คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 ❁ คนสนิท 100% ❁
“เลิกกี่โมงคะวันนี้
พี่จะได้มารับ”
เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ของท่านชายดังขึ้นภายในรถยนต์คันเก่งส่วนพระองค์
ภายในรถมีร่างน้อยของภรรยาตัวเล็กของตนอยู่ด้วย ใบหน้าสวยครุ่นคิดอยู่สักครู่
ก่อนจะหันมาตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“คุณแบมไม่แน่ใจ
อาจมีประชุมเกี่ยวกับค่ายต่อด้วย” น้องเอ่ย
เรื่องค่ายอาสาเขาได้คุยกับพี่ชายมาร์คส่วนตัวแล้ว ก็แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ทักถามอะไรมากทั้งที่ความจริงควรจะถามนั่นถามนี่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นสักห้าโมงเย็นพี่มารอนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ชายมาร์ค
คุณแบมกลัวจะรอนาน” เมื่อเห็นสีหน้าเกรงใจของน้อง คนเป็นพี่ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือเข้าไปลูบผมนุ่ม
“ไม่เป็นไรเหมือนกันค่ะ
พี่ว่าง พี่อยากมารอ”
“กะ
ก็ได้... คุณแบมไปก่อนนะ ไว้เจอกันกระหม่อม”
“ค่ะ”
ท่านชายเอ่ยก่อนจะปล่อยให้น้องเดินลงจากรถไป
ถึงแม้ความจริงจะไม่อยากปล่อยให้น้องไปด้วยซ้ำ ยิ่งตอนที่คุณแบมกำลังกลายเป็นลูกเชอรี่สีแดงสดแบบนี้ด้วย
ถึงแม้จะเป็นภาพที่เห็นจะบ่อยแล้ว คุณแบมมักจะเขินหรือประหม่าทุกครั้งที่เขาแสดงความใส่ใจ
แม้จะเรื่องเล็กน้อย แต่มันกลับเป็นความน่ารักที่ไม่ต้องปรุงแต่งเลยของอีกคน
ใครจะว่าเขาหลงเมียเด็กก็เถอะ ไม่ปฏิเสธหรอกเพราะหลงจริงๆ
ท่านชายนายเรือนั่งมองน้องจนลับสายตา
รถส่วนพระองค์ก็เคลื่อนไปจอดที่ร้านคอฟฟี่ช็อปติดกับคณะแพทย์ ด้วยเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของตน
แถมตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้ว เขาไม่อยากเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลา เลยตัดสินใจว่าจะนั่งรอคุณแบมที่ร้านนี้
ขายาวก้าวเข้ามายังในร้านอย่างองค์อาจ
เรียกสายตาคนมองได้แทบทุกสายตา ด้วยเพราะติดคณะแพทย์ ส่วนใหญ่จึงมีแต่แพทย์และนักศึกษาแพทย์เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นบรรดาแพทย์ก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป เมื่อได้พบเจอคนที่มีชื่อเสียงก็ย่อมสนใจ
“รับอะไรดีคะ”
“เอสเปรสโซ่ครับ/เอสเปรสโซ่ค่ะ”
สองเสียงซ้อนทับกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองคนที่ยืนข้างกาย จึงพบว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่พูดออกไปพร้อมอีกฝ่าย
เพราะรายนั้นส่งยิ้มหวานรออยู่แล้ว
ร่างบางเจ้าของชุดกาวน์สีขาวที่ถูกสวมทับเดรสสั้นสีดำด้านใน
ที่เห็นเพราะเจ้าหล่อนไม่ได้ติดกระดุมเสื้อกาวน์แต่อย่างใด ใบหน้าสะสวยของหม่อมเจ้าหญิงโชอาไม่ว่าใครมองก็ล้วนตกหลุมพรางทั้งนั้น
เว้นเสียแต่เขาเท่านั้นแหละ...
ก็รู้ใส้รู้พุงกันเกือบยี่สิบปี
“มาหากาแฟดื่มไกลเหมือนกันนะท่านชายมาร์ค”
ริมฝีปากสีแดงสดขยับกล่าวทักก่อน ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่ภายใจแล้วว่าถ้าเห็นคนตรงหน้าบริเวณนี้
มันหนีไม่พ้นเหตุผลเดียว
คิดถึงเจ้าของแก้มอูมๆ
นั่นแล้วอยากจะหยิกสักที
“รู้อยู่แล้วยังจะถามอีกเหรอท่านหญิง”
หม่อมเจ้ามกรธวัชเอ่ยตอบเสียงเรียบ น้ำเสียงทุ้มเย็นชาเป็นเสียงปกติของพระองค์ ไม่ใช่ว่ากำลังโกรธหรือเกลียดอะไรคนตรงหน้าหรอก
แต่ด้วยลักษณะนิสัยแต่เดิมทีตนไม่ใช่คนอบอุ่นเหมือนตอนอยู่กับคุณแบม ออกจะไม่ค่อยพูดเหมือนเจบีเสียมากกว่า
ซึ่งคุณแบมเป็นคนเดียวที่ได้รับอภิสิทธิ์นี้
“เอสเปรสโซ่ได้แล้วค่ะ”
เสียงของพนักงานเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งคู่ละสายตาจากกันและกัน
และเป็นท่านหญิงโชอาที่กล่าวก่อน
“ทั้งสองแก้วคิดเงินที่ท่านนี้เลยนะคะ”
พูดจบ ก็เดินไปนั่งตรงโซนที่จัดให้นั่งของร้าน โดยไม่สนใจคนที่ถูกโบ้ยให้จ่ายเงินให้ว่าเต็มใจไหม
ท่านชายมาร์คถอนหายใจอย่างระอาให้ท่านหญิงผู้นั้น
ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ปีก็เหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หนักใจสักเท่าไหร่
หยิบบัตรเครดิตการ์ดสีดำออกมาจ่ายเงินค่าเอสเปรสโซ่ทั้งสองแก้วก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับหม่อมแพทย์หญิงคนนั้นเนื่องจากรู้อีกแหละว่าถึงแยกโต๊ะนั่ง
อีกฝ่ายได้โวยวายจนร้านกาแฟแตกแน่
เขารำคาญเสียงนั่นยิ่งกว่าอะไรดี
ขอเลือกเจอเป็นอย่างสุดท้ายในชีวิตเลยล่ะ
หม่อมเจ้าหญิงโชอาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเฟียส
ทั้งที่เป็นถึงแพทย์หญิงแต่ก็ไม่ได้มีบุคลิกเหมือนแพทย์เท่าไป หลายคนต่างพูดว่าทรงควรไปทำงานด้านดีไซน์เนอร์เสียมากกว่า
แต่ใครจะไปเข้าใจอารมณ์ติสของท่านหญิงล่ะ แม้แต่ท่านชายมาร์คที่เป็นสหายสนิทด้วยเพราะที่บ้านพบปะกันบ่อยและเรียนด้วยกันตอนเด็กๆ
ยังไม่เข้าใจเลยว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงคนนี้คิดอะไร
“นี่มานั่งรอน้องแก้มบวมล่ะสิ”
ท่านหญิงเอ่ยถาม เมื่อร่างสูงของนายทหารอากาศนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามตน
“อืม”
ท่านชายตอบด้วยคำสั้นๆ โดยไม่เอะใจสรรพนามแทนคุณแบมของอีกฝ่าย เพราะตนก็เห็นด้วย
แก้มบวมควรเป็นชื่อของคุณแบม เมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ทำท่าจะพูดต่อจึงก้มหยิบนิตยาสารการเมืองขึ้นมาอ่าน
ทำให้หญิงสาวเบะปากกับความคุณลุงของคนตรงหน้าเสียประดา
“ทำตัวเป็นคุณพ่อรอรับลูกที่พึ่งเข้าโรงเรียนไปได้”
ว่าแล้วก็อดแขวะไม่ได้
“ไม่อิจฉาสิ”
ท่านชายตอบกลับพลางยิ้มมุมปาก จนคนมองหมั่นไส้ในความอวดของอีกฝ่ายเสียจนอยากจะข่วนแขนสักที
“เฮอะ
ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ถ้าโดนคุณชายคุณแย่งไปอย่ามาร้องไห้ซบอกเดี้ยนนะคะ”
“...”
เมื่อชื่อของบุคคลที่สามถูกล่าวมา
คิ้วเข้าจึงขมวดชนกันราวกับตั้งค่าไว้ ท่านหญิงแอบเหลือบมองใบหน้าของเพื่อนตนก็ได้แต่ยิ้มกระหยิ่ม
รู้ดีว่าท่านชายมาร์คค่อนข้างเป็นโรคหวงของ รักษายังไงก็ไม่เคยหาย ยิ่งเป็นของรักแล้วด้วย
คงได้มีเลือดสาดกันไปข้าง
จากวันงานเลี้ยงวันนั้น
วันที่เธอได้พบกับหนูน้อยแก้มบวม ว่าที่เจ้าสาวของท่านชายมาร์ค ซึ่งปัจจุบันตบแต่งกันเสียใหญ่โตแล้ว
มีอีกหนึ่งคนที่เธอได้พบคือพี่ชายคุณ ศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลและตอนนี้ยังผันตัวเป็นศาสตราจารย์หลังกลับจากเรียนต่อด้วย
ได้ข่าวว่าโดนทาบทามให้สอนพวกปีหนึ่งในวิชาแพทย์พื้นฐานแทนศาสตราจารย์ราณีที่ลาคลอดด้วย...
หึ...
เหมือนจะยังไม่รู้ล่ะสิพ่อทหารคนเก่ง
“เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเราจะบอกให้เรื่องหนึ่งนะท่านชาย
วงการแพทย์มันแคบมากนะคะคุณ อย่าชะล่าใจไป”
“ไร้สาระน่า”
ท่านชายพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งที่ความจริงข้างในร้อนรุ่มตามเจตนาปลุกปั่นของหญิงสาว
“คิดงั้นก็คิดไปสิ
ค่ายอาสาครั้งนี้คุณชายคุณเป็นคนดูแลเองด้วยนะอย่าหาว่าไม่บอก”
“...”
“วันนี้ก็ทำเหมือนสนใจน้องแก้มบวมซะด้วย
ไปตั้งหลายวัน โอ้ย! ไม่อยากจะคิด”
ท่านหญิงพยายามเล่นใหญ่เพื่อแกล้งเจ้าคนทึ่มที่พยายามทำซึนอยู่ และมันก็ได้ผล
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าคนตรงหน้านี้ก็ไปด้วย เพราะได้เห็นรายชื่อของกัปตันบินแล้วก็ตาม
แต่มันก็อยากจะแกล้งอยู่อ่ะนะ เจ้าคนเย็นชาอย่างหม่อมเจ้ามกรธวัชน่ะ หาช่วงหลุดๆ
แบบนี้ยากจะตายไป
ต้องขอโทษนะคะคุณชายคุณ
น้องแค่ยืมชื่อมาออกงานแค่นั้นเอง
----
และในขณะนั้นเอง ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตรอบข้างเลยว่ากำลังสนใจตนทั้งคู่ ภาพของสองชายหญิงนั่งดื่มกาแฟด้วยกันสร้างความสนใจให้กับคนในร้านคอฟฟี่ช็อป ด้วยเพราะหนึ่งคนนั้นคือคุณหมอสุดสวยคนดังของโรงพยาบาลส่วนอีกคนเป็นถึงหม่อมเจ้ามกรธวัช เรืออากาศเอกของกองทัพอากาศ ท่านหญิงและท่านชายผู้เกิดมาด้วยความเพียบพร้อมจนน่าอิจฉา มองแล้วช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
และมันก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีภาพของทั้งคู่ลงในโซเชียลสำหรับกลุ่มของพวกช่างเม้าส์
ขณะเดียวกันที่ห้องแลปของนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่ง ร่างเล็กของคุณชายหมอกำลังสาละวนกับการรอผลแลปที่กำลังทดลองอยู่ ตนได้จับคู่กับเพื่อนสนิทตัวโย่ง และเจ้าตัวไม่ได้สังเกตเสียงซุบซิบรอบตัวเลยแม้แต่น้อย ต่างจากหม่อมหลวงคิมที่ลอบสังเกตมาสักพักแล้วว่าตอนนี้ห้องแลปกำลังเปลี่ยนไป พวกนักศึกษาแพทย์หญิงหลายๆ คนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างน่าฉงน คงด้วยเพราะตอนนี้เป็นช่วงรอผลแลปอยู่จึงสามารถเดินไปมาหาสู่กันได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าแปลกใจหรอกถ้าคนพวกนั้นไม่พากันแอบมองเพื่อนตัวเล็กของเขาแบบนั้น ดูก็รู้ว่าหัวข้อการสนทนาคือใคร
“คุณแบมๆ
ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
ร่างบางในชุดกาวน์สีขาวเช่นเดียวกับเจ้าของชื่อที่ถูกขานเดินเข้ามาใกล้เจ้าของร่างเล็กของคุณชายหมอขวัญใจชาวคณะ
คุณแบมเงยหน้าขึ้นมองแล้วฉีกยิ้มกว้างให้เมื่อพบว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงสองคนในรุ่นชื่อหนิงและแพน
หม่อมหลวงคิมมองเพื่อนสนิทก็ได้แต่ถอนหายใจ ซื่อเสมอต้นเสมอปลาย พวกนี้เม้าส์เรื่องตัวเองก่อนหน้ายังไม่รู้ตัวอีกนะคุณแบม เล่นเดินเข้ามาหาโต้งๆ แบบนี้ไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน
“ว่าไงแพน”
ร่างเล็กเอ่ยขึ้น เมื่อไม่เห็นว่าทั้งคู่จะพูดอะไรต่อสักที
แถมยังทำท่าลังเลกันอีกด้วย
“อะ
เอ่อ... เราไม่อยากเสียมารยาทเท่าไหร่หรอกนะ
แต่คุณแบมได้เช็คในกลุ่มของรุ่นหรือเปล่า...”
เป็นหนิงที่ตอบหลังจากที่ถกเถียงกับเพื่อนสาวที่มาด้วยกันว่าใครจะเป็นคนพูด
คุณแบมเอียงหัวอย่างสงสัย
ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิทตัวสูงซึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คก่อนแล้วตั้งแต่หนิงเอ่ยจบ
คิ้วเข้มของหม่อมหลวงคิมขมวดชนกันราวกับว่าเรื่องให้ปวดหัว ความสงสัยในการเปลี่ยนแปลงต่อปฏิกิริยาของคิมทำให้ร่างเล็กจำต้องเอี้ยวตัวไปดูบางอย่างในโทรศัพท์เพื่อนเพราะมันต้องมีอะไรแน่นอน ไม่อย่างนั้นหนิงกับแพนคงไม่มาถาม และด้วยเพราะส่วนใหญ่ในระหว่างเรียน นักศึกษาแพทย์ดีเด่นอย่างคุณแบมนั้นไม่ค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นหรอก จึงไม่รู้ข่าวสารอะไรของคณะสักเท่าไหร่ จะรู้ก็ต่อเมื่อไม่มีเรียนแล้วเท่านั้น
ดูเหมือนจะเป็นการพูดคุยของนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งเซคสอง
ด้วยเพราะทางคณะรับนักศึกษาแพทย์มาค่อนข้างมาก จึงแบ่งออกเป็นสองเซค
ดูเหมือนเซคสองจะไม่มีเรียนช่วงนี้สินะ
‘วันนี้ไปร้านคอฟฟี่ช็อปพี่กี้มา
เจอท่านชายมาร์คกับท่านหญิงโชอานั่งอยู่ด้วยกันอ่ะแก'
‘เห็นเหมือนกัน
นี่ไงๆ’
// แนบรูป
‘เหมาะสมกันจังอ่ะ’
ดวงตากลมโตไหวสั่นเมื่ออ่านข้อความแชทนั้น
ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อสบเข้ากับรูปภาพนั้น
คนในรู้คือพี่ชายมาร์คแน่นอน ส่วนอีกคนก็คือผู้หญิงคนเดิมที่พบในงานเลี้ยงวันนั้น
เป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้คุณแบมรู้สึกคันหยุบหยิบที่หัวใจ
แต่ดูเหมือนหลังจากที่แชทบรรทัดนั้นจะสร้างประเด็นโต้เถียงขึ้นมาไม่ใช่น้อย
‘เหมาะสมก็บ้าแล้ว
ท่านชายแต่งงานกับคุณแบมเซคหนึ่งแล้วย่ะ’
‘ใช่ๆ
ท่านชายพึ่งมาส่งคุณแบมเมื่อตอนบ่ายด้วย เราเห็น’
‘คุณแบมเหมาะสมกว่านะฉันว่า’
‘อ้าว
คุณแบมแต่งงานแล้วเหรอพึ่งรู้’
‘โอยยย
ไปอยู่ประเทศไหนมาเนี่ย’
‘เม้าส์กันเหมือนกับคุณแบมไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้เลยนะ
พอๆ จบแยกกกก’
“ไม่มีอะไรหรอกน่าคุณแบม
อย่าไปสนใจเลย”
หม่อมหลวงคิมเอ่ยปลอบใจเพื่อน
เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของคนตัวเล็ก
ด้วยเพราะรู้จักกันมานานตั้งแต่เด็กจึงรู้ว่าคุณแบมเป็นคนที่เก็บอารมณ์ไม่ค่อยเก่ง
มีอะไรก็มักจะแสดงออกมาทางสีหน้าหมด ตอนนี้มีเรื่องกวนใจเพื่อนของเขาอยู่ และมันคงหนีไม่พ้นเรื่องของท่านชายมาร์ค
“คะ
คุณแบมไม่ได้สนใจอยู่แล้วต่างหากล่ะ” แม้ปากพูดแบบนั้น แต่สีหน้ากลับไม่ได้ไปในทางเดียวกับปากเลยสักนิด
ปากเป็ดๆ แบบนั้นหม่อมหลวงคิมอยากจะบีบจริงๆ
“เราก็จะมาบอกเหมือนกันว่าอย่าคิดมากเลย
กลัวคุณแบมเข้าไปอ่านแล้วรู้สึกไม่ดี” แพนเอ่ยขึ้น แม้น้ำเสียงจะแสร้งทำเป็นห่วง
แต่ข้างในนั้นคิดอะไรอยู่ทำไมคนสายตาเหยี่ยวอย่างคิมจะไม่เข้าใจ แต่เดิมทีก็ไม่ค่อยสุงสิงกับคุณแบมสักเท่าไหร่อยู่แล้วทั้งที่คนส่วนใหญ่ชอบคุณแบมจะตายไป
อย่างว่าแหละนะ มีคนชอบก็มักมีคนไม่ชอบ
ฮึ
เดินเข้ามาพูดโต้งๆ แบบนี้ เจตนาดีมากเลยครับคุณผู้หญิง
“คุณแบมไม่เป็นไรหรอก
ขอบคุณนะที่เป็นห่วง” คนตัวเล็กตอบด้วยความจริงใจ ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างไม่มีพิษภัยใดๆ
ทำให้หญิงสาวทั้งคู่เผลอเม้มปากแน่น ด้วยความรู้สึกสับสนบางอย่างในใจ
ความจริงแล้วพวกเธอก็ไม่ได้ชอบหรือชอบอะไรในตัวคุณแบมหรอก
ออกจะหมั่นไส้นิดหน่อยด้วยซ้ำ ที่คนๆ นี้ชอบทำตัวแอ๊บใสไม่เข้ากับวัยตัวเอง จึงไม่เข้ามาใกล้หรือสุงสิง
มีบ้างที่แอบเบะปากใส่แต่ก็แค่ลับหลัง ยิ่งมาได้รู้ว่าคุณแบมได้แต่งงานกับท่านชายมาร์คยิ่งรู้สึกอิจฉาเข้าไปอีก
อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รับสิ่งที่ดีได้ทุกเรื่องขนาดนี้ จนมาเจอเรื่องที่ทุกคนเม้าส์กันในกลุ่ม
ถึงได้อยากลองเห็นความผิดหวังในดวงตาคู่กลมนั่นบ้าง...
แต่ไม่รู้ทำไม
พอเห็นแล้วกลับไม่รู้สึกดีแม้แต่น้อย คนๆ นี้มีความสามารถพิเศษที่ทำให้คนเกลียดไม่สุดหรือยังไงกัน
“ผลกำลังจะออกแล้ว
ฉันว่าพวกเธอกลับไปดูแลปของตัวเองดีกว่านะ”
หม่อมหลวงคิมเป็นคนเอ่ยตัดบท
เมื่อพบว่าทั้งสองคนเริ่มมองคุณแบมด้วยสายตารู้สึกผิด แม้จะแอบซ่อนไว้แต่ก็สามารถมองเห็นได้ไม่ยาก
ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรสำหรับเขา เพราะแต่ไหนแต่ไรแล้วคุณแบมมักไม่ใช่คนที่จำทำให้ใครเกลียดหรือไม่ชอบได้นานนักหรอก
ด้วยเพราะเนื้อแท้ไม่ได้เป็นคนไม่ดี การเลี้ยงดูของวังภูวกุลฟูมฟักออกมาดีขนาดนี้ คงจะรู้กันแล้วล่ะว่าคุณแบมน่ะไม่เหมาะกับสีหน้าอื่นนอกจากรอยยิ้มหรอก
และเมื่อเป็นดังนั้น
หญิงสาวสองคนจึงเดินกลับไปเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่ยังคงอยู่ ส่วนตัวคุณชายคนเล็กของวังภูวกุล
เมื่อถูกความสับสนว้าวุ่นใจเข้ามาแทรก จึงได้แต่นั่งเหมอลอย ทรวงหทัยดวงน้อยกำลังบีบรัดอย่างไม่รู้สาเหตุ
แม้จะเรียนแพทย์อยู่ แต่ก็ไม่สามารถสรุปโรคประหลาดที่ตัวเองกำลังเป็นได้
จริงอย่างที่ใครว่า...
พี่ชายมาร์คเหมาะสมกับท่านหญิงเป็นไหนๆ ทั้งยศถาบรรดาศักดิ์เทียบเคียงเดียวกัน แต่เขานั้นเป็นเพียงเด็กกระโปโลที่โดนจับใส่เข่งบังคับถวายให้ด้วยคำหมั้นหมายของผู้ใหญ่
คิดแล้วมันก็เจ็บหัวใจจริงๆ
“ไม่คิดมากแล้วถอนหายใจทำไมครับคุณชาย”
หม่อมหลวงคิมทำเป็นเอ่ยแซว ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มกลมใสของเพื่อนสนิท บอกตามตรงว่าเขาเองก็ไม่ชอบใจสักเท่าไหร่หรอกที่เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้
“งื้อ...
เอ็บอ๊ะอิม” (เจ็บนะคิม)
“ดึงให้เจ็บไงจะได้เลิกคิดมาก คิมรู้นะ” ว่าพลางปล่อยมือจากแก้วนวลด้วยเพราะสงสาร
“รู้อะไรเล่า...
เฮ้อ... มันไม่จริงเหรอคิม พี่ชายมาร์คน่ะเหมาะกับท่านหญิงโชอามากเลยนะ”
ป๊อก!
พูดจบไม่ทันไร
ก็โดนบะเหงกไปหนึ่งที ถึงแม้จะไม่แรงมากด้วยความสปอยเพื่อนของหม่อมหลวงคิม
แต่ก็ทำให้ใบหน้าเล็กยู่ลงจนน่าหมั่นเขี้ยว เป็นคิมนี่ลำบากจริงๆ ทำไมต้องเกิดมาน่ารักน่าแกล้งแบบนี้นะคุณแบม
“ถ้าพี่ชายมาร์คได้ยินคุณแบมพูดแบบนี้
ต้องรู้สึกเสียใจมากเลยรู้ไหม” คิมเอ่ยเตือนสติ ซึ่งคุณแบมก็นิ่งรับฟังและคิดตาม
แต่มันอดสับสนใจไม่ได้
ถึงแม้พี่ชายมาร์คจะปฏิบัติต่อตนดีเสมอมา ทำหน้าที่สามีที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย บางครั้งความใส่ใจของอีกฝ่ายมันก็ควรจะเพียงพอแล้วสำหรับความรู้สึกดีๆ
ที่สื่อถึงกัน แต่คุณแบมก็ไม่แน่ใจว่าความจริงอาจเพราะพี่ชายมาร์คเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว
ที่ใจดีกับทุกคนไม่ใช่เฉพาะคุณแบมคนเดียว สุภาพบุรุษเนื้อแท้อย่างพระองค์
แท้จริงแล้วรู้สึกแบบเดียวกันกับคุณแบมหรือไม่
...คุณแบมไม่อาจรู้ได้เลย
ความคิดเห็น