คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 ❁ กลับวังภูวกุล 100% ❁
บรรยากาศอึกทึกบริเวณใต้ตึกคณะแพทย์เรียกความสนใจให้กับผู้สัญจรผ่าน สืบเนื่องมาจากกิจกรรมรับน้องได้ผ่านพ้นไปเกือบครึ่งปีจนย่างเข้าสู่เทอมที่สองของการเรียน
เป็นไปได้ยากที่ตึกคณะว่าที่คุณหมอจะมีเสียงดังรบกวนการเรียนการสอน
เพราะต่างรู้กันอยู่แล้วว่าคณะแพทย์นั้นค่อนข้างเก็บตัว
มักจะไม่ค่อยมีกิจกรรมนันทนาการมากเท่าคณะอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย
หากแต่วันนี้กลับต่างออกไป
กิจกรรมลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวเมืองชนบทที่ยังขาดแครนการช่วยเหลือทางแพทย์เป็นอีกกิจกรรมที่ปีหนึ่งคณะแพทย์จะได้เข้าร่วม
สืบเนื่องมาจากการได้เรียนรู้จากเหตุการณ์จริงเพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานในการเตรียมตัวเรียนต่ออีก
5 ปีข้างหน้า
แต่สำหรับคุณชายแบมแบมแล้ว
กิจกรรมนี้ไม่ต่างอะไรกับค่ายอาสาที่พึ่งไปมากับชมรมแพทย์อาสาที่ตนกับคิมได้เข้าร่วมเลย
แน่นอนว่าคุณแบมกับคิมก้าวนำเพื่อนระดับชั้นเดียวกันไปหนึ่งก้าว
เพราะเขาได้เผชิญการทำงานเป็นแพทย์อาสามาก่อนแล้ว
“ทำไมคนอื่นถึงพากันตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะคิม”
คุณชายตัวเล็กสมบัติของคณะเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างฉงนใจ
เมื่อหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ เพราะกำลังจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างตื่นเต้น
หลังจากรุ่นพี่ปีสองนัดรวมแล้วกล่าวแจ้งถึงกิจกรรมดังกล่าวก่อนหน้า
แต่ตนติดคุยกับอาจารย์เกี่ยวกับวิชาที่เรียนไม่เข้าใจเลยมาช้ากว่าเพื่อนๆ
“ก็ปีนี้จัดขึ้นที่เมืองวารีน่ะ...
แถม...”
“อะไรเหรอคิม”
ร่างเล็กถามต่อในทันทีเมื่อเพื่อนเว้นวรรคเสียจนน่าสงสัย
เมืองวารีเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของแคว้น เป็นเมืองเดียวที่มีทางออกทางทะเล
เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของแคว้นเป็นเนินสูง 95% ส่วน 5 % ที่เหลือก็คือเมืองวารี
แล้วมันน่าตื่นเต้นตรงไหน
หรือว่าเพราะได้ไปทะเล?
“กองทัพอากาศมีส่วนเข้าร่วมกิจกรรม
พวกเขาจะเป็นสารถีให้คณะแพทย์ในครั้งนี้ล่ะ”
“...”
“ดีจัง
ไม่ต้องนั่งรถแต่ได้นั่งเครื่องบินไป”
กองทัพอากาศอย่างงั้นเหรอ
นั่นแสดงว่า...
คุณแบมถึงกับช็อกไปไม่ถูก
เพราะไม่คิดว่าทางคณะจะลงทุนให้ทางกองทัพเข้ามาช่วยขนาดนี้ ถึงแม้ระยะทางไปเมืองวารีจะค่อนข้างไกล
หากนั่งรถคงได้นั่งกว่าสิบชั่วโมง แต่นั่นก็เป็นหนึ่งสีสันที่ของกิจกรรมไม่ใช่เหรอ
ถึงจะสงสัยแค่ไหนแต่ก็คงได้แค่เก็บไว้คนเดียว
เพราะถึงตนมียศเป็นหม่อมราชวงศ์ตระกูลใหญ่โต แต่ก็หาได้มีสิทธิมากกว่าเพื่อนคนอื่นในคณะ
กว่าสองอาทิตย์แล้วสำหรับงานแต่งงานและคืนเข้าหอ นับว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไป ท่านชายมาร์ครักษาสัญญา แม้ว่าคืนนั้นตนจะถูกกอดตลอดทั้งคืน รวมถึงทุกคืนหลังจากนั้นก็ตาม สำหรับแรกๆ คนตัวเล็กแทบจะนอนไม่หลับ แต่ไม่รู้ทำไมว่าอ้อมแขนของท่านชายมาร์คถึงได้มีพลังบางอย่างที่ทำให้คนน้องผ่อนคลายจนคล้อยหลับได้ในเวลาต่อมา กลับกันเสียอีก หากวันไหนที่ท่านชายต้องประจำการอยู่ที่ฐานทัพแล้วกลับดึก ก็จะมีคนนอนไม่หลับเพราะไม่ชินที่ไร้อ้อมแขนแกร่งของผู้พี่ดังเช่นทุกวัน
นึกแล้วก็ไร้อย่างอายซะจริง
ทำไมถึงได้ใจแตกขนาดนี้นะคุณแบม... คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความใจง่ายของตัวเอง... เฮ้อ
“เอาล่ะครับน้องๆ
พวกพี่อยากให้น้องเตรียมตัวกันให้ดี เพราะครั้งนี้เราจะไปถึงหนึ่งอาทิตย์เต็ม
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดพวกพี่จะแปะไว้ให้อ่านหน้าบอร์ดกิจกรรมนะครับ”
รุ่นพี่ประธานรุ่นหนุ่มแว่นแต่ไม่ได้ดูเนิร์ทเอ่ยผ่านไมค์โคโฟน
หลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้องๆ กลับไปทำธุระตามอัธยาศัย
ส่วนร่างเล็กของคุณชายแบมแบมกับเพื่อนสนิทตัวสูงก็ได้พากันนัดเข้าห้องสมุดของคณะ
เพราะต้องทำรายงานในวิชาก่อนหน้าให้เสร็จ
เนื่องจากกิจกรรมค่ายแพทย์อาสาจะมีขึ้นในอีกสองวัน ธรรมชาติของนักศึกษาดีเด่น
มักจะทำงานล่วงหน้าให้เสร็จก่อนส่งเสมอ ยิ่งเป็นนักศึกษาแพทย์แล้ว
ไม่แปลกที่จะเห็นภาพนี้
“เดี๋ยวคิมไปค้นหนังสือนะ
คุณแบมค้นในเว็บไซต์บางส่วนรอคิมไปก่อน” เพื่อนตัวสูงเอ่ยเมื่อส่งร่างน้อยที่โต๊ะ
คุณแบมเองก็ไม่อิดออดพยักหน้าตกลงก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาค้นหาข้อมูลของรายงานเพื่อไม่ให้เสียเวลา
เขาใช้เวลาอยู่ไม่นานกับการหาข้อมูลและเริ่มทำรายงานโดยมีคิมช่วยอยู่ด้วย ว่าที่แพทย์ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ที่ห้องสมุดตั้งแต่แสงอาทิตย์ยังทอแสงอร่ามจบจนไร้แสงสวว่างของมัน
ในที่สุดรายงานที่ทั้งคู่ตั้งใจทำก็เสร็จสิ้นลง
“ให้คิมไปส่งที่วังเทวะไหมคุณแบม”
เพื่อนตัวสูงเอ่ยพรางเก็บของลงกระเป๋า ทำให้เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วพลางคิดเกี่ยวกับข้อเสนอของเพื่อน
“อืม...
ได้เลย แต่วันนี้คุณแบมจะกลับไปวังภูวกุล”
“หา?
ทำไมล่ะ”
อดสงสัยไม่ได้
พึ่งแต่งงานกับท่านชายท่านนั้นไม่นาน เพื่อนของเขาจะหนีกลับวังแล้วหรือเนี่ย
“หม่อมยายไม่ค่อยสบาย
คุณแบมเป็นห่วงหม่อมยายอยากไปดูแล” ร่างเล็กเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล เมื่อนึกถึงเรื่องหม่อมยาย
เมื่อเช้าพี่ชายเนียร์โทรมาบอกว่าหม่อมยายหน้ามืดเป็นลมไปช่วงเช้า ด้วยความร้อนใจของคนตัวเล็กก็แทบจะนั่งรถกลับวังภูวกุลตั้งแต่ได้ยินข่าว
แต่ถูกห้ามไว้เพราะรู้ว่าวันนี้มีแลปสำคัญ แต่อีกส่วนหนึ่งเพราะพี่ชายคนโตบอกอีกว่าตอนนี้หม่อมยายปลอดภัยแล้ว
ถึงอย่างนั้นตัวเล็กก็อยากกลับไปดูแลหม่อมยายอยู่ดี
ก่อนออกมาเรียนได้แจ้งพระองค์ท่านและท่านหญิงม่านฟ้าไว้แล้วเรื่องจะกลับมานอนเฝ้าดูอาการหม่อมยายสักหนึ่งวัน พวกท่านทั้งสองใจดีกับคุณแบมไม่ได้ว่าอะไรแถมยังฝากความห่วงใยต่อหม่อมยายผ่านคุณแบมอีกด้วย ยกเว้นก็แต่ท่านชายมาร์ค เพราะรายนั้นออกไปกองทัพตั้งแต่เช้าด้วยธุระสำคัญ พักนี้คนๆ
นั้นค่อนข้างยุ่งทีเดียว
แต่ถ้าจะไม่ให้บอกเลย
เดี๋ยวก็พาลงอนคุณแบมอีก
คิดได้ดังนั้น
ระหว่างที่เดินตามเพื่อนตัวสูงไปยังรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถ ตัวเล็กของท่านชายนายเรืออากาศเอกก็หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดโทรหาคนที่คะนึงถึง
ตู๊ด
ตู๊ด...
หืม... ทำไมไม่รับนะ ยุ่งอยู่เหรอ?
คิ้วเรียวขมวดอย่างฉงน
เมื่อเสียงรอสายสุดท้ายตัดลงทั้งที่ไร้เสียงตอบกลับจากปลายสาย
คุณแบมก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองและนึกคิด เขาไม่กล้าโทรย้ำอีกครั้งเพราะกลัวว่าพี่ชายมาร์คอาจติดงานสำคัญอยู่
มันจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายเสียมากกว่า แต่นี่มันก็หกโมงเย็นแล้วนี่นา ช่วงนี้คงงานเยอะจริงๆ
ถึงได้ทำงานเลยเวลาบ่อยขนาดนี้
คิดได้ดังนั้นก็กดส่งข้อความบอกคนพี่ไว้ เผื่ออีกคนจะว่างแล้วมากดอ่าน ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแจ้งไว้ มันเป็นมารยาทที่ดีของภรรยาที่ดี...
มะ หม่อมยายสอนสั่งไว้ตลอดนั่นแหละน่า
‘คุณแบมจะกลับไปเยี่ยมหม่อมยาย
และค้างที่วังเลยนะกระหม่อม’
เมื่อตรงเช็คตัวอักษรทุกตัวว่าเหมาะสมหรือยังก็กดส่งไปในทันที ถือว่าเขาบอกแล้ว แถมโทรหาด้วยแต่ตัวไม่รับเอง จะมางอนทีหลังคุณแบมไม่ง้อหรอกนะ...
“ร้านหม่อมนางน้อยปิดหรือยังคุณแบม คิมจะแวะซื้อขนมให้คุณแม่เสียหน่อย”
ร่างสูงสารถีจำเป็นเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
ไหนๆ ก็ผ่านร้านขนมของหม่อมนางน้อยแล้วก็ต้องแวะซื้อเสียหน่อย เพราะขนมร้านนี้ชื่อเสียงเรื่องลืออย่างบอกใครด้านความอร่อย
รวมถึงจะไปส่งของให้
‘หมอนั่น’ ด้วย... เบื่อจริงๆ
ลูกพี่ลูกน้องเขาเนี่ย จะจีบก็ไม่จีบตรงๆ อ้อมโลกอยู่นั่น ยังมาลำบากเขาอีก
“ปิดสามทุ่ม
ดีเลย คุณแบมคิดถึงชิฟฟ่อนเค้ก”
“หึ”
เขาหัวเราะในลำคอระคนเอ็นดูเพื่อนสนิทตัวเล็ก หม่อมหลวงคิมปล่อยให้เพื่อนตนอยู่ในภวังค์แห่งความสุขของรสชาติในอุดมคติ
ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของคณะไปยังจุดหมาย
“คุณแบมอยากกินอะไรเพิ่มไหมคะเดี๋ยวแม่ตักให้เพิ่ม”
เสียงหวานแสนอบอุ่นดังขึ้นจากริมฝีปากสวยสีชมพูของหม่อมนางน้อย
ภริยาคนที่สองของท่านชายภาษกร ร่างเพรียวบางสมเป็นกุลสัตรี กาลเวลามิสามารถพรากความงดงามไปจากท่านได้เลย
คุณชายคนเล็กของวังฉีกยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ให้กับหม่อมแม่อีกคน
สำหรับวังภูวกุล แม้บิดาจะมีมากภรรยา แต่ทุกคนล้วนรักและผูกพันกันเป็นอย่างดี คงเป็นโชคดีของท่านชายที่มีภริยาดีถึงสามคน
ยิ่งกับคุณชายแบม คนโปรดคนสำคัญของที่บ้านแล้ว ย่อมได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ
ภายในร้านยามใกล้ปิดยังคงมีลูกค้าประปราย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีพายแอปเปิ้ลและชิฟฟ่อนเค้กสิ่งที่คุณแบมอยากกินเหลืออยู่
แน่นอนว่าคุณแบมไม่มีทางเลือกกินอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เขาจะกินมันทั้งสองอย่างและอย่างละสองชิ้นเลย!
“คุณแบม
วันนี้คุณชายจูเนียร์ไม่อยู่เหรอ”
หม่อมหลวงคิมเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็ก
หลังจากที่สำรวจถี่ถ้วนแล้วว่าคนที่เป็นเป้าหมายไม่อยู่ในร้าน ซึ่งเรียกความสงสัยให้คนช่างจ้อในทันที
“พี่ชายเนียร์ดูแลหม่อมยายอยู่ที่วัง ทำไมเหรอคิม” ดวงตากลมโตหรี่ลงจ้องเพื่อนอย่างจับผิด ในขณะที่ร่างสูงของหม่อมหลวงคิมต้องพยายามเก็บอาการไม่เลิกลักให้หม่อมราชวงศ์ตรงหน้าสงสัย เห็นหงุมหงิมแบบนี้แต่ฉลาดเป็นกรดเลยนะเพื่อนเขาน่ะ อย่าลืมสิ นักศึกษาแพทย์ดีเด่นประจำคณะเลยนะ
“อะ
อ๋อ เปล่าหรอก เห็นปกติอยู่ที่ร้านไงเลยถาม”
“ไม่จริงซะหน่อย
พี่ชายเนียร์อยู่ที่ร้านเฉพาะช่วงเย็นๆ หลังจากกลับจากบริษัทกับวันอาทิตย์ทั้งวันเท่านั้นแหละ”
“อาหะ...”
หม่อมหลวงหนุ่มหล่อเอ่ยตอบรับด้วยรอยยิ้มมุมปาก
ข้อมูลที่หลุดออกมาจากคุณแบมแม้จะไม่ใช้ความลับอะไรแต่มันคงมีประโยชน์สำหรับใครบางคน
เขาคงต้องรีบเอาสิ่งนี้ไปแลกค่ารองเท้ารุ่นลิมิตเต็ดที่เล็งไว้อยู่เสียหน่อย ขอบใจมากนะคุณแบมเพื่อนรัก
ทำให้คิมสบายไปอีกพักใหญ่เลยล่ะ
ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับการเผยข้อมูลพี่ชายออกไปก็ลงมือกินพายแอปเปิ้ลต่ออย่างมีความสุข
เขาลืมเรื่องที่สงสัยคิมไปเสียสนิทเมื่อของโปรดเข้าปาก เช่นเดียวกับใครบางคนที่ถูกลืมไปจากความคิด
ท่านชายที่พึ่งลงมาจากเรืออากาศยักษ์ คนซึ่งกำลังคะนึงหาน้องแทบขาดใจ
คิดถึงอยากกลับไปกอดจะแย่แล้วครับคนดีของพี่
“เป็นอะไรเหรอท่านชาย
หน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งนานแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้น เมื่อเหลือบมอบใบหน้าหล่อเหลาของท่านชายข้างๆ
ทั้งคู่ลงมาเก็บข้าวของที่ล็อกเกอร์ประจำตนก่อนจะกลับบ้านพักผ่อนเฉกเช่นทุกวัน
หากแต่วันนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป แจ็คสันเห็นว่าตั้งแต่เพื่อนของตนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากล็อกเกอร์พลางก้มมอง
ก่อนจะเป็นเช่นดังที่กล่าว
“เฮ้อ...
ฉันคิดว่าช่วงนี้คงต้องบินน้อยลง” ท่านชายกล่าวตอบ แต่สีหน้าไม่ได้แปรเปลี่ยนจากเดิมสักเท่าไหร่
ทำให้หม่อมราชวงศ์ที่ยืนอยู่อีกคนอดสงสัยตามแจ็คสันไม่ได้ มันเป็นเรื่องน่าแปลกที่ท่านกล่าวอย่างนั้นมันผิดวิสัยของสหายตน เพราะหากจะถามว่าใครเป็นคนที่รักในการบินที่สุด คุณชายเจบีคงตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่าใคร
แต่ถึงอย่างนั้นคนพูดน้อยอย่างคุณชายเจปก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา
หน้าที่เลยตกเป็นของแจ็คสันแทน
“ทำไมล่ะท่านชาย
มีเรื่องทุกข์ใจกับการบินแล้วเหรอ”
“...”
“ไม่ตอบ
แสดงว่าคงจริง แบบนี้ก็แย่น่ะสิ
อีกสองวันกองทัพจะจัดคนไปบินให้กับคณะแพทย์ของมหาลัยหลวง เล็งเป็นท่านชายให้เป็นกัปตันนำ
คงจะต้องเปลี่ยนคน”
แจ็คสันเอ่ยหยั่งเชิง
ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแล้วว่าไม่มีทางที่ท่านชายมาร์คจะปฏิเสธงานนี้
เท่าที่จำได้ตอนเข้าประชุม ท่านชายเองนั่นแหละที่ทรงอยากจะสารถีให้เหล่าว่าที่แพทย์เอง
ด้วยเหตุผลอันใดก็ย่อมรู้ดี
ภริยาท่านชายไปด้วยมีเหตุอะไรจะไม่ตามไปดูแล
และมันก็ได้ผล
เมื่อสีหน้าของท่านชายเปลี่ยนไปจากเดิมทันที
ทรงจ้องเนตรมายังเพื่อนสนิทราวกับจะฆ่าแกงกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้
เรืออากาศเอกแจ็คสันจะรู้สึกรู้สาอะไร
“ฉันว่านายเตรียมตัวไปเมืองโรเซลดีกว่า
เห็นว่าอีกไม่นานแล้วไม่ใช่เหรอ” ท่านชายเอ่ยเสียงเรียบ
พลางปรายตามองเพื่อนของตนอย่างมีเลศนัย
“มีอะไรที่ฉันยังไม่รู้เหรอแจ็คสัน ไปเมืองโรเซลมันมีอะไรเหรอ”
อดไม่ได้ที่จะถาม คุณชายเจบีเดินขนาบข้างเพื่อนไปพลางถามพลาง
ทั้งสองคนนี้ดูมีเรื่องให้น่าสงสัยซะจริง โดยเฉพาะแจ็คสัน
ผู้ชายห่ามที่สุดในสิงห์หนุ่มแห่งท่าอากาศของแคว้นแสดงท่าทางอึกอักเสียอาการจนมองออก
“อย่าไปสนใจเลยคุณชาย
รีบกลับบ้านดีกว่า โดยเฉพาะท่านชายน่ะ คิดถึงเมียเด็กจะแย่แล้วมั้ง”
ว่าจบก็ยิ้มที่มุมปากอย่างหยอกล้อกับคุณชายเจบี
เพราะต่างก็รู้ว่าท่านชายมาร์คน่ะหลงภรรยามากแค่ไหน นี่ลำพังคงอยากกลับบ้านไปหาเมียรักจะขาดแล้ว
“อืม
กลับบ้าน...”
เสียงถอนหายใจของท่านชายมกรธวัชดังขึ้นหลังจากนั้น
ก่อนที่ทั้งสามคนจะแยกย้ายกันตรงไปที่รถของตนเอง และจุดหมายที่ต่างกัน
ท่านชายมาร์คก้มอ่านข้อความจากคุณแบมอีกครั้งพลางนึกคิด
เล่นหนีไปนอนที่วังภูวกุลแบบนี้มันน่าจับตีซะจริง
เห็นทีคืนนี้เราเองคงต้องย้ายสถานที่นอน
เพราะไม่มีทางที่ท่านชายจะห่างจากคุณแบมแน่ เตรียมตัวไว้เลยตัวแสบ
พี่จะจับตีก้นซะให้เข็ด
“ยายบอกแล้วว่ายายไม่เป็นไร
ก็รั้นจะมาให้ได้นะเรา” มือเหี่ยวตามอายุลูบลงที่ศรีษะกลมของหลานรัก
แม้จะเหมือนดุแต่ความจริงกลับเอ็นดูหลานคนนี้มากทีเดียว
คุณแบมได้ทีก็ซุกตัวเข้าไปกอดหม่อมยายอย่างคิดถึง
เพราะจากบ้านไปหลายวันทำให้อดคิดถึงคนที่บ้านไม่ได้ โดยเฉพาะหม่อมยาย
คนที่คุณแบมมักอ้อนเสมอ
“คุณแบมเป็นห่วงหม่อมยายนี่ครับ
แล้วทำไมหม่อมยายถึงได้เป็นลมไปล่ะ อย่าบอกนะว่าออกไปที่สวนอีกแล้ว”
ว่าที่นายแพทย์ตัวน้อยเอ่ยดักทาง
เพราะส่วนตัวก็รู้อยู่แล้วว่าหม่อมยายของตนโปรดปรานที่สวนดอกไม้เพียงไหน
แต่ด้วยเพราะอายุอานามที่มากแล้ว การไปตากแดดนานๆ
ไม่แปลกที่จะเป็นลมเป็นแร้งแบบนี้
“จะให้ยายนั่งๆ
นอนๆ มันก็เบื่อนะคุณแบม” หม่อมยายเอ่ยตอบหลานรัก
พรางมองไปยังหลานชายอีกหนึ่งคนซึ่งอยู่ดูแลตั้งแต่ต้น
คุณชายจูเนียร์นั่งอยู่ยังโซฟาตัวถัดไป มองดูน้องชายอ้อนหม่อมยายก็อดยิ้มตามไม่ได้
“แล้วมานี่
บอกทางนั้นบ้างหรือยังล่ะเรา” คุณชายจูเนียร์เอ่ยถามน้องชาย
เกรงว่าหากน้องไม่แจ้งทางวังเทวะฯ อาจจะเป็นการเสียมารยาท
“เรียบร้อยครับพี่ชายเนียร์
สมเด็กท่านกับท่านหญิงม่านฟ้าใจดี” คนน้องตอบพี่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากผละออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นยาย
แต่ถึงอย่างนั้นชายเนียร์ก็ยังไม่ลดความแครงใจ เมื่อน้องไม่ได้เอ่ยนามของอีกผู้
ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัว
“รวมถึงท่านชายใช่ไหม”
“แน่นอน!”
เมื่อเห็นน้องยิ้มร่าแล้วตอบอย่างเต็มเสียงอย่างนั้น
คนคิดมากอย่างพี่ชายก็อุ่นใจขึ้น เป็นเพราะน้องพึ่งออกเรือนได้ไม่นาน
ไม่อยากให้เป็นข้อครหาว่าไม่ทันไรก็หนีสามีกลับวังเสียแล้ว หากแต่ภายใต้รอยยิ้มบนใบหน้าสวย
ชายเนียร์อาจไม่เห็นความลังเลภายในนัยน์ตากลมคู่นั้น เพราะคุณแบมเองก็คิดไม่ตกเลยว่า
การแจ้งท่านชายผ่านข้อความแบบที่ทำ ใช่เป็นการขออนุญาตไหม ก็ได้แต่ติต่างเอาเองว่ามันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
ก็คุณแบมบอกแล้วนี่นา...
หลังจากคุยกับหม่อมยายกับพี่ชายเนียร์จนดึก
ก็ถูกไล่ให้ขึ้นห้องนอน แม้พรุ่งนี้จะมีเรียนบ่ายแต่เพราะคนที่วังภูวกุลค่อนข้างนอนเป็นเวลา
ไม่เกินสี่ทุ่มทุกผู้ก็ขึ้นห้องนอนกันหมดแล้ว คุณแบมอาบน้ำชำระกายเสร็จจึงเดินตรงมายังเตียงนอนขนาดคิงไซต์
ห้องของคุณแบมตกแต่งด้วยสีฟ้าและขาวดูน่ารักไม่ต่างจากเจ้าของ ภายในห้องมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ไม่ไกลนัก
ด้วยเพราะตัวเล็กของวังภูวกุลค่อนข้างเป็นเด็กเฉลียวฉลาด
มักชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิม
คนตัวเล็กคิดว่าจะอ่านทวนบทเรียนสักบทสองบทแล้วค่อยหลับ
นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ชินกับการนอนที่ห้องของตัวเอง ทั้งที่ตลอด
18 ปีก็อยู่ห้องนี้มาตลอด เหตุใดถึงได้นึกถึงอ้อมแขนของใครบางคนก็ไม่รู้
พูดแล้วก็ร้อนวูบที่ใบหน้าพิกล...
ก๊อก
ก๊อก
เสียงประตูถูกเคาะทำให้คนที่อ่านหนังสืออยู่รีบวางมันลงก่อนจะเดินไปยังประตูโดยไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย
คงเพราะคิดว่าน่าจะเป็นพี่ชายคนใดคนหนึ่งของตน หากยามประตูบานใหญ่เปิดออก
บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่พี่ชายเนียร์หรือพี่ชายแจนแต่อย่างใด
“พี่ชายมาร์ค!”
เสียงหวานกล่าวอุทานด้วยความตกใจ
ดวงตากลมเบิกกว้างมองไปยังร่างสูงโปร่งภายใต้ชุดทรงงานสีเขียวเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาของท่านชายเรียบนิ่งเสียจนคุณแบมเผลอเม้มปาก
เพราะแต่เดิมทีท่านชายไม่เคยเพิกเฉยเย็นชาใส่ตนบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะอบอุ่นใจดีเสียมากกว่าบึ้งตึงเช่นตอนนี้
“เรานี่มันน่าตีจริงๆ
คุณแบม ท่านชายจะมานอนด้วยทำไมไม่บอกก่อน” เสียงของพี่ชายเนียร์ดังขึ้น ทำให้คุณแบมรู้ว่านอกจากท่านชายแล้วยังมีพี่ของตนยืนอยู่ด้วย
คนน่ารักยิ้มเจื่อนให้พี่ชายก่อนจะหลุบตามองคนที่มีชื่อเป็นสามีตรงหน้าด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณชาย
พี่ผิดเองที่ตามมาโดยไม่ได้บอกก่อน” ท่านชายกล่าวกับคุณชายจูเนียร์ด้วยน้ำเสียงนุ่ม
แต่สีหน้ากลับเรียบตึงกลับมองคุณแบมเสียจนทำตัวไม่ถูก ปากบอกไม่เป็นไรไฉนมองจากดาวอังคารคุณแบมยังรู้เลยว่าโกรธน่ะ
“ถ้าอย่างนั้นพักผ่อนเถิดกระหม่อม
ทรงอยากเสวยสิ่งใดหรือไม่ กระหม่อมจะได้ให้คนเตรียมไว้” คุณชายจูเนียร์เอ่ยถาม
“ไม่เป็นไร
พี่กินมาบ้างแล้ว คุณชายไปพักผ่อนเถอะนะ ไม่ต้องห่วงอะไร”
ท่านชายมาร์คกล่าวตอบอย่างสุภาพ
ชายเนียร์เห็นดังนั้นจึงไม่เซ้าซี้เพิ่ม และเดินเลี่ยงออกไปถึงในใจจะอดห่วงทั้งคู่ไม่ได้
เนื่องจากสีหน้าของท่านชายแล้ว จูเนียร์คิดว่าเจ้าตัวแสบคงทำเรื่องอะไรอีกแน่
ก็หวังว่าท่านชายจะปราณีน้องชายของตนบ้างก็เท่านั้น
กลับมาที่สองคู่สมรส ซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เนื่องจากคุณชายตัวน้อยไม่กล้าขยับกายไปไหน นอกเสียงจากหลุบสายตาไม่กล้าสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวคมของสิงห์อากาศเอก ราวกับตนมีความผิดติดตัว ทั้งที่แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าตนไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย
“จะให้พี่เข้าไปได้หรือยัง
หรือต้องให้ยืนหลับกันตรงนี้” สุรเสียงทุ้มดังขึ้นอย่างราบเรียบ ส่งผลให้คนฟังเม้มปากแน่นทั้งนัยน์ตากลมยังสั่นระริก
แต่ไม่ได้มีน้ำตาออกมาเพราะคุณแบมไม่ได้เสียใจหากแต่กังวลใจอยู่ต่างหาก
ถึงอย่างนั้นคุณชายคนเล็กของวังก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบ
นอกเสียจากถอยออกให้คนพี่เดินเข้ามาในห้องจึงได้เห็นว่าท่านชายไม่ได้มาเพียงตัวเปล่า
หากแต่มีกระเป๋าติดมือมาด้วยหนึ่งใบ
“พะ
พี่ชายมาร์ค”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าท่านชายเดินเงียบเข้าไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
ทำให้ร่างสูงของท่านชายหยุดชะงักอยู่กับที่ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบภรรยาของตน แต่เดิมทียอมรับว่าน้อยใจที่น้องละเลยตน
ทั้งที่จะกลับมานอนที่วังภูวกุลแต่กลับเพียงส่งข้อความบอกกันเท่านั้น
ถึงแม้จะเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามโทรหาแล้วแต่เพราะตนติดบินอยู่จึงไม่ได้พกโทรศัพท์ไปด้วย
ถึงอย่างนั้นก็เห็นเพียงสายเดียว จึงทำให้ท่านชายคิดว่าน้องคงไม่ได้แคร์สิ่งใดตนเท่าที่ควรนัก
เป็นธรรมดาหากคนที่นึกคะนึงหาน้องทุกวินาทีจะน้อยใจ
ส่วนคุณแบม
เมื่อเห็นว่าท่านชายไม่เอ่ยสิ่งใดตอบกลับจึงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดด้วยทั้งประหม่าไม่ตก
คนน้องถึงได้จ้องมองแผ่นหลังกว้างของพี่ชายมาร์คพลางคิดว่าทำไมต้องทำท่าทางเหมือนโกรธขนาดนั้นด้วย
คนตัวเล็กที่ไม่รู้ความรู้สึกแท้จริงของคนพี่จึงได้แต่คิดสับสนกับตัวเองเท่านั้น
แล้วแบบนี้จะให้คุณแบมทำอย่างไรล่ะ
เฮ้อ!
ความคิดเห็น