถ้าชนะแล้วจะได้อะไร”


    “ถ้าชนะจะขอให้คนแพ้ทำอะไรก็อย่างหนึ่งโดยที่คนแพ้ไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ”

     





    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -) วันนั้นผมแพ้พี่”

    “พี่ยังไม่ได้บอกแบมใช่ไหมว่าพี่อยากให้แบมทำอะไร”

    (-  -   )(   -  -)(-  -   )(   -  -)

    “งั้นวันนี้...พี่จะใช้สิทธิ์ผู้ชนะแล้วนะ”

    “...”

    “ยืนเฉยๆก็พอ”

    “เห?.....อื้อ!!! (O[________]O!!!!!!!!)


    ราวกับเวลาโลกของแบมแบมหยุดเดินเมื่อกลีบปากอิ่มของตนโดนฉกฉวยจากปากของอีกคน สัมผัสอุ่นที่เจ้าตัวรู้สึกได้นั่นทำเอาหัวใจแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอกให้ได้ มาร์คไม่ได้ล่วงล้ำอย่างหยาบคายเพียงละเลียดชิมความหวานนั่นอย่างให้เกียรติ





     

    พึ่งรู้ว่าหวานกว่าน้ำตาลก็ปากกันต์พิมุกนี่แหละครับ

     





    ฉากเลิฟซีนนั่นทำเอาคนแถวนั้นต้องใจหายใจคว่ำไปตามๆกัน อยู่ๆก็มีเด็กผู้ชายหน้าตาดีสองคนมายืนจูบกัน แต่ก็อย่างว่าสังคมสมัยนี้เปิดกว้างมากแล้วไม่มีใครมานั่งรังเกียจรังงอนอยู่หรอก แต่มีสายตาหนึ่งที่ยืนมองอยู่อย่างตื้นตันและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน

     





    ผมทั้งดีใจและเสียใจ

     





    “มึงทำดีที่สุดแล้วไอ้ยุค!” คนโตกว่าตบไหล่น้องชายเบาๆเชิงให้กำลังใจ “กูนับถือใจมึงเลย”

    “ขอบคุณครับพี่แจ็ค” ได้แต่กดยิ้มสมเพชตัวเองพลางถอนหายใจ

     





    ต่อไปนี้...คงถึงเวลาที่ต้องลบแบมแบมออกจากความรู้สึกแบบถาวรซะที

     





    “เออพี่แจ็ค...”

    “หื้อ?”

    “เฮียบีไปไหนอ่ะ ผมไม่เห็นเลย”

    “เออ!!!! ไอ้ห่า!! ถ้ามึงไม่พูดกูนี่ลืมมันไปแล้วนะ” แจ็คว่าก่อนจะมองเข้าไปด้านใน ตั้งแต่มอบรุ่นเสร็จก็ไม่เห็นหัวไอ้บีเลย แม่งหายตัวไปอย่างกับควัน เจ้าตัวหยิบมือถือออกมากดโทรออกหาเพื่อนรักทันที “เชี่ยบีมึงอยู่ไหนเนี่ย!!!!” แหกปากลั่นทันทีทีปลายสายกดรับ

    (บ้าน)

    “เอ้า! ไอ้นี่!!! จะกลับไม่บอกพวกกูเลย”

    (เออ โทษทีว่ะกูปวดหัวอ่ะเลยรีบไปหน่อย มึงมีไรไหมถ้าไม่มีกูจะวางแล้ว)

    “เฮ้ยๆๆ โหหห ไอ้ห่า เป็นเชี่ยไรเนี่ย กูจะโทรมาบอกว่า ไอ้มาร์คกับน้องแบมยืนดูดปากกันหน้าผับแล้ว มึงโทรรายงานแม่ยอดรักกิมจิของมึงได้เลยว่ามิชชั่นคอมพรีท”

    (เออๆ)

    “เอออ แล้วนี่มึง....ติ๊ด!” อ่าว สัด!!! ว...วางสายใส่กูเฉย ไอ้เพื่อนเลววววววววววว

     















     

     





     

     

     

      

    หลังจากผมวางสายจากไอ้แจ็คแล้วแน่นอนว่าต้องโดนมันก่นด่าตามหลังแต่ใครแคร์ ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากไอ้เด็กตัวกลมที่ทำตัวน่าสงสัย ไอ้ที่ผมบอกไอ้แจ็คว่าผมอยู่บ้าน ใช่! ผมอยู่หน้าบ้านยองแจเนี่ย อยู่มาเกือบชั่วโมงแล้วไม่รู้ว่าทำไมถึงขับรถมาถึงที่นี่ได้

     





    พอออกมาจากผับรู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าบ้านยองแจแล้ว...

     





    พอมาถึงหน้าบ้านน้องผมก็แค่จอดรถมอเตอร์ไซด์ก่อนจะนั่งมองห้องยองแจไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ตอนนี้ผมทำตัวเหมือนโจรเลยครับ ผมแค่คาใจที่ยอมแจปฏิเสธตอนผมจะลูบหัวเขา แต่จริงๆมันไม่ใช่เรื่องใหญ่น้องอาจจะอารมณ์ไม่ดีหรือแค่ไม่ได้สระผมมาอย่างที่เจ้าตัวบอก แต่ที่ผมติดใจคือ...สายตาของยองแจต่างหาก

     





    สายตาที่บอกว่ามีอะไรมากกว่านั้น

     





    “เฮ่อ...” ถอนหายใจก่อนจะสั่นหัวให้กับการกระทำบ้าๆของตัวเอง ไม่มีอะไรหรอกผมอาจจะคิดมากไปเอง กำลังจะกลับแล้วแต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้ตัวกลมของผมเดินออกมาในสวนหน้าบ้าน


    ผมลอบมองยองแจจากข้างนอกแม้ว่ามันค่อนข้างจะไกลแต่ผมกับรู้สึกถึงความกังวลอะไรบางอย่างของยองแจ ท่าทีที่ค่อนข้างเหม่อๆนั่น ไม่รู้ทำไมถึงอยากจะเข้าไปกอดแน่นๆ ตอนนี้น้องอาจจะมีเรื่องให้ไม่สบายใจ...หรือว่าจะเรื่องแบมแบม? ไม่รอช้าผมรีบกดโทรออกทันที

     





    ภาวนาให้น้องพกโทรศัพท์ออกมาด้วย

     





    เหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำภาวนาของผม ยองแจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนน้องจะระบายยิ้มออกมา น่ารักเป็นบ้าเลยครับภาพนั้น เหมือนน้องกำลังรอให้ผมโทรไปหาอยู่แล้ว


    (ครับ! ถึงบ้านแล้วหรอฮะ) ยังไม่ทันที่ผมจะพูดน้องก็พูดสวนขึ้นมาก่อนเลย

    “อื้อ ถึงแล้วครับ” ไม่บอกดีกว่าว่าที่ถึงแล้วน่ะ ถึงหน้าบ้านยองแจเอง “แจนอนหรือยัง?” รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังจะถาม

    (ยังครับ นั่งอยู่ในสวนฮะ)

     





    น้องไม่ได้โกหก

     





    “ลงมาจากห้องดึกๆคนเดียวได้ไง”

    (นี่บ้านผมน้าาาา ไม่เป็นไรหรอก)

    “นั่นแหละ” ผมดุน้องนิดๆ “ยังไงก็เป็นห่วงอยู่ดี”

    (คร้าบบบบ รู้แล้ว ก็แค่...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยฮะ เดี๋ยวก็...จะขึ้นไปนอนแล้ว) นั่นไง!! น้องมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆด้วย

    “เรื่องอะไร”

    (เรื่อง...) น้องเงียบไป ผมเอียงคอดูอาการของยองแจ เจ้าตัวกลมมีสีหน้าที่วิตกสุดๆเลย

    “ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น เรื่องใหญ่หรอ?”

    (ฮะ? พี่บีรู้ได้ไงว่าผมทำหน้ายังไง????)

     





    ฉิบหายละ

     





    “ก็...นี่ใคร นี่บีพยับหมอกนะครับผม แล้วพี่ทายถูกไหมล่ะ”

    (ฮ่าๆๆ พี่มันบ้าบอจริงๆ) น้องขำออกมาได้ก็ดีหน่อยครับ

    “เอ้อ แต่ถ้าเป็นเรื่องแบมแบมน่ะไม่ต้องห่วงแล้วนะ เขาเคลียกันเรียบร้อยแล้ว”

    (จริงหรอฮะ!!!)

    “อื้มม”

    (ดีจังฮะ แบมแบมจะได้ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ดีแล้วฮะ...ดีแล้ว)


    ผมมองยองแจที่มีสีหน้าดีใจแต่สักพักก็หุบยิ้มลง สีหน้าไม่ได้คลายกังวลลงเลยแสดงว่าที่วุ่นวายใจน้องอยู่ไม่ใช่เรื่องของแบมแบมอย่างที่ผมเข้าใจ แล้วมันเรื่องอะไรกันนะ...?


    (พี่บี...)

    “ครับ?”

    (...)

    “...”

    (...)

    “ว่าไงครับ?” ผมเห็นน้องเงียบอยู่นานเลยถามออกไป ในขณะที่ผมเองก็ยังมองเจ้าตัวไม่วางตา

    (ฝันถึงผมด้วยนะ)

     





    ติ๊ด!

     





    น้องวางสายใส่ผมแบบที่เคยเป็นประจำทำเวลาที่พูดอะไรทำนองนี้ ในทุกครั้งผมรู้ว่ามันเป็นความเขินน้องก็เลยรีบวาง ถ้าครั้งก่อนๆผมคงยิ้มเป็นบ้าอยู่ที่ที่นอนแล้วก็ส่งข้อความไปบอกว่า ไม่ต้องรอให้ยองแจบอกหรอกพี่ก็ฝันถึงเราทุกวันอยู่แล้วแหละ แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป...จะให้ผมยิ้มมีความสุขได้อย่างไร

     





    ในเมื่อ...ภาพที่ผมเห็นคือยองแจนั่งร้องไห้จนตัวโยนหลังจากวางสายจากผม

     











    “มานั่งร้องไห้คนเดียวแบบนี้ไม่เห็นจะเท่เลย”





     

     
     
     
     









     

    to be continued.









     

    #ฟยบ

     

    ยังรอกันอยู่ไหมค้าาาาาา T__T

    ยังไงก็อย่าลืมติชมให้กำลังใจกันด้วยน้าา

    แล้วไว้เจอกันตอนหน้าค่า  : 3



    im'choi

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×