คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ❁ ภรรยาของท่านชาย 100% ❁
เป็นอีกครั้งที่สองตระกูลดังที่เปี่ยมไปด้วยตระกูลอันสูงศักดิ์มานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้า หม่อมเจ้าภาษกรเปรยตาไปมองยังร่างสูงโปร่งของนายเรืออากาศ ท่านชายมาร์คเปรียบเสมือนเพชรยอดมงกุฎของเล่าทหารอากาศ แม้จะอายุเพียงยี่สิบหกปีเศษแต่กลับมียศเป็นถึงนายเรืออากาศเอก พระองค์เจ้าทรงโชคดีที่มีบุตรชายน่ายกย่อง อดจะอิจฉาไม่ได้เพราะตนเองมีบุตรชายถึงสามคน แต่กลับไม่มีสักคนที่จะสามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวของภูวกุล แต่ถ้าได้บุตรชายเพียงคนเดียวของ เทวะโรจนหิรัญมาเป็น ‘เขยคนเล็ก’ ก็ย่อมดี
แม้ว่าบรรยากาศรอบข้างจะชื่นมื่นกับการตกลงครั้งใหม่และเป็นครั้งสำคัญของคนทั้งสองตระกูล แต่ยังมีหนึ่งชีวิตน้อยๆ เจ้าของแก้วตาใสสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังอมลมด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง คุณแบมยู่หน้าลงอย่างเห็นได้ชัดเธอไม่ได้ทานพายจนท้องอืดหรือว่าถูกสั่งงดทานพายในวันพรุ่งนี้ แต่เป็นเพราะสาเหตุที่ไร้เหตุผลของท่านพ่อที่เรียกเข้าเฝ้า จากที่มีความสุขกับการได้ทานพายแอปเปิ้ลสุดโปรดก็พังทลายลงเพราะสารที่ท่านพ่อ บิดาบังเกิดเกล้าของตนเผยออกมา
‘คุณแบมต้องเป็นเจ้าสาวให้ท่านชายมาร์ค’
ประโยคสั้นๆ ด้วยไม่กี่คำที่เรียงต่อกันมันทำให้ร่างเล็กที่นั่งข้างหม่อมยายอยู่ถึงกับช็อก กว่าสติจะกลับมาก็หวังจะโวยวายออกไปแต่กลับถูกสายตาของหม่อมยายตำหนิไว้เสียก่อน เพราะตอนนี้อยู่ต่อหน้าของพระองค์เจ้าและหม่อมเจ้าหญิง บิดาและมารดาของท่านชายตัวปัญหาสำหรับตนตอนนี้
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ศาลาสวนดอกไม้ คุณแบมเห็นท่านชายขอปลีกตัวกลับมาก่อน แต่เพราะไม่ได้เป็นที่สนใจสำหรับตนอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ต่อมาในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น บรรดาสาวใช้ก็เดินเข้ามาเรียนแจ้งข่าวให้ตนกับพี่ชายเนียร์ว่าท่านพ่อเรียกเข้าเฝ้า และนั่นคือทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนที่คุณแบมจะมานั่งหน้ามุ่ยชวนให้คนที่แอบมองอยู่นึกเอ็นดูเล่น
เจ้าของกรอบหน้าหล่อเหลายังคงจ้องน้องน้อยแก้มบวม อยากจะหัวเราะแต่เพราะต้องคงภาพลักษณ์อันสง่างามไว้จึงจำใจอดกลั้น ภายในอกก็นึกขำว่าทำไมคนตัวเล็กถึงยังทำหน้าบูดบึ้งอยู่ เดิมทีแก้มก็อวบอูมจนหน้าฟัดพาลให้นึกถึงมาชเมลโล่นุ่มนิ่มชวนให้งับอยู่แล้วพอมาอมลมเพราะความไม่พอใจของเจ้าตัวยิ่งน่ารักน่าชังเข้าไปใหญ่ แบบนี้จะไม่ให้เขากลับเข้ามาบอกเด็จพ่อเรื่องเจ้าสาวของตนได้ยังไง
“หากไม่มีใครคัดค้านอันใดเราก็จะไปจัดดูฤกษ์งามยามดี โหราจารย์ของพระองค์ท่านเคยทำนายทายทักไว้ว่าในกลางปีนี้ชายมาร์คจะได้ภริยาเช่นกัน คงไม่เร็วไปใช่ไหมสหาย” พระองค์เจ้าทรงเอ่ยถามมาด้วยรอยยิ้มกริ่ม เช่นเดียวกับท่านพ่อของร่างเล็กที่ยิ้มสวนกลับไปอย่างเจ้าเล่ห์ ทั้งสองรู้ใจกันเพียงสื่อสายตาด้วยเพราะคบสนิทกันมาช้านาน ท่านชายภาษกรพยักหน้ารับคำพระองค์เจ้าท่านอย่างยินดีโดยไม่สนสีหน้าของบุตรคนเล็กที่อยากจะแย้งใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกหม่อมยายห้ามเอาไว้ ว่าที่คุณหมอตัวน้อยอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เพราะอะไรน่ะเหรอ...
ก็นี่มันเดือนกลางปีนะสิ!
“ไม่มีปัญหาหรอกพระองค์เจ้าเมทิน...”
“คุณแบมยังเรียนอยู่เลยนะครับ จะ จะให้คุณแบมแต่งงานกับท่านชายได้ยังไงกัน” เมื่อทนไม่ไหว สุดท้ายคนหัวรั้นอย่างคุณชายตัวเล็กก็เอ่ยค้านขึ้นมา เรียกสายตาของผู้ใหญ่มองไปที่ตน ชายเนียร์มองน้องชายอย่างนึกเห็นใจ เข้าใจหัวอกน้องน้อยเป็นอย่างดีว่าเป็นเช่นไร คนที่เคยถูกตามใจและด้วยอายุยังน้อยนักจนไม่ประสีประสาอย่างชายแบมน่ะคงไม่สันทัดกับคำว่าภริยาใครแน่ แต่พอมองดูสถานการณ์โดยรวมแล้วคงหนีไม่พ้น เพราะสายตาลุ่มหลงของท่านชายซึ่งกำลังทอดมองน้องขายตนนั้นช่างเห็นได้ชัดยิ่งหนัก
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่งแล้วก็เรียนต่อได้คุณแบม ยายไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรเลย” เมื่อถูกเสียงแหบตามกาลเวลาของคนเป็นยายเอ่ยท้วง เจ้าของใบหน้าน่ารักก็สลดลงอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตากลมโตหมองลงจนน่าสงสารเพราะไม่สามารถขัดอะไรได้อีก เหตุผลที่คิดได้เหตุผลเดียวก็ดันถูกดักทางได้เสียแล้ว
คนเป็นพี่ลอบมองใบหน้าน่ารักอยู่ก็อยากจะสงสาร มันไม่ถูกนักที่ตนมัดมือชกน้องให้มาเป็นภรรยาของตน แต่เพราะอยากครอบครองเพียงน้องจึงไม่สามารถเลี่ยงทางนี้ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่พึ่งได้พบกัน หัวใจแกร่งของชายชาติทหารอย่างเขาจะสั่นคลอนได้ถึงเพียงนี้ หากไม่ได้แต่งงานกับน้องเขาคงจะทนไม่ได้ แค่คิดว่าร่างกายอิ่มน้ำอิ่มนวลของร่างเล็กจะตกเป็นของชายคนอื่น หัวใจของเขาก็ร้อนระอุด้วยโทสะเสียแล้ว
ขออภัยที่ต้องฝืนหัวใจ...
แต่พี่สัญญาว่าจะทำให้คุณแบมรู้สึกแบบเดียวกันให้จงได้...
“ฮึก... ฮือ... ง่ำๆ ... ฮือออออ”
เสียงร้องสะอื้นคลุกเคล้าเสียงขบงับคุกกี้ดังสลับกันจนแยกไม่ออก ร่างเล็กที่กำลังนั่งจมปุกอยู่ที่เก้าปี้สองแขนโอบกอดโหลบรรจุคุกกี้ของโปรดรองลงมาจากพายแอปเปิ้ล ปากอวบอิ่มสีเชอรี่เบะคว่ำสลับกับเคลื่อนไหวไปมาเพราะเคี้ยวคุกกี้ในปาก กิริยาของน้องเล็กทำให้พี่ชายทั้งสองคนมองด้วยอารมณ์ที่ไม่ต่างกัน ติดที่ว่าชายแจนรู้สึกหมั่นเขี้ยวแก้มอูมๆ นั่นจนอยากจะงับสักที ส่วนพี่ชายคนโตอย่างชายเนียร์ก็นึกสงสารน้องจนอยากปลอบใจ แต่ตนก็ทำได้เพียงอบคุกกี้บรรจุโหลเพื่อเป็นสิ่งปลอบใจหนึ่งเดียวให้คุณแบมเท่านั้น
แม้จะไม่หยุดร้องไห้ แต่อย่างน้อยเห็นน้องเจริญอาหารเขาก็พอใจแล้วล่ะ
“ค่อยๆ ทานสิคุณแบม หม่อมยายเข้ามาเห็นเดี๋ยวก็ตอนหวายหรอก” พี่คนรองอดเตือนไม่ได้เมื่อเห็นฝ่ามือเล็กกำลังหยิบคุกกี้เข้าปากอีก ทั้งที่ในปากยังมีคุกกี้อยู่จนแก้มอูมไปหมดแล้ว และมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อหยิบยื่นชื่อของคนที่ชายแบมกลัวอีกหนึ่งคน แม้จะใจดีมากแต่ก็เป็นคนที่ลงหวายกับคุณแบมได้แค่คนเดียวก็คือหม่อมยายนี่แหละ คุณแบมไม่อยากเจ็บ... แต่คุณแบมเสียใจ...
ฮึก... ง่ำๆๆๆ
“ฮึก คุณแบม.. ฮือ... คุณแบมไม่อยากแต่งงาน” เสียงสะอื้นชวนสงสารของคุณชายแบมแบมเรียกคะแนนสงสารให้พี่ชายทั้งสองได้เป็นอย่างดี ชายเนียร์อดใจไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปกอดน้องชายไว้ในอก เขารักคุณแบมมาก การเห็นน้องชายต้องมาร้องไห้เสียใจแต่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลยแบบนี้มันทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย
จากที่ได้ข้อสรุป เหลือเวลาไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำกับกำหนดการฤกษ์หมั้นหมาย สองวันผ่านมาแล้วหลังจากที่ท่านชายมาร์คกับคุณแบมได้มาพบกัน แม้ท่านชายจะติดราชการขึ้นบินไปที่แคว้นทางใต้แต่คนของวังเทวะโรจนหิรัญก็มาแจ้งข่าวถึงกำหนดการหมั้นที่จะถูกจัดขึ้นปลายเดือนนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ให้คุณแบมร้องไห้ฟูมฟายไม่แพ้วันแรกที่รู้ว่าตัวเองที่เป็นคนรับชะตากรรมแทนพี่ชาย
สำหรับชายแจน เขาคิดว่าคำว่าชะตากรรมนี้คงเป็นกรรมดีไม่ใช่กรรมชั่ว ท่านชายมาร์คเป็นบุรุษที่น่ายกย่องและเป็นสุภาพบุรุษที่ดีคนหนึ่ง ทรงมีพระทัยกว้างไกลและใจดีมันไม่ใช่เรื่องยากหากจะเชื่อใจชายคนนี้ให้ดูแลน้องชายคนเล็กของเขา เช่นเดียวกันกับชายเนียร์ เขารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ท่านชายทรงมีให้คนรอบกาย แม้จะดูน่าเกรงขามเพราะความสุขุมนุ่มลึกของอีกคน แต่ถ้าได้รู้จักจริงๆ ท่านชายทรงเอ็นดูคุณแบมมาก อาจจะมากจนไม่กล้าขัดใจเจ้าตัวแสบของเขาเลยก็ได้ ติดที่ว่าน้องของตนมีอุดมการณ์ยึดมั่นว่าไม่อยากแต่งงาน จนตอนนี้แล้วก็ยังไม่เลิกเสียใจ
“ท่านชายทรงเป็นคนดี ลองเปิดใจดูอาจจะไม่มีอะไรเสียหายก็ได้นะคุณแบม” ชายแจนเอ่ยเพื่อปลอบใจ
“ไม่เห็นจะใจดีเลย มาบังคับคนอื่นให้แต่งงานด้วยแบบนี้ไม่เห็นจะใจดีตรงไหน” เสียงหวานค้านขึ้นดังอู้อี้อยู่ในอกของพี่ชายคนโตที่กำลังลูบหัวปลอบประโลมอยู่
“ไม่ใช่ท่านชายบังคับเสียหน่อย ทรงค้านพระทัยพระองค์เจ้าท่านไม่ได้มากกว่านะคุณแบม” ชายเนียร์ว่า
“แล้วทำไมต้องเปลี่ยนมาเป็นคุณแบมล่ะ ฮึก... คุณแบมพึ่งจะเรียนอยู่ปีหนึ่งเอง” ร่างบางในอ้อมแขนของพี่ชายถามขึ้น น้องน้อยสงสัยนักว่าทำไมต้องเป็นตัวเอง ท่านชายมาร์คทรงมาตรัสอะไรทำไมทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนไปหมด แม้จะดีใจที่พี่ชายเนียร์ไม่ต้องมาทนทุกข์ แต่กลับต้องเป็นตนที่มารับชะตากรรมนี้แทนมันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
คุณแบมไม่โอเคเลยนะ!
“เรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหาหรือคุณแบม คิดในแง่ดีนะ... ตอนนี้คุณแบมกลายเป็นฮีโร่ให้พี่ชายเนียร์เลยรู้ไหม”
“...” ร่างบางหยุชะงักฟังพี่ชายคนรองเอ่ย ในใจเองก็รู้สึกชื้นใจขึ้นมาบ้าง เขาเองก็รักพี่ชาย แม้คุณแบมจะเด็กอยู่แต่ก็ดูออกว่าพี่ชายเนียร์ไม่ได้รักท่านชายมาร์คเลย หากต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปทั้งชีวิตโดยที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ได้เรียกร้องอะไร แต่เดิมทีเพราะชาติกำเนิดที่ไม่เหมือนคนอื่นก็ทำให้พี่ชายเนียร์รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าทุกคนจึงมักกลายเป็นคนเสียสละเสมอ หากต้องไปแต่งงานกับท่านชายมาร์คก็คงไม่กล้าออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรเช่นกัน แบบนั้นพี่ชายตนต้องกลายเป็นเมียใต้ฝ่าเท้าแน่ๆ... แต่ถ้าเป็นคุณแบม แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้รักท่านชายหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่น แต่ตนเชื่อว่าตนสามารถอยู่เหนืออีกฝ่ายได้...
ถ้าคิดบวกลบคูณหารผลดีกับผลเสียแล้ว... เป็นคุณแบมมันต้องดีกว่าพี่ชายที่น่าสงสารอย่างพี่ชายเนียร์แน่ๆ...
ร่างเล็กผละออกจากอ้อมแขนของคนเป็นพี่ ก่อนจะล้วงไปหยิบคุกกี้นมสดขึ้นมางับไว้ น้ำตาที่เคยไหลเริ่มเหือดแห้งไปแล้ว ส่วนหนึ่งก็ฝากไว้กับเสื้อของพี่ชายเนียร์ และอีกส่วนคือมันไม่ได้ไหลเพิ่มมาอีก สีหน้าครุ่นคิดของน้องชายคนเล็กตกอยู่ในสายตาของพี่ชายทั้งสองคนเป็นอย่าง ชายเนียร์รู้สึกไม่ดีที่น้องชายต้องมาเสียสละแทนตน ส่วนชายแจนเองก็เริ่มจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง แม้จะอยากขอโทษน้องชายที่ใช้แผนยั่วยุนี้เพื่อหลอกล่อให้อีกคนยอมรับเหมือนผลักไสน้องชายให้ซวยแทนก็เถอะ แต่มองรวมๆ แล้วหากคุณแบมใจตรงกันกับท่านชายทุกอย่างมันย่อมดีแน่ และที่สำคัญมันคงไม่ยากเกินความสามารถของท่านชายมาร์คหรอก
“ได้!... คุณแบมจะปกป้องพี่ชายเนียร์จากท่านชายมาร์คเอง (ノ><)ノ !!” สองแขนเล็กชูขึ้นฟ้าเพื่อเรียกกำลังใจ เหมือนลูกแมวตัวเล็กสำหรับพี่ชายทั้งสองคน ความน่ารักน่าหยิกของคุณแบมทำให้ทั้งคู่ส่ายหัวพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู ดวงตาสุกสกาวลุกโชนด้วยความเพียรพยายามที่น่ายกย่องนัก นี่คงคิดวางแผนป่วนท่านชายไว้แล้วสินะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรเห็นใจใครดีระหว่างน้องของพวกเขา
หรือท่านชายมาร์คกันแน่...
อ่า... ใช่สิ... ต้องเป็นท่านชายอยู่แล้วที่น่าเห็นใจ...
ต่อตรงนี้นะคะ
เสียงเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ดังที่หมุนกระแสลมเป็นวงค่อยๆ ซาลงเมื่อเครื่องบินสำรวจลาดตระเวรไปยังทางใต้ของแคว้น แคว้นหิมาลายันเป็นแคว้นอันแสนสงบตั้งอยู่ทางเหนือของโลก สภาพอากาศกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวระยิบระยับ อีกยี่สิบคือเม็ดฝนโปรยปลายและมีเพียงสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับฤดูที่แสนอบอุ่นของประชากร แต่แคว้นหิมาลายันกลับมั่งคั่งด้วยสินทรัพย์อย่างล้นเหลือ ที่โดดเด่นคงจะหนีไม่พ้นอัญมณีหายากที่ทั้งโลกมีเพียงแค่ที่นี่เท่านั้น
แม้จะเป็นแคว้นเล็กๆ แต่สำหรับหน่วยลาดตระเวรจำเป็นอย่างนายเรืออากาศเอก หม่อมเจ้ามกรธวัช เทวะโรจนหิรัญกลับไม่เคยมองข้ามแม้แต่จุดเล็กๆ พื้นที่ทางใต้ของแคว้นมีปัญหาเรื่องโจรป่า การลาดตระเวรในช่วงนี้เพื่อกรองข่าวให้แก่หน่วยงานสืบสวนที่จะทำหน้าที่ต่อไปเท่านั้น ซึ่งเจ้าของเครื่องบินลาดตระเวนลำนี้ก็สามารถทำออกมาได้ดีอีกเช่นเคย
ร่างสูงของนายเรืออากาศเดินสง่าลงมาจากเครื่องบินใหญ่พร้อมหมวกนิรภัยที่ถูกหนีบไว้ที่สีข้าง ใบหน้าเรียบนิ่งยากจะหยั่งลึกของท่านชายไม่มีใครหยั่งรู้ความคิด ตามทางเดินทั้งสองข้างมีเหล่าทหารยศน้อยกว่ายืนทำความเคารพเจ้าของยศนายเรืออากาศเอกอย่างเป็นระเบียบ แม้จะหยุดทักทายบ้างแต่ก็ไม่มาก มาดผู้นำที่น่าเกรงขามนี้แม้เหล่านาวีบางนายจะอายุมากกว่าแต่ก็ขอยอมรับนับถือเขาคนนี้
ท่านชายว่าที่เจ้าบ่าวเดินตรงมายังห้องล็อกเกอร์ที่เก็บสำภาระของตัวเอง วันนี้เป็นวันสำคัญและตนกำลังจะสาย เมื่อเช้าก่อนไปทำงานมารดาของตนได้กำชับนักหนาว่าวันนี้ต้องไปรับน้องมาทานอาหารที่วังให้ได้ ตลอดทั้งวันใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องก็ลอยเข้ามารบกวนตนตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเผลอยิ้มไปกี่ครั้งแล้วแต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นไปเอง จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ มีเพียงคนเดียวที่ทำให้ท่านชายมาร์คผู้ชายไร้อารมณ์เปลี่ยนไปขนาดนี้
คุณชายแบมแบม
ปัง!
เสียงปิดล็อกเกอร์ดังขึ้นหลังจากที่หมวกนิรภัยส่วนตัวถูกเก็บไว้เปลี่ยนเป็นแว่นตากันแดดยี่ห้อดังอันใหม่แทน หากแต่ว่ากลับมีร่างของชายหนุ่มสองคนยืนถัดไปทางด้านขวามือตน ซึ่งประจำตำแหน่งล็อกเกอร์ที่สองคนนั้นยืนอยู่แล้วคงหนีไม่พ้นเพื่อนสนิทของเขาเอง
“กลับมาแล้วเหรอเจป งวดงี้เป็นไปเดือนๆ เลยนะ” เสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ของท่านชายถูกเปล่งออกไป เจ้าของนามที่ถูกถามหันมามองด้วยสายตาที่เรียบเฉย หากเปรียบท่านชายเป็นคนที่ไร้อารมณ์แล้ว คนที่ยืนติดกันทางด้านขวานี้ก็คงหนักกว่า แถมให้อีกอย่างคือคนไร้อารมณ์ไปด้วย
‘ม.ร.ว. จารุกิตติ์ กิตติธนากุล’ หรือ ‘คุณชายเจบี’ แต่สำหรับคนที่สนิทจะเรียกว่าเจป เรืออากาศโทหนุ่มผู้ไม่ฝักไฝ่สิ่งใดบนโลกนี้ คุณชายใหญ่แห่งวังกิตติธนากุล เพื่อนร่วมรุ่นที่อดเลื่อนขั้นเพราะไม่ค่อยขยันทำผลงาน คุณชายเจบีเป็นบุคคลใฝ่หาเพียงสิ่งเดียวคือความเงียบสงบ หนึ่งเดือนก่อนคุณชายเจบีถูกสั่งให้บินสำรวจทางตอนเหนือของแคว้นและเข้าแทรกซึมเป็นคนในท้องถิ่นทำให้ชายผู้นี้หายหน้าหายตาไปกว่าร่วมเดือน เป็นเหตุที่ทำให้ท่านชายแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเพื่อนคนนี้ที่นี่
“กลับมาแซว” เสียงเรียบนิ่งดังตอบกลับมา เรียกรอยยิ้มที่มุมปากของท่านชายได้เป็นอย่างดีเพราะรู้ว่าที่คุณชายเจบีว่านั้นคืออะไร สงสัยข่าวของเขาจะบินไกลไปจนถึงแดนทางเหนือเลย... หรือไม่แน่... อาจจะเพราะเหตุผลบางอย่างที่ทำให้คุณชายไร้อารมณ์คนนี้กลับมา
“จะมาฉลองก็บอกครับคุณชาย” คำพูดจี้จุดของนายเรืออากาศเอกอีกคนที่ยืนทางด้านขวาของคุณชายเจบีทำให้เจ้าตัวขมวดคิ้วโชว์ความรู้สึกออกมา เห็นทีว่าคุณชายไร้อารมณ์นั้นจะไม่ได้ไร้อารมณ์เสมอไป อย่างน้อยก็มีอยู่หนึ่งคนที่มีผลต่อความรู้สึกของคนๆ นี้
“ไร้สาระน่าแจ็คสัน ท่านนายพลเรียกหาไม่ใช่หรือไง” เมื่อถูกล้วงความคิด แน่นอนว่าคนที่ปกปิดความคิดได้เป็นอย่างดีอย่างคุณชายเจบีย่อมหลีกเลี่ยง เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว... ยิ่งกับ คนๆ นั้น แล้ว ยิ่งไม่อยากให้ใครยุ่ง
“ครับๆ คุณชาย เออ... เห็นชอบแวะร้านขนมแถวหน้าปากซอยทางเข้าภูวกุล ถ้าแวะไปร้านขนมฝากซื้อพายองุ่นด้วยนะครับ” แจ็คสันปิดตู้ล็อกเกอร์ของตัวเองก่อนจะตบบ่าเพื่อนสนิทเพื่อจงใจกวนประสาทอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ยักคิ้วให้ท่านชายเหมือนส่งต่องานกวนประสาทให้ก่อนจะเดินออกไปในที่สุด
ท่านชายมองตามร่างหนาของเพื่อนสนิทที่เดินออกไปแว้บเดียว ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของคุณชายเจบีที่ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ แจ็คสันเป็นคนฉลาด ด้วยนิสัยที่เจ้าสำราญทำให้รู้จักคนมากหน้าหลายตา ไม่แปลกใจที่เรื่องของตนจะหลุดมาถึงหูของเพื่อนคนนี้ได้
“ร้านขนมหน้าวังภูวกุลเหรอ... เราไม่รู้เลยนะว่านายชอบไป” ท่านชายเอ่ยถามเพื่อนสนิท ความจริงเรื่องนี้ก็พึ่งได้รู้ ด้วยเพราะนิสัยที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น หรือแม้แต่เรื่องยิบย่อยต่างๆ หากไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองท่านชายจะไม่สนใจ ตนรู้เพียงว่าเจบีมีคนที่ชอบแต่ไม่ยักรู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับวังภูวกุล... เพราะร้านขนมซอยหน้าวังภูวกุลนั้นเป็นของมารดาของชายเนียร์ อดีตคู่หมายของเขาเองยังไงล่ะ
“อย่าไปฟังแจ็คสันมากเลยกระหม่อม แล้วนี่ไม่ได้มีธุระเหรอ ตอนแรกเห็นรีบ?”
ธุระ?...
ให้ตายสิ... ซวยแล้วไหมล่ะ!
ดวงตาเรียวคมเบิกโผงอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมีธุระสำคัญยิ่งกว่าการมายืนสืบสวนเรื่องของเพื่อนสนิท สองขายาวจ้ำอ้าววิ่งออกจากห้องล็อกเกอร์ทันทีหลังจากก้มมองนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือ ไม่มีการบอกลาใดๆ ทั้งนั้น ซึ่งจากอาการร้อนรนขนาดนี้แล้วแน่นอนว่าท่านชายอาจจะเจอเรื่องเดือดร้อนแน่หากไปไม่ทันธุระสำคัญของตัวเอง เพราะอย่างนั้นคุณชายเจบีจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะตอนนี้เขาเองก็มีธุระที่ต้องไปเช่นกัน...
ก็ธุระซื้อพายให้แจ็คสันไงล่ะ
หึ้ย!! คุณแบมจะโมโหแล้วนะ!!
ไหนบอกว่าบ่ายสามจะมารับที่หน้าคณะ คุณแบมอุตส่าห์เลิกเร็วเพราะเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสองครึ่งแต่นี่นั่งรอมาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววของใครมารับเลย นี่พี่ชายแจนโทรมาหลอกคุณแบมหรือเปล่าเนี่ย
ใบหน้าจิ้มลิ้มหักงออย่างหัวเสีย ร่างเล็กในชุดนักศึกษาถูกระเบียบกอดหนังสือเล่มใหญ่ไว้ที่อกนั่งอยู่ที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าร้านกาแฟหน้าตึกแพทยศาสตร์มาร่วมชั่วโมง ก่อนหน้านี้ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายคนรองว่าตนต้องไปรับประทานอาหารที่วังเทวะโรจนหิรัญ ลำพังแค่เรื่องนี้ก็ทำให้ร่างเล็กหงุดหงิดแล้ว แต่นี่ยังต้องมานั่งรอร่วมชั่วโมง จะบ่ายสามครึ่งแล้วยังไม่มีใครโผล่มารับตนสักคนเลย รถมันติดหรือยังไงกัน!
คุณชายร่างเล็กนั่งอยู่ตรงนั้นนานจนรู้ตัวว่าถูกสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาจ้องมอง ความจริงเพราะทุกคนต่างรู้จักคุณชายว่าที่หมอตัวน้อยเป็นอย่างดี ทั้งด้วยนามสกุลชื่อดังของตนและด้วยใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูของคนที่ได้พบเห็น แน่นอนว่าภาพรวมๆ ของนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งคนนี้ย่อมเป็นที่จับตามอง ซึ่งคุณแบมก็พยายามทำเป็นมองเห็นบ้างไม่มองเห็นบ้าง มีบางคนที่ร่างเล็กส่งยิ้มให้เพราะความอัธยาศัยดี กับบางคนที่หน้าเห็นใจที่ได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของเธอที่พึ่งจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เอง
แต่ถึงแม้อย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังน่ารักสำหรับพวกเขาอยู่ดี
“หิวแล้วนะ คุณแบมหิวแล้วนะ! หึ้ย!!” เสียงสบถเล็กดังขึ้น หากไม่ได้อยู่บริเวณนั้นคงไม่มีทางได้ยิน อาจจะเห็นบ้างว่าคนตัวเองกอดอกบางเชิดหน้าขึ้นเหมือนมองค้อนลมค้อนน้ำเพราะกำลังพาลด้วยความหิว แต่มันก็ยังดูเพลินตาสำหรับคนที่ผ่านไปผ่านมา กิริยาเด็กๆ ของเธอช่างน่ารักน่าชังเสียจริง
แต่สำหรับเจ้าตัวแล้วอยู่คนในอารมณ์เลย คุณแบมไม่ได้ทานอาหารกลางวันเพราะอาจารย์นัดทำแลปจนล่วงเวลา ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะกลับไปทานอาหารฝีมือพี่ชายเนียร์ให้พุงกลางเพราะจะแวะร้านขนมของหม่อมแม่นางน้อยสักหน่อย แต่เพราะพี่ชายแจนโทรมาบอกเรื่องนั้นถึงได้มีหวังว่าจะได้ทานที่วังเทวะโรจนหิรัญ แม้ไม่อยากไปแค่ไหนแต่ความหิวสามารถชนะทุกสิ่งอย่างได้จริงๆ ตอนนี้คุณแบมหิวจนสามารถทานวังได้ทั้งวังแล้วนะ!
“อมลมจนแก้มป่องแล้วคุณแบม หัวเสียอะไรอยู่ครับคนดี”
เสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นเบื้องหน้าของคุณชายตัวเล็ก ทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองเจ้าของร่างสูงในชุดนาวีอากาศสีเขียวเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาเอกลักษณ์ประจำตัวของอีกฝ่ายทำให้คุณแบมจำได้แม่นยำ จะมีใครที่สามารถลืมใบหน้าของเจ้าบ่าวในอนาคตของตัวเองได้ล่ะ เพราะมัวแต่งอแงเอาหน้าจุ่มหนังสือเล่มใหญ่ถึงได้ไม่รู้ว่าเสียงรอบตัวที่ฮือฮาอะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะ...
แล้วเมื่อกี้พูดอะไร คนดงคนดีอะไรกัน ทำไมถึงมาเรียกคุณแบมด้วยน้ำเสียงละมุนแบบนั้น ใจมันเต้นตึกตักแบบนี้ไม่ดีเลย! (#`ε´#)
“งื้อ!” เพราะถูกรอยยิ้มมุมปากบาดใจของท่านชายมาร์ค Kill ความโกรธก่อนหน้าก็พาลให้หายไปอย่างไม่รู้ตัว ร่างบางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำยังไงต่อ หากเล่นเกมอยู่ตอนนี้คงถูกสะตั้นที่กลางหน้าเลยก็ว่าได้ ความจริงก่อนหน้านี้คุณแบมว่าจะงอแงใส่คนมารับ เพราะคิดว่าอาจเป็นคนขับรถของทางวังเทวะฯ ก็ได้ ไม่คิดเลยว่าเจ้าบ่าวในอนาคตของตนจะมารับเองเสียได้
พี่ชายแจนไม่บอกคุณแบมได้ยังไง คุณแบมจะงอนพี่ชายแจนให้ง้อหนักๆ เลยคอยดู!
ร่างสูงสง่าของเรืออากาศเอกนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามน้องน้อยว่าที่ภริยาก่อนจะยื่นถุงแซนวิชร้านดังที่แวะซื้อมาให้อีกคนเพราะกลัวว่าจะหิวเหมือนมีรางสังหรณ์ใจ พอมาเห็นใบหน้าง้ำงอแก้มป่องเพราะอมลมไว้ส่วนหนึ่งของอีกคนก็ทำให้นึกขอบคุณตัวเองที่ซื้อมาเผื่อ เพราะเขาดันได้ยินประโยคของคุณแบมก่อนหน้าเข้าให้ ยอมรับเลยว่ารู้สึกผิดที่มัวแต่ทำใจเย็นกับเพื่อนจนทำให้มาสายจนทำให้คนตัวเล็กนั่งโอดครวญอยู่เช่นนี้
“หิวก็ทานรองท้องก่อนนะ เราขอโทษที่มารับคุณแบมช้า” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ทำให้ร่างน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใจอ่อนยวบ ส่วนหนึ่งเพราะแซนวิชที่อยู่เบื้องหน้าด้วย
“เห็นว่ารู้พระองค์เองหรอกนะ คุณแบมจะรับคำขอโทษไว้แล้วกัน” เสียงใสแจ๋วตอบรับมา ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบแซนวิชน่าทานในถุงมาทานจนแก้มอูม แม้จะเห็นแววตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นร่าเริงดีใจเหมือนเด็กได้รางวัลแต่ก็ยังไม่วายค้อนมองมาที่คนเป็นพี่อย่างเคืองๆ ไม่ได้สนคำนำหน้าของอีกฝ่ายที่เป็นถึงหม่อมเจ้าชายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสำหรับท่านชายแล้วยิ่งไม่ถือสาใหญ่เพราะไม่ว่าน้องจะทำสิ่งใดก็พึงพอใจอยู่ดี ดูจากสายตาที่มองมายังร่างเล็กซึ่งคนมองที่มองดูอยู่นั้นพากันเห็นประกายสีชมพูบินรอบตัวของทั้งสองคนราวกับว่าไม่มีใครที่สามารถแทรกกลางได้... ท่านชายมาร์ครู้สึกกับคุณแบมมากจริงๆ
แต่ก็มีเพียงเจ้าตัวน้อยเท่านั้นแหละที่ยังไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น