คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : YEARBOOK! : Chapter15
แบมแบมเปิดน้ำก่อนจะล้างมือพร้อมกับมองตัวเองในกระจกเงาพลางระบายยิ้มออกมากับตัวเอง
วันนี้ผมแค่รู้สึกว่ามีความสุขมากจริงๆ พี่มาร์คน่ารักกว่าทุกวัน
เอาใจผมกว่าทุกวัน
ความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่านะที่ไอ้แจมันได้รับจากไอ้พี่บีนั่น... (.////////.)
ผมส่ายหน้าให้กับความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วกลับไปที่ร้าน
ผมเดินเข้าไปในร้านก่อนจะต้องขมวดคิ้วแรงเพราะผมไม่เห็นไอ้พี่มาร์คน่ะสิ่ครับ เอ~ หรือจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกันนะ? หรือไปตักน้ำ?
ผมไม่รีรอรีบสอดส่องสายตาไปทั่วร้านแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อพนักงานในร้านเดินเข้ามาเพื่อเก็บจาน
“เอ่อ... ดะเดี๋ยวนะครับ คือ...” จะให้ผมบอกไงวะ
คือกูยังแดกไม่อิ่มครับ ยังงงงงง!
จะเก็บเพื่อ? แต่ไม่ครับเราเป็นคนสุภาพเราต้องอ่อนโยนฮะ “คือยัง
ยังทานกันไม่เสร็จเลยนะครับ” ผมยกมือขึ้นปรามพนักงานเบาๆ แต่สิ่งที่ผมได้ยินกลับมาเล่นเอาตกใจ
“แต่โต๊ะเบอร์นี้เช็คบิลแล้วนะคะคุณลูกค้า”
“เห!?!”
ช...เช็คบิลงั้นหรอ...?
“แล้ว...ผู้ชายที่นั่งโต๊ะนี้ล่ะครับ”
“พึ่งออกจากร้านไปเมื่อสักครู่ค่ะ” พึ่งออกจากร้าน!! ไปไหนวะ!! อะไรของไอ้พี่มาร์คมันเนี่ยยยยยย ไอ้พี่บ้า! ผมรีบหันหลังวิ่งออกมาหน้าร้านทันทีพร้อมกับล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อค้นหาเครื่องมือสื่อสาร
แต่...
“โถ่เว้ย!!” ผมต้องวิ่งกลับเข้าไปในร้านอีกรอบ “ขอโทษนะครับ
มีโทรศัพท์อยู่บนโต๊ะบ้างหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีนะคะ”
“ห๊ะ! ไม่มีหรอครับ!! (O___o)”
ผมนี่แทบอยากจะร้องไห้ ผมสบทกับตัวเองก่อนจะวิ่งออกมาจากร้านปิ้งย่างนั่นอย่างถาวร
“บ้าเอ้ย พี่แม่งเป็นห่าไรวะ!”
บอกเลยว่าผมโคตรหัวเสียเลยครับ
อยู่ๆพี่มาร์คมันก็หายไป หายไปเลยครับ ผมวิ่งหาพี่มันทั่วชั้นแล้วก็ไม่เจอ
ทั้งวิ่งขึ้นทั้งวิ่งลงบันไดเลื่อนเพื่อหาไอ้พี่ตัวดีแต่ก็ไม่เจอเลย ผมวิ่งมาหยุดตรงแถวหน้าร้านๆหนึ่งที่พึ่งวิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่พร้อมกับหอบถี่
ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงจนไม่รู้สาเหตุแล้วว่าเหนื่อยหรือว่ากำลังกลัวอยู่กันแน่
กลัวว่าพี่มาร์คจะหายไปจริงๆ
แม้ว่าแต่ก่อนผมกับพี่มันจะทะเลาะกันแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นคอขาดบาดตาย
เขามักจะกวนและยั่วประสาทผมให้โมโหเพียงเท่านั้น
อย่างตอนนั้นที่ผมเมามากเขาก็ยังคอยดูแลผมอย่างดี
พี่มาร์คหน่ะ...ถึงปากจะร้ายแต่เขาก็ยังคงอยู่ในสายตาผมเสมอ
ผมไม่รู้หรอกว่าพี่มาร์คเป็นอะไรแต่มันไม่ก็ไม่เคยทิ้งผมไปแบบนี้
“พี่หายไปไหนวะ...” แบมแบมเท้าแขนลงที่ราวเหล็กก่อนก้มหน้าลงอย่างหมดความหวัง
สุดท้ายแบมแบมก็ต้องถอดใจพาตัวเองมานั่งอยู่ตรงเก้าอี้นั่งพักกลางห้าง
เหงื่อกาฬผุดออกตามไรผมจนคนตัวเล็กต้องเสยผมขึ้นเพื่อไอร้อนที่เกิดขึ้น คนตัวเล็กนั่งหัวเสียอยู่ตรงนั้นโดยคิดไม่ออกเลยว่าจะไปหาเดือนพยับหมอกได้ที่ไหน
โทรศัพท์ก็ไม่มียิ่งทำให้ติดต่อกันได้ยากขึ้นไปอีก
สุดท้ายก็ได้แค่นั่งคอตกราวกับเด็กโดนทิ้ง
ตึก...
คุณหนูแห่งลาเฟลอร์รู้สึกได้ว่ามีคนมาหยุดอยู่ตรงหน้า
ดวงตากลมโตเหลือบมองออกไปก่อนจะเห็นเท้าของใครบางคนที่ยืนอยู่
มุมปากคลี่ยิ้มกว้างราวกับดีใจเสียเต็มที่ด้วยความไม่ทันคิดและไม่ทันได้ไตร่ตรองจึงไม่ได้สังเกตเลยว่ารองเท้านั่นไม่ใช่ของมาร์ค
“พี่มาร์ค!” โผลงออกไปพร้อมๆกับการเงยหน้า แต่ทว่า... “ย...ยุค”
รอยยิ้มมีเมื่อสักครู่นั้นมลายหายไปแทบจะหมดสิ้น เหลือไว้เพียงรอยยิ้มบางๆเท่านั้น
“เราเอง” ยุคเอ่ยออกไปพร้อมกับรอยยิ้มบาง ตาคมมองใบหน้าหวานที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าผิดหวังนั่นทำให้ยุครู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดลงมาที่ใจอย่างช้าๆ “แล้วทำไมถึงมานั่งหลบอยู่ตรงนี้ล่ะ
เราหาแบมตั้งนานแน่ะ”
“หาเรา?” ร่างบางย่นคิ้วเชิงสงสัย
“อื้ม!” ยุคย้ำคำพูดอีกครั้งว่าเขาตามหาแบมแบมจริงๆ
ใบหน้าหล่อยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าแต่เพียงเพราะประโยคต่อมาของคนตัวเล็กข้างหน้าทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงแทบจะในทันที
“นายหาเราทำไม?”
“ก็...”
“วันนั้น...เราว่าเราพูดชัดแล้วนะ”
แบมแบมถอนหายใจแรง ใช่!
ตอนนี้คุณหนูลาเฟลอร์กำลังหงุดหงิดเรื่องอื่นอยู่ก่อนแล้ว แถมยุคยังเข้ามาผิดจังหวะเสียอีก
ตาหวานช้อนมองคนตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง “วันนี้เราอารมณ์ไม่ดี ขอตัวนะ”
หมับ!
“แบม..”
“ปล่อย”
แบมแบมเอ่ยเสียงเข้มพลางบิดข้อมือออกแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลในเมื่ออีกคนกำแน่นเสียขนาดนั้น
“ยุค!
เราบอกให้ปล่...!!!”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคก็โดนคนตัวโตกว่าดึงเข้าไปกอด
“...”
ยุคไม่พูดเอาแต่กอดร่างเล็กไว้แน่นแม้ว่าอีกคนจะพยายามดันออกแค่ไหนก็ตาม
ภาพความทรงจำเก่าค่อยผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
วันแรกที่เขาและเจ้าตัวเล็กนี่ตกลงเป็นแฟนกันมันมีความสุขเพียงใด
รอยยิ้มที่แบมแบมมอบให้เขามันยังวนเวียนอยู่ตลอดแต่ตอนนี้... มันกลับไม่ใช่แบบนั้น
แม้กระทั่งตอนนี้
ตอนที่เขาพยายามที่จะแสดงความจริงใจให้แบมแบมได้เห็นด้วยอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้
“ปล่อยเรานะยุค! นายบ้าไปแล้วหรอไง!!” มือเล็กทุบรัวเข้าที่ไหล่ของคนตัวใหญ่
“เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วหรอ”
อึ่ก...
แบมแบมเบิกตาโพลงรวมไปถึงกับหยุดการดื้อดึงลงอย่างฉับพลัน
ไม่ได้เป็นเพราะคำถามของยุคแต่เป็นการปรากฏตัวของมาร์คตรงหน้าต่างหาก
ปฏิกิริยาที่สนองไวกว่าความคิดนั่นก็คือเจ้าตัวแสบใช้แรงผลักยุคออกอย่างแรง
ปากอิ่มเม้มเกร็งก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“พ...พี่มาร์ค”
เพียงแค่เอื้อนเอ่ยชื่อก็ทำให้ยุคที่ยืนหันหลังอยู่ตาโตก่อนจะรีบหันไปมอง
ชายหนุ่มเห็นพี่รหัสของตัวเองที่เดินย่างสามขุมเข้ามาทำเอาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เหงื่อกาฬเริ่มผุดออกมาเล็กน้อย
จนกระทั่งเดือนแห่งพยับหมอกเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาสองคน
แปะ แปะ แปะๆๆๆๆ
อยู่ๆมาร์คก็ปรบมือขึ้นมาเสียดื้อๆ
ก่อนมุมปากหยักจะกดยิ้มเชิงสมเพชตัวเอง
ตาคมเอาแต่จดจ้องไปยังร่างเล็กที่ตอนนี้ตัวสั่นเทาไปหมด
ไหนจะสีหน้าที่แสดงความรู้สึกผิดนั่นอีกมันยิ่งทำให้เขาต้องควบคุมตัวเองให้มากขึ้น
แน่นอนว่าถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ทั้งแบมแบมทั้งไอ้ยุคได้ลงไปกองกับพื้นเพราะหมัดของเขาแน่ๆ
“แย่หน่อยนะ ที่โดนจับได้เร็วไปหน่อย”
มาร์คเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่นะ! มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะ พี่มาร์ค”
แบมแบมเดินเข้าไปหาแต่ว่ามาร์คกลับถอยหนีก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้า
“อย่า!” เสียงเข้มเอ่ย “อย่ากุเรื่องมาโกหกฉันอีก”
“พ...พี่มาร์ค” แบมแบมถึงกับน้ำตาตกทันทีที่ได้ยิน
“พี่มาร์คฟังแบมก่อนนะ อ้ะ!”
มือเล็กเอื้อมไปคว้าข้อมือแต่กลับโดนคนโตกว่าปัดออกอย่างรังเกียจแน่นอนว่าการกระทำเช่นนั้นทำเอายุคถึงกับเดือด
“เฮ้ยพี่! มันไม่เกินไปหน่อยหรอวะ” ยุคผลักอกมาร์คอย่างแรง
“ยุค หยุดนะ!”
“แต่ว่า...”
“เราบอกให้หยุดไง!!!!!!” เสียงใสตวาดลั่นทำเอาคนรอบๆถึงกับต้องหันมามอง
มือเล็กดึงต้นแขนยุคไว้แน่น
มาร์คเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับกดยิ้มเยาะให้กับรุ่นน้องตัวโต
“มึงมันโง่ไอ้ยุค”
“...”
“ขนาดเวลาแบบนี้เขายังไม่เข้าข้างมึงเลย”
มาร์คเอ่ยเน้นย้ำลงไปจี้ใจดำของน้องรหัส และประโยคต่อมาเองก็ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของแบมแบมแทบจะสลาย
“คนพรรค์เนี้ยมึงยังจะคบอยู่อีกหรอวะ”
อึ่ก!
“อ่ะ”
เดือนพยับหมอกสาวเท้าเข้าไปใกล้กับคนตัวเล็กก่อนจะยื่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูคืนให้เจ้าของ
“ฉันคืนให้ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่เสียมารยาทส่งข้อความให้ไอ้ยุคมาหาถึงที่นี่” แบมแบมไม่ได้รับโทรศัพท์มาเองแต่มาร์คเป็นคนยัดคืนใส่มือบางเองต่างหาก
“...”
“นายนี่มัน...” มาร์คเอ่ยเว้นระยะ
“ร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะแบมแบม”
“พี่กำลังเข้าใจผิดนะ ผมกับยุคเราไม่...”
ปึ่ก!
มาร์คเดินชนไหล่แบมแบมไปโดยไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวเลยแม้แต่น้อย
คำทั้งหมดที่คิดจะพูดมากมายของแบมแบมเองก็ถูกกลืนลงคอไปเพียงเพราะท่าทีที่แสนจะเย็นชานั่น
ร่างบางรู้ดีว่ายิ่งพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็ยิ่งไร้ประโยชน์เพราะตอนนี้อะไรๆก็เหมือนจะไม่เข้าข้างแบมแบมเสียเลย
ทำไมผมต้องปล่อยให้พี่เดินจากไปทั้งๆที่ยังเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ด้วยนะ!
หลังของมาร์คเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ
ภาวะความกดดันที่เกิดขึ้นทำเอาคนตัวเล็กชั่งใจอยู่นาน
ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ทั้งๆที่วันนี้เป็นเดทแรกแท้ๆ แต่มันกลับพังไม่เป็นท่า
ขาเล็กกำลังจะก้าวแต่ก็โดนยุคคว้าข้อมือไว้อีกครั้ง
“อย่าไปเลย”
“ปล่อยเรานะยุค! ปล่อยเรา!! เราจะไปอธิบายให้พี่มาร์คฟัง ปล่อยเราสิ่!!!!”
“ไปตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอกหน่า!!!” ยุคตวาดเล่นเอาแบมแบมถึงกับอึ้ง
น้อยครั้งที่คนตรงหน้าจะขึ้นเสียงใส่ตัวเอง “แบมไปตอนนี้ก็มีแต่จะโดนเมิน
ไว้รอพี่มาร์คใจเย็นกว่านี้ค่อยไปพูดก็ได้”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยนายหน่ะ!”
“แบม...”
“เพราะนายไม่ใช่หรอเรื่องทั้งหมดถึงได้เป็นแบบนี้อ่ะ!!!!!!!!!”
เสียงใสแหวลั่นก่อนจะสะบัดมือก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทางทันที
“เพราะเราเอง...” เขาพึ่งรู้ว่ารักแบมแบมมากก็วันนี้เอง
วันที่เจ้าตัวเล็กนั่นวิ่งหันหลังให้กับเขา มือใหญ่กำแน่นด้วยความรู้สึกที่ปนเปไปหมด
เสียใจที่รั้งแบมแบมไว้ไม่ได้อีกทั้งยังเสียใจที่เจ้าตัวเล็กนั่นต้องทะเลาะกับพี่มาร์คอีก
จะปล่อยเขาไปก็ทำไม่ได้...
“เพราะเรา แบมถึงต้องร้องไห้
ทั้งหมด...เพราะเราเอง...”
จะรั้งเขาไว้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน...
“ขอโทษนะแบม”
หลังจากหนีออกมาจากยุคแล้วจุดหมายของแบมแบมคือประตูหน้าห้าง
คุณหนูที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องวิ่งตามใครมาทั้งชีวิตกลับต้องมาเสียทั้งเหงื่อ
เสียทั้งน้ำตาอยู่ในตอนนี้เพียงเพราะผู้ชายคนเดียวที่ชื่อมาร์ค
มือเล็กผลักประตูออกพร้อมกับวิ่งลงบันไดหน้าห้างก่อนจะพุ่งตัวไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ด้านหน้า
ตากลมกวาดมองไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่พบคนที่เขาอยากจะเจอเลยแม้แต่น้อย
ฟู่ววว...
พ่นลมหายใจยาวก่อนจะวิ่งไปรอบๆบริเวณ
ยิ่งวิ่งหาก็ยิ่งรู้สึกห่างไกลกันไปอีก พี่มาร์คไม่ใช่คนที่หาตัวจับยากเลย
ไม่ว่าเขาจะไปยืนอยู่ในมหาประชาชนผมก็สามารถมองเห็นพี่เขาได้อย่างง่ายๆเพราะเขาโดดเด่นเสียเหลือเกิน
แต่ตอนนี้ล่ะ ตอนนี้เขาหายตัวไปแล้ว หายไปในที่ที่ผมไม่สามารถจะเจอเขาได้เลย
กึก...
สุดท้ายร่างกายก็แพ้จิตใจอยู่ดีด้วยความที่อากาศร้อนจัดร่างเล็กจึงต้องทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้เก่าๆแถวนั้น
มือเล็กยังกดโทรศัพท์หามาร์คไม่เลิกตั้งแต่วิ่งออกมาแล้วจวบจนถึงตอนนี้
ปลายสายก็ยังไม่รับและครั้งนี้ก็เป็นแบบเดิม พี่เขาไม่รับโทรศัพท์ผมเลย
“บ้าจริง” น้ำตาหยดแมะลงบนหลังมือตัวเอง
ทั้งๆที่พยายามจะไม่ให้มันไหลแล้วเชียว “พี่ไม่แม้แต่คิดจะฟังคำแก้ตัวผมเลย”
ทำไมถึงได้ใจร้ายกับผมแบบนี้...
เพราะอารมณ์มาถึงจุดที่เก็บกักไว้ไม่ได้อีกแล้วก็ทำเอาคนตัวเล็กสะอื้นออกมาจนตัวโยน
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่าแต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปถามเช่นกัน
แบมแบมยกหลังมือขึ้นมาอุดปากตัวเองไม่ให้ใช้เสียงในการร้องไห้ครั้งนี้ส่งเสียงดังเกินไปนัก
แต่กลายเป็นว่ายิ่งพยายามจะหยุดมันก็ยิ่งร้องหนักไปอีก
แบมแบมใช้เวลานานมากในการสงบสติตัวเอง
หน้าจอมือถือขึ้นเวลาบ่ายสามโมงตอนนี้หนังคงฉายไปแล้ว
คนตัวเล็กเค่นหัวเราะในลำคอ ที่ในโรงหนังนั้นคงจะว่างไปแล้วสองที่...
สุดท้ายแบมแบมก็เลือกที่จะกดโทรออกอีกครั้ง
“แจ...” ที่พึ่งสุดท้ายในตอนนี้ “กูไปหามึงที่บ้านนะ”
เป็นอะไรของมันวะ...
นั่นคือประโยคคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากวางสายจากไอ้ตัวแสบ
ไม่สิ่ มันต่างหากที่กดวางสายไปก่อน เสียงแบมแบมแม่งโคตรรเศร้าเลยครับ
เสียงมันดูเหนื่อยๆ ดูแย่ยังไงไม่รู้
แล้วที่แย่ที่สุดทำไมถึงโทรมาหาผมทั้งๆที่ตอนนี้มันควรจะอยู่กับพี่มาร์คไม่ใช่หรอ?
“มีอะไร ทำไมหน้ายุ่งแบบนั้น” พี่บีวางมือลงบนหัวผมเบาๆ
ตอนนี้ผมมานั่งๆนอนๆเล่นในห้องของไอ้พี่มันครับ
เป็นบ้าบออะไรไม่รู้ขับรถไปรับผมถึงหน้าบ้าน ให้เหตุผลว่าอยากเจอหน้า
เหงาอยู่ห้องคนเดียว คิดถึงด้วย เอ่อะ...พี่บีครับ (=____=;;;;)
ถ้าไม่ผิดปกติเกินไปผมว่าผมกับพี่มันพึ่งห่างกันยังไม่ถึงสามวันหลังจากกลับมาจากทริปเที่ยวบ้านพี่มันเลยไหมล่ะ
“พี่บี...”
ผมเงยหน้ามองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา
“อื้อ ว่าไงครับ”
“ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่า”
ไวเท่าความคิดคือผมเด้งตัวลุกจากพื้นเลยครับ
เล่นเอาคนพี่ตกใจรีบเด้งตัวขึ้นมาขวางทางไว้แทบไม่ทัน
“เฮ้ยๆๆ ไรอ่ะ จะรีบไปไหน”
“กลับบ้านไงพี่บี ไปส่งผมเร็ว”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ มีใครที่บ้านเป็นอะไรหรือเปล่า
โอ้ย!!”
พี่บีกุมปากทันทีที่ผมตีเขา “มาตีพี่ทำไมเนี่ยแจ?” เขาถามหน้าตาเหรอหรา ฮ่าๆ
ขำเป็นบ้าเลยครับ
“ก็พี่พูดไม่รู้เรื่องนี่
แถมยังมาแช่งคนที่บ้านผมอีก”
“ใครกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“พี่บีนั่นแหละ”
“แจนั่นแหละ” พี่เขาสวนผมก่อนจะดึงผมเขาไปกอด
โว้ยยยยยยยย! ไอ้พี่บ้า “แจนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง
ไหนสัญญากันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งวันไง”
“งื้ออ พี่บี ปล่อยผมมมม~”
“พี่เสียค่าน้ำมันไปหลายบาทนะกว่าจะขับไปถึงหน้าบ้านเราอ่ะ”
พี่บีบอกกับผมก่อนจะทำหน้ากวนประสาท แหมมมมม~ แข้นี้ทำมาเป็นทวง “พี่ยังมองหน้าขาวๆของน้องแจไม่คุ้มค่าน้ำมันพี่เลยนะครับ” ชิ! ทำมาพูดดีไอ้พี่บ้าาาาาา (.///////.)
“ไว้วันหลังผมจะนั่งให้มองจนเบื่อเลย
แต่วันนี้ต้องกลับแล้วจริงๆ”
“เหตุผล”
“ไอ้แบมจะมาบ้าน”
“ใช่ซี่!!!!!! พี่มั...”
จุ๊บ! ผมหอมแก้มพี่มันไปหนึ่งที
“ไม่ประชดผมดิ่” ผมถดตัวออกจากอ้อมกอดของคนโตกว่า
ก่อนจะหลบสายตาคมที่มองมา พี่มันมองผมเหมือนจะกินเข้าไปเลยครับ อ่า~ ผมไม่น่าไปทำแบบนั้นเลย
แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาหยุดพูดคำประชดประชันนี่ครับ (_ _;;)
“...”
“...”
หึ...แย่แล้วครับ
รอบนี้ผมแพ้ยองแจราบคาบเลย
“โอเค กลับก็กลับครับ” เย่! ได้ผลแหะ
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”
หมับ!
“อ้ะ” ผมโดนพี่บีรั้งข้อมือไว้ก่อนจะออกจากประตู
เขาก้มลงมากระซิบก่อนจะทำให้ผมตัวแข็งทื่อจนแทบจะกระดิกไปไหนไม่ได้
กลิ่นหอมของพี่บีเมื่อกี้บวกกับประโยคที่เขาบอกผมมันทำให้หัวใจผมแทบระเบิด
ว๊ากกกกกกกกกกก!!!!!
“ไงครับคุณหนู จะไปได้หรือยัง?”
เสียงพี่บีทำผมสะดุ้งออกจากภวังค์ทันที
“ค...ครับ”
ผมวิ่งก้มหน้างุดๆออกจากห้องพี่มันเลยครับ บ้าหรอ! ใครจะไปทนไหวไม่อายได้เล่า
ผมไม่ใช่พี่บีนะจะได้หน้าด้านหน้าทนได้ขนาดนั้น
“ถ้าไม่อยากโดนพี่ปล้ำก็อย่าเป็นคนเล้าโลมพี่ก่อนแบบนั้นอีกนะ”
บ้า! บ้า! บ้าบอสุด
แค่หอมแก้มโว้ยยยยยยย หอมแก้มมมมม ผมไม่ทำกริยาอะไรที่เกินกว่านั้นซะหน่อย
หอมแก้มไม่ได้เล้าโลมบ้าบออะไรเลย โว้ยยยยยยยยยยย พี่บีแม่งบ้าไปแล้ววววววว (o////////o) แล้วผมยังต้องไปนั่งซ้อนท้ายเกาะเอวมันอีกงี้
โฮ่วววววว~ จิตใจผมปั่นป่วนมากคร้าบบ
“จิกเสื้อพี่แรงขนาดนี้ต้องการอะไรครับ”
พี่บีตะโกนผ่านลม ผ่านหมวกกันน๊อคของมันมา แต่ผมแม่งยังได้ยินชัดแจ๋ว
สภาพลมที่แรงปะทะหน้าอยู่นี่คืออะไร? ตอบ! มันไม่ได้ลดระดับเสียงของพี่มันเลยหรือไงวะ ผมไม่ตอบหรอก
ผมได้แต่ทุบลงไปที่กลางหลังแทนแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะผ่านลมกลับมา
ชิ! พี่บีเนี่ย...เริ่มจะหื่นใส่ผมมากไปแล้ว
แต่ก็อย่าไปว่าพี่มันเลยครับ
ผมเองก็ได้แต่แอบอมยิ้มกับนิสัยขี้แกล้งของพี่มัน น่ารักครับ พี่บีมันน่ารักมาก
ชอบแกล้ง ชอบแหย่ ชอบทำเป็นรู้ดีแต่เขาก็เป็นคนดี คนอบอุ่นคนหนึ่งเลยล่ะ
ต่อให้เขากามใส่ผม ฉวยโอกาสเล็กๆน้อยๆในบางครั้งแต่ในที่สุดแล้วคนที่ให้เกียรติผมมากที่สุดก็คือ...พี่บี
ปี๊นนนนนนนนน! เอี้ยดดดดดด!!!
“เฮ้ย!!!!”
“พี่บี!!” ผมร้องเรียกก่อนจะตื่นตระหนก
(O____O)
มีรถกระบะบีบแตรใส่ก่อนจะปาดหน้าพร้อมกับเลี้ยวเข้าซอยทำเอารถมอเตอร์ไซด์ของเรามันโคลงไปหมด
พี่บีพยายามควบคุมให้รถนิ่งโดยผมเองก็เอาแต่กำเสื้อพี่มันแน่นไปอีก
รถคันนั้นผิดครับและแน่นอนว่าพี่บีโมโห
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือคนๆนี้โมโหเนี่ยแหละครับ
บึ้นนนน~ บึ้นนนนนนน~!!!!!!
“เหี้ยเอ้ย!!!” พี่มันเลี้ยวรถตามแทบล้อฟรีเลยครับ
“พ...พี่บี” ความแรงและความเร็วมันปะทุตามอารมณ์คนขับจนผมต้องตบหลังพี่มันเพื่อเรียกสติแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
ผมมองกระจกก็ต้องพบกับนัยน์ตาคมที่เอาแต่จดจ้องไปยังรถเป้าหมายที่วิ่งห่างออกไปไม่ไกลด้านหน้า
พี่มันเร่งเครื่องทำเอาผมแทบหงายหลังดีที่เกาะเอวไว้แน่น “พี่บี พอเถอะ!”
ได้โปรด...ได้โปรดเถอะพี่บี ฟังผมหน่อย
ผมถดหัวลงเพราะตอนนี้ลมที่พัดผ่านมันปะทะหน้าผมแรงมาก
ขนาดใส่หมวดกันน๊อคยังรู้สึกได้เลยผมเม้มปากก่อนจะพยายามบอกให้พี่บีหยุด
ผมเกาะเอวพี่เขาแน่นเมื่อไม่มีท่าทีว่าความเร็วจะลดลงเลย
มีแต่เพิ่มขึ้น...เพ่ิมขึ้นและก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“พี่บี ผมบอกให้พอไง!!!”
“สัดเอ้ย!! เดี๋ยวมึงเจอกูแน่” ผมได้ยินเสียงพี่มันแว่วๆ
ผมเอียงหน้าออกมาเล็กน้อย
รถกระบะคันดังกล่าวเองก็ขับเร็วมากเช่นกันส่วนพี่บีก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลย
นี่มันไกลเส้นทางกลับบ้านผมมากแล้วด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาจะตามรถคันนั้นไปอีกเมื่อไหร่แต่ผมกลัว
กลัวมาก...
ผมจะทำยังไงให้พี่ได้ยินผม
“พี่บีผมกลัวแล้วนะ!!!!!!!!!!!!!!!” ผมตะโกนสุดเสียงเท่าที่ผมทำได้
เอี้ยดดดดดดดดดดดด!!!!!
ทุกอย่างหยุดลงแทบจะในทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเด็กอินเตอร์
หัวเล็ก ที่ซุกหลังคนโตกว่าไม่ห่างไหนจะมือที่กอดเอวไว้แน่นมันแสดงว่าคนข้างหลังกลัวมากแค่ไหน
บีถอนหายใจก่อนจะหลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์
ตอนนี้จากที่โกรธกับกลายเป็นด่าทอตัวเองอยู่ในใจเงียบๆคนเดียว
เมื่อกี้...เขาไม่ได้คิดถึงใจของยองแจเลยสักนิดเดียว
ปั่ก!
น้องถอดหมวกกันน๊อคโยนใส่ผมก่อนจะเดินหนี
“แจ!!” ผมวิ่งไปรั้งข้อมือน้องไว้แต่กลับโดนสะบัด “แจจะไปไหน!”
“ปล่อยผม”
“ไม่!”
“พี่มันบ้า!!!!” น้องหันมาตะโกนใส่หน้าผม
“แจ”
เพี้ยะ!!!!
หน้าผมหันไปตามแรงกระแทกทันที ไม่เบาเลยครับ
พึ่งรู้วันนี้เองว่ายองแจมือหนักเป็นบ้า น้องหน้าแดงก่ำ
ขอบตาก็ดูช้ำๆไหนจะน้ำใสที่กลิ้งคลอนรอไหลออกมาอยู่ร่อมร่อนั่นอีก
ไม่โกรธเลยที่น้องระบายอารมณ์ทั้งหมดด้วยการตีผม มากกว่านี้ก็ได้...ผมยอม
“กลับบ้านกันนะ”
ผมเดินเข้าไปจับกำปั้นเล็กที่ตอนนี้สั่นจนน่าสงสาร ทั้งๆที่ตบหน้าผมด้วยความหนักแน่นขนาดนั้นแต่ยังสั่นได้อีกหรอ
ยองแจก็ยังเป็นยองแจ น้องยังมีความอ่อนแออยู่ดี
บีได้แต่รู้สึกผิดไปตลอดทางกลับบ้านของคนเด็กกว่า
ความเร็วที่ใช้ก็เรียกได้ว่าแทบเต่าคลาน กลัวยองแจจะโกรธ กลัวน้องจะไม่พูดด้วย
กลัวว่าต้องทะเลาะกันอีก
ร่างสูงลอบถอนหายใจก่อนจะเอียงหน้าไปมองคนด้านหลังที่เอาแต่ก้มหน้าพิงหลังตัวเองโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาเลย
ระยะระหว่างผมกับน้องทำให้รู้ว่าไอ้ตัวกลมนั่งสั่นมาตลอดทาง
ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านของเด็กอินเตอร์
ยองแจกระโดดลงจากรถผมก่อนจะถอดหมวกกันน๊อคคืนแทนที่ผมจะรับหมวกมาผมกลับดึงข้อมือเล็กแทน
เด็กเกาหลีไม่ได้พูดอะไรเลยมาตลอดทางคิดว่าผมจะปล่อยไปง่ายๆหรอครับ?
“พี่ขอโทษ”
“...”
“จะทำยังไงให้พี่ได้ยินเสียงเรา”
ผมพูดกับน้องแน่นอนว่าผมยังไม่ยอมปล่อยข้อมือบางนั่นแน่ๆ “ตีพี่อีกก็ได้นะ”
ผมจับมือน้องขึ้นมาทุบที่อกตัวเอง
“...”
“ยองแจ...”
“ก็แค่...” เสียงใสเอ่ยออกมาเว้นระยะ
“...”
“ถึงห้องให้ปลอดภัยก็พอ”
น้องขืนข้อมือออกจากการจับกุมของผมก่อนจะหันหลังให้
“ถึงห้องแล้วพี่จะไลน์มาแล้วกัน”
ผมไม่อยากเซ้าซี้น้องตอนนี้ เขายอมพูดกับผมแค่นี้ก็พอแล้ว
ในขณะที่ผมกำลังจะออกรถก็รู้สึกถึงแรงปะทะที่โถมเข้ามา ยองแจวิ่งกลับมากอดผมแน่น “เหอะ...”
เด็กบ้า...
เสียงสะอื้นเล็กๆที่จมอยู่แถวซอกคอผมนี่มันน่าจับมาตีจริงๆ
มือเล็กที่เกี่ยวคอผมไว้แน่นมันอดไม่ได้ที่ผมจะยกมือขึ้นไปลูบหลังเล็กเบาๆเชิงปลอบ
ยองแจกลัวมากผมรู้ ทั้งๆที่รู้แต่ผมก็ยังทำให้เขากลัว ผมแม่งโคตรแย่!
“พี่ต้องนั่งคุกเข่าแล้วยกมือขึ้นเหนือหัวไหม”
“อย่าทำแบบนั้นอีกนะ พี่อย่าทำอีกนะ!”
“...”
“ตอบสิ่”
“ครับ พี่ไม่ทำแล้ว” ผมตอบน้องก่อนจะอมยิ้ม
หาที่ไหนไม่ได้แล้วครับ...เด็กตัวขาวๆกลมๆคนนี้น่ะ “ต่อไปพี่จะไม่ทำให้แจกลัวอีกแล้วนะ”
ผมลูบเรือนผมนิ่มเบาๆ
“ตกลงกับผมก่อน”
“หื้ม?” ผมเอียงหน้ามองไอ้เด็กที่เอาแต่กอดผมแน่น
“ตกลง?”
“ไม่ว่าจะมีผมหรือไม่มีผมพี่ก็ห้ามขับรถเร็ว”
“...”
“ตกลงเร็ว”
“ครับ ตกลง พี่จะไม่ขับรถเร็วอีก”
ผมได้ยินน้องสูดน้ำมูกเบาๆ นี่ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาน้ำมูกไหลหมดแล้วไอ้อ้วนเอ้ย!
“(_
_) (Y Y) (_ _)
(Y Y)” น้องพยักหน้าให้ผม
“งั้นพี่ก็กลับได้แล้ว” โบกไม้โบกมือไล่ผมอีก
“หึ!”
ผมเค่นหัวเราะเบาๆ น้องยังเด็กอยู่มากจริงๆ
ทำข้อตกลงลอยๆ
สัญญาอะไรลอยๆแต่กลับเชื่อมันอย่างกับลงบันทึกไว้เป็นลายลักอักษรเสียได้
ผมไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้ต้องมานั่งทำสัญญาลมกับใครเลย
เคยคิดว่าตกลงๆไปจะทำหรือไม่ทำมันก็ขึ้นอยู่กับตัวผม แต่เปล่าเลย...สำหรับยองแจ
ผมแค่คิดว่าต้องทำไม่มีคำว่าแหกกฎด้วยซ้ำ
ตอนแรกที่จีบยองแจเพราะน่ารักแล้วก็เด็กกว่า
คงไม่เจ้ากี้เจ้าการผมมากหรอก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนควบคุมผมไปซะทุกอย่าง
ห้ามชกต่อย ห้ามโดดเรียน ห้ามนั่นห้ามโน่นห้ามนี่เต็มไปหมด แต่ผมก็ดันบ้าซะด้วยแค่ให้ยองแจเป็นคนพูดผมก็พร้อมจะทำให้โดยไม่ลังเล
น้องเป็นมายบอสของผมเลยล่ะ ^ ^
เด็กเกาหลีเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะเจอกับเมดสาวที่ทำความสะอาดอยู่ในห้องโถงของบ้าน
ยองแจเพียงก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้มตอบกลับไปให้
“กลับมาแล้วหรอคะคุณหนู”
“ฮะ”
“คุณแบมแบมมารอนานแล้วค่ะ”
“เห? มาแล้วหรอครับ!” ผมตกใจเล็กน้อย แบมแบมมันมาไวไปไหม? หรือไง?
แล้วเดทแรกของมันที่ผมพึ่งจะโทรไปแซวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาล่ะ?
“ค่ะ ป้าเลยให้เธอรอที่ห้องคุณหนู”
“อ๋อ ขอบคุณนะฮะ”
ผมก้มหัวให้ป้าแม่บ้านก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องแทบจะทันที ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมเปิดประตูออกก่อนจะเห็นเพื่อนตัวแสบของผมที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง
ใบหน้าเล็กนั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ปากเจ่อแดงไหนจะขอบตาที่โคตรรช้ำ เนื้อตัวโคตรมอมแมมไม่มีราศีของคนที่ผ่านเดทแรกเลยสักนิด
ผมรีบถลาเข้าไปหามันก่อนเป็นแบมแบมเองที่ถาตัวเข้ามากอดผมแน่นก่อนจะร้องไห้หนักออกมาอีกครั้ง
“เฮ้ยมึง”
“แจจจจ~~~~~~~~”
“เป็นไร มึงเป็นไรแบม” ผมลูบหลังมันโคตรแรง
ผมไม่เคยเห็นมันตัวสั่นขนาดนี้เลย “มึงเป็นไรไหนบอกกูดิ๊”
“ฮึ่ก!”
“ใครทำอะไรมึง บอกกู”
“แจ..”
“เออว่าไงกูฟังอยู่” ผมมองหน้ามันโคตรจริงจัง
ผมพยายามบอกว่าผมตั้งใจฟังมันอยู่
“กูทะเลาะกับพี่มาร์ค”
to be continued.
#ฟยบ
SO SORRY !!!!
ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำนี้ เรามาต่อแล้ว มาต่อแล้ว มาต่อแล้ววว
ไม่ทิ้งนะคะะะ แต่เราหายไปนานจริง แง้ ขอโทษนะคะ
ยังไงก็อ่านให้สนุกนะคะ ขอบคุณมากค่าาา ;3 jub
im'choi
ความคิดเห็น