ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] [Mpreg] Royal Gentlemen #สุภาพบุรุษมบ (MarkBam)

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 24 ❁ ห่วงหา 100% ❁

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.4K
      824
      13 ก.ค. 63

    ตอนที่ 24





    เสียงขมิ้นน้อยพร้อมแสงแดดรอดผ่านม่านสีขาวเข้ามา ร่างเล็กที่ยังนอนอุดอู้อยู่บนเตียงถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นหอมของบางสิ่ง ดวงตากลมลืมขึ้นมาเพราะนอนตะแคงกอดหมอนข้างอยู่จึงเห็นว่าตรงหน้ามีบุรุษร่างสูงนั่งอยู่ข้างเตียง ท่านชายมาร์คสวมชุดของนักบินสีเขียวเข้ม โดยที่ข้างตัวมีโต๊ะเคลื่อนที่ โดยบนโต๊ะนั้นมีโจ๊กหมูใส่ไข่และของว่างเป็นแอปเปิ้ลกับน้ำส้มคั้น

    ตื่นมาก็มีของอร่อยขึ้นมาเสิร์ฟเลยเหรอเนี่ย

    ฟอด!

    แก้มกลมถูกขโมยหอมแต่เช้าตรู่ แต่ถึงอย่างนั้นคุณชายแบมแบมก็ยินยอมให้โจรในชุดทหารอากาศพร้อมบินทำตามใจตนเองไป

    “ลุกขึ้นมาทานข้าวก่อนนะคะ”

    “พี่ชายมาร์คตื่นเช้าจังเลยครับ” คุณแบมเอ่ยถาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงเพื่อทานอาหารเช้าที่สามีเตรียมมาให้อยู่ดี

    “พี่ไม่รู้ว่าคุณแบมจะทานได้ไหม แพ้หรือเปล่าคะแบบนี้” ท่านชายกล่าวถามอย่างประหม่า เพราะความจริงแล้วทุกอย่างนี้ทรงลงมือทำด้วยตัวเอง ผู้ชายห่าม ๆ คนหนึ่งตื่นเช้าเพื่อลงมือทำอาหารเพื่อคนที่ตัวเองรัก นั่นเพราะต้องการจะทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนสิ่งที่คนตัวเล็กมอบให้

    ในขณะเดียวกัน คุณชายแบมแบมเองก็รับรู้ว่านี่คงไม่ใช่อาหารจากแม่ครัวในวัง เพราะที่วังเทวะโรจนหิรัญมักตกแต่งจานอาหารสวยงามเสมอ บ้างก็มีของแกะสลักวางมาด้วย อย่างแอปเปิ้ลสดนี้ กว่าจะได้ทานก็ถูกดับแปลงไปเสียหมด แต่ภายใต้ความธรรมดา มันแฝงไปด้วยความใส่ใจของผู้ให้

    “ขอบคุณนะครับ อร่อยมากเลย” เมื่อตักโจ๊กไปหนึ่งคำ คุณแบมก็เงยหน้าตอบร่างสูงที่ยืนลุ้นอยู่ ทั้งหมดคือความจริงที่ออกมาจากใจคุณแบมทั้งนั้น ไม่อยากจะพูดดัง แต่ว่าโจ๊กที่ท่านชายทำมาให้อร่อยกว่าที่คุณแม่ครัวทำอีก นั่นเพราะคะแนนพิศวาสเต็ม ๆ

    ส่วนคนที่ถูกชมก็ยิ้มกว้างเบาใจขึ้นมาก อย่างน้อย ๆ ฝีมือการทำอาหารของเขาก็ยังพอใช้ได้อยู่ ถึงแม้จะทำได้ไม่กี่อย่างก็ตาม

    คุณแบมคิดว่าตัวเองนั้นโชคดีไม่รู้รอบที่เท่าไหร่หลังจากที่แต่งงานกันมา ท่านชายมาร์คใส่ใจเขาเสมอ กลัวเหลือเกินว่าแต้มบุญของคุณแบมจะหมดแล้วในชาตินี้

    “น้องแบมมีเรียนตอนบ่าย แต่พี่ต้องไปทำงานตอนเช้าคงไม่ได้ไปส่ง ต้องดูแลตัวเองดีดีนะคะ หากมีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ให้รีบโทรหาพี่ทันที พี่จะกำมือถือไว้ตลอด”

    ท่านชายร่ายยาว แสดงถึงสีหน้าแน่วแน่จนคุณแบมหลุดขำในความโอเว่อร์ของว่าที่คุณพ่อ

    “ครับ เข้าใจแล้ว”

    “เด็กดี”

    เมื่อได้ยินน้องรับปาก ท่านชายจึงเบาใจขึ้นอีกเปราะ สุดท้ายจึงยอมผละออกไปเพื่อไปทำงาน แต่ก็ไม่วายจุมพิตหนึ่งครั้งที่ริมฝีปากบาง ทำเอาคุณแบมแทบสำลักข้าวออกมาเพราะไม่ทันตั้งตัว

    พี่ชายมาร์คนี่ชอบทำอะไรตอนคุณแบมเผลอทุกทีเลย!

     

    อัญมณีล้ำค่าที่สุดในแคว้น คงไม่มีใครไม่รู้จักหยกสีโลหิต ซึ่งมันมีมากมายนับสิบฝังตัวที่ชั้นหิน คุณชายกลางของวังภูวกุลรู้สึกตะลึงกับสิ่งตรงหน้า เพราะนี่คือหยกธรรมชาติสำหรับคนคลั่งแร่อย่างเขา

    หลายอาทิตย์ที่ยังคงสำรวจอยู่ในสถานที่แห่งนี้ล้วนมีแต่เรื่องสนุก เหมืองขนาดใหญ่แห่งนี้เต็มไปด้วยหยกทสีโลหิตเม็ดงาม นอกเหนือจากนั้นยังมีหยกชนิดอื่นอีก คุณชายแจนสามารถอยู่ที่เหมืองแห่งนี้ได้ตั้งแต่เช้าจนพระอาทิตย์ตกดิน

    แต่นอกจากคุณชายหน้าหมวยและบรรดานักศึกษาที่เหลือแล้ว นายทหารโปร่งอย่าง ร.อ.แจ็คสันก็ต้องเข้ามาอารักษ์ขาด้วย กาลเวลาที่ผ่านมามีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป ระหว่างห่างระหว่างคุณชายแจนและเรือเอกแจ็คสันยิ่งน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครจับอาการผิดปกติของทั้งคู่ได้

    “คุณชายควรรีบเก็บของ พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว” เสียงทุ้มเข้มของแจ็คสันดังขึ้นมา จึงทำให้คุณชายหน้ามวยหันไปมองพลางฉีกยิ้มให้เช่นทุกครั้ง

    แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับมีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งเก๊กขรึมแทน ร.อ.แจ็คสันมักเป็นเช่นนี้เสมอ แต่เชื่อเถอะว่าภายใต้ใบหน้าเก๊กขรึมมีบางอย่างซ่อนอยู่

    ตอนนี้คนอื่น ๆ เริ่มที่จะเก็บของเตรียมตัวออกจากเหมืองกันแล้ว เราได้รับอนุญาตจากเจ้าของเหมืองเพื่อที่จะเข้ามาสำรวจ แต่ก็ไม่สามารถอยู่ได้ถึงตะวันตกดินเพราะคนงานดูแลเหมืองจะกลับบ้านกันหมด ด้วยเพราะความอันตรายที่ชายแดนจึงไม่สามารถทำงานกันตอนกลางคืนได้

    คุณชายแจนเองก็เห็นว่านั่นคือเรื่องสมควรจึงไม่ขัดอะไร ก้มลงเก็บสัมภาระลงกระเป๋าเป้ของตน เพราะตอนนี้ตัวเองกับแจ็คสันรั้งท้ายคนอื่นอยู่

    “เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว เราไม่อยากกลับเลย”

    ร่างบางกล่าวพลางเดินเคียงข้างเรืออากาศเอกเพื่อออกจากเหมืองถ้ำ คุณชายแจนรู้สึกสนิทใจกับแจ็คสันอยู่มาก ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัว และเขาไม่เคยคิดปิดบังต่อคนพี่เลย กลับกัน ท่าทีเฉยเมยของอีกฝ่ายนั้นอาจมองได้หลายแง่ แต่สำหรับคุณชายแจนที่เข้าใจผู้ชายแสนทึ่มคนนี้เป็นอย่างดี จึงทราบว่าแจ็คสันเองก็รู้สึกไม่ต่างจากตน

    ไม่อย่างนั้นคงไม่เฝ้าประกบแทบตลอดเวลาขนาดนี้

    “หากไม่กลับ คนที่วังคุณคงมาตาม” ร่างสูงกล่าวเสียงนิ่ง

    “ก็จริง โดยเฉพาะคุณแบม คงงอแงบ้านแตกแน่ ๆ” คนที่เป็นพี่กล่าวถึงน้องชายแล้วยิ้มตาม ไม่ได้เจอกันนานไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไร น้องชายจอมแสบของเขาที่ออกเย้าออกเรือนก่อนบรรดาพี่ ๆ ป่านนี้คงถูกท่านชายมาร์คตามใจจนเคยตัวเสียแล้วละมั้ง

    คุณชายแจนยิ้มละมุนยามคิดถึงน้องชาย ก่อนจะหันไปมองหน้าเรียบนิ่งของคนข้าง ๆ เรืออากาศเอกแจ็คสันเองก็เป็นสหายรักของท่านชายนี่นะ จะว่าไปคนทุกผู้ก็ต่างเกี่ยวพันกันหมดราวกับพรหมลิต ชายแจนมองอย่างนั้นเพราะเขาเฝ้าขีดเขียนเนื้อหาความรักของตนทุกวินาที

    ด้วยนิสัยที่เถรตรงจึงเปิดเผยทุกอย่างให้อีกฝ่ายรู้ว่ารู้สึกอย่างไร แม้แจ็คสันจะวางท่านิ่งกับตนแต่ใบหูที่แดงเสมอยามถูกหยอดยิ่งทำให้ชายแจนได้ใจ ผู้ชายห่าม ๆ มักปากแข็งและใช้การกระทำสื่อความรู้สึกมากกว่าคำพูด

    คิดอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเพลิน ๆ เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงจุดพักแรม สถานที่ตั้งแคมป์ของพวกเขา เหล่าสมาชิกนักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ต่างพาจัดการธุระส่วนตัว เพราะที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายอย่างโรงแรม เพราะเป็นกลางพงไพร แต่ถึงอย่างนั้นที่เหมืองก็มีห้องน้ำให้สำหรับเหล่าคนงานที่จะมาเฝ้าพักแรม ถึงแม้จะไม่ได้ดีเด่อะไรแต่ก็ยังดีกว่าไม่มี

    ชายแจนจัดการตัวเองจนเรียบร้อย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มาร่วมรับประทานอาหารกับคนอื่น ๆ เจ้าของเหมืองแห่งนี้มักจะเอาอาหารมาให้เหล่าบรรดาผู้สำรวจ อย่างที่รู้กันคือทางมหาวิทยาลัยนั้นจัดการเรื่องอาหารการกินไว้หมดแล้ว อีกอย่างคือเจ้าของเหมืองยังเป็นสหายของพี่แจ็คสันอีก นักสำรวจจึงไม่ลำบากอย่างที่คิด แถมยังติดใจไม่อยากกลับอีกต่างหาก

    “อื้อหือ วันนี้มีผัดเผ็ดป่าหรือครับ” คุณชายแจนกล่าวเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า เพราะเข้าป่าบ่อยอาหารป่าเช่นนี้จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ถือว่าเป็นของชอบเลยก็ว่าได้

    “สีดูเผ็ดน่าดู” ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของแว่นตาหนาเตอะเพื่อนร่วมรุ่นของคุณชายกล่าวพลางขยับแว่นตา

    “โธ่... ต้า ของแบบนี้ไม่ได้มีให้กินบ่อย ๆ นะ” คุณชายแจนกล่าวกับเพื่อนคนดังกล่าว

    “แล้วแต่คุณชายเลย แต่ปวดท้องขึ้นมาอย่าหาว่าเราไม่เตือน” เมื่อเห็นว่าเตือนแล้วอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ หนุ่มแว่นจึงไม่สนใจอีกปล่อยให้คุณชายหน้า หน้าหมวยทานดังใจอยาก 

    “ต้างอนแล้วคุณชายแจน รีบง้อเลยนะ” เพื่อนสาวที่นั่งถัดไปเอ่ยแซว ส่วนคนร่วมรุ่นที่เหลือก็ต่างพากันยิ้มกริ่มราวกับรู้อะไรบางอย่าง... บางอย่างที่เป็นสาเหตุให้คนถูกแซวอย่างต้าหูแดงเก็บอาการไม่อยู่

    ในขณะที่ชายแจนเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเพื่อนหมายถึงอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำเรื่องให้ใครเสียน้ำใจหรือบรรยากาศแย่ลง ทำตัวไม่รู้ใช่ว่าความจริงจะไม่รู้ แต่เพราะไม่อยากเสียเพื่อนต่างหาก

    ในขณะเดียวกัน คนที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดอีกมุมหนึ่งก็ใบหน้าเรียบตึงไอหมอกปกคลุมรอบข้าง แจ็คสันรอบประเมินหนุ่มแว่นคู่กรณีในบทสนทนาเงียบ ๆ ชายผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่ง ถึงแม้จะไม่ได้มีกล้ามเนื้อเฉกเช่นเขาที่เป็นทหาร ออกจะแนวคุณชายสุภาพนุ่มนวลเสียมากว่า แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่แม้แต่แว่นตาหนาก็ไม่อาจจะปกปิดไว้ได้ ดูแล้วอีกฝ่ายจะมีใจให้กับคุณชายแจนจริง ๆ

    “เออนี่ เราเคยได้ยินมาว่า แถวชายแดนแบ่งขั้วอำนาจกันอยู่ใช่ไหม พี่ ๆ พอจะรู้เรื่องนี้กันหรือเปล่า” คนหน้าหมวยกล่าวเบี่ยงเบนประเดนออกไป แสร้งทำเป็นหันไปถามเหล่านายทหารที่มาอารักษ์ขา ซึ่งคนที่ถูกถามก็ทำสีหน้าอึกอักเพราะเป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องของทหาร ไม่สามารถนำเผยแพร่กับผู้อื่นได้” เรืออากาศเอกผู้ที่มียศใหญ่สุดในบรรดาทุกคน ณ ที่แห่งนี้กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างเช่นเคย ในขณะที่คุณชายแจนก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดตาม สงสัยว่าเหตุใดต้องเป็นความลับด้วย

    แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว เรื่องอำนาจมันก็ไม่เข้าใครออกใคร คงจะเป็นเรื่องใหญ่ อีกฝ่ายถึงไม่ตอบ คุณชายแจนเองก็ไม่ได้เซ้าซี้เพิ่มเติม นั่งทานผัดเผ็ดต่อ

    แต่ในขณะนั้นเอง...


    ปัง!!!

    เสียงปืนดังกึกก้องพงไพร หัวใจดวงน้อยสั่นไหวคล้ายตกจากเหวสูง...



    เหล่านักศึกษาต่างตะโกนร้องอุทานออกมาอย่างเสียขวัญ ส่วนพลทหารกล้าที่มาอารักษ์ขาก็ล้อมวงกันพวกนักสำรวจเอาไว้ในทันควัน

    สถานการณ์คาดเดาไม่ได้ทำเอาคนที่ไม่คุ้นชินหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความกลัว ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยสักครั้ง ขณะเดียวกันคุณชายหน้าหมวยก็ถูกเรืออากาศเอกแจ็คสันกันตัวไว้ข้างกายราวกับว่าหากอยู่ไกลจะเป็นอันตราย ชายกลางแห่งวังภูวกุลจึงจ้องมองไปยังรอบตัวเพื่อหาต้นตอของเสียงปืนที่ว่าไปพลางเพื่อป้องกันตัวเอง

    “เกิดอะไรขึ้นครับพี่แจ็คสัน” คุณชายแจนเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าตน ทุกคนหาที่ซ้อนตัวเพื่อความปลอดภัยของตนเอง โดยมีเหล่าทหารอาหาศดูแลอีกที

    “ยังไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหน แต่ไม่ใช่ฝ่ายเราแน่ คุณหลบที่นี่ รอผมจัดการทุกอย่างเสร็จถึงออกมา เข้าใจไหม” แจ็คสันหันมาสั่งคนข้างหลังตัวเอง ตอนนี้เขาพาคุณชายและคนอื่น ๆ มาซ่อนตัวหลบอยู่ข้างโขดหินใหญ่ข้างเต็นท์ ซึ่งสามารถหลบสายตาของมุ่งร้ายได้โดยอาศัยความมืด อีกทั้งจะเข้ามาที่นี่คงต้องผ่านพวกทหารเข้ามาก่อน

    “ระวังตัวด้วยนะครับ”

    คุณชายคนกลางของวังภูวกุลรู้สึกห่วงอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากมอบคำอวยพรให้ เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย คนธรรมดาเช่นเขาจะทำอะไรได้

    แจ็คสันหันไปจ้องมองไปยังดวงตาเรียวรีที่เปล่งประกายอยู่ภายใต้ความมืดมิดอีกครั้ง ผู้ชายแข็งทื่อไร้สีสันเช่นเขาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความกังวลไม่แพ้กัน เขาจำต้องทิ้งคนตรงหน้าให้ห่างไกลจากสายตาเพื่อจัดการคนชั่วที่กำลังเข้ามารุกราน ปกป้องคน ๆ นี้ไม่ให้เกิดอันตราย

    มือหนาจับเข้าที่มือเล็กแล้วบีบมันเบา ๆ คล้ายปลอบใจ การกระทำของทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกัน คุณชายแจนส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้ราวกับบอกว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด จงทำหน้าที่ตัวเองอย่างกล้าหาญ... เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับทั้งคู่...

    คำพูดจะมีความหมายอะไรหากการกระทำสื่อความหมายของมันแล้ว...

    ปลอดภัยกลับมาให้ได้นะครับพี่แจ็คสัน... เรารออยู่...

     

    ภายในวังภูวกุลยามนี้กำลังมีเรื่องโกลหนว้าวุ่นกันหมด เมื่อทราบข่าวว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับลูกชายคนรอง หม่อมเจ้าภาษกรกับภรรยาทั้งสามต่างร้อนใจนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อทางการโทรมาแจ้งว่าเกิดการยิงกันแถบชายแดนเพื่อแย่งชิงอำนาจกันภายในท้องที่ ซึ่งเหตุการณ์มันปานปลายจนถึงขั้นเข้ามาบุกรุกยังเขตปลอดภัย

    คุณแบมเองก็กลับมาที่วังภูวกุลเช่นกัน ด้วยเพราะท่านชายมาร์คถูกเรียกตัวกระทันหันด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว คนตัวเล็กที่เต็มไปด้วยความกังวลจึงเลือกกลับมาอยู่ใกล้กับพ่อแม่ ส่วนหนึ่งเพราะมันทำให้คุณแบมใจเย็นลงไม่ส่งผลต่ออารมณ์คนท้อง

    แต่ใช่ว่าจะช่วยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะความกังวลใจที่มีต่อพี่ชายที่ยังติดอยู่พื้นที่เสี่ยง อารมณ์คุณแม่จึงไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่

    บางครั้งก็นั่งร้องไห้ บางครั้งก็เงียบขรึมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น

    “พี่ชายแจนจะเป็นยังไงครับ ติดต่อพี่ชายแจนได้ไหม” ว่าที่คุณแม่เอ่ยถาม ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าเพื่อซับน้ำตาตัวเอง

    จากที่เป็นคนร้องไห้ยาก แต่พอท้องลูกคนนี้กลับทำเอาเขาร้องไห้วันละไม่รู้กี่รอบ แต่คุณแบมไม่เคยโทษเจ้าตัวเล็กในท้อง กลับโทษตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมฮอร์โมนพวกนี้ไว้ได้

    “ตอนนี้ทางการเร่งเข้าไปช่วยอยู่ อย่าคิดมากเลยนะคุณแบม พี่เชื่อว่าชายแจนจะปลอดภัย” จูเนียร์เอ่ยปลอบน้องชายพลางลูบหัวทุยของว่าที่คุณแม่ แม้ภายนอกพี่ชายคนโตอย่างเขาจะดูเข้มแข็ง แต่ภายในกลับว้าวุ่นไม่ต่างกัน

    จูเนียร์รู้นิสัยของน้องชายดี ความกล้าก๋ากั่นของเจ้าตัวอาจจะทำเรื่องเสี่ยงอันตรายได้ ก็ได้แต่ภาวนาให้น้องดูแลตัวเองให้ดี

    “คุณแบมเป็นห่วงพี่ชายแจน ฮึก”

    “อย่าร้องเลยครับคุณแบม เดี๋ยวหลานของแม่จะเศร้าด้วยนะ พี่ชายแจนของเราจะต้องไม่เป็นอะไรนะ” หม่อมกานดา มารดาของชายแจนกล่าวพลางเดินเข้าไปลูบหัวของลูกชายคนเล็กของเธอ แม้จะไม่ได้คลอดออกมาเองแต่เธอก็รักอีกฝ่ายไม่ต่างจากลูกของตัวเอง

    แน่นอนว่าคนเป็นแม่ ยามรู้ว่าลูกชายตกอยู่ในอันตรายก็ต้องวิตกและเป็นห่วงเช่นกัน คนที่เลี้ยงมาเองกับมือทำไมจะไม่รู้ว่าบุตรของตนนั้นมีนิสัยอย่างไร แต่ท่านก็เชื่อว่าคุณชายแจนจะต้องปลอดภัย

    “ท่านชายมาร์คฝากพ่อให้ดูแลภรรยาและลูกของพระองค์ แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับยังไม่หยุดร้องไห้เลย ถ้าท่านชายมาร์ครู้คงจะทำงานได้อย่างไม่เป็นสุข ลูกเชื่อ”

    ท่านชายภาษกรกล่าวกับลูกชาย ก่อนจะรับเจ้าตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ซึ่งเป็นอ้อมแขนที่อบอุ่นที่สุดสำหรับคุณแบมแล้ว

    เจ้าตัวเล็กซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นพ่อ และคิดตามในสิ่งที่ท่านพูด ก่อนหน้าที่จะกลับมายังวังภูวกุลท่านชายเองก็พูดคุยกับท่านพ่ออยู่นานเช่นกัน สิ่งนี้คือสิ่งที่ตรัสฝากไว้อย่างนั้นสินะ...

     

     

    อย่าร้องไห้เยอะนะคะ เดี๋ยวลูกจะเศร้าตามคุณแม่ด้วยมือหนาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยลูบลงที่หัวทุยของภรรยาตัวเล็กเอาไว้

    เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงานกันมาที่คุณแบมกลับมาค้างวังภูวกุล นั่นเป็นเพราะท่านชายถูกเรียกตัวด่วนเกี่ยวกับปัญหาซึ่งกำลังเกิดที่ชายแดนเวลานี้

    นักรบแนวหน้าทางอากาศอย่างท่านชายทุกอย่างคือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญทั้งสหายและพี่ของภรรยาก็ตกอยู่ในอันตราย ขนาดต่อให้เป็นคนอื่นท่านชายก็ไม่อยู่เฉย ๆ อยู่แล้ว แต่นี่คือบุคคลที่สำคัญต่อพระองค์

    พี่ชายมาร์คต้องดูแลตัวเองให้ดีและช่วยพี่ชายแจนด้วยนะครับน้องกล่าวพร้อมช้อนตามอง ดวงเนตรกลมโตคลอด้วยหยาดน้ำตาแต่พยายามฝืนไม่ให้มันไหลออกมาต่อหน้าสามี

    นายเรืออากาศเอกหม่อมเจ้ามกรธวัชอยู่ในชุดทหารอากาศพร้อมรบ ยืนอยู่ใกล้รถยนต์ประจำกายโดยมีภรรยาคนดีอยู่เบื้องหน้า ดวงหน้าหวานของว่าที่คุณแม่หม่นหมองลงข้างแก้มหยาดน้ำตายังไม่เหือดแห้ง แต่ก็ไม่ได้ไหลออกมาเพิ่มเมื่อสามีกล่าวก่อนหน้า พี่ชายมาร์คนั้นเสียสละตนเองเสมอเพื่อประเทศชาติ คุณแบมจะไม่เป็นภาระให้พระองค์หนักพระทัยอีกต่อไป

    พี่จะกลับมาอย่างปลอดภัย คุณชายแจนก็เช่นกัน

    ‘…’

    พี่ไม่อยู่ ดูแลตัวเองให้ดีนะคะ

     

    อันตรายอยู่ข้างหน้า แต่หัวใจกล้าแกร่งของพระองค์ยังมุ่งมั่นหน้าที่ของทหารคือรักษาความปลอดภัยของประชาชน แม้หัวใจไม่อยากห่างจากน้องก็ตาม

     

     

    เมื่อคิดถึงสิ่งที่ท่านชายสั่งเอาไว้ น้ำตาทั้งหมดก็ถูกห้ามไม่ให้ไหลออกมา คุณแม่จิตใจอ่อนไหวแสร้งทำเป็นเข้มแข็งจนคนมองล้วนเอ็นดู ท่านชายภาษกรลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างปลอบโยน

    “คุณแบมทราบแล้วครับ คุณแบมจะเข้มแข็ง”

    “ใช่แล้วครับคุณแบม ไหน... มาแม่สิครับ” หม่อมรสาขานเรียกลูกชายของตนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเช่นทุกครั้ง ทำให้คุณชายตัวเล็กผละออกจากอ้อมแขนคนเป็นบิดาสู่อ้อมอกมารดา คนที่คุณแบมผูกพันที่สุดในชีวิต

    ไม่มีใครเทียบเคียงหม่อมรสาได้อีกแล้ว

    “คุณแบมกลัวไปหมดเลยครับท่านแม่”

    “แม่รู้ แต่คุณแบมไม่เชื่อใจท่านชายเหรอครับ ท่านชายเก่งขนาดนั้นอย่างไรก็สามารถช่วยชายแจนได้อยู่แล้ว”

    คนเป็นแม่กล่าวตามความรู้สึกจริง ๆ ของเธอ

    คราวนี้ ว่าที่คุณแม่มือใหม่จึงคลายความโศกเศร้าไปได้ เหลือเพียงความห่วงหาอาทรณ์เอาไว้เท่านั้น ชายแดนตอนนี้น่ากังวลเป็นข่าวโด่งดังเพราะเหตุครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งไหน ๆ คล้ายเป็นสงคราม คุณแบมได้แต่ภาวนา ขอให้พระท่านคุ้มครองท่าชายมาร์คและพี่ชายแจน

    ขอให้ทุกคนปลอดภัยด้วยเถอะ

     


    ปกเสร็จแล้วนะ แต่นิยายนั้นต้องรีไรท์ก่อนลงขาย จะมีขายในอีบุ๊ค ในเร็ววันนี้ ฝา่กอุดหนุนด้วยน้า




    -------100 %------

    งื้อ เราชอบปกมากเลย หลงรักคุณแบม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×