คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Libido 3 : ลิลี่
it's not love not hate but it's just a Libido | Chapter 3
- III -
สัมผัสของผู้ชายคนนั้นยังวาบหวามติดอยู่ภายในใจของเขา
เซน มาลิคครางเสียงต่ำในลำคอ แพขนตาหนาปรือปิดดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทไปมากกว่าครึ่ง เขาเอื้อมมือไปคว้าหาร่างของคนๆหนึ่งที่มักจะนอนอยู่ข้างกายเสมอ
เพียงแต่คราวนี้มันแปลกไปจากเดิม
ดวงตาสีน้ำตาลชวนให้หลงใหลเปิดกว้างทันทีเมื่อมือที่กำลังควานหาใครบางคนอยู่นั้นพบเพียงแต่ความเย็นยะเยือกของผ้าปูเตียง ไม่เจอสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพบ
เขาผุดลุกขึ้นนั่ง มองไปยังเตียงอีกฝั่งที่ว่างเปล่าให้เต็มตา
เพื่อที่จะพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่า แฮร์รี่ สไตล์สหายตัวไปแล้วจริงๆ
เซนเผลอกันริมฝีปากล่างของตัวเองด้วยความเคยชิน – สิ่งที่เขามักจะชอบทำเมื่อรู้สึกเป็นกังวลเสมอ
และที่เขาอยากจะรู้ก็คือ ... มันจะเป็นแบบนี้ไปสักอีกกี่ครั้งกัน?
กลิ่นดอกไม้ยังหอมอบอวลฟุ้งอยู่ทั่วห้อง เซนนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อคืน กลิ่นนี้มันเกิดจากตอนที่เขายุให้แฮร์รี่ลองสวมมงกุฎดอกไม้ที่เขาทำขึ้นเอง เขายังจำรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ปรากฏออกมาทาบทับบนริมฝีปากบางได้เมื่อตอนที่เขาบอกไปว่าแฮร์รี่สวมมันแล้วสวยมากแค่ไหน
ใบหน้าสวยที่มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำจนทำเอาเขาแทบจะหายใจติดขัดทุกครั้งที่ได้เห็นมัน ดวงตาสีเขียวเป็นประกายของอีกฝ่ายที่มองกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ
เขารักอีกฝ่ายมากจริงๆ
เซนมองไปยังมงกุฎดอกลิลี่ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง กลีบดอกสีขาวเริ่มปรากฏร่องรอยสีน้ำตาลลึก บ่งบอกว่าดอกไม้ไม่กี่ดอกบนมงกุฎนั้นมันเริ่มที่จะเหี่ยวเต็มที
ผ้าห่มที่ถูกคลุมตัวเอาไว้ลวกๆถูกขยำเอาไว้แน่น
ครั้งที่แล้วมันก็เป็นแบบนี้ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก แต่เมื่อสอดส่องสายตามองหาอีกฝ่ายก็พบว่าผู้ชายคนนั้นไม่อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันทำเอาเขาอยากเป็นบ้าตายไปเสียตรงนั้น
ภาพของแฮร์รี่ตอนที่ใส่มงกุฎนี้ยังคงติดตาทุกครั้ง ไม่ยอมจางหายไป
รอยยิ้มของแฮร์รี่ สไตลส์ยังคงอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่ามองไปที่มุมหรือจะซอกไหนในห้องก็ตาม รอยยิ้มแสนหวานนั้นก็ยังมีโผล่ให้เห็นทุกครั้งไป
เขาคิดถึงแฮร์รี่ สไตลส์คนเก่า
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรปกปิดเขาเอาไว้ แฮร์รี่ สไตล์สไม่ใช่คนที่ปกปิดเก่ง ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะพยายามเสแสร้งให้ดูเป็นปกติแค่ไหน แต่ดวงตาสีเขียวคู่นั้นมันก็มักจะคอยบอกความจริงกับเขาทุกครั้งไป
รอยยิ้มของแฮร์รี่ สไตล์สนั้นไม่เคยหวานเหมือนเดิม ตรงกันข้าม....มันกลับเจือความขมแปลกๆ ที่มักจะรุนแรงขึ้นทุกครั้งไป
เขาเหนื่อยกับการแสร้งไม่ระแคะระคาย เหนื่อยกับการต้องทำหน้าเหมือนเขาไม่รู้ไม่เห็น เหนื่อยที่จะต้องทำเป็นเชื่อทุกอย่างที่ผู้ชายคนนั้นคอยพร่ำบอกว่า ‘มันไม่มีอะไร’ กับเขา
ทั้งๆที่เขาและตัวคนพูดที่พูดมันออกมาเองต่างก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ดวงตาสีเขียวคู่นั้นมีความกังวลซ่อนเอาไว้อยู่ตลอดเวลา
เป็นเพราะว่าเขากับผู้ชายคนนั้นแอบคบกันอย่างนั้นหรอ?
ไม่ใช่หรอก ถึงแม้ว่าแฮร์รี่จะพยายามบอกให้เขากลับไปหาเพอร์รี่ก็ตาม แต่ตอนที่คบกันช่วงก่อนหน้านี้แฮร์รี่ก็ไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้ออกมาเลยสักครั้ง
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องมานั่งทำไอ้มงกุฎปัญญาอ่อนนี่ทั้งวันจนหลังแข็ง ....มันก็อาจจะเป็นเพราะเขาอยากได้รอยยิ้มแบบเก่าของแฮร์รี่ สไตล์สกลับคืนมา
ซึ่งก็ดูเป็นการใช้เวลาพักผ่อนที่นานๆทีจะมีได้อย่างไร้ค่าเหลือเกิน
เขาต้องคอยห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นไปเขย่าตัวอีกฝ่ายแล้วบังคับให้บอกกับเขามาว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องปิดบังเขาเอาไว้ขนาดนั้น
บางทีแฮร์รี่อาจจะคบหาดูใจกับใครอยู่ – ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เขาหวาดกลัวมาโดยตลอด
เขารู้ตัวว่าตัวเองช่างเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากให้แฮร์รี่คบกับใครบังหน้าอย่างที่เขาทำบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขารู้ตัวว่ามันเจ็บแค่ไหนที่ต้องมองหน้าของผู้หญิงคนที่ไม่ได้รักแต่ก็ต้องมาเสแสร้งทำเป็นว่าเขารักเธอ เขายอมรับว่าเขาอยากจะบอกเลิกเพอร์รี่เต็มที ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีเกินกว่าที่เขาจะสามารถมาทำแบบนี้กับเธอได้ แต่มันก็เป็นประโยชน์กับเขาและแฮร์รี่มากจนเขาต้องทำลายศีลธรรมข้อนั้นของตัวเองลงไป
เขายอมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ชายสารเลว แค่เพื่อให้แฮร์รี่จมปลักอยู่กับตัวเอง ทั้งๆที่เขาก็รู้ดีว่าอนาคตของแฮร์รี่จะต้องดีกว่านี้ถ้าไปคบกับคนที่ดีกว่าและไม่เห็นแก่ตัวแบบเขา
แต่เขามันก็ดีแต่พูด แทบไม่อยากจะนึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเจ็บปวดมากแค่ไหนถ้าได้เห็นแฮร์รี่ส่งยิ้มให้คนอื่น....ที่ไม่ใช่เขา
กลิ่นคาวคละฟุ้งอยู่เต็มช่องปากเป็นสิ่งเดียวที่กระชากสติเขากลับคืนมา เซนสะดุ้งก่อนจะเอามือไปแตะบริเวณริมฝีปาก หยดเลือดสีเข้มปาดติดปลายนิ้วกลับคืนมา เซนขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดก่อนจะใช้มือเช็ดเลือดออกไป ไม่สนว่าการที่เขาถูมือลงบนแผลแรงๆมันจะทำให้เลือดออกมาเยอะมากกว่าเดิม
ดวงตาสีน้ำตาลตวัดกลับไปมองมงกุฎดอกลิลี่ เขาเอื้อมมือไปคว้ามันเอาไว้ หยดเลือดที่เปรอะฝ่ามือระบายไปบนกลีบดอกสีขาวอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาขมวดคิ้ว พยายามที่จะเช็ดมันออก แต่มันก็ยิ่งเลอะมากขึ้นกว่าเดิม
ดอกลิลี่สีขาว ถูกย้อมให้กลายเป็นสีแดงเพราะเขา
เหมือนกับรอยยิ้มที่สดใสนั้น ต้องมามัวหมองลงเพราะตัวเขาเอง
เซนเขวี้ยงมงกุฎในมือลงไปยังถังขยะที่วางเอาไว้อีกฟากหนึ่งของห้อง กลีบดอกลิลี่กระจัดกระจายเปะปะไปทั่วพื้นห้องเมื่อตัวมงกุฎถูกโยนไปกระแทกกับกำแพงแทนที่จะลงไปในถังขยะอย่างที่เขาต้องการ
เขาล้มตัวลงนอน ไม่สนหยดเลือดที่เปรอะเลอะผ้าปูที่นอนหรือแผลบนริมฝีปากที่เต้นตามจังหวะการบีบรัดของหัวใจ
เขาแค่อยากจะนอนพัก นึกว่าตัวเองควรจะทำหน้ายังไงตอนพบแฮร์รี่ในวันพรุ่งนี้
มันก็แค่นั้น แค่นั้นจริงๆ
.
.
.
.
ดวงตาสีเขียวมองไปยังป้ายชื่อร้านกาแฟที่ติดเอาไว้ให้เห็นชัดเจนบนหน้าประตูทางเข้าร้านก่อนจะเบนกลับมายังข้อความในมือถือ
แฮร์รี่ สไตล์สหยุดยืนอยู่หน้าประตูร้าน ลมหายใจติดขัดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
หายใจเข้าลึกๆแฮร์รี่ มันไม่มีอะไรหรอก
แน่นอนว่าเขาพยายามที่จะพูดกับตัวเองแบบนั้น
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้รู้สึกตัว เขาก็มายืนอยู่ในร้านแล้ว ดวงตาสีเขียวกวาดมองหาแดเนียล เพรเชอร์—ผู้หญิงที่นัดเขาออกมา ก่อนที่มันจะไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะที่ตั้งอยู่สุดมุมร้าน ริมฝีปากเคลือบลิปสติคสีแดงสดฉีกยิ้มส่งมาให้เขา
มันช่างดูเหมือนแอปเปิ้ลผลสีแดงสดเคลือบยาพิษที่สโนไวท์เผลอกัดกิน
เขาเดินตามรอยยิ้มนั้นไป ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่าย ผ้าปูโต๊ะสีขาวลูกไม้ดูไม่เข้ากับโซฟาสีแดงสดมีรอยกาแฟเลอะเป็นดวงอยู่ ถึงแม้มันจะทำให้เขารู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็เลือกที่จะเมินข้อสงสัยนั่นไป
แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจับจ้องมาที่เขาอยู่ “ไม่สั่งกาแฟหรอคะ?” น้ำเสียงบริทิชแท้ๆของแดเนียล เพรเชอร์ฟังดูเรียบนิ่ง
แฮร์รี่ สไตล์สยอมเงยหน้าออกมามือตัวเองขึ้นมามองดวงตาสีน้ำตาลของคู่สนทนา เขาส่ายหน้า ก่อนจะบังคับให้เสียงที่เปล่งออกมาไม่สั่นจนอีกฝ่ายจับได้ “ไม่ล่ะ เรียกจะมาคุยอะไรก็รีบๆคุยให้เสร็จดีกว่า” ดวงตาสีเขียวมองไปยังรอยยิ้มของอีกฝ่าย นึกในใจว่าอีกฝ่ายทำอย่างไรให้ยิ้มออกมาได้ทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้
เสียงหัวเราะเสียงแหลมเล็กของอีกฝ่ายทำเอาเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใจเย็นๆสิคะ นี่ฉันชวนคุณมาคุยที่ร้านกาแฟนะ ขืนรีบเกินไปมันก็ดูไม่เข้ากับบรรยากาศสิคะ”
แฮร์รี่กำมือ “เธอขู่ ไม่ได้ชวน ช่วยใช้คำพูดให้ถูกด้วย เพราะฉันก็ไม่ได้เต็มใจจะมา”
แววตาสีน้ำตาลเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง แต่รอยยิ้มสีแดงสดก็ยังไม่เจือหายไป “แหม ยังไงก็ตาม มันก็เป็นแค่เรื่องเดิมๆนั่นแหละค่ะ”
รอยยิ้มเสแสร้งที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรของอีกฝ่ายทำเอาเขาอยากจะกระโจนไปกระชากหน้ากากนั้นออก
“คราวนี้ต้องการเท่าไหร่” เขาถามกลับ
เธอส่งยิ้มเย็นๆกลับมา ริมฝีปากสีแดงสดขยับเป็นคำพูด “ห้าแสนก็พอค่ะ”
“ภายในวันไหน”
“พรุ่งนี้”
แฮร์รี่ สไตล์สพยายามที่จะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่มันก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เงินห้าแสนมันไม่ใช่น้อยๆ แล้วที่สำคัญ....บัญชีของเขาแม่ก็เป็นคนดูแลอยู่ “อะไรนะ” เขาเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
ผู้หญิงตรงหน้ายังคงไม่หยุดยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลลึกมีแววเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด “เงินทั้งหมดห้าแสน ภายในพรุ่งนี้ค่ะ”
“ขอเวลานานกว่านั้นหน่อยไม่ได้หรอ” เขาเบี่ยงดวงตาสีเขียวออกจากคู่สนทนา นึกในใจว่าถ้าตัวเองสั่งกาแฟไปได้เสียก็ดี อย่างน้อยก็จะได้มีอะไรให้ทำหลบจากสายตาของอีกฝ่ายไปได้
อีกฝ่ายนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนที่สมาร์ทโฟนจะถูกเลื่อนมาตรงหน้าเขา วิดิโอที่เล่นอยู่บนหน้าจอทำเอาเขาแทบจะกดหยุดไม่ทัน “ถ้าคุณไม่อยากให้คลิปนี้ว่อนไปหาสื่อ” เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากำเอาไว้ ดวงตาสีเขียวมองไปยังอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ “ก็ทำตามที่ฉันบอกสิคะ เด็กดี”
แฮร์รี่ สไตล์สมองไปยังคลิปวิดิโอในมือสลับกับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ....เขาไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะขู่กันถึงขนาดนี้
“คลิปนี้ถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เขากัดฟันถาม
“ก็คืนเดียวกับตอนที่ฉันไปเห็นคุณกับเซนจูบกันนั่นแหละค่ะ” ดวงตาสีน้ำตาลมองตอบกลับมาช่างดูใสซื่อบริสุทธิ์เหลือเกิน ซึ่งมันก็คงจะทำให้เขาเชื่อไปแล้วถ้าตัวเขาไม่มาประสบกับเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง
เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น – คืนที่เขากับเซนถูกแดเนียลจับได้ว่าแอบคบกันอยู่
แฮร์รี่จำได้ว่าเซนนั้นเมาเละเทะมากแค่ไหน ในตอนที่เขาแบกอีกฝ่ายออกมาจากผับ เซนก็ดันเขาติดกับกำแพงแล้วก็ ...จูบเขา
เขาสารภาพว่าตอนนั้นตัวเองก็ดื่มไปเยอะมากเช่นกัน แต่ก็ยังดีที่เขายังมีสติมากกว่าเซนเลยดันอีกฝ่ายออกทันควันก่อนที่เรื่องมันจะเตลิดไปไกล ซึ่งในตอนนี้แฮร์รี่ก็ยังคงสำนึกบุญคุณความคิดของตัวเองในตอนนั้น เพราะไม่เช่นนั้นคลิปที่อยู่ในมือของตอนนี้คงไม่หยุดอยู่แค่นาทีกว่าแน่นอน
และมันก็แน่นอนว่าพอเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน เขาก็พบกับรูปที่เป็นส่วนหนึ่งในฉากนั้นถูกส่งมาด้วยเบอร์แปลกๆที่เขาไม่คุ้นเคย พอโทรกลับไปก็ยิ่งผิดคาดมากกว่าเดิมเพราะคนที่รับสายนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนไกล – เธอเป็นแฟนของเพื่อนเขาเอง
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย เขานึกว่าอีกฝ่ายจะถ่ายแค่รูป ...แค่รูปเท่านั้น
แต่ในเมื่อหลักฐานมันอยู่ในมือเขาโทนโท่ขนาดนี้ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอะไรมาพิสูจน์อีกต่อไปแล้วว่าคนตรงหน้าคิดจะทำอะไร
ครั้งที่แล้วก็แสนนึง ครั้งนี้ห้าแสน ผู้หญิงคนนี้คิดจะปอกลอกให้เขาหมดตัวจริงๆ
เขาอยากจะบอกกับเลียมจะแย่ อยากจะบอกว่าแฟนของเลียมเป็นคนยังไง แต่ก็แน่นอนว่าเขาทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อความจริงข้อนั้นมันรอทำร้ายเขาอยู่ และผู้หญิงคนนี้ก็ยังถือมีดจ่อคอหอยเขาอยู่แบบนี้
มือบางเอื้อมมือมากระชากสมาร์ทโฟนออกจากมือเขา “ขอโทษนะคะ แต่พรุ่งนี้ฉันติดธุระ คงไม่มีเวลามาเจรจากับคุณจริงๆ” เธอยิ้มอีกครั้ง “คงจะต้องไปแล้วล่ะค่ะ”
แฮร์รี่เบนหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายตั้งท่าจะโน้มตัวลงมาจูบแก้มเขา แดเนียลหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาวางไว้บนหัวไหล่ของแฮร์รี่
“อ้อ ใช่ค่ะ ลืมไปเรื่องหนึ่ง” ริมฝีปากสีแดงสดหุบยิ้ม “คุณไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับเซนหน่อยหรอคะ?”
ดวงตาสีเขียวเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะมองตามมือของอีกฝ่ายขึ้นไป “อย่าไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้น” เสียงของเขาที่เปล่งออกมาจากลำคอแหบพร่าเกินกว่าที่เคยเป็น แววตาของเขาคงทำเอาอีกฝ่ายนึกสมเพชมากจนเผลอหัวเราะเย้ยหยันออกมา
“นั่นมันเป็นการตัดสินใจของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ” คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้อง แดเนียลโน้มตัวลงมา เล็บยาวแหลมเกี่ยวผมที่ตกลงมาปรกหูของเขาขึ้นไป ก่อนจะกระซิบเบาๆข้างๆหูของแฮร์รี่ สไตล์ “ดูคุณจงรักภักดีต่อเขาจังเลยนะคะ เซน มาลิคน่ะ”
เขานิ่งเงียบ ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป มือทั้งสองข้างกุมเข้าหากันอย่างเป็นกังวล
“ถ้าเขารักคุณจริงๆ เขาก็คงเปิดเผยกับสื่อไปแล้วว่าเขารักคุณ ไม่มาคบกันแอบๆลับหลังใครเพื่อทำให้คุณเสียใจหรอกค่ะ” เสียงแผ่วๆของอีกฝ่ายทำเอาแฮร์รี่ สไตล์สขนลุกชัน “คนรักกันเขาไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียใจหรอกนะคะ” อีกฝ่ายพูดจบก็ผละตัวออกไป ก่อนที่จะส่งยิ้มมาให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสาวเท้าเดินออกไปจากร้าน
แฮร์รี่ สไตล์สถอนหายใจออกมาเมื่อแดเนียลเดินออกไป บรรยากาศดูเหมือนจะดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อผู้หญิงคนนั้นจากไป เสียงดนตรีเปลือยๆที่ออกมาจากลำโพงเล่นหยอกเย้าคลอเคลียไปกับความเงียบได้เป็นอย่างดี
เขามองออกไปยังข้างนอกกระจกบานใหญ่ ความวุ่นวายภายนอกนั้นเทียบไม่ได้กับความวุ่นวายภายในใจของตัวเขาเองเลยสักนิด
ดวงตาสีเขียวกระพริบลงสองสามครั้งเมื่อเม็ดฝนเริ่มตกกระทบหน้าจกจนบางส่วนบนบานกระจกกลายเป็นฝ้าสีขาว
คำพูดของผู้หญิงคนนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในหัวของเขา ราวกับมีใครสักคนจงใจกลั่นแกล้งเขาโดนเปิดมันซ้ำไปซ้ำมา
‘คนรักกันไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียใจหรอกนะคะ’
เขาไม่เคยเห็นด้วยกับประโยคไหนที่แดเนียลเคยพูดกับเขามามากเท่านี้มาก่อน
แฮร์รี่ก้มหน้าลงไปดมกลิ่นเสื้อของเซนที่ตัวเองสวมใส่อยู่ กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อที่เซนชอบใช้หอมจนเขานึกถึงหน้าของเซนตอนที่สวมเสื้อตัวนี้ได้ในทันที มันหลวมไปเท่าตัวเมื่อเขานำมันมาใส่ บางทีการที่เซนมักจะคอยย้ำคอยบอกว่าเขาผอมเกินไปอาจจะเป็นความจริง
กลิ่นหอมหวานของดอกลิลี่ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เขายังอึ้งไปพักหนึ่งเลยเมื่อตอนที่เซนเอามงกุฎดอกไม้มาให้เขาแล้วบอกว่าตัวเองเป็นคนทำเอง เขายังไม่อยากจะนึกภาพเลยด้วยซ้ำว่าภาพตอนที่เซนนั่งทำมันขึ้นมาจะดูประหลาดเกินกว่าที่เขาจะสามารถคาดคิดไปแค่ไหน
ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่คอยกรีดเฉือนหัวใจเขาเป็นชิ้นๆ หรือจะริมฝีปากสีชมพูนุ่มละมุนนั้น
การที่เซนถูกมองว่าเป็นผู้ชายเย็นชา แต่ตอนที่ผู้ชายคนนั้นอยู่กับเขา เซนก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับลูกแมวขี้เซาตัวหนึ่งเท่านั้น
แล้วการที่เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นมาเป็นทุกข์ไปด้วย เขาทำถูกแล้วใช่ไหม?
เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไงต่อไป เพียงแต่เขาบอกเรื่องนี้กับเซนไม่ได้ เขาอยู่กับผู้ชายคนนั้นมานานจนรู้ว่าถ้าเขาบอกเรื่องนี้กับเซนไปเซนจะต้องไปบอกเลิกกับเพอร์รี่ ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น เขาไม่อยากให้ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรคนนั้นต้องมาพลอยเจ็บไปเพราะตัวเอง
ถ้าหากเป็นไปได้เขาก็อยากถอนตัวจากการตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าเซนคบกับเพอร์รี่ไปเลยมันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่มันก็ใช่ว่าเขาไม่เคยที่จะบอกกับเซน เขาเคยบอกไปหลายต่อหลายครั้งแต่เซนก็ทำเหมือนกับสิ่งที่เขาพูดออกมามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ทั้งๆที่ความเจ็บปวดที่แล่นมาทำร้ายเขาทุกครั้งตอนที่เขาพูดประโยคนั้นออกไปนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยสักนิด
เขารักเซน และเขาก็อยากให้เซนไปเจอกับคนที่ดีกว่า
ไม่ใช่เขา ที่ทำให้เซนได้เพียงอย่างเดียวคือความลำบากใจ
ทุกครั้งที่เขามองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะฉีกขาด มันร้าวรานเสียจนเขาไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ยังไง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ หรือจะเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เขาก็แค่กลัว ... กลัวว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจะมองเขาแปลกไปจากเดิม
กลัวจนกังวลว่าเขาจะทนอยู่ต่อไปได้ยังไงถ้าตัวเองไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีก
ถ้าเซนรักเขา เขาก็หวังว่าเซนจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะไม่บอกเรื่องนี้กับเซน
เสียงฝนดูรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่มองเห็นได้จากกระจกพร่าเบลอจากสายฝนเสียจนเขามองเห็นได้แต่แสงไฟที่สาดส่องออกมาจากไฟของรถยนต์ที่แล่นอยู่ภายนอก แฮร์รี่ สไตล์สดันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะกาแฟ เขาเดินออกมาจากร้านกาแฟก่อนที่จะเดินไปเรียกแท็กซี่ที่บังเอิญขับผ่านหน้าร้านมาพอดี
สายฝนที่สาดมากระทบใบหน้าช่างหนาวเย็นยะเยือก แฮร์รี่ สไตล์สเสือกตัวเข้าไปนั่งบนเบาะหลังของผู้โดยสารก่อนที่จะรีบปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหนครับ?”
สวัสดีค่ะ ช่วงไรเตอร์ทอร์คนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดมากมาย
ตอนนี้ตั้งชื่อว่า 'ลิลี่' มันจะสั้นไปไหมเนอะ 5555555555555
คืออิ่มต้องการจะเปรียบแฮร์รี่เหมือนดอกลิลี่สีขาว
แค่นี้แหละ ไม่มีอะไร #โดนตบ
เปิดตอนมาด้วยพี่เซน ตามด้วยฉากเจ้แดนและแฮซ
แม่ยกแซร์รี่ดีใจกันไปป ฮิ้วว
ตอนนี้แม่งไม่มีแก่นสารอะไรเลยค่ะ แอบเสียใจหน่อยๆ
ไม่เคยแต่งฟิคแล้วไร้สาระเท่าตอนนี้มาก่อน #หรอ
ตัวเองเบื่อไหมอะ 5555555555555555 ตอนนี้มันเหมือนแนะนำเรื่องความเป็นมาของเซนกับแฮซ(?)
ฉากที่แล้วพี่แจนทายว่าเป็นเซน 55555555555 เราเลยพลิกกับเป็นแฮซ ฮิฮิ (?)
พรุ่งนี้อิ่มเปิดเทอมแล้ว กิ๊สสสส การบ้านยังไม่เสร็จเอาเวลามาแต่งฟิค 555555555
ไปแล้วน้อ ไม่รู้จะแพล่มอะไรละ
❀ Supercell
ความคิดเห็น