ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :.: SJ Short Fiction :.:

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] :::: Thanks :::: [KyuMin]

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 56


    Theme Song : ขอบใจนะ - แพรวคณิตกุล

    http://www.youtube.com/watch?v=1UXGsZUta5I





     

     

     

     

    14 กุมภา...วันวาเลนไทน์

    ใครๆเขาก็มี 'คนรัก' ให้เดินจูงมือกันทั้งนั้น

    คงมีแต่ผมเท่านั้นสินะ ที่ยังคงใช้อ้อมกอดอันแสนจะคุ้นเคย

    โอบกระชับหัวใจของตัวเองในวันแห่งความรัก...เหมือนเดิม...อีกครั้งหนึ่ง




    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    "ทงเฮ...คยูฮยอน...มากินข้าวได้แล้ว กับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
    เสียงหวานตะโกนเรียกเจ้าน้องชายจอมซนและเด็กผู้ชายข้างบ้านให้มากินข้าวก่อนที่อาหารบนโต๊ะจะเย็นชืดจนเสียรสชาด เด็กหนุ่มทั้งสองละความสนใจจากเกมส์ตรงหน้าอย่างว่าง่ายแล้วรีบแย่งกันวิ่งเข้ามานั่งประจำที่ในครัวอย่างเช่นทุกวัน อากัปกิริยาเช่นนี้เรียกรอยยิ้มกว้างจาก 'พ่อครัวประจำบ้าน' ได้ไม่ยากนัก

    "ค่อยๆกินก็ได้ ไม่ต้องแย่งกัน ถ้าหมดจะทำใหม่ให้ เดี๋ยวก็ได้ติดคอตายกันพอดี"
    ร่างเล็กของคนเป็นพี่ชายบ่นเอากับท่าทางการกินของเด็กหนุ่มทั้งสองที่แลดูน่ากลัวว่าอาจจะต้องหามส่งโรงพยาบาลอีกในไม่กี่อึดใจข้างหน้า

    "คยู...อย่ามาแย่งน่องไก่ได้มะ อยากกินก็ไปกินบ้านนายโน่นไป๊"

    "ไม่อ่ะ แม่ไม่อยู่ ไม่มีอะไรกิน นายจะหวงทำไม พี่ซองมินยังไม่เคยเอ่ยปากไล่เลยนะ...ไอ้ขี้งกเอ๊ย!!!"

    "ไม่ต้องแย่งกัน มีอีกเยอะแยะ อยากกินเท่าไหร่ก็กินไป ทงเฮก็อย่าหวงนักเลยน่า ทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กยังไม่เบื่อกันอีกรึไง...ฮึ"
    คนเป็นพี่ชายส่ายหน้าน้อยๆให้กับความไร้สาระของคนทั้งคู่ ที่ถึงแม้ว่าจะอายุย่างเข้าเลขสองกันหมดแล้วก็ตาม หากแต่ก็ยังคงมีเรื่องให้ได้ทะเลาะตบตีไม่เว้นแต่ละวัน
    แต่ก็แปลก...ที่ทั้งสองคนก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ว่าจะกัดกันบ่อยแค่ไหน

    และจนถึงวันนี้...ดวงตาคู่หวานที่มักจะเผลอเหลือบไปมองใบหน้าคมของเด็กหนุ่มข้างบ้านก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอมา


    สายตาของอีซองมินคงจะไม่มีเหลือไว้มองใครอีกแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้จักเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้...โจคยูฮยอน

    เด็กผู้ชายข้างบ้านที่มักจะเข้ามาทำให้หัวใจของเขาวุ่นวายจนไม่เป็นอันทำอะไร
    คิดอยากจะทำใจกล้าสารภาพกับเจ้าตัวอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...

     


    'I am missing you.'



    "ว่าไงชีวอน...กำลังกินข้าวอยู่เลย ทำไมเหรอ....."
    เจ้าน้องชายจอมทะโมนของซองมินเปลี่ยนเข้าสู่โหมดหวานสุดชีวิตเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก ที่บอกผู้เป็นเจ้าของได้ดีว่าใครคือคนที่อยากจะพูดสายด้วยในเวลานี้ ร่างบางขอตัวลุกออกจากโต๊ะกินข้าวพร้อมใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสวย ขาเรียวก้าวฉับๆไปทางสนามหญ้าหน้าบ้านเพื่อสร้างโลกส่วนตัว ทำเอาบรรยากาศรอบๆคนตัวเล็กแทบจะกลายเป็นสีชมพูไปในทันที

    จะเว้นก็แต่เพียง...แววตาคมใสของร่างสูงที่ตอนนี้ดูหม่นลงจนคนแอบมองอยู่อดใจหายตามไปด้วยไม่ได้


    แววตาปวดร้าว...เวลาที่มองคนที่ตัวเองแอบรักพูดคุยอย่างมีความสุขอยู่กับคนอื่น
    ใช่...เด็กหนุ่มข้างบ้านแอบหลงรักน้องชายของเขา โจคยูฮยอนแอบรักอีดงเฮ


    เขารู้ดี...ตลอดเวลา คยูฮยอนไม่เคยมองคนอื่นเลยนอกจากน้องชายน่ารักของเขาคนนี้
    ไม่...แม้แต่จะมองกลับมาว่ามีใครอีกคนที่คอยแอบมองเขาอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน


    แปลกจัง...ทำไมวันนี้ถึงได้เจ็บจี๊ดตรงอกด้านซ้ายขนาดนี้นะ

    ร่างเล็กคงจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเกิดอาการแปลกๆขึ้นอย่างกระทันหัน เจ็บเสียดหน้าอกจนมือซ้ายที่จับอยู่ในตำแหน่งของหัวใจได้ขยำอกเสื้อเสียจนยับย่น
    และ...



    โครม!!!


    "พี่ซองมิน!!! พี่ซองมินครับ!!! พี่ซองมิน!!! ทงเฮ พี่ซองมินเป็นอะไรไม่รู้ ทงเฮ!!!"

    .

    .

    "พี่ซองมิน พี่ซองมินได้ยินผมมั้ย ผม...ทงเฮเองนะ"
    เสียงใสของน้องชายคนเดียวเอ่ยเรียกสติของพี่ชายที่ยังคงสลึมสลือเพราะอาการ 'วูบ' ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน สีหน้าของทงเฮเริ่มดีขึ้นมากเมื่อเห็นว่าร่างที่กำลังนอนอยู่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองคนรอบข้าง

    "ทงเฮ...พี่เป็นอะไรไปเหรอ แล้วนี่...พาพี่มาโรงพยาบาลทำไม"
    คนป่วยยังคงถามไถ่ผู้เป็นน้องชายด้วยความสงสัย เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะแค่เพลียๆจากเรื่องงานก็เลยวูบไปเท่านั้น ไม่น่าจะต้องถึงขั้นพามานอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลอย่างนี้ หากแต่เมื่อคนเป็นน้องทำท่าทางอึกอักกับการตอบคำถามที่แสนจะง่ายดายรวมไปถึงอาการหันหน้าหนีของเจ้าหนูข้างบ้าน ก็ทำเอาซองมินใจเสียไปกว่าครึ่ง

    "ทงเฮ...ถามจริงๆ พี่...เป็นอะไร"
    พยายามปรับน้ำเสียงให้เรียบที่สุดเพื่อกดดันให้น้องชายคายความจริงออกมาให้ได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังอดที่หวั่นใจไม่ได้ หากความจริง...มันเลวร้ายกว่าที่คิด

    "พี่ก็แค่...อ่อนเพลีย ก็บอกแล้วไง ให้นอนเยอะๆก็ไม่เชื่อ นั่งทำงานงกๆอยู่ได้ทุกคืน"

    "ทงเฮ..."

    "พี่หิวอะไรรึเปล่า เมื่อกี๊ตอนกินข้าว พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้ เอาโจ๊กมั้ย โอเค...เอาโจ๊กนะ เดี๋ยวฉันมานะ คยูฮยอน...นายไปกับฉันหน่อย"
    ทงเฮพูดตัดบทรวดเดียวจบเหมือนกับกำลังหลีกเลี่ยงสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของผู้เป็นพี่ชายและเสียงเรียกตัดพ้อของเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายังไม่พร้อมที่จะให้พี่ชายได้รับรู้อาการป่วยของตัวเอง ขนาดเขาที่เป็นน้องยังช็อคจนพูดไม่ออกไปเกือบชั่วโมง แล้วนี่ถ้าเจ้าตัวรู้...จะเป็นยังไงต่อไปคงไม่ต้องเดา

    ร่างเล็กมองดูท่าทางแปลกๆของน้องชายและเพื่อนสนิทก็ให้คิดหนักกว่าเดิม



    นี่นายคิดว่าถ้านายไม่ยอมบอกพี่แล้วพี่จะถามจากคนอื่นไม่ได้รึไง...อีดงเฮ

    .

    .

    ตั้งแต่เกิดมา อีซองมินก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าการที่ต้องนอนหง่าวอยู่โรงพยาบาลตามลำพัง...มันน่าเบื่อแค่ไหน

    นอนพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อาการ 'เหงา' ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย
    เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซักหน่อยนี่นา แค่กินยาอีกนิด พักผ่อนอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว



    ปี๊บ **


    ใบหน้าหวานหันมองตามเสียงเตือนข้อความจากเจ้ามือถือเครื่องเล็กที่วางอยู่ข้างๆทีวี
    สาเหตุที่คุณน้องชายตัวดีแอบเอาไปวางไว้ซะไกลมือผู้เป็นเจ้าของ คงจะเป็นเพราะกลัวคลื่นโทรศัพท์มันจะแผ่มากระทบคนป่วยล่ะมั้ง

    เพียงแค่เปิดข้อความที่ส่งมาเท่านั้น รอยยิ้มหวานก็ผุดพรายขึ้นมาทันที ไม่ต้องเดาก็คงรู้ว่ามันถูกส่งมาจากใคร


    'พี่ซองมิน...แอบทำอะไรอยู่น่ะครับ ฮั่นแน่!!! กำลังเบื่ออยู่ใช่มั้ยล่ะ ผมมีข่าวดีจะมาบอกพี่ด้วยล่ะ แต่...ยังไม่บอกตอนนี้นะ เอาไว้เย็นนี้เจอหน้าพี่ก่อนแล้วค่อยบอกดีกว่า อย่าคิดถึงผมจนหัวใจวายไปก่อนน้า...เด็กข้างบ้าน'

    อ่านจบปุ๊บ แก้มขาวนวลก็พลันระเรื่อสีขึ้น หัวใจที่กำลังห่อเหี่ยวกลับมาเต้นตุบๆจนแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอกให้ได้อาย

    นี่แค่ข้อความเท่านั้น เขายังเป็นได้ขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย
    แต่ก็นะ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นทำอย่างนี้ซักครั้ง สงสัย...ทงเฮคงเสกอะไรให้กินแหงๆ



    คิดไปพลาง หัวเราะคิกคักไปพลาง นายช่างดูมีความสุขเหลือเกินนะ...ซองมิน

    .

    .

    "พี่ซองมิน...ผมมารับแล้ว"

    "อะไรกันคยูฮยอน มารับอะไร แล้วเจ้าน้องชายตัวดีล่ะ หายไปไหนอีกเนี่ย"
    เมื่อคนป่วยเห็นร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาเพียงลำพังพร้อมกับคำพูดแปลกๆก็ให้สงสัยอีกรอบ ปกติตัวติดกันออกจะตาย ยกเว้นก็แต่ตอนที่เจ้าน้องชายตัวแสบจะไปเดทกับแฟนเท่านั้น เจ้าลิงตัวโตนี่ก็จะมาอ้อนเอากับเขาแทน แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ปล่อยให้เจ้าเพื่อนสนิทมาเยี่ยมพี่ชายสุดที่รักคนเดียวเล่า หรือว่า...จะหนีไปเดทอีกแล้ว ให้ตายเถอะ

    "พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมมีข่าวดีจะมาบอกพี่เย็นนี้อ่ะ ข่าวดีก็คือ...เย็นนี้พี่จะได้กลับบ้านไปนอนให้สบายตัวไง ส่วนทงเฮ...หมอนั่นกำลังนั่งทำรายงานหัวฟูรอพี่กลับไปทำกับข้าวให้อยู่ที่บ้าน ผมก็เลยอาสามารับพี่กลับบ้านไงครับ"
    พูดจบก็ขว้างรอยยิ้มน่ารักบาดใจมาให้พี่ชายคนสนิทพร้อมทั้งเก็บของของคนป่วยใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน ทำเอาซองมินถึงกับงงไปเหมือนกัน เกิดขยันอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย



    "อ้าว!!! พี่ซองมินยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเหรอครับ รีบๆเปลี่ยนเสื้อผ้าสิครับ จะได้ไปซื้อของที่ซูปเปอร์กัน เอ๊ะ!!! หรือว่า...พี่อยากจะให้ผมเปลี่ยนให้ล่ะ"
    เมื่อเห็นคนป่วยยังยืนอึ้งอยู่ ร่างสูงจึงถือโอกาสก้าวเข้าประชิดร่างเล็ก พร้อมทั้งส่งประโยคฮุกซ้ายเข้าที่ริมใบหู ทำเอาคนแก่กว่าผงะถอยหลังจนแทบล้ม

    "มะ...ไม่ต้อง พี่...พี่ไปเปลี่ยนเองได้"
    หน้าแดง หูแดงจนควันแทบออก ก็เล่นเข้ามาใกล้แบบไม่ให้ตั้งตัวอย่างนี้ มีหวัง ได้หัวใจวายตายจริงๆแน่...เจ้าเด็กบ้า

    ตัดพ้อในใจพอให้หายเขิน ร่างเล็กก็วิ่งดุ๊กๆหายเข้าห้องน้ำไป ท่าทางเขินอายที่ดูเป็นธรรมชาติของคนป่วย เรียกรอยยิ้มพอใจจากร่างสูงได้โดยไม่รู้ตัว



    'ดูๆไป พี่ก็น่ารักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ...พี่ซองมิน'

    .

    .

    "คยูฮยอน...วันนี้นายอยากกินปลาทอดรึเปล่า"

    "กินๆ"

    "คยูฮยอน...กินกิมจิชีเกมั้ย"

    "กินครับ กิมจิชีเกของพี่ซองมินอร่อยที่สุดในโลกเลย"


    "คยูฮยอน...พี่จะทำซุปสาหร่ายนะ นายชอบกินนี่"

    "พี่ซองมินทำอะไรมา ผมก็กินหมดแหล่ะครับ"

    "คยูฮยอน..."

    "พี่ซองมินอา...ถามแต่ผม ห่วงตัวเองบ้างสิครับ ผมพาพี่มาซื้อของที่พี่ชอบน้า ไม่เอาแล้ว ถ้าขืนพี่ยังถามผมอีกแม้แต่คำเดียวล่ะก็...ผมจะไม่กินกับข้าวที่พี่ทำจริงๆด้วย"
    ร่างสูงที่กำลังเดินเคียงข้างกับซองมินหยุดเข็นรถเข็นเอาดื้อๆ แถมยังทำปากยื่นนิดๆให้คนข้างๆรู้ว่ากำลังงอน ทำเอาคนตัวเล็กแต่แก่กว่าหลุดขำพรืด


    นี่เขากำลังช็อปปิ้งอยู่กับเด็กสิบขวบเหรอเนี่ย


    ดวงตาคู่สวยมองหาผักสีสดที่เรียงรายอยู่บนชั้นวาง ในใจกำลังคิดไปถึงหน้าตาอาหารที่จะทำเย็นนี้ ริมฝีปากอิ่มบ่นพึมพัมเบาๆ ไม่ได้หวังจะให้ 'ใคร' มาได้ยิน

    แต่...ซองมินอาจจะลืมไปว่าแถวนั้นมีเพียงแค่เขากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องเท่านั้นที่ยืนเลือกซื้อของอยู่



    "พี่ก็ชอบ...ทุกๆอย่างที่นายชอบนั่นแหล่ะ"


    "พี่คิดอย่างนั้น...จริงๆเหรอครับ"


    ร่างเล็กเกิดอาการเกร็งไปชั่วขณะเมื่อเสียงทุ้มที่ตอบกลับมา มันใกล้ใบหน้าที่กำลังร้อนผ่าวซะเหลือเกิน จนกลัวว่าจมูกโด่งๆนั่นจะเผลอกดลงมาบนแก้มให้ได้เขินไปมากกว่านี้
    ร่างสูงยังคงยืนซ้อนหลังคนตัวเล็กต่อไปเรื่อยๆ ถือโอกาสซึบซับกลิ่มหอมอ่อนๆจากกลุ่มผมนุ่มตรงหน้าอย่างไม่คิดจะเกรงใจผู้เป็นเจ้าของ



    ใช้แชมพูขวดเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไม...ไม่เหมือนกันเลยซักนิด


    "คยูฮยอน...ไปซื้ออย่างอื่นได้แล้ว ยืนนาน...ผักเหี่ยวหมดพอดี"
    คนตัวเล็กบ่นอุบอิบไม่เต็มเสียงนัก พยายามหาข้ออ้างเพื่อให้ได้ออกไปหาพื้นที่ที่มีอ๊อกซิเจนให้หายใจมากกว่านี้ ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ ไม่ใช่ผักหรอกที่จะเหี่ยว แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก...ที่จะเข่าอ่อนจนยืนไม่ไหว

    เด็กหนุ่มรุ่นน้องยืนมองพี่ชายคนสนิทเดินหนีไปทางโซนน้ำยาขัดห้องน้ำพร้อมกับอาการเขินขั้นแมกซ์ก็ให้นึกขำ



    เขินเป็นเด็กเล็กๆไปได้นะ...พี่ซองมิน

    .

    .

    เมื่อได้ของครบตามที่ต้องการ ร่างสูงก็ฉวยคว้าถุงพลาสติกสองใบมาถือไว้ในมือก่อนที่คนตัวเล็กจะได้สัมผัสมัน พร้อมทั้งออกเดินนำไปยังรถยนต์คคันเก๋ที่จอดอยู่ด้านหน้าซูปเปอร์มาเก็ต ทำเอาคนแก่กว่าถึงกับหน้าง้ำ

    นี่เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดจะถือของไม่ได้หรอกนะ

    หากแต่เมื่อเดินออกมาจากตัวอาคารเท่านั้น ซองมินก็ถึงกับต้องรีบซุกมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทแถมยังต้องลดความเร็วในการก้าวขาอีก นั่นทำให้คนที่เดินไปเก็บของที่รถแล้วต้องรีบวิ่งกลับมารับ 'คนป่วย' อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ร่างสูงขอเพิ่มออปชั่นพิเศษไปด้วย


    "พี่ซองมิน...หนาวแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ ไม่เห็นพี่เดินตามมาผมนี่...ใจหายหมดเลย คราวหลังถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ต้องเรียกผมก่อนคนแรกเลยนะครับ"


    ไม่บ่นเปล่า มือใหญ่ยังสอดเข้าไปเกาะกุมมือเล็กที่เย็บเฉียบภายในกระเป๋าเสื้อโค้ทอย่างเบามือ ค่อยๆออกแรงจูงให้คนตัวเล็กเดินไปพร้อมๆกัน


    ไม่ใช่แค่มือของพี่เท่านั้นหรอกนะที่อุ่น หากแต่หัวใจของพี่ก็อุ่นขึ้นด้วย นายรับรู้บ้างมั้ย...คยูฮยอน



    ข้อความที่เธอเคยส่ง อะไรที่ทำให้ฉัน

    แสดงถึงความเป็นห่วงและสนใจ

    เพิ่งรู้ว่ามันลำบาก ไม่เป็นตัวเธอใช่ไหม

    เหนื่อยไหม ต้องทำอะไรอย่างนี้




    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




    'พี่ซองมินครับ...เย็นนี้พี่ว่างรึเปล่า อย่าบอกนะว่าพี่มีนัดแล้ว ถ้าพี่จะมีนัด...พี่มีได้กับผู้ชายที่ชื่อโจคยูฮยอนเท่านั้นนะ งั้นเจอกันตอนหกโมงเย็นที่ร้าน 'คิมฮีนิม' นะครับ...เด็กข้างบ้าน'

    หลังจากที่ผ่านมาสองเดือน ซองมินก็ยังคงได้รับข้อความที่ติดจะพิเศษนิดหน่อยจากเจ้าเด็กผู้ชายตัวโตข้างบ้านเสมอ ที่จริง...เขาน่าจะชินกับพฤติกรรม 'ชวนคิด' ของเจ้าเด็กหล่อร้ายกาจคนนี้ได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การที่เราได้รับข้อความจากคนที่เราแอบรัก...มันก็ทำให้หัวใจพองโตขึ้นได้ทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ยิ่งวันนี้เป็นวันที่ใครๆเขาก็เรียกมันว่า 'วันแห่งความรัก' ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หัวใจเจ้ากรรมมันเจ็บจี๊ดซะจนต้องเอายาออกมากินระงับอาการ 'ป่วย'

    ที่เจ็บ...ไม่ใช่เพราะปวดใจเหมือนครั้งก่อน แต่เป็นเพราะ...ดีใจมากเกินไปต่างหากล่ะ ถึงได้เจ็บขนาดนี้



    พี่ยอมเจ็บ...ก็เพราะนายนะ...คยูฮยอน

    .

    .


    "ขอโทษทีคยูฮยอน...รอนานมั้ย"

    "เพิ่งมาถึงเมื่อห้านาทีก่อนหน้าพี่เองครับ"

    "งั้น...สั่งอาหารกันเถอะนะ"

    "ครับ"

    "เอ่อ...แล้วทงเฮล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ นึกว่าจะมากินข้าวด้วยกันซะอีก"

    "พี่ซองมิน...ตอนนี้มีแค่ผมกับพี่เท่านั้นนะ อย่าเพิ่งพูดถึงเจ้าตัวยุ่งนั่นได้มั้ย เดี๋ยวก็ได้เสียบรรยากาศกันหมดพอดี"
    ร่างสูงบ่นอุบอิบเมื่อพูดถึงอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วยเหมือนกับว่ารำคาญเจ้าตัวเล็กซะเต็มประดา

    ถ้าพี่จะคิดเข้าข้างตัวเอง...ว่านายอยากจะอยู่กับพี่แค่สองคน...พี่จะคิดมากเกินไปมั้ย


    "คยูฮยอน...นายสั่งเถอะ พี่กินได้ทุกอย่างอยู่แล้วล่ะ"

    "พี่ซองมิน...อย่าตามใจผมมากนักสิ ผมเคยตัวกันพอดี เอาอย่างนี้...สั่งกันคนละสองอย่าง ดีมั้ยครับ"

    "อื้ม ~ ~"

    ทั้งสองคนลงมือสั่งอาหารในโควต้าของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครใช้สิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ ก็ในเมื่อแต่ละคนเอาแต่สั่งของโปรดของอีกคนสลับกันไปมา เรียกรอยยิ้มแห่งความสุขให้แต่งแต้มบนใบหน้าของทั้งสองได้ไม่ยากนัก



    คยูฮยอน...พี่อยากรู้เหลือเกิน เวลาที่นายอยู่กับพี่...นายมีความสุขใช่มั้ย

    .

    .


    "ฮ้า ~ ~ อิ่มแทบแย่แล้วอ่ะพี่ซองมิน แล้วพี่ล่ะ...อิ่มรึยัง"

    "อื้อ...ตื้อไปหมดแล้วล่ะ"

    "ไม่ได้น้า...พี่จะรีบอิ่มไม่ได้ ผมยังมีของหวานอีกตั้งที่นึงแน่ะ มาช่วยผมกินก่อนเลยด้วย"

    "ถ้านายอยากให้พี่กิน...พี่ก็จะกิน"
    ซองมินอดที่จะหลุดขำกับท่าทางเอาแต่ใจของเจ้าเด็กหนุ่มข้างบ้านไม่ได้ คนอะไร...อายุก็ตั้งยี่สิบแล้ว ยังจะมาอ้อนเป็นเด็กๆอีก

    แต่เมื่อบริกรยกเอา 'ของหวาน' มาเสิร์ฟ ร่างเล็กก็ถึงกับต้องทาบมือลงตรงตำแหน่งของหัวใจพร้อมทั้งยังต้องคอยประคองสติของตัวเองไม่ให้หลุดไปซะก่อน


    "ยื่นมือมาสิครับ...พี่ซองมิน"

    มือเรียวของคนตรงหน้าค่อยๆหยิบเอาสร้อยข้อมือสีเงินยวงขึ้นมาจากถาดแก้วใส บรรจงสวมเข้าไปที่ข้อมือเล็กอย่างถะนุถนอม ทุกที่ที่นิ้วเรียวสัมผัสกลับอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด ไม่ต่างไปจากใบหน้าหวานที่กำลังระเรื่อแดงชวนมอง



    ถ้าพี่มองไม่ผิด...มือของนายกำลัง 'สั่น' อยู่ใช่มั้ย

    ถ้าพี่ตาไม่ฝาด...หน้าของนายกำลังแดงเหมือนกับพี่ใช่มั้ย

    ถ้าพี่ไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป...นายกำลัง 'รัก' พี่อยู่ใช่มั้ย



    หากแต่เพียงชั่วขณะหนึ่งที่ร่างสูงมองออกไปนอกร้าน คิ้วเรียวขมวดฉับ หน่วยตาคมแข็งกร้าวขึ้นเพียงครู่แล้วหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    โชคดี...ที่คนตรงหน้าไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ของร่างสูงเลยแม้แต่น้อย


    "พี่ซองมินครับ...เดี๋ยวเรากลับบ้านกันเถอะครับ"

    "อื้ม"




    อย่ายื้อให้เหนื่อยใจ หากเธอไม่เป็นตัวเอง

    อย่าฝืนทำต่อไปอีกเลย เพื่อให้เรารักกัน



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    "วันนี้แหล่ะ...ซองมิน บอกออกไปเลย ไม่ต้องรออะไรแล้ว"
    ร่างเล็กพูดให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งพร้อมกับถือกล่องของขวัญขนาดเหมาะมือสีชมพูไปด้วย ที่เคยคิดไว้ว่าจะหาโอกาสเหมาะๆบอกความในใจทุกอย่างออกไป เขาคิดว่า...เวลานั้นคงจะมาถึงแล้วล่ะ



    บรืน!!!


    สงสัย...เจ้าตัวยุ่งคงจะกลับมาแล้ว เดี๋ยวต้องซักซะหน่อยว่าแอบไปหนีเที่ยวที่ไหนมา

    คิดได้ดังนั้น พี่ชายคนโตของบ้านก็วิ่งลงบันไดมาด้วยความเร็วประหนึ่งลมพัดมาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นล่างสุด เตรียมตัวจะกระโจนเข้าใส่เจ้าน้องชายจอมเกเรเต็มที่ หากไม่ติดว่ามีร่างสูงของ 'ใครบางคน' เดินพรวดพราดเข้าไปหาเจ้าตัวเล็กนั่นซะก่อน

    ซองมินสังเกตจากท่าทางของคนทั้งคู่ ก็คิดว่าตัวเองน่าจะหลบฉากออกมาก่อน เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันช่าง...ดู 'มาคุ' ซะจนเขาเองยังแอบขนลุกไม่ได้


    "ทงเฮ...ทำไมนายถึงทำอย่างนี้"

    "ทำอย่างไหน...คยูฮยอน"

    "นายผิดสัญญา...นายไปเที่ยวกับหมอนั่น นายไปเที่ยวกับชีวอน"

    "คยูฮยอน...นายฟังฉันนะ ฉันไม่ได้ผิดสัญญา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปกับชีวอน แต่หมอนั่นบังคับฉัน ฉันสงสารเขา...คยู ตั้งแต่วันนั้น...วันที่นายบอกให้ฉันไปบอกเลิกกับเขา ทั้งฉันและเขาก็ไม่มีความสุข นายเคยเห็นวันไหนที่ฉันยิ้มได้เต็มที่อีกมั้ย นายตอบฉันมาสิ...คยู นายเคยเห็นอีกมั้ย"

    "นายก็เลยแอบไปเดทกับเขาทั้งวันใช่มั้ย นายลืมอะไรไปรึเปล่า...ทงเฮ สัญญานี้...นายเป็นคนขอร้องให้ฉันทำ นายขอให้ฉันทำดีกับพี่ซองมินเพื่อที่จะแลกกับที่นายต้องเลิกกับชีวอน นายเลือกเอง...ทงเฮ นายเลือกที่จะให้พี่นายมีความสุข ทั้งๆที่คนอีกสามคนต้องมานั่งเป็นทุกข์อย่างนี้ นายคิดเหรอ...ว่าที่ฉันเห็นนายเศร้าแล้วฉันจะมานั่งมีความสุขได้ ทงเฮ...นายก็รู้ ว่าฉันคิดยังไงกับนาย"


    "คยูฮยอน...ฉันขอถามอะไรนายซักอย่างสิ นายรู้ใช่มั้ย...ว่าพี่ชายฉัน...คิดยังไงกับนาย"

    "รู้"

    "แล้ว....ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ความรู้สึกของนาย...ไม่เคยเปลี่ยนบ้างเลยรึไง"

    "ไม่"


    "โอเค...คยูฮยอน ถ้าวันนี้นายโกรธฉัน โมโหฉัน นายจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันยอมนายทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียว...ขอให้นายดีกับพี่ซองมินให้มากๆ แล้วฉันจะไม่เจอกับชีวอนอีก ฉันสัญญา"

    สิ้นเสียงลูกชายคนเล็กของบ้าน แขนแกร่งตวัดโอบรัดรอบร่างบางนั้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับริมฝีปากเรียวที่ทาบทับกลีบปากบางอย่างจาบจ้วง หากแต่คนในอ้อมแขนก็ไม่อาจขัดขืนได้


    เสียงทุกเสียงที่ได้ยิน ภาพทุกภาพที่ได้เห็น มันตอกย้ำให้คนเป็นพี่อย่างเขาได้รับรู้แล้วว่า...ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มีแต่คนเห็นแก่ตัวอย่างเขาเท่านั้น ที่ไม่เคยมองเห็นเลยว่าคนรอบข้างต้องแบกรับความทุกข์ไว้มากมายขนาดไหน โดยเฉพาะน้องชายของตัวเอง


    เพราะเขาป่วยใช่มั้ย เพราะเขาอ่อนแอเกินไปใช่มั้ย ทุกอย่างมันถึงต้องเป็นอย่างนี้
    คนที่เขารักทุกคนต้องมามีความทุกข์ก็เพราะเขา


    หากแต่นั่นยังไม่เจ็บเท่ากับความจริงที่เขาเพิ่งจะได้รับรู้มาเมื่อครู่



    ทุกสิ่งที่คยูฮยอนทำไป...มันไม่ได้มาจากใจของเขา หากแต่มันเป็นแค่คำสัญญา...ที่จะทำให้ตัวเขาเองมีความสุข
    เมื่อคิดถึงแต่ละอย่างที่ร่างสูงเคยทำให้...ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก



    นายคงต้อง...ฝืนใจตัวเองมากเลยใช่มั้ย...คยูฮยอน
    พี่ขอโทษนะ...พี่ขอโทษ...



    อาการเจ็บเสียดพุ่งขึ้นมาอีกระลอกพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวจนมือเล็กต้องขยำเข้าที่อกเสื้อเพื่อบรรเทาอาการปวด ขาทั้งสองค่อยๆก้าวหลบขึ้นบันไดไปช้าๆทั้งๆที่ในมือยังคงถือกล่องของขวัญกล่องเดิมเอาไว้อย่างมั่นคง

    เพียงแค่เปิดประตูห้อง ร่างเล็กก็จัดการควานหายาในลิ้นชักหัวนอน อมเข้าปากอย่างรวดเร็ว นั่งซุกหน้ากอดเข่าหลังพิงเตียงแล้วให้ตัวเองได้ปลดปล่อยความเศร้าที่อัดอั้นออกมา ร่างเล็กสั่นเทาอย่างน่าสงสาร หากแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น เขาไม่อยากให้ใครต้องมาสงสารเขาอีกแล้ว ไม่อยากแล้ว....



    แค่ได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงภาพลวงตา...ซักวัน มันก็ต้องหายไป แค่นี้...ก็เจ็บเจียนตาย

    แค่คิดว่าวันพรุ่งนี้ จะมีหน้าไปเจอทงเฮกับคยูฮยอนยังไง...เขาก็เหนื่อยจะแย่



    ถ้าขืนเขายังอยู่ที่นี่ต่อไปอีกล่ะก็...


    ไม่ต้องคิดให้เปลืองเวลา ร่างเล็กจัดการค้นกระเป๋าเป้ใบย่อมออกมาจากตู้เก็บของ จัดเก็บเสื้อผ้าตัวโปรดพร้อมทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่คิดว่าจำเป็นลงกระเป๋า มือเล็กเช็ดปาดน้ำตาอย่างลวกๆพร้อมทั้งฉีกกระดาษเขียนจดหมายออกมาหนึ่งแผ่น ค่อยๆตั้งสติเขียนข้อความทิ้งไว้ให้เจ้าน้องชายเพราะไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้ 


     
    ไม่ได้จะหนีไปไหน เขาแค่ต้องการเวลาพัก...เท่านั้นเอง

    .

    .

    "พี่ซองมิน...พี่ซองมิน...สายแล้วนะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ พี่ซองมิ๊นนนนนนนนน"
    เสียงเจ้าตัวเล็กตะโกนโวยวายแต่เช้า เมื่อเห็นว่าพี่ชายสุดที่รักไม่ยอมลงมาทำกับข้าวให้กินเหมือนทุกที

    ร่างเล็กวิ่งตึงๆขึ้นบันไดไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องพี่ชาย เคาะจนมือแทบหักก็ไม่ยักเห็นว่าจะมีใครมาเปิดประตูให้ มือขาวจัดการบิดลูดบิดประตูเข้าไปก็ให้สงสัยเมื่อไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครอยู่ในห้องเลย

    นี่...พี่ซองมินหายไปไหนกันนะ


    พูดไม่ทันขาดคำ สายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษที่พับเป็นรูปซองจดหมายวางอยู่บนโต๊ะ อะไรบางอย่างกำลังเตือนให้ร่างเล็กรู้ว่า...สถานการณ์ชักจะไม่ดีซะแล้ว

    เพียงแค่มือบางคลี่แผ่นกระดาษออกกว้าง ดวงตาหวานก็ต้องเบิกโตขึ้นเมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมาย

    นี่...พี่รู้เรื่องหมดแล้วใช่มั้ย



    'ถึง...ทงเฮ น้องชายสุดที่รักของพี่
    ไม่ต้องตกใจที่เข้าห้องมาแล้วไม่เจอพี่ พี่ก็แค่อยากออกไปพักผ่อนเท่านั้น
    พี่ต้องขอบใจน้องชายของพี่มากๆ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้พี่มีความสุข พี่รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วล่ะ
    พี่ต้องขอโทษนายจริงๆ ที่พี่มันอ่อนแอ จนทงเฮต้องทำอะไรขนาดนั้นเพื่อพี่
    ที่พี่ต้องขอโทษ ก็เพราะพี่มีความสุขมากๆตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ทั้งๆที่นายสามคนต้องจมอยู่กับความทุกข์
    พี่ไม่โทษใครหรอกนะ ถ้าพี่จะโทษ...พี่ขอโทษตัวเองดีกว่า เพราะพี่มันคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้
    กลับไปคบกับชีวอนซะ แล้วไม่ต้อง 'ฝืน' ทำอะไรเพื่อพี่อีกแล้ว
    แต่...พี่ขอร้องอะไรนายซักอย่างสิ...ทงเฮ พี่ขอแค่...นายอย่าบอกคยูฮยอนว่าพี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
    นายบอกเขาแค่ว่า...พี่ไปเที่ยวพักผ่อนก็พอ พี่เชื่อว่า...ถ้าบอกเขาอย่างนั้น เขาจะไม่ออกตามหาพี่อย่างเด็ดขาด
    พี่ขอแค่เวลาเท่านั้น...ทงเฮ พี่ขอเวลาไปทำหัวใจของพี่...ให้แข็งแรงมากขึ้นกว่านี้ซะก่อน
    แล้วพี่จะกลับมา พี่สัญญา...ว่าพี่จะกลับมา อีกไม่นานหรอกนะ
    ทงเฮ...พี่รักนายนะ'



    "พี่ซองมิน...ผมขอโทษ พี่ซองมิน...ทงเฮขอโทษ"

    พี่ซองมิน...แล้วพี่จะไปอยู่ที่ไหน พี่ป่วยขนาดนี้...แล้วพี่ยังจะมีแรงไปเที่ยวที่ไหนอีก



    พี่ซองมิน...ฉันขอโทษ....



    อย่าโทษว่าตัวเธอผิด อย่าคิดว่าเป็นเรื่องร้าย

    อย่ากลัวถ้าเธอจะปล่อยมือฉันไป

    กลับไปเป็นเธอคนเก่า เก็บความทรงจำนี้ไว้

    ได้ไหมฉันขอให้เป็นอย่างนั้น




    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านบานหน้าต่างรถโดยสารเข้ามาบวกกับภาพวิวสวยๆของชายฝั่งทะเลตะวันออก ทำให้คนตัวเล็กที่เพิ่งจะปรือตารู้ว่าใกล้จะถึงที่หมายในอีกไม่ช้า

    ใบหน้าหวานยังคงเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตาคู่สวยแดงช้ำ หากหัวใจ...ก็ยังคงเจ็บอยู่เหมือนเดิม

    "อีซองมิน...นายนี่มันอ่อนแอชะมัด กะอีแค่ 'ป่วย' แค่เนี่ย ยังต้องให้คนอื่นมานั่งสงสารเลย"
    สมเพชตัวเองก็เท่านั้น นี่เขากลายเป็นคนน่าสงสารไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ



    ตั้งแต่ที่เจ้าเด็กบ้านั่นเข้ามาทำดีด้วย

    หรืออาจจะเป็นตอนที่ตัวเขาเองเริ่มป่วย


    หรือว่า...ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเผลอใจไปแอบรักเจ้าเด็กข้างบ้านคนนั้นเข้าเต็มเปา


    ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บจนต้องควานหาตลับยาขึ้นมากินอีกรอบ ช่วงนี้เขาเองรู้สึกว่าจะเริ่มใช้ยาระงับอาการถี่มากขึ้น จากสองสามวันครั้งจนกลายเป็นวันละครั้ง อาการป่วยที่เริ่มแสดงให้เห็นชัดมากขึ้นกำลังส่อเค้าอะไรบางอย่าง

    อะไรบางอย่าง...ที่อาจจะทำให้เขาต้องอยู่ที่นี่...ตลอดไป

    "เม็ดสุดท้ายแล้วสินะ เอาเถอะ...ไว้ตอนเย็นค่อยเข้าไปเอายาที่โรงพยาบาลก็ได้"


    หัดคิดอะไรง่ายๆซะบ้าง...มันอาจจะไม่เจ็บปวดมากนักก็ได้

    .

    .

    เท้าเล็กขาวคู่น้อยค่อยๆเดินทอดน่องไปตามความยาวของชายหาด แสงแดดอ่อนยามสายของเดือนกุมภาไม่ได้ทำให้ใจดวงเล็กๆของซองมินอบอุ่นขึ้นมาแม้แต่น้อย หากมีเพียงสายลมเย็นเท่านั้นที่คอยแต่จะทำให้หัวใจของชายหนุ่มเย็นเยียบจนแทบจะหยุดเต้น

    เดินเล่นมาได้พักใหญ่ก็เริ่มเหนื่อย ร่างเล็กจึงมองหาที่เหมาะๆเพื่อนั่งพัก สอดส่ายสายตาได้เพียงครู่ก็แลเหลือบไปเห็นกลุ่มโขดหินเล็กๆโผล่พ้นพื้นทรายมาได้ครึ่งเข่า

    "นี่พวกนายกำลังรอให้เราไปนั่งอยู่ใช่มั้ย...หา"

    บ่นกับลมกับฟ้า...เผื่ออาการเจ็บเสียดที่เป็นอยู่จะบรรเทาเบาบางลงไปบ้าง



    แล้วนี่...ยังจะมีใครรอให้เขากลับไปอยู่รึเปล่าน้า

    .

    .

    คนตัวเล็กนั่งเหม่อมองทะเลใสแล้วก็ให้คิดถึงเจ้าน้องชาย ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
    ถ้าโทรกลับไปบอกซักหน่อย...คงจะไปเรียนหนังสือได้รู้เรื่องมากกว่า
    คิดพลางมือขาวก็หยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยอย่างคล่องแคล่ว...อีกครั้ง

    หากแต่เสียงสัญญาณรอสายยังไม่ทันจะดัง นิ้วเรียวกลับกดตัดสายทิ้งซะดื้อๆ
    คนตัวเล็กเพิ่งจะนึกได้ว่า ถ้าหากเขาโทรกลับไปหาเจ้าน้องชาย มีหวัง...เขาต้องโดนเซ้าซี้จนใจอ่อนแน่ๆ
    นิ้วเรียวเริ่มกดปุ่มมือถืออีกครั้ง หวังว่าวิธีนี้คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดล่ะนะ



    ปี๊บ**


    เพียงแค่กดส่งข้อความออกเท่านั้น มือถือเครื่องเล็กก็ส่งเสียงร้องให้เจ้าของรู้ว่ามีข้อความใหม่ส่งเข้ามาหาเขา...อีกครั้ง



    'พี่ซองมิน...แอบหนีผมไปเที่ยวรึไง ผมไม่ยอมจริงๆด้วย ถ้าไม่รีบกลับมานะ ผมจะไปตามถึงที่เลย...คอยดูสิ...เด็กข้างบ้าน'


    ทันทีที่อ่านข้อความนั้นจบ รอยยิ้มหยันก็ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากอิ่มสวยราวกับต้องการจะเยาะเย้ยตัวเอง

    คยูฮยอน...นายไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ คอยแต่จะ 'ฝืน' ใจตัวเองอยู่นั่นแหล่ะ

    คิดพลางกดสวิตปิดเครื่องแล้วยัดมันลงไปใต้ก้นกระเป๋าใบเก่งที่นำติดตัวมา

    สำหรับฉันในตอนนี้...มันคงไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ



    ในเมื่อ...ข้อความทุกฉบับของนาย มันไม่ได้ส่งมาเพื่อฉันเลย...แม้แต่อันเดียว

    .

    .

    พระอาทิตย์กำลังสาดแสงสีส้มอยู่เหนือเส้นขอบฟ้า เป็นสัญญาณบ่งบอกเวลาเย็นย่ำที่ใกล้จะมาเยือน หากแต่ร่างเล็กของชายหนุ่มต่างถิ่นก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

    แม้จะเดินทางมาไกลถึงปูซาน แต่ในหัวสมองของซองมินก็ยังคงคิดถึงแต่สิ่งที่คยูฮยอนเคยทำให้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ 'เรื่องโกหก' ก็ตาม

    ทุกครั้งที่ร่างสูงส่งข้อความมาเพื่อชวนออกไปเที่ยว ไปซื้อของ หรือแม้แต่จะส่งมาเพื่อ 'งอน' แต่นั่นก็ทำให้คนตัวเล็กยิ้มออกมาได้ทุกที

    เพียงแค่ได้เห็นความห่วงใยผ่านตัวหนังสือ หัวใจของซองมินก็จะเต็มตื้นไปด้วยความสุข
    หากแต่วันนี้...มันช่างต่างออกไป

    จากที่เคยยิ้มเมื่อได้อ่าน กลับต้องมานั่งกลั้นน้ำตาเมื่อได้เห็น เพราะทุกสิ่งที่ทำ...ล้วนแล้วแต่เพื่อคนอื่นทั้งสิ้น

    ยิ่งคิดยิ่งก็ยิ่งเจ็บ...เจ็บไปทั้งขั้วหัวใจ แต่สมองกลับยังไม่หยุดคิด
    ภาพของเจ้าเด็กหนุ่มที่เขานึกเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทุกการกระทำของร่างสูงยังคงติดตา...ติดใจ

    มือเล็กลูบแขนตัวเองเร็วๆเพื่อคลายความหนาว แต่ก็ต้องสะดุดกับ 'บางสิ่ง' ที่เย็นเฉียบตรงข้อมือ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองแล้วต้องถอนใจออกมา


    "สร้อยข้อมือสินะ"


    ของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะตั้งใจซื้อมาให้เขาจริงๆรึเปล่ายังคงประดับอยู่บนข้อมือบางมาตั้งแต่เมื่อวาน



    "ขอบใจนะ...คยูฮยอน แต่พี่...คงไม่เหมาะกับสร้อยเส้นนี้หรอก"


    ค่อยๆปลดตะขอที่เกี่ยวแน่นออกจากกัน ทั้งๆที่ในใจกลับปวดร้าว

    ไม่อยากถอด แต่...ในเมื่อมันไม่ใช่ของๆเรา จะยังรั้นใส่อยู่ทำไม


    เปิดกระเป๋าด้านหน้าเพื่อจัดเก็บสร้อยราคาแพงให้อยู่ในที่ๆสมควร พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องของขวัญสีชมพูอ่อนที่เผลอเก็บเอามาด้วย มือเล็กค่อยๆหยิบมันออกมาจากกระเป๋า ถือเอาไว้ในมือพลางลูบไล้ไปตามกระดาษห่อแผ่นบาง ดวงตากลมใสดูเหม่อลอยแต่ยังคงจับจ้องอยู่ที่กล่องใบเดิม



    "คยูฮยอน...พี่รักนายนะ พี่รักนายมากรู้มั้ย คยูฮยอน...พี่รักนายมากนะ ฮึก...ฮึก..."


    คำพูดที่อยากบอกกับเจ้าตัวมานาน หากแต่มาวันนี้...เขาคงจะไม่มีโอกาสได้พูดคำๆนี้อีกแล้ว

    ร่างเล็กกอดกล่องของขวัญไว้แนบอก สะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงพรูจากหน่วยตาสวยจนตัวเองหอบหั่ก

    เจ็บ...เจ็บอีกแล้ว นายมันอ่อนแอ...ซองมิน นายมันน่าสมเพชที่สุด

    มือบางกดกล่องของขวัญให้ติดกับอกมากยิ่งขึ้นเมื่ออาการเจ็บจี๊ดเริ่มพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง และดูเหมือนว่าในครั้งนี้...มันอาจจะมากกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น

    มือเล็กพยายามเปิดกระเป๋าเพื่อเอายาขึ้นมากินตามความเคยชิน แต่แล้วคนตัวเล็กก็ต้องชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายาระงับอาการเพิ่งจะหมดไปเมื่อเช้านี้
    ร่างบางหัวเราะหึ นายมันอ่อนแอจริงๆนั่นแหล่ะ...ซองมิน



    ถ้าพี่ไม่อยากอยู่ต่ออีกแล้ว...นายจะว่าอะไรพี่มั้ย...ทงเฮ

    ถ้าพี่ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว...นายจะคิดถึงพี่บ้างมั้ย นายจะหันกลับมามองพี่บ้างมั้ย...คยูฮยอน



    ซองมินพยายามผ่อนลมหายใจให้ได้จังหวะที่เหมาะสม หากแต่อาการที่กำลังเป็นมันยิ่งทำให้ระบบหายใจเริ่มจะติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ



    คยูฮยอน...ถึงแม้ตลอดระยะเวลาสองเดือน นายจะโกหกพี่ นายจะทำทุกอย่างก็เพื่อใครอีกคน...ที่นายรัก

    แต่พี่ก็ต้องขอบใจนาย ที่ทำให้พี่ได้เรียนรู้ว่า...การที่ได้รับความรัก ความห่วงใยจากคนที่เรารัก...มันมีความสุขมากแค่ไหน




    ขอโทษ...ที่พี่มันอ่อนแอ

    แต่ก็ต้องขอบใจ...ที่คอยอยู่เคียงข้างกันตลอดมา

    ขอบใจนายจริงๆ...คยูฮยอน ขอบใจ...ขอบใจ...



    "คุณครับ...คุณ!!! คุณ!!!"



    ขอบใจนะที่ครั้งนึงเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง

    ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว

    อย่างน้อย ครั้งหนึ่งที่พยายามทุ่มเท

    อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย



    .


    .


    .



    [TBC] >>> :::: Can you hear me? ::::





    ปอลอย : ชอบคนอ่าน รักคนเม้นค่า ^^
    ปอลอย 2 : ฟิคเก่าเล่าใหม่นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×