ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Yearbook! 2JAE (Ft.MarkBam)

    ลำดับตอนที่ #15 : YEARBOOK! : Chapter15

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 654
      3
      13 เม.ย. 59

















     
    Yearbook! page.15
















     ซ่า~

     





    แบมแบมเปิดน้ำก่อนจะล้างมือพร้อมกับมองตัวเองในกระจกเงาพลางระบายยิ้มออกมากับตัวเอง วันนี้ผมแค่รู้สึกว่ามีความสุขมากจริงๆ พี่มาร์คน่ารักกว่าทุกวัน เอาใจผมกว่าทุกวัน ความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่านะที่ไอ้แจมันได้รับจากไอ้พี่บีนั่น... (.////////.)



    ผมส่ายหน้าให้กับความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วกลับไปที่ร้าน ผมเดินเข้าไปในร้านก่อนจะต้องขมวดคิ้วแรงเพราะผมไม่เห็นไอ้พี่มาร์คน่ะสิ่ครับ เอ~ หรือจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกันนะ? หรือไปตักน้ำ? ผมไม่รีรอรีบสอดส่องสายตาไปทั่วร้านแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อพนักงานในร้านเดินเข้ามาเพื่อเก็บจาน



    “เอ่อ... ดะเดี๋ยวนะครับ คือ...” จะให้ผมบอกไงวะ คือกูยังแดกไม่อิ่มครับ ยังงงงงง! จะเก็บเพื่อ? แต่ไม่ครับเราเป็นคนสุภาพเราต้องอ่อนโยนฮะ “คือยัง ยังทานกันไม่เสร็จเลยนะครับ” ผมยกมือขึ้นปรามพนักงานเบาๆ แต่สิ่งที่ผมได้ยินกลับมาเล่นเอาตกใจ


    “แต่โต๊ะเบอร์นี้เช็คบิลแล้วนะคะคุณลูกค้า”


    “เห!?!





     

    ช...เช็คบิลงั้นหรอ...?





     

    “แล้ว...ผู้ชายที่นั่งโต๊ะนี้ล่ะครับ”


    “พึ่งออกจากร้านไปเมื่อสักครู่ค่ะ” พึ่งออกจากร้าน!! ไปไหนวะ!! อะไรของไอ้พี่มาร์คมันเนี่ยยยยยย ไอ้พี่บ้า! ผมรีบหันหลังวิ่งออกมาหน้าร้านทันทีพร้อมกับล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อค้นหาเครื่องมือสื่อสาร แต่...


    “โถ่เว้ย!!” ผมต้องวิ่งกลับเข้าไปในร้านอีกรอบ “ขอโทษนะครับ มีโทรศัพท์อยู่บนโต๊ะบ้างหรือเปล่าครับ?”


    “ไม่มีนะคะ”


    “ห๊ะ! ไม่มีหรอครับ!! (O___o)” ผมนี่แทบอยากจะร้องไห้ ผมสบทกับตัวเองก่อนจะวิ่งออกมาจากร้านปิ้งย่างนั่นอย่างถาวร “บ้าเอ้ย พี่แม่งเป็นห่าไรวะ!



    บอกเลยว่าผมโคตรหัวเสียเลยครับ อยู่ๆพี่มาร์คมันก็หายไป หายไปเลยครับ ผมวิ่งหาพี่มันทั่วชั้นแล้วก็ไม่เจอ ทั้งวิ่งขึ้นทั้งวิ่งลงบันไดเลื่อนเพื่อหาไอ้พี่ตัวดีแต่ก็ไม่เจอเลย ผมวิ่งมาหยุดตรงแถวหน้าร้านๆหนึ่งที่พึ่งวิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่พร้อมกับหอบถี่ ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงจนไม่รู้สาเหตุแล้วว่าเหนื่อยหรือว่ากำลังกลัวอยู่กันแน่



    กลัวว่าพี่มาร์คจะหายไปจริงๆ แม้ว่าแต่ก่อนผมกับพี่มันจะทะเลาะกันแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นคอขาดบาดตาย เขามักจะกวนและยั่วประสาทผมให้โมโหเพียงเท่านั้น อย่างตอนนั้นที่ผมเมามากเขาก็ยังคอยดูแลผมอย่างดี พี่มาร์คหน่ะ...ถึงปากจะร้ายแต่เขาก็ยังคงอยู่ในสายตาผมเสมอ





     

    ผมไม่รู้หรอกว่าพี่มาร์คเป็นอะไรแต่มันไม่ก็ไม่เคยทิ้งผมไปแบบนี้

     





    “พี่หายไปไหนวะ...” แบมแบมเท้าแขนลงที่ราวเหล็กก่อนก้มหน้าลงอย่างหมดความหวัง


    สุดท้ายแบมแบมก็ต้องถอดใจพาตัวเองมานั่งอยู่ตรงเก้าอี้นั่งพักกลางห้าง เหงื่อกาฬผุดออกตามไรผมจนคนตัวเล็กต้องเสยผมขึ้นเพื่อไอร้อนที่เกิดขึ้น คนตัวเล็กนั่งหัวเสียอยู่ตรงนั้นโดยคิดไม่ออกเลยว่าจะไปหาเดือนพยับหมอกได้ที่ไหน โทรศัพท์ก็ไม่มียิ่งทำให้ติดต่อกันได้ยากขึ้นไปอีก สุดท้ายก็ได้แค่นั่งคอตกราวกับเด็กโดนทิ้ง

     





    ตึก...

     





    คุณหนูแห่งลาเฟลอร์รู้สึกได้ว่ามีคนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตเหลือบมองออกไปก่อนจะเห็นเท้าของใครบางคนที่ยืนอยู่ มุมปากคลี่ยิ้มกว้างราวกับดีใจเสียเต็มที่ด้วยความไม่ทันคิดและไม่ทันได้ไตร่ตรองจึงไม่ได้สังเกตเลยว่ารองเท้านั่นไม่ใช่ของมาร์ค


    “พี่มาร์ค!” โผลงออกไปพร้อมๆกับการเงยหน้า แต่ทว่า... “ย...ยุค” รอยยิ้มมีเมื่อสักครู่นั้นมลายหายไปแทบจะหมดสิ้น เหลือไว้เพียงรอยยิ้มบางๆเท่านั้น


    “เราเอง” ยุคเอ่ยออกไปพร้อมกับรอยยิ้มบาง ตาคมมองใบหน้าหวานที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าผิดหวังนั่นทำให้ยุครู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดลงมาที่ใจอย่างช้าๆ “แล้วทำไมถึงมานั่งหลบอยู่ตรงนี้ล่ะ เราหาแบมตั้งนานแน่ะ”


    “หาเรา?” ร่างบางย่นคิ้วเชิงสงสัย


    “อื้ม!” ยุคย้ำคำพูดอีกครั้งว่าเขาตามหาแบมแบมจริงๆ ใบหน้าหล่อยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าแต่เพียงเพราะประโยคต่อมาของคนตัวเล็กข้างหน้าทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงแทบจะในทันที


    “นายหาเราทำไม?”


    “ก็...”


    “วันนั้น...เราว่าเราพูดชัดแล้วนะ” แบมแบมถอนหายใจแรง ใช่! ตอนนี้คุณหนูลาเฟลอร์กำลังหงุดหงิดเรื่องอื่นอยู่ก่อนแล้ว แถมยุคยังเข้ามาผิดจังหวะเสียอีก ตาหวานช้อนมองคนตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง “วันนี้เราอารมณ์ไม่ดี ขอตัวนะ”






     

    หมับ!

     





    “แบม..”


    “ปล่อย” แบมแบมเอ่ยเสียงเข้มพลางบิดข้อมือออกแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลในเมื่ออีกคนกำแน่นเสียขนาดนั้น “ยุค! เราบอกให้ปล่...!!!” ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคก็โดนคนตัวโตกว่าดึงเข้าไปกอด


    “...” ยุคไม่พูดเอาแต่กอดร่างเล็กไว้แน่นแม้ว่าอีกคนจะพยายามดันออกแค่ไหนก็ตาม


    ภาพความทรงจำเก่าค่อยผุดขึ้นมาเรื่อยๆ วันแรกที่เขาและเจ้าตัวเล็กนี่ตกลงเป็นแฟนกันมันมีความสุขเพียงใด รอยยิ้มที่แบมแบมมอบให้เขามันยังวนเวียนอยู่ตลอดแต่ตอนนี้... มันกลับไม่ใช่แบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ ตอนที่เขาพยายามที่จะแสดงความจริงใจให้แบมแบมได้เห็นด้วยอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้


    “ปล่อยเรานะยุค! นายบ้าไปแล้วหรอไง!! มือเล็กทุบรัวเข้าที่ไหล่ของคนตัวใหญ่


    “เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วหรอ”

     





    อึ่ก...





     

    แบมแบมเบิกตาโพลงรวมไปถึงกับหยุดการดื้อดึงลงอย่างฉับพลัน ไม่ได้เป็นเพราะคำถามของยุคแต่เป็นการปรากฏตัวของมาร์คตรงหน้าต่างหาก ปฏิกิริยาที่สนองไวกว่าความคิดนั่นก็คือเจ้าตัวแสบใช้แรงผลักยุคออกอย่างแรง ปากอิ่มเม้มเกร็งก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ


    “พ...พี่มาร์ค”


    เพียงแค่เอื้อนเอ่ยชื่อก็ทำให้ยุคที่ยืนหันหลังอยู่ตาโตก่อนจะรีบหันไปมอง ชายหนุ่มเห็นพี่รหัสของตัวเองที่เดินย่างสามขุมเข้ามาทำเอาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เหงื่อกาฬเริ่มผุดออกมาเล็กน้อย จนกระทั่งเดือนแห่งพยับหมอกเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาสองคน

     





    แปะ แปะ แปะๆๆๆๆ

     





    อยู่ๆมาร์คก็ปรบมือขึ้นมาเสียดื้อๆ ก่อนมุมปากหยักจะกดยิ้มเชิงสมเพชตัวเอง ตาคมเอาแต่จดจ้องไปยังร่างเล็กที่ตอนนี้ตัวสั่นเทาไปหมด ไหนจะสีหน้าที่แสดงความรู้สึกผิดนั่นอีกมันยิ่งทำให้เขาต้องควบคุมตัวเองให้มากขึ้น แน่นอนว่าถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ทั้งแบมแบมทั้งไอ้ยุคได้ลงไปกองกับพื้นเพราะหมัดของเขาแน่ๆ


    “แย่หน่อยนะ ที่โดนจับได้เร็วไปหน่อย” มาร์คเอ่ยขึ้น


    “ไม่ใช่นะ! มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะ พี่มาร์ค” แบมแบมเดินเข้าไปหาแต่ว่ามาร์คกลับถอยหนีก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้า


    “อย่า!” เสียงเข้มเอ่ย “อย่ากุเรื่องมาโกหกฉันอีก”


    “พ...พี่มาร์ค” แบมแบมถึงกับน้ำตาตกทันทีที่ได้ยิน “พี่มาร์คฟังแบมก่อนนะ อ้ะ!” มือเล็กเอื้อมไปคว้าข้อมือแต่กลับโดนคนโตกว่าปัดออกอย่างรังเกียจแน่นอนว่าการกระทำเช่นนั้นทำเอายุคถึงกับเดือด


    “เฮ้ยพี่! มันไม่เกินไปหน่อยหรอวะ” ยุคผลักอกมาร์คอย่างแรง


    “ยุค หยุดนะ!


    “แต่ว่า...”


    “เราบอกให้หยุดไง!!!!!!” เสียงใสตวาดลั่นทำเอาคนรอบๆถึงกับต้องหันมามอง มือเล็กดึงต้นแขนยุคไว้แน่น มาร์คเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับกดยิ้มเยาะให้กับรุ่นน้องตัวโต


    “มึงมันโง่ไอ้ยุค”


    “...”


    “ขนาดเวลาแบบนี้เขายังไม่เข้าข้างมึงเลย” มาร์คเอ่ยเน้นย้ำลงไปจี้ใจดำของน้องรหัส และประโยคต่อมาเองก็ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของแบมแบมแทบจะสลาย “คนพรรค์เนี้ยมึงยังจะคบอยู่อีกหรอวะ”





     

    อึ่ก!

     






    “อ่ะ” เดือนพยับหมอกสาวเท้าเข้าไปใกล้กับคนตัวเล็กก่อนจะยื่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูคืนให้เจ้าของ “ฉันคืนให้ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่เสียมารยาทส่งข้อความให้ไอ้ยุคมาหาถึงที่นี่” แบมแบมไม่ได้รับโทรศัพท์มาเองแต่มาร์คเป็นคนยัดคืนใส่มือบางเองต่างหาก


    “...”


    “นายนี่มัน...” มาร์คเอ่ยเว้นระยะ “ร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะแบมแบม”


    “พี่กำลังเข้าใจผิดนะ ผมกับยุคเราไม่...”

     






    ปึ่ก!

     






    มาร์คเดินชนไหล่แบมแบมไปโดยไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวเลยแม้แต่น้อย คำทั้งหมดที่คิดจะพูดมากมายของแบมแบมเองก็ถูกกลืนลงคอไปเพียงเพราะท่าทีที่แสนจะเย็นชานั่น ร่างบางรู้ดีว่ายิ่งพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็ยิ่งไร้ประโยชน์เพราะตอนนี้อะไรๆก็เหมือนจะไม่เข้าข้างแบมแบมเสียเลย





     

    ทำไมผมต้องปล่อยให้พี่เดินจากไปทั้งๆที่ยังเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ด้วยนะ!

     






    หลังของมาร์คเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ ภาวะความกดดันที่เกิดขึ้นทำเอาคนตัวเล็กชั่งใจอยู่นาน ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ทั้งๆที่วันนี้เป็นเดทแรกแท้ๆ แต่มันกลับพังไม่เป็นท่า ขาเล็กกำลังจะก้าวแต่ก็โดนยุคคว้าข้อมือไว้อีกครั้ง


    “อย่าไปเลย”


    “ปล่อยเรานะยุค! ปล่อยเรา!! เราจะไปอธิบายให้พี่มาร์คฟัง ปล่อยเราสิ่!!!!


    “ไปตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอกหน่า!!!” ยุคตวาดเล่นเอาแบมแบมถึงกับอึ้ง น้อยครั้งที่คนตรงหน้าจะขึ้นเสียงใส่ตัวเอง “แบมไปตอนนี้ก็มีแต่จะโดนเมิน ไว้รอพี่มาร์คใจเย็นกว่านี้ค่อยไปพูดก็ได้”


    “อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยนายหน่ะ!


    “แบม...”


    “เพราะนายไม่ใช่หรอเรื่องทั้งหมดถึงได้เป็นแบบนี้อ่ะ!!!!!!!!!” เสียงใสแหวลั่นก่อนจะสะบัดมือก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทางทันที


    “เพราะเราเอง...” เขาพึ่งรู้ว่ารักแบมแบมมากก็วันนี้เอง วันที่เจ้าตัวเล็กนั่นวิ่งหันหลังให้กับเขา มือใหญ่กำแน่นด้วยความรู้สึกที่ปนเปไปหมด เสียใจที่รั้งแบมแบมไว้ไม่ได้อีกทั้งยังเสียใจที่เจ้าตัวเล็กนั่นต้องทะเลาะกับพี่มาร์คอีก





     

    จะปล่อยเขาไปก็ทำไม่ได้...





     

    “เพราะเรา แบมถึงต้องร้องไห้ ทั้งหมด...เพราะเราเอง...”






     

    จะรั้งเขาไว้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน...





     

    “ขอโทษนะแบม”












     

     





     

     


     

    หลังจากหนีออกมาจากยุคแล้วจุดหมายของแบมแบมคือประตูหน้าห้าง คุณหนูที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องวิ่งตามใครมาทั้งชีวิตกลับต้องมาเสียทั้งเหงื่อ เสียทั้งน้ำตาอยู่ในตอนนี้เพียงเพราะผู้ชายคนเดียวที่ชื่อมาร์ค มือเล็กผลักประตูออกพร้อมกับวิ่งลงบันไดหน้าห้างก่อนจะพุ่งตัวไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ด้านหน้า ตากลมกวาดมองไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่พบคนที่เขาอยากจะเจอเลยแม้แต่น้อย

     






    ฟู่ววว...

     






    พ่นลมหายใจยาวก่อนจะวิ่งไปรอบๆบริเวณ ยิ่งวิ่งหาก็ยิ่งรู้สึกห่างไกลกันไปอีก พี่มาร์คไม่ใช่คนที่หาตัวจับยากเลย ไม่ว่าเขาจะไปยืนอยู่ในมหาประชาชนผมก็สามารถมองเห็นพี่เขาได้อย่างง่ายๆเพราะเขาโดดเด่นเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้ล่ะ ตอนนี้เขาหายตัวไปแล้ว หายไปในที่ที่ผมไม่สามารถจะเจอเขาได้เลย

     





    กึก...

     






    สุดท้ายร่างกายก็แพ้จิตใจอยู่ดีด้วยความที่อากาศร้อนจัดร่างเล็กจึงต้องทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้เก่าๆแถวนั้น มือเล็กยังกดโทรศัพท์หามาร์คไม่เลิกตั้งแต่วิ่งออกมาแล้วจวบจนถึงตอนนี้ ปลายสายก็ยังไม่รับและครั้งนี้ก็เป็นแบบเดิม พี่เขาไม่รับโทรศัพท์ผมเลย


    “บ้าจริง” น้ำตาหยดแมะลงบนหลังมือตัวเอง ทั้งๆที่พยายามจะไม่ให้มันไหลแล้วเชียว “พี่ไม่แม้แต่คิดจะฟังคำแก้ตัวผมเลย”






     

    ทำไมถึงได้ใจร้ายกับผมแบบนี้...

     






    เพราะอารมณ์มาถึงจุดที่เก็บกักไว้ไม่ได้อีกแล้วก็ทำเอาคนตัวเล็กสะอื้นออกมาจนตัวโยน คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่าแต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปถามเช่นกัน แบมแบมยกหลังมือขึ้นมาอุดปากตัวเองไม่ให้ใช้เสียงในการร้องไห้ครั้งนี้ส่งเสียงดังเกินไปนัก แต่กลายเป็นว่ายิ่งพยายามจะหยุดมันก็ยิ่งร้องหนักไปอีก

     






    แบมแบมใช้เวลานานมากในการสงบสติตัวเอง

     






    หน้าจอมือถือขึ้นเวลาบ่ายสามโมงตอนนี้หนังคงฉายไปแล้ว คนตัวเล็กเค่นหัวเราะในลำคอ ที่ในโรงหนังนั้นคงจะว่างไปแล้วสองที่... สุดท้ายแบมแบมก็เลือกที่จะกดโทรออกอีกครั้ง


    “แจ...” ที่พึ่งสุดท้ายในตอนนี้ “กูไปหามึงที่บ้านนะ”














     

     





     

     

     

     

    เป็นอะไรของมันวะ...

     






    นั่นคือประโยคคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากวางสายจากไอ้ตัวแสบ ไม่สิ่ มันต่างหากที่กดวางสายไปก่อน เสียงแบมแบมแม่งโคตรรเศร้าเลยครับ เสียงมันดูเหนื่อยๆ ดูแย่ยังไงไม่รู้ แล้วที่แย่ที่สุดทำไมถึงโทรมาหาผมทั้งๆที่ตอนนี้มันควรจะอยู่กับพี่มาร์คไม่ใช่หรอ?


    “มีอะไร ทำไมหน้ายุ่งแบบนั้น” พี่บีวางมือลงบนหัวผมเบาๆ


    ตอนนี้ผมมานั่งๆนอนๆเล่นในห้องของไอ้พี่มันครับ เป็นบ้าบออะไรไม่รู้ขับรถไปรับผมถึงหน้าบ้าน ให้เหตุผลว่าอยากเจอหน้า เหงาอยู่ห้องคนเดียว คิดถึงด้วย เอ่อะ...พี่บีครับ (=____=;;;;) ถ้าไม่ผิดปกติเกินไปผมว่าผมกับพี่มันพึ่งห่างกันยังไม่ถึงสามวันหลังจากกลับมาจากทริปเที่ยวบ้านพี่มันเลยไหมล่ะ


    “พี่บี...” ผมเงยหน้ามองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา


    “อื้อ ว่าไงครับ”


    “ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่า” ไวเท่าความคิดคือผมเด้งตัวลุกจากพื้นเลยครับ เล่นเอาคนพี่ตกใจรีบเด้งตัวขึ้นมาขวางทางไว้แทบไม่ทัน


    “เฮ้ยๆๆ ไรอ่ะ จะรีบไปไหน”


    “กลับบ้านไงพี่บี ไปส่งผมเร็ว”


    “เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ มีใครที่บ้านเป็นอะไรหรือเปล่า โอ้ย!!” พี่บีกุมปากทันทีที่ผมตีเขา “มาตีพี่ทำไมเนี่ยแจ?” เขาถามหน้าตาเหรอหรา ฮ่าๆ ขำเป็นบ้าเลยครับ


    “ก็พี่พูดไม่รู้เรื่องนี่ แถมยังมาแช่งคนที่บ้านผมอีก”


    “ใครกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่อง”


    “พี่บีนั่นแหละ”


    “แจนั่นแหละ” พี่เขาสวนผมก่อนจะดึงผมเขาไปกอด โว้ยยยยยยยย! ไอ้พี่บ้า “แจนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง ไหนสัญญากันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งวันไง”


    “งื้ออ พี่บี ปล่อยผมมมม~


    “พี่เสียค่าน้ำมันไปหลายบาทนะกว่าจะขับไปถึงหน้าบ้านเราอ่ะ” พี่บีบอกกับผมก่อนจะทำหน้ากวนประสาท แหมมมมม~ แข้นี้ทำมาเป็นทวง “พี่ยังมองหน้าขาวๆของน้องแจไม่คุ้มค่าน้ำมันพี่เลยนะครับ” ชิ! ทำมาพูดดีไอ้พี่บ้าาาาาา (.///////.)


    “ไว้วันหลังผมจะนั่งให้มองจนเบื่อเลย แต่วันนี้ต้องกลับแล้วจริงๆ”


    “เหตุผล”


    “ไอ้แบมจะมาบ้าน”


    “ใช่ซี่!!!!!! พี่มั...”





     

    จุ๊บ! ผมหอมแก้มพี่มันไปหนึ่งที






     

    “ไม่ประชดผมดิ่” ผมถดตัวออกจากอ้อมกอดของคนโตกว่า ก่อนจะหลบสายตาคมที่มองมา พี่มันมองผมเหมือนจะกินเข้าไปเลยครับ อ่า~ ผมไม่น่าไปทำแบบนั้นเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาหยุดพูดคำประชดประชันนี่ครับ (_   _;;)


    “...”


    “...”






     

    หึ...แย่แล้วครับ รอบนี้ผมแพ้ยองแจราบคาบเลย






     

    “โอเค กลับก็กลับครับ” เย่! ได้ผลแหะ


    “ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”






     

    หมับ!

     






    “อ้ะ” ผมโดนพี่บีรั้งข้อมือไว้ก่อนจะออกจากประตู เขาก้มลงมากระซิบก่อนจะทำให้ผมตัวแข็งทื่อจนแทบจะกระดิกไปไหนไม่ได้ กลิ่นหอมของพี่บีเมื่อกี้บวกกับประโยคที่เขาบอกผมมันทำให้หัวใจผมแทบระเบิด ว๊ากกกกกกกกกกก!!!!!


    “ไงครับคุณหนู จะไปได้หรือยัง?” เสียงพี่บีทำผมสะดุ้งออกจากภวังค์ทันที


    “ค...ครับ”


    ผมวิ่งก้มหน้างุดๆออกจากห้องพี่มันเลยครับ บ้าหรอ! ใครจะไปทนไหวไม่อายได้เล่า ผมไม่ใช่พี่บีนะจะได้หน้าด้านหน้าทนได้ขนาดนั้น






     

    “ถ้าไม่อยากโดนพี่ปล้ำก็อย่าเป็นคนเล้าโลมพี่ก่อนแบบนั้นอีกนะ”

     






    บ้า! บ้า! บ้าบอสุด แค่หอมแก้มโว้ยยยยยยย หอมแก้มมมมม ผมไม่ทำกริยาอะไรที่เกินกว่านั้นซะหน่อย หอมแก้มไม่ได้เล้าโลมบ้าบออะไรเลย โว้ยยยยยยยยยยย พี่บีแม่งบ้าไปแล้ววววววว (o////////o) แล้วผมยังต้องไปนั่งซ้อนท้ายเกาะเอวมันอีกงี้ โฮ่วววววว~ จิตใจผมปั่นป่วนมากคร้าบบ



    “จิกเสื้อพี่แรงขนาดนี้ต้องการอะไรครับ” พี่บีตะโกนผ่านลม ผ่านหมวกกันน๊อคของมันมา แต่ผมแม่งยังได้ยินชัดแจ๋ว สภาพลมที่แรงปะทะหน้าอยู่นี่คืออะไร? ตอบ! มันไม่ได้ลดระดับเสียงของพี่มันเลยหรือไงวะ ผมไม่ตอบหรอก ผมได้แต่ทุบลงไปที่กลางหลังแทนแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะผ่านลมกลับมา





     

    ชิ! พี่บีเนี่ย...เริ่มจะหื่นใส่ผมมากไปแล้ว

     






    แต่ก็อย่าไปว่าพี่มันเลยครับ ผมเองก็ได้แต่แอบอมยิ้มกับนิสัยขี้แกล้งของพี่มัน น่ารักครับ พี่บีมันน่ารักมาก ชอบแกล้ง ชอบแหย่ ชอบทำเป็นรู้ดีแต่เขาก็เป็นคนดี คนอบอุ่นคนหนึ่งเลยล่ะ ต่อให้เขากามใส่ผม ฉวยโอกาสเล็กๆน้อยๆในบางครั้งแต่ในที่สุดแล้วคนที่ให้เกียรติผมมากที่สุดก็คือ...พี่บี





     

    ปี๊นนนนนนนนน! เอี้ยดดดดดด!!!

     






    “เฮ้ย!!!!


    “พี่บี!! ผมร้องเรียกก่อนจะตื่นตระหนก (O____O) มีรถกระบะบีบแตรใส่ก่อนจะปาดหน้าพร้อมกับเลี้ยวเข้าซอยทำเอารถมอเตอร์ไซด์ของเรามันโคลงไปหมด พี่บีพยายามควบคุมให้รถนิ่งโดยผมเองก็เอาแต่กำเสื้อพี่มันแน่นไปอีก รถคันนั้นผิดครับและแน่นอนว่าพี่บีโมโห สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือคนๆนี้โมโหเนี่ยแหละครับ

     






    บึ้นนนน~ บึ้นนนนนนน~!!!!!!

     





    “เหี้ยเอ้ย!!! พี่มันเลี้ยวรถตามแทบล้อฟรีเลยครับ


    “พ...พี่บี” ความแรงและความเร็วมันปะทุตามอารมณ์คนขับจนผมต้องตบหลังพี่มันเพื่อเรียกสติแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ผมมองกระจกก็ต้องพบกับนัยน์ตาคมที่เอาแต่จดจ้องไปยังรถเป้าหมายที่วิ่งห่างออกไปไม่ไกลด้านหน้า พี่มันเร่งเครื่องทำเอาผมแทบหงายหลังดีที่เกาะเอวไว้แน่น “พี่บี พอเถอะ!






     

    ได้โปรด...ได้โปรดเถอะพี่บี ฟังผมหน่อย

     






    ผมถดหัวลงเพราะตอนนี้ลมที่พัดผ่านมันปะทะหน้าผมแรงมาก ขนาดใส่หมวดกันน๊อคยังรู้สึกได้เลยผมเม้มปากก่อนจะพยายามบอกให้พี่บีหยุด ผมเกาะเอวพี่เขาแน่นเมื่อไม่มีท่าทีว่าความเร็วจะลดลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้น...เพ่ิมขึ้นและก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


    “พี่บี ผมบอกให้พอไง!!!


    “สัดเอ้ย!! เดี๋ยวมึงเจอกูแน่” ผมได้ยินเสียงพี่มันแว่วๆ


    ผมเอียงหน้าออกมาเล็กน้อย รถกระบะคันดังกล่าวเองก็ขับเร็วมากเช่นกันส่วนพี่บีก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลย นี่มันไกลเส้นทางกลับบ้านผมมากแล้วด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาจะตามรถคันนั้นไปอีกเมื่อไหร่แต่ผมกลัว กลัวมาก...

     






    ผมจะทำยังไงให้พี่ได้ยินผม

     






    “พี่บีผมกลัวแล้วนะ!!!!!!!!!!!!!!! ผมตะโกนสุดเสียงเท่าที่ผมทำได้

     



    เอี้ยดดดดดดดดดดดด!!!!!

     




    ทุกอย่างหยุดลงแทบจะในทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเด็กอินเตอร์ หัวเล็ก ที่ซุกหลังคนโตกว่าไม่ห่างไหนจะมือที่กอดเอวไว้แน่นมันแสดงว่าคนข้างหลังกลัวมากแค่ไหน บีถอนหายใจก่อนจะหลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์ ตอนนี้จากที่โกรธกับกลายเป็นด่าทอตัวเองอยู่ในใจเงียบๆคนเดียว เมื่อกี้...เขาไม่ได้คิดถึงใจของยองแจเลยสักนิดเดียว

     






    ปั่ก! น้องถอดหมวกกันน๊อคโยนใส่ผมก่อนจะเดินหนี

     






    “แจ!!” ผมวิ่งไปรั้งข้อมือน้องไว้แต่กลับโดนสะบัด “แจจะไปไหน!


    “ปล่อยผม”


    “ไม่!


    “พี่มันบ้า!!!!” น้องหันมาตะโกนใส่หน้าผม


    “แจ”





     

    เพี้ยะ!!!!






     

    หน้าผมหันไปตามแรงกระแทกทันที ไม่เบาเลยครับ พึ่งรู้วันนี้เองว่ายองแจมือหนักเป็นบ้า น้องหน้าแดงก่ำ ขอบตาก็ดูช้ำๆไหนจะน้ำใสที่กลิ้งคลอนรอไหลออกมาอยู่ร่อมร่อนั่นอีก ไม่โกรธเลยที่น้องระบายอารมณ์ทั้งหมดด้วยการตีผม มากกว่านี้ก็ได้...ผมยอม


    “กลับบ้านกันนะ” ผมเดินเข้าไปจับกำปั้นเล็กที่ตอนนี้สั่นจนน่าสงสาร ทั้งๆที่ตบหน้าผมด้วยความหนักแน่นขนาดนั้นแต่ยังสั่นได้อีกหรอ ยองแจก็ยังเป็นยองแจ น้องยังมีความอ่อนแออยู่ดี


    บีได้แต่รู้สึกผิดไปตลอดทางกลับบ้านของคนเด็กกว่า ความเร็วที่ใช้ก็เรียกได้ว่าแทบเต่าคลาน กลัวยองแจจะโกรธ กลัวน้องจะไม่พูดด้วย กลัวว่าต้องทะเลาะกันอีก ร่างสูงลอบถอนหายใจก่อนจะเอียงหน้าไปมองคนด้านหลังที่เอาแต่ก้มหน้าพิงหลังตัวเองโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาเลย ระยะระหว่างผมกับน้องทำให้รู้ว่าไอ้ตัวกลมนั่งสั่นมาตลอดทาง


    ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านของเด็กอินเตอร์ ยองแจกระโดดลงจากรถผมก่อนจะถอดหมวกกันน๊อคคืนแทนที่ผมจะรับหมวกมาผมกลับดึงข้อมือเล็กแทน เด็กเกาหลีไม่ได้พูดอะไรเลยมาตลอดทางคิดว่าผมจะปล่อยไปง่ายๆหรอครับ?


    “พี่ขอโทษ”


    “...”


    “จะทำยังไงให้พี่ได้ยินเสียงเรา” ผมพูดกับน้องแน่นอนว่าผมยังไม่ยอมปล่อยข้อมือบางนั่นแน่ๆ “ตีพี่อีกก็ได้นะ” ผมจับมือน้องขึ้นมาทุบที่อกตัวเอง


    “...”


    “ยองแจ...”


    “ก็แค่...” เสียงใสเอ่ยออกมาเว้นระยะ


    “...”


    “ถึงห้องให้ปลอดภัยก็พอ” น้องขืนข้อมือออกจากการจับกุมของผมก่อนจะหันหลังให้


    “ถึงห้องแล้วพี่จะไลน์มาแล้วกัน” ผมไม่อยากเซ้าซี้น้องตอนนี้ เขายอมพูดกับผมแค่นี้ก็พอแล้ว ในขณะที่ผมกำลังจะออกรถก็รู้สึกถึงแรงปะทะที่โถมเข้ามา ยองแจวิ่งกลับมากอดผมแน่น “เหอะ...”





     

    เด็กบ้า...






    เสียงสะอื้นเล็กๆที่จมอยู่แถวซอกคอผมนี่มันน่าจับมาตีจริงๆ มือเล็กที่เกี่ยวคอผมไว้แน่นมันอดไม่ได้ที่ผมจะยกมือขึ้นไปลูบหลังเล็กเบาๆเชิงปลอบ ยองแจกลัวมากผมรู้ ทั้งๆที่รู้แต่ผมก็ยังทำให้เขากลัว ผมแม่งโคตรแย่!


    “พี่ต้องนั่งคุกเข่าแล้วยกมือขึ้นเหนือหัวไหม”


    “อย่าทำแบบนั้นอีกนะ พี่อย่าทำอีกนะ!


    “...”


    “ตอบสิ่”


    “ครับ พี่ไม่ทำแล้ว” ผมตอบน้องก่อนจะอมยิ้ม หาที่ไหนไม่ได้แล้วครับ...เด็กตัวขาวๆกลมๆคนนี้น่ะ “ต่อไปพี่จะไม่ทำให้แจกลัวอีกแล้วนะ” ผมลูบเรือนผมนิ่มเบาๆ


    “ตกลงกับผมก่อน”


    “หื้ม?” ผมเอียงหน้ามองไอ้เด็กที่เอาแต่กอดผมแน่น “ตกลง?”


    “ไม่ว่าจะมีผมหรือไม่มีผมพี่ก็ห้ามขับรถเร็ว”


    “...”


    “ตกลงเร็ว”


    “ครับ ตกลง พี่จะไม่ขับรถเร็วอีก” ผมได้ยินน้องสูดน้ำมูกเบาๆ นี่ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาน้ำมูกไหลหมดแล้วไอ้อ้วนเอ้ย!


    (_    _) (Y    Y) (_    _) (Y    Y) น้องพยักหน้าให้ผม “งั้นพี่ก็กลับได้แล้ว” โบกไม้โบกมือไล่ผมอีก


    “หึ!” ผมเค่นหัวเราะเบาๆ น้องยังเด็กอยู่มากจริงๆ


    ทำข้อตกลงลอยๆ สัญญาอะไรลอยๆแต่กลับเชื่อมันอย่างกับลงบันทึกไว้เป็นลายลักอักษรเสียได้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้ต้องมานั่งทำสัญญาลมกับใครเลย เคยคิดว่าตกลงๆไปจะทำหรือไม่ทำมันก็ขึ้นอยู่กับตัวผม แต่เปล่าเลย...สำหรับยองแจ ผมแค่คิดว่าต้องทำไม่มีคำว่าแหกกฎด้วยซ้ำ


    ตอนแรกที่จีบยองแจเพราะน่ารักแล้วก็เด็กกว่า คงไม่เจ้ากี้เจ้าการผมมากหรอก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนควบคุมผมไปซะทุกอย่าง ห้ามชกต่อย ห้ามโดดเรียน ห้ามนั่นห้ามโน่นห้ามนี่เต็มไปหมด แต่ผมก็ดันบ้าซะด้วยแค่ให้ยองแจเป็นคนพูดผมก็พร้อมจะทำให้โดยไม่ลังเล






     

    น้องเป็นมายบอสของผมเลยล่ะ ^ ^

     






    เด็กเกาหลีเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะเจอกับเมดสาวที่ทำความสะอาดอยู่ในห้องโถงของบ้าน ยองแจเพียงก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้มตอบกลับไปให้


    “กลับมาแล้วหรอคะคุณหนู”


    “ฮะ”


    “คุณแบมแบมมารอนานแล้วค่ะ”


    “เห? มาแล้วหรอครับ! ผมตกใจเล็กน้อย แบมแบมมันมาไวไปไหม? หรือไง? แล้วเดทแรกของมันที่ผมพึ่งจะโทรไปแซวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาล่ะ?


    “ค่ะ ป้าเลยให้เธอรอที่ห้องคุณหนู”


    “อ๋อ ขอบคุณนะฮะ” ผมก้มหัวให้ป้าแม่บ้านก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องแทบจะทันที ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


    ผมเปิดประตูออกก่อนจะเห็นเพื่อนตัวแสบของผมที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง ใบหน้าเล็กนั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ปากเจ่อแดงไหนจะขอบตาที่โคตรรช้ำ เนื้อตัวโคตรมอมแมมไม่มีราศีของคนที่ผ่านเดทแรกเลยสักนิด ผมรีบถลาเข้าไปหามันก่อนเป็นแบมแบมเองที่ถาตัวเข้ามากอดผมแน่นก่อนจะร้องไห้หนักออกมาอีกครั้ง


    “เฮ้ยมึง”


    “แจจจจ~~~~~~~~


    “เป็นไร มึงเป็นไรแบม” ผมลูบหลังมันโคตรแรง ผมไม่เคยเห็นมันตัวสั่นขนาดนี้เลย “มึงเป็นไรไหนบอกกูดิ๊”


    “ฮึ่ก!


    “ใครทำอะไรมึง บอกกู”


    “แจ..”


    “เออว่าไงกูฟังอยู่” ผมมองหน้ามันโคตรจริงจัง ผมพยายามบอกว่าผมตั้งใจฟังมันอยู่









    “กูทะเลาะกับพี่มาร์ค”




     

     
     
     
     









     

    to be continued.









     

    #ฟยบ

     

    SO SORRY !!!! 

    ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำนี้ เรามาต่อแล้ว มาต่อแล้ว มาต่อแล้ววว

    ไม่ทิ้งนะคะะะ แต่เราหายไปนานจริง แง้ ขอโทษนะคะ

    ยังไงก็อ่านให้สนุกนะคะ ขอบคุณมากค่าาา ;3 jub



    im'choi

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×