ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Yearbook! 2JAE (Ft.MarkBam)

    ลำดับตอนที่ #10 : YEARBOOK! : Chapter10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      4
      10 ก.พ. 58















     
    Yearbook! page.10


















    ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกจากปากพลางเอามือทาบอกเล็กน้อยโดยไม่ลืมจะสั่งการให้สมองนั้นลมเลือนน้ำสีแดงฉานบนมือของพี่จินออก แต่พอคิดก็ยิ่งพาลได้กลิ่นคาวขึ้นมาเสียงอย่างนั้น พอได้อุปาทานไปเองก็รู้สึกพะอืดพะอมราวกับมีก้อนน้ำหนืดมาจุกอยู่ตรงลำคอ แบมแบมคลื่นไส้อีกรอบเล่นเอาแจ็คต้องเอากระโถนมาจ่อไปตรงปากคนเด็กกว่าทันที


    “มึงทำไรเนี่ยไอ้แจ็ค!

    “เอ้า! ก็เอามารองอ้วกสิมึงถามได้ ขืนรอให้เด็กมึงปล่อยของตรงนี้ได้เละเทะแน่” แจ็คว่าแต่เขาไม่ได้ดูเลยว่าในกระโถนเนี่ยมันมีขยะอยู่แล้วแถมกลิ่นก็ไม่ธรรมดาซะด้วย แล้วคือเอาไปจ่อตรงหน้าแบมแบม...เอ่อะ...

    “ยิ่งทำแบบนี้ของยิ่งจะออกเร็วไอ้ควาย! ป้าป!! แล้วก็โดนมาร์คโบกกะโหลกไปอย่างแรงเล่นเอาเพื่อนร่วมรุ่นหน้าแทบสั่น (=___=) “ถุงสิ่มึงถุง ห่า! กลิ่นขนาดนี้มึงเอามาจ่อหน้าคนจะอ้วก ขนาดกูไม่คลื่นไส้กูยังจะอ้วกเลย”

    “แม่ ง ตบกูอีกละ” แจ็คบ่นป่อดแป่ดก่อนจะร้อนลนไปหาถุงพลาสติกสะอาดแทน “ห่านนน สักวันกูจะไปศัลฯให้หน้าเหมือนน้องแบมดูสิแม่ งจะกล้าตบกูอีกไหม”

    “มึงบ่นไร”

    “ป่าว!!! แจ็คหันมาเสียงดังใส่มาร์คเล่นเอารุ่นน้องแอบขำ เอาอีกแล้ว สองคนนี้ทะเลาะกันอีก เดือนแห่งพยับหมอกได้แต่ส่ายหน้ารัวให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อนรัก ละจากเพื่อนก็หันมามองเด็กตัวเล็กที่นั่งอึนอยู่ข้างกาย

    “ไหวป่ะเนี่ย?”

    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -)

    “ยังอยากจะอ้วกอยู่อีกหรอ?” มาร์คถามพลางยกมือขึ้นหมายจะลูบหลังเล็กแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกตัว ชายหนุ่มลดระดับมือลง “แปลก~~ กลัวเลือดแต่ชอบเป็นเด็กหาเรื่องเนี่ยนะ ไม่เห็นจะเข้ากันตรงไหนเลย”

    “อย่ามากวนได้ป่ะ ไม่มีอารมณ์เถียงด้วยหรอกนะ” คนเด็กกว่าเอ่ยแบบไม่มองหน้าพร้อมกับโบกมือไล่เบาๆ

    “งี้ก็เป็นลมทุกครั้งที่มีเรื่องเลยดิ่”

    “ยัง...”

    “อ่อนไปป่าว”

    “ยังไม่หยุดอีก!

    “ถ้ารู้ตัวว่าอ่อนแอแบบนี้ก็อย่าซ่านะทีหลังอ่ะ”

    “ไอ้พี่มาร์ค!!! บอกว่าให้หยุ....!!” เป็นแบมแบมเองที่ต้องหยุด เพราะถ้าไม่หยุดปลายจมูกของตัวเองจะชนกับปลายจมูกมาร์คแล้ว ไอ้ที่อยากจะอ้วกเมื่อกี้ย้อนกลับลงไปในกระเพาะหมดเลย


    ราวกับเวลาโลกหยุดเดินเมื่อดวงตากลมสอดประสานกับอีกคนอย่างไม่ตั้งใจ ลมหายใจอุ่นเป่ารดกันเมื่อระยะการประชิดของใบหน้านั้นช่างเบาบางเหลือเกินราวกับมีเพียงอากาศกั้นเท่านั้น มาร์คไล่ระดับสายตาลงมามองยังกลีบปากอิ่มสีสดที่ตอนนี้อีกคนเม้มมันไว้เล็กน้อยด้วยความประหม่า เดือนหนุ่มรู้สึกแรงดันในร่างกายของเขามันเพิ่มขึ้นเร็วจนแปลกประหลาด








     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผม...อยากสัมผัสแบมแบม







     

    เมื่อความคิดของเสือหนุ่มที่ซ่อนไว้ก้นบึ้งของใจดันผุดออกมาก็ถึงกับต้องดึงภวังค์ให้กลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริง ชายหนุ่มเป็นฝ่ายถอยตัวออกมาก่อนพร้อมกับดันหน้าผากคนเด็กกว่าให้ห่างออกเช่นกัน มาร์คกลัวว่าถ้าปล่อยไว้แบบนั้นจะเกิดเรื่องเลยเถิดขึ้นน่ะสิ่ เป็นอะไรก็ไม่รู้ทำไมถึงได้เห็นแบมแบมตัวเล็กลงกว่าเดิมอีกเมื่ออยู่ใกล้ๆกับตน ราวกับอยากจะกางปีกปกป้องไว้ตลอดไม่ให้ห่าง...


    “อ่าว ไอ้ยุค มีไรวะ?” ทันทีที่พี่มาร์คแม่ งพูดจบผมอยากจะตบหน้าผากตัวเองให้แตกเป็นเสี่ยงๆเลย โหยย ให้ตายเหอะ แม่ งจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทำไมสองคนวะ กูทำตัวลำบากเว้ยยยยยยยยยยยยยย!! 

    “ดื่มน้ำช่วยได้นะ จะได้รู้สึกดีขึ้น” ยุค สนใจพี่มึงหน่อยมันอุตส่าห์ทักมึงไง (.___.;;)

    “อ..อื้อ ขอบใจนะ” ผมมองหน้าพี่มาร์คก่อนจะยิ้มเจื่อนพลางรับแก้วน้ำจากยุคมา ส่วนไอ้เด็กตัวสูงนั่นก็พอเอาน้ำมาให้ผมเสร็จมันก็เดินหายไปเลย อ่าว...ไอ้เชี่ย! มาทิ้งระเบิดไว้แล้วก็หายไปคือร่ะ?

    “รู้จักกันหรอ...กับไอ้ยุคน่ะ?” เออ ผมว่าไอ้พี่มันจะถามผมหลายรอบแล้วแหละแต่จังหวะไม่มี ก็ยุคชอบเข้ามาหาผมแล้วก็พูดจาเป็นเชิงแบบรู้จักกันไอ้ตอนที่ผมกับพี่มาร์คอยู่ด้วยกันตลอด จะไม่ให้ไอ้พี่หน้าขาวมันสงสัยได้ยังไงล่ะ








     

    ไม่อยากโกหกเลย







     

    (-  -   )(   -  -)(-  -   )(   -  -) เปล่า...”






     

    แต่....สุดท้ายก็เลือกที่จะโกหกอยู่ดี






     

    “งั้นหรอ?” ผมรู้ว่าไอ้พี่มาร์คมันไม่เชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นหรอก แต่อย่างน้อยผมก็ตอบไปพี่มันก็คงไม่คิดจะติดใจอะไรมากหรอก “ต่อไปก็อย่าไปหาเรื่องใส่ตัวล่ะ ขืนไปเป็นลมเป็นแล้งคนเดียวจะทำไง ไม่มีคนไปช่วยได้ตลอดเวลาหรอกนะ” พี่มันสอนผมอีกแล้ว

    “รู้แล้วหน่า~~ ย้ำจังเลยนะ” ผมพูดเสียงยานกวนประสาทไอ้คนพี่ “หรือว่า...” ขอแหย่หน่อยเหอะ

    “...”

    “เป็นห่วงเค้าหรอพี่มาร์คคคคคคคค~~~~~!! หื้อออ เป็นห่วงเค้าอ่ะสิ่ แหมๆๆ ตัวเองก็! ผมแกล้งทำเป็นจิ้มๆลงไปที่อกพี่มันเชิงกวน ก่อนจะเอาตัวไปสีๆพี่มันแบบโคตรแกล้ง “เป็นห่วงเค้าก็บอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเข้มเลย ฮิฮิ ห่วงเค้าช่ะม๊ะล่าาาาา~” ใช้นิ้วเขี่ยคางพี่มันเล่นเบาๆ เดี๋ยวมันต้องโวยวายแล้วอีกนิดแหละ ชิ! ชอบมาอวดดีใส่มันต้องเจอแบบนี้แหละไอ้มาร์คคคคคค

    “อือ”






     

    ห๊ะ!






     

    ผมนี่ถึงกับชะงักหน้าแทบทิ่มก่อนจะค่อยๆขยับตัวออกห่างไอ้พี่มาร์คอย่างว่องอ่ะ! ไม่ดิ่ หวยมันต้องไม่ออกแบบนี้สิครับ มันจะต้องออกในรูปแบบที่พี่มาร์คมันโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้วผมกับมันก็ฉะกันสักยกแล้วค่อยเลิกรากันไป มันต้องเป็นแบบนั้นถึงจะถูก แล้ว...แล้วนี่คือไร? อยู่ๆก็ยอมรับ บ้าหรอวะห๊ะ!!!

    “ไม่สีพี่แล้วหรอ?”

    “....!

    “ก็ถามว่าเป็นห่วงหรือเปล่า....ก็ตอบแล้วไงว่าใช่” ยัง...ยังจะมาย้ำ ย้ำบ้าย้ำบอทำไมเล่า แม่ งเว้ยย

    (_//////_)” โอ้ยยย หน้าผมร้อนครับคลายคลึงจะเป็นลมอีกรอบ ฟู่ว์~ ไม่ไหวแล้วผมถึงกับต้องหันหน้าหนีไปอีกทางทันทีอ่ะ พี่มาร์คมันไปกินอะไรมาหรือเปล่าวะ ทำไมวันนี้มันแปลกเหลือเกิน

    “แอบยิ้มทำไม?”

    “ใครยิ้มวะ ตลกละ” แม่ งรู้อีก!

    “ก็นั่นอ่ะ กระจก” มันชี้ไปยังฝั่งที่ผมหันหน้าหนีเมื่อตะกี้แล้วผมก็ต้องเจอกับ....กระจก...เออดี! ไม่เหลืออะไรให้กูอายไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ “จะว่าไป...”

    “...” อะไร อะไรอี๊กกกกกกกกกกก มึงจะพูดอะไรอีก! มาเลยไอ้พี่มาร์ค!!! กูไม่เหลือฟอร์มจะให้เก็กแล้ว เอาเซ่!!

    “เวลาเขินก็น่ารักเหมือนกันนะเราเนี่ย”







     

    บึ้ม!!! กันต์พิมุกพรีชีพเรียบร้อยละครับ






     

    แบมแบมถึงกับต้องเบ้ปากใส่คนโตกว่าทันทีพลางขืนมุมปากไม่ให้ยกขึ้น ส่วนมาร์คเองก็ใช่ว่าจะปกติเขาเองก็เขินเหมือนกันที่จู่ๆก็พูดอะไรแบบนั้นออกไป ภาพคนสองคนที่เอาแต่อมยิ้มใส่กันนั้นช่างบาดลึกลงไปยังดวงใจของใครอีกคนที่แอบมองอยู่ไม่ไกล


    ตาคมจดจ้องไปยังแก้วน้ำที่เจ้าตัวพึ่งเอาไปให้คุณหนูสุดแสบของลาเฟลอร์เมื่อสักครู่นั้นไม่ได้สลักสำคัญไปกว่าพี่รหัสของตนเอง แบมแบมไม่ได้ให้ความสนใจแก้วน้ำของผมเลย ปากหยักกดยิ้มสมเพชตัวเอง....เขารักแบมมากเท่าไหร่หรอ? รู้ไหมว่าความรักของผมมีให้มากกว่าเขาหลายเท่านะ






     

    ทำไมแบมถึงไม่ยอมหันกลับมามองเลยล่ะ...










     

     





     

     

    สองข้างทางที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวขจีซึ่งหาบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้ในเมืองหลวงเป็นแน่ ผมมองข้างทางไปตลอดจนตอนนี้รู้สึกว่าความเร็วรถมันเริ่มเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะ? ผมจับเอวพี่บีแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติก่อนจะหน้าตาเลิ่กลั่ก ผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์พี่มันมาหลายรอบแล้วนะ แต่ผมว่าครั้งนี้มันเร็วมากจริงๆ


    “กลัวหรอ?”

    “งื้มมมม~” ผมพยักหน้ารัวก่อนจะชะโงกหน้าไปตะโกนข้างหูคนขับต่อสู้กับแรงลมที่ปะทะเข้ามา “ผมเป็นไรไปไม่ได้นะ ปีนี้ยังไม่ได้กลับไปเจอหน้าพ่อกับแม่เลย~” สิ้นเสียงผมพี่บีมันก็ขำก่อนจะลดระดับความเร็วลงพลางขับชิดขอบทางมากขึ้น

    “เท่านี้โอเคไหมครับคุณหนูยองแจ?”

    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -) ผมพยักหน้าก่อนจะหดหัวกลับเข้ามาอย่างเดิมก่อนจะทิ้งหน้าผากลงกลางหลังของพี่บี “ขอซุกหน่อยนะ” ผมพูดเบาๆไม่รู้ว่าพี่มันจะได้ยินไหม แต่ผมก็แค่...อยากอยู่แบบนี้สักพัก


    ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่พี่บีขับรถมาและผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าพี่มันจะพาผมไปที่ไหน เอาจริงผมกลายเป็นเด็กใจง่ายไปแล้วเวลาอยู่กับพี่มันเนี่ย ไม่เคยปฏิเสธไม่ว่าพี่บีจะลากไปที่ไหน ไม่ต้องสืบเลยถ้าพี่มันพาผมไปปล้ำพูดเลยว่าผมคงไม่รอด (-____-) แต่พี่มันคงไม่ทำแบบนั้นหรอกใช่ไหม....?






     

    จู่ๆพี่บีจอดรถ






     

    จ.....จอดรถ! จอดทำไมวะ!!!! (O________O) ผมนี่เงยหน้ามองรอบๆแทบไม่ทันครับ พึ่งคิดเรื่องที่พี่มันจะลวงมาปล้ำหรือเปล่าก็ดันจอดรถ กูระแวงนะเว้ยยยยยยย ผมสำรวจแล้วก็อดจะหวั่นไม่ได้ ก็แหม ที่นี่เป็นเหมือนสะพานหน่ะครับ มองไปก็เห็นเป็นแม่น้ำยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาอีกทั้งยังรู้สึกว่าปลอดคนมากเสียด้วย


    “ตรงนี้อากาศดีนะ ลองไปยืนตรงนั้นดูสิ่” พี่มันชี้ไปตรงขอบสะพาน “ถ้าอึดอัดก็ตะโกนเลย จะได้สบายใจขึ้นไง” พี่มันพูดขำๆผมได้แต่มองก่อนจะเขวี้ยงค้อนให้วงใหญ่ แต่ผมก็ยอมทำตามที่พี่เขาบอกอยู่ดี


    ผมเท้าฝ่ามือลงกับขอบสะพานปูนพลางหลับตาลงอย่างอ่อนแรง แม้ว่าไม่ได้ใช้พลังงานแต่ทำไมถึงได้รู้สึกหนักไปหมด ไม่ว่าจะทั้งตัวหรือใจ... ผมถอนหายใจก่อนจะรับรู้ถึงสายลมเอื่อยๆที่พัดผ่านปะทะใบหน้ามันทำให้รู้สึกดีแปลกๆ บรรยากาศที่ไม่เจือปนด้วยมลพิษมันเป็นแบบนี้นี่เอง


    ร่างสูงที่นั่งมองด้านหลังของคนรักเงียบๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายองแจอึดอัดเพียงใดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ถ้าเจ้าเด็กกลมนี่ไม่สบายใจก็มักจะมาลงกับผม แต่เรื่องนี้ยองแจกลับเลือกเก็บไว้คนเดียวเพราะเจ้าของปัญหาเป็นถึงแม่และเพื่อนรักของเขา


    บีตัดสินใจแขวนหมวกกันน๊อคลงกับกระจกรถก่อนจะลุกขึ้นพลางก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆกับร่างกลมที่ยังหลับตารับลมอยู่ บีพาร่างตัวเองมาหยุดอยู่ข้างๆยองแจก่อนจะทิ้งสะโพกพิงขอบสะพานไว้ ประธานสุดหล่อของพยับหมอกใช้แขนเกี่ยวคอของคุณหนูต่างแดนก่อนจะดึงเข้ามาพร้อมกับใช้ฝ่ามือดันหัวทุยให้พิงที่ไหลตัวเอง


    “อ้ะ!” ผมลืมตาขึ้นทันทีก่อนจะเหลือบมองหน้าพี่บี เสี้ยวหน้าของเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ผมกับพี่มันหันหน้าคนละทาง ผมหันหน้าเข้าแม่น้ำส่วนพี่เขาหันหน้าออกถนน

    “ไหล่เด็กพยับหมอกคนนี้ไม่คิดราคานะครับ ถ้าไม่สบายใจเรียกใช้บริการผมได้”


    ผมอมยิ้มกับน้ำคำของเด็กพยับหมอกคนเสี่ยว! แต่สำหรับผมไม่ว่าจะเสี่ยวแค่ไหนผมก็รับได้นะ ไม่รีรอที่จะต้องคิดอะไรอีกต่อไปผมเอนหัวลงซบไหล่พี่บีแบบไม่กั๊กก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง


    “รับจ้างทั่วราชฯหรือเปล่า”

    “ไม่ครับ” พี่มันตอบทันควัน “ผมเปิดรับบริการเฉพาะคนๆเดียวครับ”






     

    พี่บีทำผมอมยิ้มได้อีกแล้ว...






     

    “ขอบคุณนะครับ”


    ประโยคสุดท้ายที่ผมบอกและกลายเป็นว่าต่างคนต่างเงียบครับ ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมกับพี่มันยืนอยู่ในท่าแบบนั้น ไอ้ตัวผมน่ะไม่เมื่อยหรอกแต่สำหรับพี่บีคงจะล้าพอสมควรเลยล่ะครับ ผมค่อยๆเอียงหัวขึ้นก่อนจะเอาคางเกยไว้ที่ต้นแขนพี่มันเชิงอ้อนๆ พี่บีหันมามองผมก่อนเราจะยิ้มให้กันเล็กน้อยแล้วผมก็พลิกตัวหันหน้าออกถนนพลางทิ้งสะโพกลงกับขอบสะพานในท่าเดียวกันกับพี่เขา


    “พี่บี...”

    “ครับ?”

    “เล่าให้ฟังได้ไหม” ผมเอ่ยเว้นระยะก่อนจะชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าควรจะถามต่อดีไหม “เรื่อง...พี่จิน”







     

    ผมรู้ว่ามันเรื่องส่วนตัวแต่ผมก็แค่...







     

    “แม่พี่กับแม่จินรู้จักกันตั้งแต่เรียนน่ะ” พี่บีเล่าออกมาโดยไม่อิดออด “เพราะแบบนั้นเพื่อนสำคัญสำหรับพี่ก็คือไอ้จิน ตั้งแต่เด็กจนโตก็เล่นด้วยกันมาตลอด แม่พี่เขารู้...”

    “...”

    “รู้ว่าพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง” ผมตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเรื่องนี้ ถึงจะพอเดาเรื่องพี่จินออกก็เถอะแต่พอได้ยินก็ยังแปลกใจไม่ได้อยู่ดี ไม่เห็นเหมือนครอบครัวผม...ที่ผม...ต้องปิดบังมันไว้...

    “ก็เลยสนับสนุนพี่จินสินะครับ”

    “ตอนแรกก็ไม่หรอก”

    “เห?”

    “แหม...พ่อแม่ที่ไหนจะรับเรื่องแบบนี้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกกันได้ล่ะ” พี่บีหันมายิ้มกับผมน้อยๆ ผมเดาว่ากว่าจะผ่านช่วงนั้นมาคงยากลำบากน่าดู “สัญชาตญาณของพ่อแม่เขาก็อยากอุ้มหลานอยู่แล้ว แม่พี่ร้องไห้ทุกวัน พี่เองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง พี่เอง...ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”

    “นั่นสิครับ...” พอพูดเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจเหมือนกันแหะ

    “พี่บอกแม่ว่าพี่มีหลานให้ได้นะ” แน่ะ! เรื่องแบบนั้นล่ะถนัดเลยสินะอิพี่บี!!! “แต่พี่ก็บอกท่านไปว่าพี่คงดูแลผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เพราะงั้นถ้าทำเขาท้องแล้วไม่ดูแลให้ดีมันก็เป็นเรื่องบาปใช่ไหมล่ะ”

    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -)

    “แม่พี่ก็เลยยอม” ดีเนอะ ครอบครัวพี่บี พอรู้แล้วหันมามองตัวเอง สำหรับครอบครัวผมไม่มีทางให้มันจบลงแบบนี้หรอกครับ “แต่จู่ๆก็มาดันไอ้จินให้พี่ซะงั้น”

    “ก็พี่จินออกจะน่ารักขนาดนั้น”

    “น่ารักแล้วไงอ่ะ?”

    “ก็แหม...”

    “ระดับความน่ารักของแต่ละคนไม่เท่ากันหรอกนะ ความน่ารักของไอ้จินสำหรับพี่มันก็มีแค่ในระดับเพื่อนเท่านั้นแหละ ถ้าพี่คิดจะชอบไอ้จินจริงๆ พี่ไม่ปล่อยมันให้โตมาขนาดนี้หรอก”

    (- . -    !) ความคิดนี่นะ”

    “พี่พูดเรื่องจริง”

    “แต่ดูแม่พี่จะรักพี่จินมากกกกกกกก~~ มากๆๆๆเลยนะครับ” พอผมพูดจบพี่มันก็เอาแต่ขำก่อนจะโยกหัวผมไปมา “ผมพูดจริงนะ ก็ดูดิ่ คะแนนผมนี่เทียบเท่ามด คะแนนนิยมของพี่จินนี่อย่างกับช้างแน่ะ” ผมทำมือไปด้วยก่อนจะโดนพี่มันคว้าไปจับไว้แน่น

    “สนใจคะแนนแม่ทำไม...” แหม~ ไม่ให้สนใจได้ไงล่ะ “แม้ว่าจะติดลบสำหรับแม่ แต่ยองแจได้คะแนนแบบอินฟินิตี้จากพี่เลยนะครับ!” ว่าพร้อมขยิบตา






     

    โอ้ยยยยยยย!!!! เอาไปเก็บครับ เอาไปเก็บ!!!! ผมจะละลายอยู่แล้วววว~ (./////.)












     

     





     

     

     

     
     

    “เฮ้ย! ใช้ประแจสิ่ห่า!

    “เดี๋ยวมึง ไขควงเบอร์แปดกูวางไว้แถวนี้ใครแม่ งฉกกูไปอีกละ อย่าให้กูรู้นะสาดดด”


    และภาษาช่างอีกมากมายก่ายกองที่ดังระงมไปหมด ผมกับแบมแบมยืนมองภาพเด็กพยับหมอกในชุดลำลองที่โคตรจะแมน เสื้อยืดเน้นสีเข้มกับกางเกงยีนขาดเข่าแบบสายร๊อค (.____.) หนุ่มๆพกเสื้อชอปมาด้วยเพราะต้องใช้ถ่ายรูปตอนงานเสร็จแต่ทว่าในระหว่างทำงานแต่ละคนก็หามุมแขวนเสื้อชอปของตัวเอง บ้างก็พาดไว้กับกิ่งไม้ บ้างก็พาดไว้กับพนักเก้าอี้บ้างล่ะ


    “ยองแจ”

    “ครับ”

    “มานี่หน่อย” ผมวิ่งเข้าไปหาพี่บีก่อนพี่มันจะพาดเสื้อชอปมันลงบนบ่าของผม “พี่ฝากหน่อยนะ”

    “ได้ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเอาเสื้อมาคล้องไว้ตรงแขนแทนกลัวว่าพาดบ่าไว้เดี๋ยวหล่นหายไปจะแย่เอา วันนี้ผมกับแบมเป็นตากล้องจำเป็นฮะ ผมกำลังจะเดินไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแต่จู่ๆพี่มันก็ดึงผมไว้

    “ให้ใส่ไม่ได้ให้คล้องไว้”

    “ส...ใส่หรอ?” เอ่อ...แบบนั้นมัน... จะทำได้ไงพี่จินก็มาด้วยนะวันนี้ ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็ปัญหาอีกอ่า~

    “ทำไมอ่ะ อ้วนขึ้นหรือไง? ตอนเจอกันครั้งแรกยังใส่เสื้อพี่ได้อยู่เลย”

    “พี่บี! ผมฟาดให้อย่างแรงเล่นเอาคนพี่หน้าเหยเกเลย

    “ใส่ไปเถอะหน่า~ อย่าดื้อได้ป่ะไม้แขวนส่วนตัว!” พี่บีอมยิ้มน้อยๆก่อนจะขยี้หัวผมเชิงแกล้งแล้วเขาก็เดินไปซ่อมรถทันที ไม่รอให้ผมได้อิดออดอีกเลย ผมมองสายตาพี่จินที่มองมายังผมก่อนจะหลบตาเล็กน้อย ไอ้พี่บ้า! ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอไงแว๊~!!

    “วันนี้ไอ้พี่ดำทำดีมาก!” แบมแบมมันเดินเข้ามาหาผมแล้วก็ยกนิ้วโป้งให้อย่างยกย่อง

    “ดีห่าไร เผื่อแม่พี่บีมากูไม่ตายห่าเลยไงล่ะ”

    “กูมีทางออก”

    “ทำไงวะ”

    “มึงก็ถอดแล้วให้พี่จินใส่แทนไง” อิแบม! มันกวนตีนผมครับ “ไงล่ะ นี่ทางออกที่ดีที่สุดแล้วนะครับ” ดูหน้าตามันกวนประสาทผมชะมัดเลย ผมเลยด่าแบบไม่ออกเสียงว่า....เล่นเอาไอ้แบมถึงกับอ้าปากค้างก่อนมันจะมาวิ่งไล่เตะผมเลยครับ ฮ่าๆๆๆ สม!

    “ไอ้เชี่ยแจ! มึงแจก กล้วย กูแต่เช้าเลยนะ”


    ยิ่งเริ่มสายชาวบ้านก็ทยอยเอารถมาให้ช่างหนุ่มจำเป็นซ่อมกันหลายคิว ไม่ว่าจะรถใหญ่ รถเล็กรวมไปถึงจักรยานเด็กพยับหมอกก็ไม่เกี่ยงงอนกันเลยครับ ผมกับแบมแบมเองก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องเช่นกัน ผมเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหลายมุมเลยครับ






     

    แช๊ะ!






     

    ผมลั่นชัตเตอร์ก่อนจะกดเช็คเพื่อดูความสวยงาม เมื่อเห็นรูปในภาพก็ต้องถึงกับเงยหน้าภาพแห่งความเป็นจริงแทน พี่จินที่นั่งยองๆกับพี่บีที่นอนอยู่ใต้ท้องรถนั่นกำลังคุยกันอย่างออกรส แม้ว่าพี่จินจะซ่อมรถไม่เป็นแต่พี่เขาก็คอยช่วยหยิบช่วยจับไม่ห่าง


    โปรแกรมบนหน้าจอขึ้นว่า คุณต้องการลบภาพ ทันทีเมื่อผมกดปุ่มที่เป็นรูปถังขยะ แน่นอนว่าผมกดตกลงอย่างไม่ลังตอนนี้ผมรู้สึกเริ่มจะหงุดหงิดแล้วครับ ผมเริ่มจะเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแล้วใช่ไหม? แต่ให้ทำยังไงในเมื่อผมเป็นช่างภาพ ผมต้องคัดกรองภาพเป็นอย่างดีอยู่แล้วครับ ในเมื่อภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานเราไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ใช่ไหมล่ะครับ


    “แจ...น้องแจ...”

    (>__,<)

    “น้องยองแจ...ยองแจ!!

    “ค...ครับ! ผมรู้สึกตัวเมื่อรับรู้ถึงแรงเขย่าเบาๆที่ต้นแขน อ...อ่าว! พี่จิน มาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะครับ แล้วเมื่อกี้เห็นว่าเราทำการชั่วร้ายหรือเปล่านะ ผมลดมองกล้องในมือก่อนจะอมยิ้มเจื่อนๆส่งไปให้

    “เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเรานั่งยิ้มอยู่คนเดียว?”

    (.   .  ‘’)(‘’  .   .)(.   .  ‘’)(‘’  .   .) ผมส่ายหน้ารัว “พี่จินมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?”

    “อ๋อ~ พี่จะมาเรียกให้เราไปสอนเด็กๆได้แล้วล่ะ ส่วนหน้าที่ถ่ายรูปเดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง (^__^)” พี่จินว่าพลางพร้อมกับแบมืออกมา ผมส่งกล้องให้พี่เขาก่อนจะเดินไปอีกทาง


    ห้องเรียนธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณซ่อมรถเท่าไหร่นั่นคือที่ที่ผมต้องไปสอน ผมสอดส่องสายหาเพื่อนรักไม่รู้ว่าตอนนี้ไปป่วนอยู่โซนไหน ตอนแรกยังทะเลาะอยู่กับพี่มาร์คแจ้วๆอยู่เลย ไม่ใช่แอบไปหลับแล้วหรอ? สุดท้ายผมก็ต้องย่นหัวคิ้วก่อนจะเพ่งสายตาไปยังเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงบริเวณถังน้ำแข็ง







     

    แบมแบมกำลังโน้มตัวหยิบน้ำดื่มที่บรรจุอยู่ในแก้วพร้อมดื่มที่อยู่ในถังน้ำแข็ง






     

    “ไม่คิดว่าคุณหนูอย่างมึงจะใจกว้างเหมือนกันนะ” ผมอมยิ้มกับภาพที่ไอ้แสบกำลังเรียงแก้วน้ำพลาสติกลงในถาดพลางหยิบหลอดขึ้นมานับอย่างจดจ่อ ไม่อยากกวนและไม่อยากแซวครับ เดี๋ยวมันเขินไม่ทำขึ้นมาก็ลำบากคนอื่นกันพอดี ผมเลยตัดสินใจเดินผ่านไปแบบเงียบๆดีกว่า












     

     





     

     

     

     

    “ครบแล้วมั้ง นับมาแม่ งจะสิบรอบละ (.____.**)” แบมแบมบ่นกับตัวเอง เจ้าตัวไม่แน่ใจเรื่องจำนวนคนว่าพอกับน้ำในถาดหรือไม่ แต่จริงๆแล้วมันไม่พอหรอกจะให้เขายกน้ำจำนวนกว่าสามสิบแก้วในคราวเดียวได้อย่างไร ยังไงก็ต้องกลับมายกอีกรอบอยู่ดีนั่นแหละ


    ร่างเพรียวเดินยกถาดน้ำออกมาจากบริเวณดังกล่าวและเจ้าตัวเล็กจะต้องเดินผ่านห้องสมุดที่เด็กปีสองของพยับหมอกรวมตัวกันอยู่ในนั้นบางส่วนเพื่อปรับปรุงซ่อมแซม และบางส่วนที่ว่านั้นมียุคอดีตแฟนของแบมแบมรวมอยู่ในนั้นด้วย ตากลมเสไปมองก่อนจะถอนหายใจ






     

    จะเดินเลยไปก็ดูไร้น้ำใจไปหน่อย...






     

    ผมเดินเข้าไปใกล้ๆบริเวณห้องสมุดก่อนจะวางถาดน้ำลงพร้อมกับชะโงกหน้าไปด้านในเล็กน้อย ผมหยิบแก้วน้ำสองใบแล้วก็เดินเก้ๆกังๆเข้าไปด้านใน กลิ่นสีที่ถูกผสมไว้ในถังนั่นมันส่งกลิ่นรบกวนทางเดินหายใจพอควรจนผมต้องยกหลังมือขึ้นมาปิดเลย ไอ้พวกนี้ทนกลิ่นแบบนี้ได้ยังไงนะ ไหนจะฝุ่นที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศราวกับเป็นปราสาทฝุ่นก็ไม่ปาน (=____=;;;;)


    “อ่ะ น้ำ”

    “ขอบคุณคร้าบบบ~~” เสียงขอบคุณดังระงมไปหมด ผมไล่แจกไปเรื่อยๆ พอหมดก็เดินออกไปหยิบในถาดมาแจกใหม่ จนกระทั่งคนสุดท้ายที่ผมต้องแจกคือ...เขา

    “อ่ะ ดื่มน้ำซะก่อนสิ่” ผมให้ยุคโดนไม่คิดจะมองเขาเลยสักนิด พอยุครับไปผมก็หันหลังก้มหน้าก้มตาเดินทันที






     

    แคว๊กกกกก!!






     

    “โอ้ย! เชี่ยเอ้ยยย!!” ผมเบ้หน้าก่อนจะบิดแขนเพื่อดูต้นแขนบริเวณท้องแขนที่ดันไปเกี่ยวกับตะปูที่ยื่นออกมาตรงวงกบของประตู รอยนูนแดงผุดขึ้นแบบไม่ต้องรีรอ ไหนจะเลือดซิบๆที่ออกมาอีก ห่าเอ้ย!!! เรื่องบ้าไรหนักหนาวะเนี่ยยย!!!

    “แบมเป็นไรไหม?” ยุควิ่งเข้ามาถามผม

    “ไม่ๆ ไม่เป็นไร” ผมโบกไม้โบกมือเชิงปรามว่าไม่ต้องมายุ่ง “เราไปนะ” หมับ! แต่ไอ้ยุคจอมดื้อมันไม่ยอมปล่อยผมไปสิครับ เจ้านั่นทำหน้าดุก่อนจะพลิกตัวผมเพื่อดูรอยแผล

    “เป็นแบบนี้จะปล่อยให้ไปง่ายๆได้ยังไง”

    “ไม่ตายหรอกน่ะ” ผมพูดกระชากเสียง ตอนนี้เริ่มคิดว่าไอ้ตัวใหญ่เริ่มยุ่มย่ามกับผมมากเกินไปแล้ว “แผลแค่นี้ไกลหัวใจ ปล่อยได้แล้วน่ะยุค เราต้องไปแจกน้ำต่อนะ” ผมเงยมองหน้าอีกคนเชิงให้ปล่อยต้นแขนผมแต่เหมือนเขาจะไม่ใส่ใจมันเลยเนี่ยสิ

    “ทำไม...พี่มาร์ครอน้ำจากแบมอยู่หรอ?”

    “...” สัดยุค! ม...มึงอย่ามาพูดแบบนี้นะว๊อยยยยยยยยยยยย!!!! อย่ามาทำหน้าตาเหมือนหมาไม่ได้รับความรักจากเจ้าของได้ป่ะ เนี่ย...แล้วกูก็รู้สึกผิดไง (=__=’)

    “ที่บอกว่าปล่อยไม่ได้เพราะเสื้อแบมขาดต่างหากล่ะ รออยู่ตรงนี้แป๊บนะ”







     

    ส...เสื้อขาด....? ว๊อท!?







     

    ผมนี่เอี้ยวตัวดูตรงบริเวณสีข้างทางด้านหลังก่อนจะต้องตาโต ตายห่า!! เสื้อผมขาดเป็นทางยาวขึ้นมาทำให้เนื้อหนังมังสาผมนี่โผล่หมดละ (_  _;) ตายๆๆตายแล้ว ผมรีบคว้ารอยขาดของเสื้อเขามารวมกันไว้แทบไม่ทัน ว่าแล้วว่าเสียงขาดเมื่อกี้มันมาจากไหน โถ่~ ที่แท้ก็เสื้อผมนี่เอง


    “อ้ะ!” เสื้อชอปตัวใหญ่สีเข้มถูกคลุมลงบนไหล่ของผม แบบ...แบบนี้มัน... “เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่ายุค” ผมทำท่าจะคืนเสื้อแต่ไอ้ตัวโตกลับดันมือผมไว้

    “ใส่ไว้เถอะ เสื้อที่สะอาดตอนนี้ของเราก็มีแค่ตัวนี้อ่ะ”


    เถียงกันนานสองนานสุดท้ายผมก็ต้องใส่เสื้อชอปของยุคออกมาจนได้ ตลอดการเดินแจกน้ำของผมเต็มไปด้วยสายตาที่จับจ้องมา เออ!! สงสัยหรอกูรู้ว่าสงสัยกัน แต่ไม่ต้องมองกันจนรู้ตัวขนาดนี้ได้ป่ะวะ โอ้ยแม่ งเอ้ย!!! ผมโคตรเกร็งอ่ะพูดเลย น้ำนี่ก็ยังไม่หมดซะที เดี๋ยวหมดรอบนี้จะเลิกแจกแล้วครับ ใครหิวให้แม่ งเดินไปหยิบเอง! (T___T)


    “อ่าว~ น้องแบมแบมไปเอาเสื้อใครมาใส่ครับนั่น” ทัก...ทักกูทำไมไอ้พี่แจ็ค “นี่มัน...เสื้อไอ้ยุ....อื้อ!” ผมจัดการเจาะน้ำก่อนจะยื่นเข้าไปในปากไอ้พี่แจ็คทันที พูดมากเหลือเกินนนนน

    “กินน้ำนะพี่” ผมยิ้มให้หนึ่งทีก่อนจะเดินไปจกคนอื่นๆต่อ






     

    ผมต้องเร่งแจกก่อนพี่มาร์คจะมา






     

    ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องไม่อยากเจอพี่มาร์คตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่อยากอธิบายเรื่องเสื้อนี่มากด้วยล่ะมั้ง ดีนะที่พี่มันไม่ได้อยู่แถวนี้ไม่งั้น...


    “หิวน้ำๆๆๆๆๆ” (O__o;;;;) หื้มมมมมม ไอ้นี่พอคิดล่ะก็โผล่หน้ามาเลยนะ ไอ้เดือนหน้าขาว!!!


    ผมได้ยินเสียงมันบ่นอยู่ข้างหลัง ทำไงดีวะ!? เหลือบมองถาดน้ำในมือก็เหลือแก้วสุดท้ายเสียด้วย เอาไงดีที่จะไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับพี่มันตอนนี้ ติดสินใจเจาะน้ำดูดแม่ม!!! หมด!! หมดแล้วหมด ไม่เหลือให้แจกแล้วว๊อย!! ผมนี่รีบเดินหนีเลยแต่จู่ๆเสียงพี่มาร์คก็ดังเรียกผมซะก่อน


    “น้องๆ” คาดว่าจะจำไม่ได้มั้งเพราะด้วยความที่ไกลและผมใส่เสื้อชอปอยู่ด้วย “เฮ้ย! มึงอ่ะ จะรีบไปไหนก็บอกว่าหิวน้ำไง” เถื่อนมากกกกกกกกกกก ไอ้บ้า!!! ผมนี่ไม่ฟังอ่ะรีบจ้ำอย่างเดียว

    “อ๊ากกกกกกกกกกก” ผมนี่แหกปากร้องเลยครับพอโดนกระชากคอเสื้อจากทางด้านหลัง โหยย~ พ่อแม่ มึงเวลาเรียกกันมึงเรียกกันแบบนี้หรอวะครับ ไอ้พวกคนป่าาาาาา~~~~

    “อ่าว! แบมเองหรอ?”

    “แฮ่~

    “ทำไมแต่งตัวแบบนี้อ่ะ?” แหม...เห็นกูเป็นนักเรียนหรอ ถามกูจังเลยเนี่ย “เสื้อไอ้ยุค...” เออ เออออออ เสื้อน้องรหัสคุณพี่มึงอ่ะครับ

    “...”

    “ทำไมถึง....”

    “ก็เสื้อขาดอ่ะ เนี่ย! เห็นป่ะ เห็นม๊ะว่าเสื้อขาด! ไม่รอให้ถามผมชิงตัดบทพร้อมกับโชว์รอยเสื้อก่อนเลยครับ พี่มาร์คทำหน้านิ่งๆไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนเหมือนกัน ผมเดาทางไอ้หน้าขาวไม่ออกเลย “ยุคก็เลย...”

    “ถอด”

    “ห๊ะ?”

    “จะถอดเองหรือว่าให้พี่ถอดให้?”


    เสียงแม่ งโคตรนิ่ง! (T_______T) ผมนี่รีบถอดเสื้อแทบไม่ทันเลยครับก่อนพี่มาร์คจะยื่นมือออกมาขอเสื้อตัวดังกล่าว พี่มาร์คถอดเสื้อยีนส์ของเขาออกพร้อมกับคลุมหัวผมไว้แบบกวนประสาท ผมนี่ดึงออกมาแทบไม่ทัน หัวยุ่งไปหมดแล้วเนี่ย พี่แม่ งเล่นไรวะ ผมยู่หน้าก่อนจะจัดผมให้เข้าทรง


    “เปื้อนหน่อยแต่ใส่ได้ใช่ป่ะ” เคยเจอไหมครับคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบน่ะฮะ มันเป็นแบบนั้น ไม่รู้ว่าพี่มันจะถามผมทำไม ถ้าตอบไปว่าไม่ได้ก็เป็นเรื่องใช่ป่ะล่ะ? (-___-)







     

    จ่ะ...เอาที่พี่สบายใจเลยจ่ะพี่มาร์ค!!






     

    “แล้วทีหลังมีอะไรมาบอกพี่ ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นเขา”







     

    เดี๋ยวๆ คือต้องเดินโชว์เนื้อมาหาคุณมึงก่อนงั้นสิ!?






     

    “ที่พูดเนี่ยเข้าใจไหม!

    “เอออ รู้แล้วหน่า~” สุดท้ายก็ได้แต่เถียงอยู่ในใจ






     

    ผมกลายเป็นคนกลัวไอ้พี่มาร์คไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ฮึ่ม!!! (-  -   )












     

     





     

     

     

     

    ชายหนุ่มเหลือบสายตามองเพื่อนรักที่กำลังถ่ายรูปอย่างขะมักเขม้นพร้อมกับปลีกตัวออกมา มือใหญ่ปัดร่างกายตัวเองเพื่อกำจัดฝุ่นออกก่อนจะกำหนดจุดหมายคือห้องเรียนธรรมชาติ ตอนนี้เนื้อตัวเขามอมแมมอย่างกับลูกหมาไปเล่นน้ำมันมาก็ไม่ปานแต่ใจก็อดจะเห็นคุณครูจำเป็นสอนเด็กๆไม่ได้





     

    ยองแจจะน่ารักแค่ไหนนะเมื่ออยู่กับเด็กๆ






     

    แค่คิดร่างสูงก็อดจะระบายยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่นานนักเขาก็มาถึงห้องเรียนภาพที่เห็นไม่ต่างไปจากความคิดของเขาเท่าไหร่ เด็กๆดูจะรักยองแจมาก เดี๋ยวคนนั้นก็วิ่งไปหา เดี๋ยวคนนี้ก็วิ่งไปอ้อน รอบตัวของเจ้าตัวกลมต่างแดนมีแต่เด็กๆออเต็มไปหมด


    “โอเคๆ เดี๋ยวนั่งที่ก่อนนะทุกคน เดี๋ยวพี่จะถามแล้วใครตอบถูกเอาขนมไปเลยดีไหม?”


    บียืนมองอยู่สักครู่ การเรียนการสอนที่ยองแจเตรียมตัวมาเองมันก็ดูสนุกดีสำหรับเด็กๆอีกทั้งยังมีขนมมาล่อตาล่อใจเด็กๆให้สนใจในการเรียนครั้งนี้อีกด้วย แม้ว่ามันจะเป็นบทเรียนที่ดูไม่ค่อยจะจริงจังเท่าไหร่ส่วนใหญ่เน้นไปทางเล่นกับเด็กๆมากกว่า


    "ไหนๆ เมื่อกี้พี่สอนไปแล้ว คำว่า ฉันรักคุณ ในภาษาเกาหลีพูดว่าไงนะครับ?"

    “ป๋ม!!

    “โป๋มมมมตอบบบได้ ป๋มๆๆๆ”


    และอีกมากมายหลายป๋มที่พากันยกมือกันเป็นระวิง สงสัยคำถามรอบนี้ยองแจจะต้องเสียขนมจนหมดตัวเลยล่ะมั้ง บีเลื่อนจากยื่นมองเป็นการเดินเข้าไปนั่งในห้องเรียนซะเลย


    “ผมก็ตอบได้ครับครู”







     

     ทุกสายตาจดจ้องไปยังนักเรียนใหม่ท้ายห้อง







     

    사랑해 (ซารางเฮ)” โคตรเน้น โคตรหยอด และโคตรย้อย!!!! พูดเลย!!!!


    หลังจากเด็กๆโดนแย่งคำตอบไปคุณครูยองแจเลยต้องแจกขนมแบบชนิดหมดเนื้อหมดตัวเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย เพราะเจ้าตัวจิ๋วทั้งหลายงอแงที่ไอ้เด็กโข่งตัวดำแย่งคำตอบของพวกเขาไป


    “เกือบจะโดนเด็กฆ่าแล้วไหมล่ะพี่บีอ่ะ!” หลังจากปล่อยเด็กๆให้ไปเล่นตามสบาย ผมก็หันไปคุยกับพี่บีทันที

    “ฮ่าๆ มันไม่กล้ากับพี่หรอก” โหดเหลือเกินพ่อคู๊ณณณณณ~~~

    “เก่งจังนะ!” ผมตีไปที่ไหล่พี่บีเบาๆ “แล้วนี่งานเสร็จแล้วหรอครับ?”

    (-  -   )(   -  -)(-  -   )(   -  -)” พี่บีส่ายหน้าทำเอาผมต้องร้องอ้าวทันที “อยากอู้ เลยมาหาแฟนดีกว่า”

    “ชิ!” ผมได้แต่ยู่หน้าใส่พี่มัน คนอะไรมาทำอ้อนอีกแล้ว ต้องการอะไรเนี่ย “เหนื่อยหรอครับ ถึงได้มางอแงใส่ผมแบบนี้อ่ะ~” ผมยื่นมือไปปัดฝุ่นบนตัวพี่เขาออกเบาๆก่อนจะโดนพี่มันจับมือไว้หลวมๆ

    “ยองแจ...”

    “ครับ?”

    “อึ้ย~~~~!!!! พี่บี!! ทำอะไรเนี่ยยย” ผมโวยวายก่อนจะสะบัดมือพี่มันออก ดูดู๊! ดูเขาทำ!! พี่บีเอานิ้วที่เปื้อนน้ำมันมาลูบแก้มผม เปื้อนสิครับงานนี้!! โอ้ยยยยย “มันเปื้อนเห็นไหม พี่บีเล่นไรเนี่ยยยยยย~” ผมบ่นกระป่อดประแป่ดตามประสาก่อนจะอมลมเข้าแก้มเต็มที่

    “ฮ่าๆๆ เฮ้ย อย่าเช็ดนะเดี๋ยวเลอะไปใหญ่” พี่บีดึงแขนผมไว้ไม่ให้เช็ดอีก

    “เนี่ย เลอะเทอะไหมล่ะ โถ่~ พี่บีง่ะะะ!!!!

    “ฮ่าๆๆๆ” ขำ ยังจะมาขำ น่าตบให้พุ่งจริงๆ แฟนใคร!!

    “พี่บี ผมไม่ขำด้วยนะจะบอกให้! แกล้งผมทำไม เครียดหรอครับซ่อมรถอ่ะห๊า????” ไอ้คนโตกว่ายิ่งเห็นผมโวยวายก็ยิ่งสนุกสนานครับ สงสัยพี่มันจะเครียดของจริง (=___=) “เห็นผมเป็นที่ระบายหรอคุณบี? แล้วนี่มันจะล้างออกไหมล่ะ???” ผมได้แต่พูดแบบงอนๆแถมเขวี้ยงค้อนวงใหญ่ตบท้ายให้อีกทีครับ






     

    เดี๋ยวๆ แล้วไอ้พี่บีจะทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ทำไมวะ?





     

    “ถ้ายองแจล้างเองไม่ออก...เดี๋ยวพี่มีบริการล้างฟรีแบบถึงเนื้อถึงตัวเลยครับ(?)”










     

    บีสายหื่นมาเอง!!!!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สลบแป๊บ!

     
     
     
     









     

    to be continued.









     

    #ฟยบ

    จริงๆจะลงตั้งแต่วันอาทิตย์ละจ้า แต่พอดีเค้าป่วย
    วันนี้อู้งานเลยมาลงให้ : )) ยังไงก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ จุ๊บๆ

    im'choi

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×