ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [One Direction] Lilo - Libido

    ลำดับตอนที่ #2 : Libido 1 : นอนไม่หลับ

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 56


     



    it's not love not hate but it's just a Libido  | Chapter1



     

     

    -  I  -








                ไอจากกาแฟที่เพิ่งชงมาเมื่อกี้สดๆร้อนๆลอยออกมาจากปากแก้วกระเบื้องเคลือบสีขาว ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์จ้องไปยังไอสีขาวที่ลอยม้วนตัวขึ้นมาในอากาศ หัวยังคงปวดระบมจากการกระทำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

               

                หลังจากเสร็จกิจธุระผู้ชายคนนั้นก็ไล่เขากลับมานอนที่บ้านโดยไม่ฟังคำอธิบายที่เขาพยายามจะพูดว่าเขานั้นเหนื่อยมากแค่ไหน ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่มีแรงจะลุกขึ้นมานั่งได้แท้ๆ แต่ก็ยังมีหน้ามาปากเก่งบอกเขาว่า ไร้น้ำยาแทนคำปฏิเสธไม่ให้เขาอยู่ต่อ

     

                ได้ยินแบบนี้เลียมอยากจะจัดต่อให้อีกสักสองสามรอบ

     

                แต่เท่าที่เขาพอจะทำได้มันก็แค่วางกระปุกพาราเซตามอลเอาไว้บนโต๊ะหัวเตียงแล้วเดินจากมาเท่านั้น

     

                เลียมเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าเข็มสั้นยังคงชี้อยู่ที่เลขหนึ่ง ก็คิดอยู่หรอกนะว่าถ้ากลับมาถึงบ้านแล้วจะนอนเอาแรงให้หายเหนื่อย แต่น่าแปลกที่เมื่อเขาพยายามจะข่มตาลงนอนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตาสว่างขึ้นมากเท่านั้น

     

                ก็ภาพของลูอิสมันโผล่แทรกขึ้นมาทุกครั้งไป

     

                เสียงครางของผู้ชายคนนั้น ...ที่ตอนนี้มันก็ยังคงดังติดหูเขาอยู่ไม่หาย

     

                ราวกับว่าเขากำลังขยับอยู่เหนือร่างของผู้ชายคนนั้นอยู่อย่างไรอย่างนั้น

     

                เขายกกาแฟขึ้นมาจิบเมื่อรู้สึกตัวว่าถ้าเขายังคิดถึงภาพเหตุการณ์นั้นอยู่ เขาจะต้องลงเอยในห้องน้ำแน่นอน ...ซึ่งมันก็แน่ว่าเขาไม่อยากมาตามทำความสะอาดคราบลูกๆของเขาทีหลัง

     

                เท่าที่เขาจำได้คือลูอิสเป็นผู้ชายที่ปกติทุกอย่าง เพียงแต่ผู้ชายคนนั้นแค่มีนิสัยร่าเริง และชอบเข้าสังคม ตอนที่พวกเขาเข้าประกวดเดอะเอ็กซ์แฟคเตอร์ด้วยกัน เขายังจำได้อยู่เลยว่าที่ลูอิสกับแฮร์รี่สนิทกันก็เพราะสองคนนี้ชอบชวนกันไปเที่ยวผับอยู่บ่อยๆ

     

                คืนที่พวกเขาสองคนริเริ่มเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเป็นคืนที่ลูอิสจัดปาร์ตี้ที่บ้านของตัวเอง เขานั่งอยู่ในสวนหลังบ้านของลูอิส ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาเขาแล้วบอกว่าทุกคนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เขายังจำประกายในดวงตาสีฟ้าคู่นั้นได้เมื่อตอนที่ลูอิสเอ่ยชวนให้พวกเขาลองทำมันด้วยกัน เขาจำได้ว่าตัวเองในตอนนั้นเมาเละมากแค่ไหนเลยหลวมตัวปล่อยเลยตามเลย ทั้งๆที่ตอนนั้นเขาทั้งคู่ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว

     

                นึกถึงแล้วก็หงุดหงิดตัวเองที่ยังจำได้ชัดเจนว่าจูบของลูอิสในตอนนั้นเป็นกลิ่นจินโทนิค

     

                เลียมนับถอยหลังไปจนถึงคืนนั้น เขาก็พบว่าวงจรอุบาทนี่เริ่มมาได้สามเดือนแล้ว

               

                ครั้งก่อนเขาจำได้ว่าลูอิสโทรเข้ามาในเบอร์มือถือแดเนียลแล้วขอสายเขาแต่พอรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายแล้วคุยด้วยกลับพบเพียงแต่เสียงเรียบๆของอีกฝ่ายที่ไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย เขาแทบจะเป็นบ้าแล้วขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้งซะเดี๋ยวนั้น ผู้ชายคนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ไม่ได้รู้เลยว่าเขาพยายามมากแค่ไหนที่ต้องมาคอยปิดบังเรื่องพวกนี้ออกห่างจากแดเนียล

     

                แล้วเนื้อความที่โทรเข้ามาหามันก็เป็นเรื่องเดิมๆ

     

                เรื่องสกปรกเดิมๆทุกครั้งไป

               

                แต่ก็อย่างที่ลูอิสพูดทุกประการ ...เลียมไม่เคยปฏิเสธผู้ชายคนนั้นได้เลยทุกครั้งยามที่ลูอิสเอ่ยปากชวน

     

                ว่าแต่กาแฟนี่มันจืดชะมัด เลียมเบ้หน้า ไม่เห็นเหมือนแก้วที่แดเนียลเคยชงให้ดื่มเลย

     

                กิ๊งก่องงเสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น หลังจากเว้นช่วงไปไม่ถึงห้าวินาที มันก็ดังขึ้นอีก ... หลายครั้ง กิ๊งก่องๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

                กาแฟแทบจะพุ่งออกมาจากปาก ณ จุดนี้ เลียมวางแก้วในมือลงก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ถ้านาฬิกาบ้านเขามันไม่ตายตอนนี้ก็ตีหนึ่งกว่าๆแล้ว เขาพยายามนึกว่าตัวเองไปเผลอนัดใครเอาไว้หรือเปล่า และคำตอบที่เขาเค้นออกมาได้ก็คือไม่

     

                เสียงรัวกริ่งดังก้องไปทั้งบ้าน จนกระทั่งโลกิหมาที่เขากับแดเนียลเลี้ยงไว้ด้วยกันส่งเสียงเห่าดังควบคู่ไปด้วย เลียมยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถ้าไม่ลุกขึ้นไปคุยกับบุคคลปริศนาที่รัวกดกริ่งหน้าบ้านเขาอย่างเมามันก็คงต้องเตรียมรับคำด่าจากเพื่อนข้างบ้านในตอนเช้าแทน

     

                เลียมกระชากประตูเปิด เสียงหัวเราะของผู้ชายคนหนึ่งที่เขารู้จักดีดังขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์มองไปยังภาพตรงหน้าเขม็ง ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังฟัดกับหมาของเขาอย่างสนุกสนานทำเอาเขาใบ้กินไปครู่หนึ่ง

     

                “อ้าว เลียม ยอมมาเปิดประตูให้สักที” คู่สนทนาดันโลกิออกไปจากตัว ทั่วทั้งใบหน้าแฉะไปด้วยน้ำลายของลูกชายสุดที่รักของเขา “ฉันนึกว่านายจะให้ฉันนอนกับหมาซะแล้ว”

     

                “เฮ้....” เลียมยังคงงุนงงกับภาพตรงหน้า ก่อนจะจัดระเบียบคำพูดในหัวแล้วพูดออกมา “ฉัน เอ่อ ฉันคิดว่านายบินไปไอร์แลนด์แล้วซะอีก”

     

                “ฉันก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน” อีกฝ่ายก้มลงไปหยิบกระเป๋าถือสีส้มแสบตาขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มยิงฟันให้เขา

     

                “อ้าว... แล้วทำไม” เลียมถามต่อ แต่ไนออล ฮอรานกลับมุดตัวเข้าไปในตัวบ้านผ่านทางช่องแขนของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาออกปากจะทักท้วงแต่อีกฝ่ายกลับพูดขัดขึ้นมาก่อน

     

                “ไม่ชวนแขกเข้าบ้านนี่ใช้ไม่ได้เลยนะเลียม” คู่สนทนายังคงพูดไปเรื่อยเปื่อยไม่สนใจสีหน้าของเจ้าของบ้าน “ขอโทษทีน้าที่มาขัดจังหวะนายกับแดเนียล คงกำลังสนุกกันอยู่อะดิ”

     

                เลียมขมวดคิ้วอย่างงุนงง แต่เมื่อมองเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมายังคอของเขาก็พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง เขารีบยกมือขึ้นมาปิดรอยแดงตรงซอกคอของตัวเองเอาไว้ แต่ก่อนที่จะพูดแก้ตัวอะไรอีกฝ่ายก็พูดเองเออเองขึ้นมาอีกครั้ง

     

                “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องเขินหรอก” อีกฝ่ายโบกมือปัดๆไปมา ดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายอย่างรู้ทัน ...ซึ่งรู้อะไรของมันนี่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

                แต่ก็ดี เขาเองก็ไม่ได้อยากบอกนักหรอกว่ารอยนี้แดเนียลไม่ได้เป็นคนทำเอาไว้

     

                เลียมเอื้อมมือไปปิดประตูบ้านก่อนจะหันหน้ากลับมาหาชายหนุ่มอีกคน “ว่าแต่นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย สรุปนายไม่ได้บินกลับไปบ้านที่ไอร์แลนด์หรอ?

     

                อีกฝ่ายหัวเราะเสียงใส “ตั๋วหายน่ะ”

     

                ก็ดี เออ ช่างมันเถอะ กับผู้ชายคนนี้น่ะ

     

                “แล้วทำไมไม่กลับไปนอนที่บ้าน?

     

                “คืนนี้ให้เพื่อนมันยืมไว้” เสียงของคู่สนทนาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย “ถ้าฉันรู้ว่าตั๋วมันจะหายตั้งแต่แรกก็คงไม่ให้ยืมหรอก น่าจะรู้ตัวว่าไอ้นี่มันชอบปาร์ตี้ขนาดไหน นี่ดูดิ กลับไปที่บ้านอีกทีมีแต่ศพนอนตายเกลื่อนอยู่หน้าบ้านเต็มไปหมด ฉันนี่ไม่กล้าเดินเข้าไปดูในห้องนอนของตัวเองเลย ไม่รู้ว่ามันจะมีสักกี่คู่กันที่กำลังเยิ้บกันอยู่ในนั้น”

     

                เลียมถอนหายใจ “แล้วนายก็เลยตัดสินใจมานอนที่บ้านฉันเนี่ยนะ?

     

                “เออ ก็บ้านนายอยู่ใกล้นี่หว่า” คนตัวเล็กโยนกระเป๋าไปบนโซฟาก่อนจะยิ้มร่าแล้วหันมามองตาเลียม “นายก็รู้ว่าเซนไปเที่ยว แฮร์รี่ตอนนี้ก็คงไม่อยู่ห้อง บ้านลูอิสอยู่ใกล้กว่าก็จริงแต่เขาไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่าหายไปไหนเหมือนกัน”

     

                 เลียมขมวดคิ้ว ก่อนจะทวนประโยคเมื่อครู่เบาๆ “ลูอิสไม่อยู่บ้าน?

     

                แล้วไอ้ที่เขาไปหาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้จะให้บอกว่าเขาเข้าผิดบ้านหรือไง

     

                คู่สนทนายักไหล่เล็กน้อย “ไม่รู้ดิ ก็กดกริ่งไปตั้งหลายรอบแล้วไม่เห็นออกมาเปิดประตูให้เลย โทรไปหาก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์”

     

                คำพูดของอีกฝ่ายติดใจเลียมอยู่ลึกๆ แต่เขาก็พยายามที่จะบอกตัวเองว่าลูอิสคงนอนหลับลึกไปหน่อย เลียมยืนมองไนออลรื้อของออกมาจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายหยิบผ้าขนหนูของตัวเองออกมา

     

                “นายจะเอาผ้าขนหนูออกมาทำไม” เขาถาม มองไปยังผ้าขนหนูสีขาวตุ่นๆของอีกฝ่าย

     

                “อ้าว ก็จะอาบน้ำไง” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ใบหน้าใสซื่อของอีกฝ่ายทำเอาเลียมใบ้กินไปชั่วครู่ “ฉันตะล่อนอยู่ข้างนอกตั้งนานยังไม่ได้แตะน้ำเลย นี่กะจะไปอาบที่ไอร์แลนด์เลยทีเดียว”

               

                เลียมถอนหายใจก่อนจะชี้ไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ข้างล่าง “นายใช้ห้องนั้นไปก่อนแล้วกัน แล้วก็นอนมันตรงโซฟาเนี่ยแหละ” เลียมตั้งท่าจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน “ถ้ามีปัญหาอะไรก็ขึ้นมาเรียกนะ ฉันจะนอนต่อแล้ว”

     

                “อือ ฝันดีนะเลียม” ไนออลพูดแบบไม่ใส่ใจก่อนจะเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไป

     

                เลียมยืนมองอีกฝ่ายเดินหายลับเข้าไปในห้องน้ำ เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป

     

                จบกันสักทีนะคืนนี้

     

     

     

     

     

     

                .

                .

                .

                .          

                .

                .

     

                แล้วนี่มันอะไรกัน

               

                เลียมมองไปยังร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่นอนเล่นสมาร์ทโฟนของตัวเองอยู่บนเตียงสุดที่รักของเขา--ที่ๆเขาควรจะได้ขึ้นไปนอนอย่างที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ทีแรก

     

                ดวงตาสีน้ำตาลยังคงมองภาพตรงหน้าอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจนกระทั่งอีกฝ่ายเอะใจแล้วละสายตาออกมาจากโทรศัพท์มือถือในมือ คนตรงหน้าดันตัวขึ้นมานั่งแล้วยิ้มยิงฟันให้กับเลียมที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง “อ้าว หวัดดี”

     

                เลียมหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ...เผื่อว่าบางทีภาพตรงหน้าจะหายไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้ในหัว

     

                ตาฝาด ... เขาคงตาฝาด

     

                เขาคงนอนน้อยเกินไปอย่างที่แดเนียลเคยว่า

     

                แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าก็ยังไม่จางหายไป ชายหนุ่มตรงหน้ามองเขามาอย่างไม่เข้าใจ “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ”

     

                โอ้ย ให้ตายเถอะพระเจ้า

     

                “เปล่า” เลียมเค้นเสียงของตัวเองขึ้นมาจากลำคอ แทบจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นใบ้ไปจริงๆ “ฉันต่างหากที่ควรจะถามว่านายมาที่นี่ทำบ้าอะไรและ... เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”

     

                อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะวางสมาร์ทโฟนของตัวเองลงข้างๆตัว “ฉันแค่อยากมาดูให้แน่ใจเท่านั้นแหละว่านายไม่ได้นอนตายอยู่ระหว่างทาง ความจริงแล้วพอมานึกดูดีๆฉันว่าฉันก็ค่อนข้างจะใจร้ายเกินไปหน่อยนะที่ปล่อยให้นายนั่งแท็กซี่กลับบ้านมาตอนดึกๆทั้งๆที่เพิ่งออกกำลังกายมาเหนื่อยแทบตาย”

     

                เลียมแทบอยากจะพุ่งตัวใส่คู่สนทนาเมื่อได้ยินเหตุผลงี่เง่านั้น เขาอยากจะบอกอีกฝ่ายเสียเหลือเกินว่าเขาก็บอกไปแล้วว่าเขาต้องการอย่างนั้นตั้งแต่ทีแรก แต่เขาก็ทำได้แต่นิ่งเงียบเพราะรู้สึกว่าตัวเองชักจะใบ้กินอีกรอบ

               

                ดวงตาสีฟ้าทอแสงเป็นประกายใต้ความมืดสนิทของกลางคืน ลูอิสมองไปยังหน้าต่างที่เปิดอ้าเอาไว้อยู่ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “แล้วนั่น ฉันก็เข้ามาทางนั้นแหละ”

     

                เลียมยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเอง โอเค เขาคงประเมิณความถึกของผู้ชายคนนี้ต่ำไปและคงจะประมาทเกินไปที่เปิดกระจกทิ้งไว้แบบนี้ นับว่าดีที่คนที่บุกเข้ามาในห้องของเขาเป็นลูอิส (ถึงแม้ว่าถ้าเป็นคนรู้จักคนอื่นคงจะดีกว่านี้)ไม่ใช่ขโมยหรืออะไรเทือกนั้น

     

                แสงสว่างสาดส่องไปทั่วทั้งห้องเมื่อลูอิสเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์ไฟ “นี่ตั้งใจปิดไฟเอาไว้รอนายเปิดมาเซอร์ไพรส์เลยนะ”

     

                ใช่ใช่ เซอร์ไพรส์จนเขาหัวใจจะวายตาย

     

                “ทำไมไม่เข้ามาทางประตูบ้าน....” เลียมพูดเสียงเบา

     

                ลูอิสยักไหล่ “ฉันมาถึงที่นี่หลังไนออล”

     

                เลียมนึก งั้นที่ไนออลไปบ้านลูอิสแล้วบอกว่าลูอิสไม่อยู่บ้านก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ “แล้วทำไมนายถึงมาหลังไนออลได้ เขาบอกฉันว่าไปหาที่บ้านนายแล้วไม่เจอนาย แสดงว่านายก็ต้องออกมาก่อนที่เขาจะไปถึงบ้านนายสิ?

               

                “ฉันแวะซื้อไอ้นี่ระหว่างทางมาบ้านนาย ยังดีที่ฉันขับรถของเอลิเนอร์ออกมามันเลยจำไม่ได้” ลูอิสยกถุงขนมปังข้างๆตัวขึ้นมาถือให้เลียมดู

     

                “งั้นนายก็กลับบ้านไปได้แล้ว นายก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันยังไม่ตาย” เลียมเดินตรงมานั่งลงบนเตียงข้างๆลูอิส คว้าหมับไปที่ผ้าห่มผืนหนาที่กองอยู่บนปลายเตียง

     

                ทั้งๆที่เปลือกตาทั้งสองข้างหนักมากเสียจนจะปิดลงไปอยู่แล้วแต่เลียมไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด กาแฟเมื่อกี้คงออกฤทธิ์ถ่วงเขาเอาไว้ แต่อย่างน้อยก็ต้องนอน

     

                เผื่อว่าถ้าเขาตั้งใจจะนอนผู้ชายคนนี้จะได้ไสหัวกลับไปสักที

     

                แต่เมื่อเลียมกำลังจะคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว มืออุ่นๆของอีกฝ่ายก็จับหมับอยู่ที่แขนเขา เลียมเลิกคิ้วก่อนจะมองขึ้นไปตามมือของอีกฝ่ายแล้วหยุดอยู่ที่ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น “อะไร?” เขาถาม

     

                “นายง่วงแล้วหรอ?” ลูอิสถามกลับเสียงนิ่ง

     

                เลียมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจคำถาม แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ซักไซ้อะไรต่อ อีกฝ่ายก็รั้งคอเขาลงมา เลียมเบิกตามองอีกฝ่ายกว้างเมื่อโดนริมฝีปากของอีกฝ่ายจู่โจมแบบที่เขายังไม่ทันตั้งตัว กลิ่นของขนมปังยังปนอยู่ในช่องปากของอีกฝ่าย

     

                นายง่วงแล้วหรอ?’ เนี่ยนะ?

     

                ใครเขาจะไปรู้วะว่ามันหมายถึงเรื่องนี้

     

                โอเค เลียมคิดในใจเมื่อมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย ขนตางอนยาวเกลี่ยไปที่แก้มของเขา ลมหายใจร้อนระอุของอีกฝ่ายรดอยู่บนลมหายใจของเขา ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาทางปลายนิ้วทำเอาเขาแทบจะละลายลงไปกองอยู่บนเตียง

     

                ไม่นงไม่นอนมันแล้ว

     

     

     

     

                .

                .

                .

                .

                .

     

                ไนออล ฮอรานเคาะขวดแชมพูที่อยู่ในห้องน้ำ พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ของเหลวภายในไหลออกมาให้ได้ เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคออย่างหงุดหงิดเมื่อผ่านไปนานค่อนนาทีแล้วมันก็ยังคงดื้อด้านไม่ยอมไหลออกมาเสียที

     

                บ้านก็กว้างเสียเปล่า กะอีกแค่แชมพูขวดนึงดันไม่มีปัญญาจะซื้อใหม่

     

                ไนออลกดปิดฝาขวดในมือก่อนจะโยนลงไปในอ่างล้างหน้าอย่างหงุดหงิด เขาคว้าหมับไปยังผ้าขนหนูสีตุ่นที่พกมาเองก่อนจะเอามันมาพันเอาไว้รอบๆเอวของตัวเอง หยดน้ำกลมๆยังคงเกาะอยู่บนผิวขาวฝาดอย่างที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะเช็ดก่อน

     

                ประตูห้องน้ำเปิดออก เขาเดินไปขึ้นตามบันไดไม้วินเทจที่แปะวอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีขาวไว้ตามกำแพงก่อนที่ลายจะหยุดลงเมื่อถึงบันไดขั้นสุดท้าย ไนออลเดินไปหน้าประตูไม้บานที่ใหญ่ที่สุด เขาเคยมาที่บ้านเลียมเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็จำได้ว่าเคยขึ้นมาหาเลียมเพื่อที่จะถามว่าตู้เย็นบ้านเลียมอยู่ตรงไหนของบ้านในคืนที่เขาขอมาค้างด้วยครั้งแรก

     

                ไนออล ฮอรานตั้งท่าจะเปิดประตูทันทีที่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง แต่เสียงที่ดังออกมาจากข้างในห้องทำเอาเขาชะงักไปครู่หนึ่ง

     

                ไหนเลียมบอกเขาว่าจะขึ้นมานอนไง

     

                แต่นี่มันฉากต่อจากตอนที่ถูกเขาขัดจังหวะชัดๆ !

     

                เขากัดริมฝีปากอย่างลังเลใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเสียงดังแล้วตะโกนเข้าไปพร้อมๆกัน “เฮ้ เลียม มีปัญหานิดหน่อย”

     

                แหม โดนขัดไปแล้วขัดอีกครั้งจะเป็นอะไรไป ยังไงๆก็มีเวลาให้ทำมันทุกคืนอยู่แล้วนี่หว่า

     

                เสียงในห้องเงียบไปพักใหญ่ แต่ไนออลก็ยังคงเคาะประตูต่อไปเรื่อยๆนึกในใจว่าสองคนนั้นคงรู้สึกตัวแล้ว เขาเงี่ยหูไปฟังเสียงในห้องก็ได้ยินเสียงดังกุกกักมาจากข้างใน ไนออลเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ...สรุปสองคนนั้นทำอะไรอยู่กันแน่

     

                เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงมาที่ประตู ตามคาด เลียมเป็นคนเดินมาเปิดประตูให้เขา ไนออลฉีกยิ้มกว้างให้เมื่อเห็นคนตรงหน้าใช้มือปาดเหงื่อออก “...มีอะไร?” เสียงของอีกฝ่ายเค้นออกมาอย่างยากลำบาก ไนออลได้ยินเสียงหายใจหนักอยู่ในนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามปกปิดมันแค่ไหนก็ตาม

     

                “แชมพูนายหมดน่ะ” ไนออลตีหน้าใสซื่อ ดวงตาสีฟ้าแอบเหลือบมองไปยังภายในห้องจากช่องว่างระหว่างประตูกับแขนของเลียม ร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำเอาเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เอ่อ ฉันแค่อยากจะรู้ว่านายมีสำรองเอาไว้บ้างหรือเปล่า”

     

                เลียมขยับตัวมาปิดช่องว่างตรงนั้นเอาไว้เมื่อเห็นว่าตาของเขามองเข้าไปยังภาพข้างในตัวห้อง “มีๆ อยู่ในตู้ใต้อ่างล้างหน้า สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน มีสำรองอยู่ในนั้นหมดเลย”

     

                โอเค เขาคงมาขัดจังหวะสำคัญจริงๆ

     

                “อ่า ขอบคุณนะ ฉันต้องการแค่แชมพูก็พอ” ไนออลยิ้มแหยๆ ถ้าเมื่อกี้เขามองไม่ผิด รู้สึกว่าเลียมจะแอบถอนหายใจออกมานิดนึงด้วย “งั้น เอ่อ ฝันดีนะ”

     

                “ราตรีสวัสดิ์” เลียมพึมพำก่อนจะรีบปิดประตูอย่างเงียบเชียบ

     

                ดวงตาสีฟ้ายังคงจ้องประตูที่ปิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะที่เขายักไหล่แล้วเดินลงบันไดไป ความคิดเกี่ยวกับภาพภายในห้องนอนของเลียมยังคงติดใจเขาอยู่เล็กๆ

     

                 ว่าแต่แดเนียลนี่สะโพกสะบึมขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

     

               





     


    ฮ่าจบแล้วตอนแรก
    ข้ามไปเลยไม่ต้องอ่านก็ได้นะ ดูท่าว่ามันจะยาว 555555555555555
    คือจะบอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไร แค่คิดถึงไนออล อยากให้มันเข้ามาอยู่ในเรื่องด้วย -..-
    บทนำนี่พอมาอ่านอีกทีช่างกากมากอะไรมาก ฮรือ ไว้จะรีไรท์วันหลังเนอะ
    ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ขอบคุณจริงๆ คือเปิดเรื่องนี้มาไม่ได้คิดเลยว่าจะมีคนเข้ามาอ่าน 
    บทแรกนี่อิ่มว่ามันดูฮาๆนะ หรือคิดไปเอง ? มันดูแตกต่างจากบทนำมากเลย
    น้องคนนึงในทวิตเตอร์บอกว่าเรื่องมันจะแรงๆหรือเปล่า ตอบไม่ได้อะ สารภาพไม่ได้วางโครงเอาไว้
    แต่ก็คงจะต้องแรงบ้างแหละแหม ......
    ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวที่สุดที่เคยเขียนมาเลย 16 หน้าเวิร์ด คือมันยาวตรงไหนวะ 5555555555555
    แต่ปกตินี่ยอมรับว่านิยายที่ผ่านๆมาไม่เคยถึงสิบหน้าสักที....
    ไปแล้ว ขอบคุณที่ติดตามค่ะ จุ๊บๆ
     

    Supercell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×