คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (rewrite)
- 0 -
เลียม เพย์น กำลังรู้สึกว่าปลายนิ้วทั้งห้าของตัวเองชาจนไร้ความรู้สึก
ไม่สิไม่ เอาเข้าจริงแล้วมันก็ชาหมดไปทั่วทุกส่วนนั่นแหละ – นั่นสิถึงน่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเขาเองในตอนนี้ได้ดีที่สุด
ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศในผับทำเอาเขารู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่ต้นขาขึ้นมาถึงต้นคอ แต่ก็ราวกับว่าคนตรงหน้าจะรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นดี อีกฝ่ายเอื้อมมือมาโอบรอบคอของเขาเอาไว้ ก่อนที่จะรั้งมันลงมาต่ำ เลียมลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาสีอัลมอนด์มองไปทางซ้ายทีขวาที ราวกับว่าตัวเขาเองต้องการหลบซ่อนภาพตรงหน้านี้จากใครบางคนอยู่
ไฟดิสโกบนเพดานสาดกระทบม่านตาของคนตัวเล็กกว่า ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายวูบวาบหยอกล้อกับแสงไฟสีสด ซึ่งเลียมก็คิดว่าภาพตรงหน้าของเขาน่าหลงใหลกว่าไอ้โคมไฟโง่ๆนั่นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เลียมสะดุ้งตัวตื่นจากภวังค์เมื่อแรงบีบรอบต้นคอแน่นมากยิ่งขึ้น
“มีอะไร?” เขาเปล่งเสียงออกมา ซึ่งเสียงที่ถูกเปล่งออกมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ก็ฟังดูแหลมเล็กเสียจนเลียมกระดากอาย – เพราะนั่นมันหมายถึงว่าเขากำลังประหม่า แต่ก็นับว่ายังดีที่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไร
“ก็นายเหม่อ”
“แล้วฉันจะมองอะไรอย่างอื่นบ้างไม่ได้เลยหรือยังไง?” เลียมพูด พยายามไม่หงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของคนตรงหน้า ซึ่งถึงแม้ว่าเลียมจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็นับว่าเป็นการเอาแต่ใจที่ดูน่ารักเข้าท่าดีอยู่ไม่น้อย
“เปล่าหรอก ช่างเถอะ” อีกฝ่ายยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แววตาขี้เล่นปรากฏขึ้นอีกครั้งบนดวงตาสีสวยเมื่อมันถูกตะวัดวูบไปทางด้านหลังของเขา “เธอมาแล้วล่ะ” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงเบาก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากรอบคอของเขาอย่างรวดเร็ว ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแล่นวาบจับเส้นเลือดที่หลังคออีกครั้งหลังจากที่ปลายนิ้วทั้งสิบละออกไป
เลียมยืนมองรอยยิ้มนั้นถูกกลืนเข้าไปกับความมืดก่อนจะหันไปยิ้มให้แดเนียล เพรเชอร์ที่เดินตรงเข้ามาหาเขาอยู่ เขายกแก้วค็อกเทลในมือขึ้น “ว่าไงครับผม?”
หญิงสาวหยุดเสียงส้นสูงของตัวเองไว้หน้าเลียม ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดของแดเนียลเบ้เล็กน้อย “ข่าวร้ายน่ะสิคะ” เธอถอนหายใจ “โดนทีมโทรเรียกให้ไปซ้อมเต้นในคอนเสิร์ตครั้งหน้าเนี่ยแหละ”
เลียมยักไหล่ “นั่นแย่จัง” เขายิ้มก่อนจะยกบาคาดิในมือขึ้นจิบ “ให้ผมไปส่งไหม?”
ราวกับสวรรค์ -- หรือบางทีอาจจะเป็นนรกดลใจหญิงสาวตรงหน้า แดเนียลนิ่งไปพักก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าค่ะ คุณอยู่ที่นี่ต่อก็ได้” เธอยิ้ม “นานๆทีจะมีโอกาสได้มาสังสรรค์สักที”
เลียมหัวเราะ – ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะดีใจหรือโล่งอกก็ช่างเถอะ “นั่นสินะ”
แดเนียลยิ้ม “แต่ก็อย่ากลับดึกจนเกินไปนะคะ อย่าลืมด้วยว่าพรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานตั้งแต่เช้านะโอเคไหม” เธอดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะถอนหายใจ “ฉันคงจะกลับมาอีกทีก็ตอนเช้าเลย พรุ่งนี้คุณต้องตื่นเองนะคะ”
เลียมยิ้มก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบแก้มแฟนสาวของตัวเอง “เข้าใจแล้วครับคุณแม่” เขาล้อก่อนจะถอนตัวขึ้นมา “โชคดีนะแดน” ร่างสูงเอื้อมมือไปยีผมหญิงสาวตรงหน้า เขายิ้มให้แดเนียลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมองดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายเดินออกไปจากผับแล้วจริงๆ
เลียมหันกลับไปอีกทางแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ ลูอิส ทอมลินสันกำลังยืนคุยอยู่กับใครสักคนแต่ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายคู่นั้นก็ยังมองตรงมาทางเขาอย่างไม่คิดจะละจากไปไหน เลียมยืนมองจนกระทั่งลูอิสเดินออกมาจากบทสนทนานั้น – เพื่อที่จะเดินออกมาหาเขา
ราวกับเป็นเวลานานนับชั่วโมงกว่าที่ลูอิสจะมาหยุดแล้วยืนอยู่ตรงหน้าเขา เลียมจำไม่ได้ว่าในเสี้ยววินาทีนั้นผับกำลังเปิดเพลงอะไรอยู่และเสียงเพลงในตอนนั้นมันดังมากแค่ไหน ความรู้สึกในตอนนั้นที่เขารับรู้ได้ทั้งหมดคือความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่ประทับลงมาบนต้นคอของเขาอีกครั้งและความเปียกชื้นของอีกฝ่ายที่แพร่เข้ามาทางปลายลิ้น กลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ไม่ว่าจะเป็นของเลียมเองหรือของลูอิสเองต่างก็คละฟุ้งไปทั่วช่องปากของกันและกัน อีกฝ่ายค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า
“แฟนนายกลับไปแล้วนะ” เสียงหวานของอีกฝ่ายทะลุผ่านโสตประสาทของเลียม “นายจะเอายังไงต่อ”
“ก็ไม่เอาไง” เลียมพึมพำ ความรู้สึกเวียนหัวที่ไม่ว่าจะเกิดจากจูบเมื่อกี้หรือเพราะแอลกอฮอล์ก็แล้วแต่วิ่งเข้าจับทุกเส้นประสาทในร่างกาย “แต่ฉันจะเอานาย”
ลูอิสยักไหล่ “ถ้านั่นไม่ใช่เหตุผลฉันก็คงไม่เรียกให้นายออกมาคืนนี้หรอก” ร่างบางละมือออกจากลำคอของเลียมก่อนจะแทรกนิ้วมือทั้งห้าไปลงบนร่องระหว่างนิ้วมือของอีกฝ่าย “ไปเถอะ”
“ไปไหน?” เลียมเลิกคิ้ว หัวใจเต้นเสียงดังจนเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่กำลังจับมือเขาอยู่ตอนนี้จะรู้สึกถึงมันหรือเปล่า แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ ลูอิสยิ้มให้ ประกายกระหายอะไรบางอย่างในดวงตาสีฟ้าสดสะท้อนตอบกลับมา
“บ้านฉันไง วันนี้เอลไม่อยู่”
กลิ่นแอลกอฮอล์ยังคงคละฟุ้งไปทั่วห้องนอนเมื่อพวกเขาสองคนไปถึง แต่ก็แน่ว่าเลียมไม่ได้มีเวลาไปสนใจกับเรื่องกลิ่นอะไรนั่นสักเท่าไหร่หรอก
ลูอิสผลักเขาติดกับกำแพงแทบจะในทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาพ้นเขตห้องนอน แรงกระแทกทำเอาเลียมสะอึกแต่ก่อนที่จะทันได้โวยวายอะไรออกมา เขาก็ถูกจู่โจมจากอีกฝ่ายเสียก่อน เรียวลิ้นร้อนระอุพยายามสอดแทรกเข้ามาในช่องปากของเขาอีกครั้งก่อนที่จะได้ทันตั้งตัว เลียมเอื้อมมือไปตวัดเกี่ยวสะโพกของอีกฝ่ายก่อนจะดึงมันเข้ามาชิดกับตัวเอง เขาใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในเสื้อยืดสีเข้มของลูอิส แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถอดไอ้เสื้อเวรนั่นออกไปให้พ้นหูพ้นตา ลูอิสก็ผละริมฝีปากออกไปเสียก่อน
เลียมมองดวงตาสีฟ้าสดนั่นอย่างไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ยินยอมอย่างเสียไม่ได้ ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายขยับยิ้ม เขี้ยวเล็กๆสองมุมปากทำให้ใบหน้าสวยหวานนั้นดูราวกับปิศาจตัวน้อยๆ ลูอิสผลักเลียมลงไปนอนกับเตียง เลียมทำท่าจะยันตัวขึ้นนั่งแต่ลูอิสก็ดันตัวเขาลงไปนอนอีกครั้ง “นอนลงไปเถอะน่า” อีกฝ่ายกระซิบเสียงหงุดหงิด
เลียมนอนราบลงไปบนผ้าปูสีขาวสะอาดตา ดวงตาสีเฮเซลนัทแทบจะถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร
ลูอิสปีนขึ้นมานั่งทับเข็มขัดของเลียม มือเรียวแกะเข็มขัดของเขาออกอยากช่ำชอง ดวงตาสีฟ้าไร้ความตื่นตระหนก มันมีแต่ความเคยชิน ซึ่งนั่นแหละที่ทำให้เลียมกลัวในตัวของผู้ชายคนนี้ ร่างบางโยนเข็มขัดของเลียมออกไปให้พ้นทาง ลูอิสเอื้อมมือมาปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของเลียม เขากระชั้นใบหน้าของตัวเองลงมาจนห่างจากเป้ากางเกงเลียมไม่ถึงเซ็นต์ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั่นงับลงไปบนซิปเงินก่อนจะใช้ปากของตัวเองรูดมันลงมา
ร่างบางหัวเราะออกมาเบาๆอีกครั้งก่อนจะรูดกางเกงยีนส์ลงไปก่อนจะตามด้วยอันเดอร์แวร์สีดำสนิท ลูอิสใช้มือซ้ายเกาะกุมส่วนอ่อนไหวที่โผล่พ้นออกมาก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสบริเวณส่วนปลาย ของเหลวลักษณะสีขาวขุ่นเหนียวติดเปื้อนกลับมาเล็กน้อย ลูอิสยิ้มเยาะ “นายเองก็พร้อมเต็มที่แล้วนี่” ร่างบางแลบลิ้นเลียนิ้วหัวแม่มือตัวเองก่อนจะเบ้หน้า “รสชาติลูกนายนี่มันห่วยแตกซะไม่มี”
“ใครใช้ให้นายกินมันล่ะ” เลียมพึมพำ
“หุบปากได้แล้วพ่อคนเก่ง” ลูอิสโน้มตัวลงมากัดเบาๆที่ไหปลาร้าของเลียมอย่างหมั่นเขี้ยว ดวงตาสีฟ้าที่หยอกกับแสงจากโคมไฟทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ไหนเรามาดูกันว่าคืนนี้นายจะได้สักกี่น้ำ”
คำพูดนั้นมันฟังดูล่อแหลมเสียจนเลียมอยากจะออกปากท้วง แต่คำพูดทั้งหมดก็ถูกกลืนลงท้องไปทันทีเมื่อริมฝีปากบางนั่นเริ่มรุกเขาอีกครั้ง เรียวลิ้นร้อนระอุเป็นไฟของอีกฝ่ายดึงดันจะแยกกลีบปากของเขาออกให้ได้ เลียมเลิกคิ้วก่อนจะจับข้อมือของลูอิสเอาไว้แล้วพลิกตัวของผู้ชายคนนี้ให้เป็นฝ่ายนอนลงกับเตียงแทน เขี้ยวเล็กๆนั่นเกี่ยวลงบนริมฝีปากล่างของเขา ซึ่งเขาก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน
เลียมทาบทับร่างของเขาลงบนร่างของอีกฝ่าย
สัมผัสอบอุ่นวาบหวามที่ได้มาจากผู้ชายคนนี้ทำเอาเลียมแทบจะลืมทุกอย่างไป
ลืม.... รูปของหญิงสาวที่ตั้งอยู่ข้างโคมไฟหัวเตียง ลืมไปว่าเธอนั้นกำลังฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเคียงข้างกายของผู้ชายที่กำลังอยู่ใต้ร่างของเขาในตอนนี้
ลืม.... ใบหน้าของผู้หญิงที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเอง
สิ่งที่เขาจำได้มันก็เป็นเพียงกลิ่นของแอลกอฮอล์กับเสียงหัวเราะของผู้ชายที่นอนอยู่ใต้ร่างของเขาเท่านั้น
ฮ่า จบไปแล้วบทนำ
เคยเวิ่นเอาไว้ในทวิตมานานแสนนานว่าอยากแต่งฟิค One Direction แต่คิดพล็อตไม่ออก
วันนี้ไปเรียนเคมีนั่งเบื่อๆเลยนึกพล็อตออก 5555555555555555555
มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้แหละ ....
ชื่อเรื่องของเรื่องนี้คือ Libido เป็นภาษาอิตาลี แปลง่ายๆว่า 'ความใคร่'
อ่านบทนำก็คงจะรู้แล้วมั้งที่มาของชื่อเรื่อง =_=;
อยากจะบอกว่าจริงๆแล้วชื่อเดิมของเรื่องนี้คือ 'เมียเผลอแล้วเจอกัน'
แต่เพื่อนบอกว่าจัญเกินไปเลยไม่เอา 555555555555555555555555555
หวังว่าจะเป็นที่ถูกใจนะ ;___; คือเรื่องนี้เป็นฟิควันไดเรื่องแรกเลย
เลยแอบเกรงว่ามันจะแป้กหรือเปล่า เนื้อหามันดูแรงๆด้วย
ทำไมเวิ่นอย่างนี้ 555555555555555 ไปแล้วจ้า เจอกันตอนหน้าบาย
ความคิดเห็น