ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :.: SJ Short Fiction :.:

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] :::: All I want for Christmas is you. ::::

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 55




    Title ::: [SF] :::: All I want for Christmas is you. ::::

    Pairing ::: Sungmin & Chirstmas Holiday

    Rate ::: G

    Note ::: สั้นโฮกฮากและเรื่อยเปื่อยสุดๆ

     

     

     

     

     

    Christmas' Eve...ค่ำคืนแห่งความหวังและการรอคอย
     

    ใครหลายคน...กำลังรอให้หิมะแรกของปีโรยตัวลงมาเหนือท้องฟ้ายามรัตติกาล
     

    ใครหลายคน...กำลังสวดสรรเสริญให้กับองค์พระผู้เป็นเจ้ารวมทั้งพระบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์
     

    และใครอีกหลายคน...ที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา เพื่อที่ว่าในตอนเช้าจะตื่นขึ้นมาพบกับกล่องของขวัญอยู่ใต้ต้นคริสมาสตร์เหมือนอย่างทุกปี
     

    หากแต่ตัวผมเอง...ผม...คนที่ไม่เคยแม้แต่จะเดินเข้าไปสารภาพบาปกับบาทหลวงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
     

    ผม...คนที่ไม่ชอบการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์อย่างที่ชาวบ้านเขาทำกัน
     

    และผม...คนที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องราวของคุณลุงตัวอ้วนชุดแดงแถมยังใจดีหอบของขวัญไปแจกเด็กๆทั่วทั้งโลก...เกิดอยากจะขอพรขึ้นมาซักข้อ...
     

    คุณคิดว่า...พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงศักดิ์จะยังเมตตาคนบาปอย่างผมอยู่บ้างมั้ย...

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     
     

     
     

    อุณภูมิที่ลดต่ำลงมักจะมาคู่กับบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่นเสมอ...

     

     

    ถึงแม้ประโยคข้างต้นอาจจะดูขัดแย้งกันมากก็เถอะ หากแต่มันก็เป็นความจริงไปแล้วกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องใช้อะไรมาเป็นตัววัดหรอกครับ เพียงแค่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมายี่สิบสองปีของผมก็พอจะการันตีได้อยู่แล้ว เพราะอย่างในตอนนี้...ในคืนที่ใครๆต่างก็พากันเฉลิมฉลองให้กับวันคล้ายวันประสูติแห่งพระเยซูคริสต์ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนเดินจับมือกัน โอบกอดกันเพื่อคลายความหนาวเย็นที่กำลังห้อมล้อมอยู่รอบตัว ยกเว้นก็แต่ผม...ที่ประโยคข้างต้นคงจะเป็นหมันไปตั้งแต่คิดจะเอ่ยปากพูด
     

    คงไม่แปลกเท่าไหร่ที่คนปากร้ายอย่างผมต้องมาเดินหนาวอยู่คนเดียวท่ามกลางความอบอุ่นที่น่าอิจฉาเหล่านั้น
     

    ในเมื่อไม่มีใครมาให้กอดเพิ่มความอุ่น ผมก็คงต้องกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่ามันจะไม่อุ่นไปถึงหัวใจสีเทาของผมก็เถอะ

     

    ในขณะที่สองขาของผมกำลังนำพาตัวเองเข้าสู่ย่านการค้าสำคัญใจกลางเมืองหลวง ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกับจุดดำจุดเล็กๆที่กำลังถูกโอบล้อมไปด้วยดวงไฟสีสวยสว่างไสวจากร้านรวงสองข้างทางที่ตั้งใจประดับประดาเพื่อให้เข้ากับเทศกาลแห่งความสุข เมื่อดวงตาทั้งคู่ของผมกวาดมองไปรอบๆตัว ผมกลับรู้สึกถึงความแปลกแยกที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับผู้คนเหล่านั้น บนใบหน้าของคนที่เดินสวนกันไปมาต่างก็มีแต่รอยยิ้มสดใสระบายอยู่เต็มที่ ผิดกับรอยยิ้มเหยียดที่ผมมักจะมีไว้ให้กับตัวเองอยู่เสมอ และในตอนนี้ก็เช่นกัน...
     

    ผมไม่เคยรู้ว่าเมื่อไหร่...ที่ผมไม่สามารถยิ้มให้กับตัวเองได้อย่างเต็มที่อีกครั้งหนึ่ง

     

     

    และแล้วขาทั้งสองข้างก็พาผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ที่ถูกประดับประดาไว้อย่างสวยงามตระการตา ไม่ว่าใครก็อดที่จะยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพแห่งความประทับใจเอาไว้ไม่ได้ ตัวผมเองก็เช่นกัน มือข้างขวาที่เย็นจัดล้วงหยิบเอามือถือเครื่องเก่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างก่อนที่จะยกขึ้นมาเตรียมกดชัตเตอร์เพื่อที่จะชักภาพเก็บไว้ดูในปีต่อๆไป
     

    แต่แล้ว...ผมกลับเหยียดยิ้มขึ้นอีกอย่างเคยชินก่อนจะเก็บกล้องจำเป็นเข้าที่เดิมของมัน เสี้ยวแห่งความคิดที่ผุดขึ้นมาแค่เพียงชั่วครู่ก็ทำเอาผมต้องล้มเลิกการถ่ายรูปคู่กับต้นคริสมาสต์ลงอย่างกระทันหัน จะด้วยความเหงาหรืออารมณ์ที่ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยของตัวผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ที่ทำให้ผมเพียงแค่มองเจ้าต้นไม้ต้นสวยแล้วตัดสินใจก้าวเดินจากมา ทิ้งความรู้สึกอุ่นอวลในหัวใจอันน้อยนิดให้เป็นเพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น

     
     

    'แล้วเรามาถ่ายรูปกับต้นคริสมาสต์กันอีกนะพี่'

     

     

    ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างคนหมดแรงเมื่อคิดไปถึงประโยคชักชวนของใครบางคนเมื่อนานมาแล้วก่อนจะสลัดเสียงที่คุ้นชินให้พ้นจากสมองถั่วๆในหัวกลวง
     

    เอาอีกแล้ว...ผมเผลอเหยียดยิ้มให้กับความคิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง แต่เอ๊ะ!!! ทำไมถึงได้เย็นจี๊ดที่แก้มขึ้นมาเฉยๆล่ะ

     

    และเมื่อแหงนเงยหน้าขึ้น สายตาของผมก็ได้พบกับเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆสีขาวที่กำลังกระจายตัวปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม เสียงเพลงเทศกาลคริสมาสต์และเสียงโห่ร้องยินดีต้อนรับหิมะแรกของปีแว่วเข้าสู่โสตประสาททั้งสองข้าง ผมคิดว่าในคืนนี้ใครหลายคนที่กำลังรอ White Christmas ก็คงจะสมหวังกันถ้วนหน้า ราวกับพระองค์ผู้เป็นใหญ่จะทรงเมตตาประทานพรลงมาให้ทุกชีวิตบนพื้นโลกมีแต่ความสุขในวันประสูติพระบุตรของพระองค์ แต่ดูท่า...ท่านคงจะชิงชังมนุษย์เดินดินอย่างผมเหลือเกิน

     

    ในเมื่อหิมะแรกในคืนคริสมาสต์...ไม่ได้ทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของผมกลับชุ่มชื่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย
     

     

    'พี่ชอบ White Christmas รึเปล่า ถ้าชอบ...ผมจะขอให้คืนนี้หิมะแรกตกลงมาให้ได้เลย'

     

     

    มือข้างขวาที่เริ่มซีดจางเพราะความหนาวเย็นแบออกรองรับเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา...และละลายหายไป
     

    ผม...ไม่เคยต้องการมันเลย...ไม่เคยเลย...


     

    ก้มมองนาฬิกาข้อมือที่ยังคงบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงก็ให้ใจหาย...ผมควรจะต้องกลับบ้านซักที
     

    ก่อนที่ผมจะได้ก้าวเท้าเดินไปในทิศทางที่คุ้นเคยก็ต้องสะดุดตาเข้ากับเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อทางขวามือ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เสื้อผ้าธรรมดาหากแต่ผิดปกติอย่างมากเมื่อเทียบกับสภาพอากาศในช่วงปลายปีเช่นนี้ ภาพที่เห็นทำเอาผมอดที่จะเดินเข้าไปหาหนูน้อยคนนั้นไม่ได้ หนาวๆอย่างนี้ทำไมถึงได้มานั่งข้างนอกแถมยังใส่เสื้อผ้าซะบางขนาดนั้น

     

    "ทำไมถึงมานั่งตรงนี้ล่ะ"
     

    "........"
     

    "แม่ของหนูไปไหนเหรอ"
     

    "........"
     

    "แล้วทำไมไม่เข้าไปรอข้างในนั่นล่ะ"
     

    "......."

     

    เชื่อได้ว่าผมไม่ได้คุยอยู่กับเด็กใบ้แต่ประการใด เจ้าหนูตัวน้อยได้ยินทุกคำพูดที่ผมพูดไปหากมีแค่เพียงดวงตาใสที่ช้อนมองตอบทุกคำถามของผมเท่านั้น เกินกว่าที่จะคาดคะเน ผมคงจะใจร้ายเกินไปถ้าจะปล่อยเด็กน้อยให้นั่งอยู่คนเดียวแบบนี้

     

    "ให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนมั้ย"

     

    เด็กน้อยส่ายหัวซะผมกระจุย...ขนาดเด็กก็ยังกล้าปฏิเสธผมเลย เอากะเขาสิ!!!

     

    "ถ้างั้น...เอาอันนี้ไปใส่ก่อนก็แล้วกัน จะได้ไม่เป็นหวัดนะ"

     

    ผมลงทุนถอดเสื้อกันหนาวนวมตัวโปรดของผมแล้วค่อยๆสวมให้กับเจ้าหนูตัวน้อยที่กำลังพยักหน้ารับด้วยความยินดีราวกับโหยหาความอบอุ่นนี้มานาน
     

    เขาก็คงจะเหมือนกับผม...ชีวิตที่ยังขาดอะไรบางอย่างไป...

     

    แก้มกลมและริมฝีปากที่แดงเรื่อเพราะอากาศกำลังฉีกยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ ผมอดไม่ได้ที่จะกอดเด็กตัวจ้อยไปหนึ่งทีก่อนที่จะตัดใจเดินจากมาทั้งๆที่ยังอยากจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนใจแทบขาด ผมแอบหันหลังกลับไปโบกมือให้กับเจ้าเด็กน้อยอยู่หลายครั้งจนกระทั่งร่างเล็กลับสายตาไป

     

    ถึงแม้ในตอนนี้ร่างกายของผมจะหนาว...แต่ใจของผมกลับอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


     

    .

     

    .

     

    .


     

    แขนสองข้างของผมกอดตัวเองแน่นเพื่อป้องกันความหนาวพร้อมๆกับที่ขาทั้งสองข้างก็รีบเร่งนำพาเจ้าของให้กลับถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด ประตูบ้านสีขาวที่ปิดสนิทกำลังรอให้ผมไขเปิด อดไม่ได้ที่จะหันไปมองประตูบ้านข้างๆที่ยังคงปิดสนิทอยู่เช่นกัน เพียงแค่แสงไฟที่ไม่มีให้เห็นจากบ้านหลังเดิม ก็ทำให้ผมเผลอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง...นี่ผมแก่ลงไปกี่ปีแล้วนะ

     

    เมื่อผลักบานประตูเข้าไปก็เจอแต่เพียงความมืดมิดที่รอคอย ป่านนี้พ่อกับแม่ของผมและคุณอาข้างบ้านคงจะกำลังฉลองคืนแห่งความสุขอยู่ที่เกาะเชจู คิดไปแล้วก็แอบอิจฉาอยู่เหมือนกัน เทศกาลสำคัญอย่างนี้ใครๆก็ได้รับวันหยุดเป็นของขวัญอันแสนประเสริฐ หากแต่คนที่ทำงานแบบผม...ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลล่ะก็ ถ้าไม่ตายก็อย่าหวังว่าจะได้หยุดเลย ปีนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Black Christmas สำหรับผม ในเมื่อตอนที่พ่อกับแม่ถามความเห็นผมว่าถ้าท่านจะไปเที่ยวที่อื่นในช่วงนี้ผมจะอยู่บ้านคนเดียวได้มั้ย ด้วยความเป็นลูกที่ดีของผมก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล...ในเมื่อพ่อกับแม่ของผมทำงานหนักมาทั้งปี ก็ควรจะได้มีเวลาไปพักผ่อนซะบ้าง ถึงแม้ว่าทริปนี้ผมจะไม่มีส่วนร่วมด้วยก็เถอะ ในคืนนี้ผมก็เลยต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวกับโทรทัศน์ที่เปิดเอาไว้แค่เป็นเพื่อนกันเงียบ
     

    เพียงแค่พิซซ่าสองชิ้นกับโกโก้หนึ่งแก้วเท่านั้นสำหรับอาหารขอบคุณพระเจ้ามื้อนี้

     

     

    ในขณะที่ผมกำลังเดินสำรวจความเรียบร้อยรอบบ้านก่อนจะขึ้นนอน สายตาของผมก็ดันไปสะดุดเข้ากับเจ้ามิสเซิลโทลพวงใหญ่เบิ้มเหนือประตูบ้านที่คาดว่าคุณแม่คนสวยคงจะเห็นป้าย Sale แล้วอดที่จะซื้อกลับบ้านมาไม่ได้
     

    อ๊ะๆ!!! ผมไม่ได้ใส่ร้ายแม่ของผมน้า...ก็ทุกปีเห็นบ่นว่าเปลืองนี่นา

     

    เอาเถอะ...อย่างน้อยผมก็จะถือซะว่านี่คือของขวัญจากพ่อและแม่ของผมก็แล้วกัน

     

    .

     

    .

     

    .
     

     

    ตอนที่ผมเป็นเด็ก แม่ของผมก็จะชอบคะยั้นคะยอให้เอาถุงเท้าที่ผมมีอยู่ไปแขวนเพื่อรอรับของขวัญจากคุณลุงซานต้า ถึงแม้บ้านหลังนี้จะไม่มีปล่องไฟ แต่แม่ของผมก็บอกให้เอามาแขวนไว้ที่ปลายเตียงแทนแถมยังบอกอีกว่าจะปล่องไฟหรือปลายเตียงมันก็คล้ายๆกันนั่นแหล่ะ จนผมต้องยอมแพ้แล้วงัดเอาถุงเท้าสีตุ่นออกมาแขวนตามคำสั่งสอนของแม่
     

    แต่จะว่าไปแล้ว...คำพูดของแม่ก็อาจจะเป็นจริง ในเมื่อทุกเช้าของวันคริสมาสต์ที่ผมตื่นขึ้นมา ผมก็จะเห็นชิ้นส่วนของของขวัญยื่นออกมาจากถุงเท้าเน่าๆของผม แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ผมเริ่มโตขึ้นและคิดได้ว่าเรื่องราวของซานตาครอสก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าขานที่ทำให้เด็กๆมีความสุขในวันนี้เท่านั้น ถุงเท้าคู่เดิมของผมก็ถูกเก็บเข้ากรุไปโดยปริยาย
     

    แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้ผมเกิดอยากจะค้นลิ้นชักจากตู้ใบเก่าอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อหาถุงเท้าข้างเดิมและผมก็พบมันนอนสงบนิ่งอยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อหลายปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน เมื่อจัดการคล้องสายเชือกเข้ากับปลายเตียงอย่างที่เคยทำเมื่อตอนเป็นเด็กแล้ว ผมก็จัดการนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงนอนหน้าหมอนใบนุ่ม ใครหลายคนอาจจะถือโอกาสในคืนนี้กล่าวคำสรรเสริญต่อพระเจ้าและขอของขวัญชิ้นพิเศษให้กับตัวเอง

     

    พระองค์ผู้ทรงเมตตา...จะประทานพรให้แก่คนที่ศรัทธาและเชื่อในพระเยซูคริสต์
     

    แล้วถ้าผมจะบังอาจเอ่ยขอ 'อะไรบางอย่าง' กับพระเจ้า...พระองค์จะยังทรงเมตตาอยู่หรือไม่
     

    ในเมื่อผมคิดว่าเรื่องของเซนต์นิโคลัสเป็นเพียงแค่นิทานก่อนนอน...และลืมเลือนมันมานาน
     

    ท่านจะยังกรุณาส่งคุณลุงผู้ใจดีคนนั้น...ให้นำ 'ของขวัญ' มาให้ผมอยู่อีกหรือไม่
     

     

    ถึงแม้ผมจะส่ายหัวให้กับความคิดแบบเด็กๆที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หากแต่ในส่วนลึกแห่งห้วงคำนึง ผมเองก็ยังอยากจะให้เรื่องเล่าขานในคืนวันคริสมาสต์...เป็นเรื่องจริง
     

     

    เพ้อเจ้อน่า...อีซองมิน
     

    แค่หลับตาแล้วตื่นขึ้น...ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม...อีกครั้ง

     

     
     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

    ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันคริสมาสต์ที่แสนจะสดใส ผู้คนก็ต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเต็มเมือง หลายคนเลือกที่จะชวนเพื่อนฝูง ครอบครัวรวมไปถึงคนรักให้ออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ตามร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ร้านเบเกอรี่ที่ผมทำงานอยู่ ถึงแม้ตัวร้านจะไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แต่เค้กและกาแฟของที่นี่ถือว่าขึ้นชื่อมาก ก็ในเมื่อคนทำเค้กทั้งหมดคือผม...จะไม่อร่อยก็ให้มันรู้ไป
     

    เสียงเพลงเทศกาลคริสมาสต์ที่เปิดคลอเบาๆไปกับเสียงพูดคุยอย่างมีความสุขของลูกค้าภายในร้านทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมในใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้หวังอะไรกับวันๆนี้มากนัก แต่ผมก็ชอบที่จะได้เห็นรอยยิ้มเหล่านั้นทั้งวัน
     

    ในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมทำคือการมองไปที่ถุงเท้าคู่เดิม ถึงแม้ผมจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องเล่ายังไงก็ยังคงเป็นแค่เรื่องเล่าอยู่ยังวันยังค่ำ แต่ลึกๆแล้วก็อดที่จะผิดหวังไม่ได้
     

    นี่ผมเป็นคนบาปขนาดนั้นเลยเหรอ...
     

    ชีวิตเชฟทำขนมต๊อกต๋อยของผมก็ยังคงดำเนินต่อไปตามนั้น ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผมจะถูกละเลยไปบ้าง แต่ถ้าหากคนอื่นยังยิ้มได้...ผมก็จะก้มหน้ายอมรับและก้าวเดินต่อไป
     

    ผมเปิดประตูหลังร้านออกไปเพื่อเหม่อมองท้องฟ้าสีครามหลังจากที่ทำงานมาตั้งแต่เช้าโดยไม่ได้หยุดพัก หลับตาลงเพียงครู่แล้วสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด นานเท่าไหร่แล้วนะ...ที่เพียงแค่จะใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปผมก็ยังรู้สึกเหนื่อยถึงขนาดนี้
     

    ลมเย็นพัดมาให้สะท้านผิววูบนึง พอให้แขนทั้งสองข้างของผมยอมยกขึ้นมากอดอกเหมือนทุกครั้งที่รู้สึกหนาว
     

     

    'พี่ออกมายืนตากลมแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดกันพอดีหรอก'
     

     

    เอาเถอะนะ...ถ้าหากพระองค์จะส่งไข้หวัดมาให้เป็นของขวัญวันคริสมาสต์ ผมก็พร้อมแล้วที่จะรับมันไว้
     

    ยังไง...ผมก็สู้ไม่ถอยหรอก!!!
     

     


     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

    คืนที่สองของการเฉลิมฉลองเทศกาลศักดิ์สิทธิ์มันทำให้ผมได้รู้ว่า บางที...การยอมที่จะเชื่อในเรื่องบางเรื่อง ก็ทำให้เรามีความสุขได้เหมือนกัน

     

    ถึงแม้ในคืนนี้ผมจะยังคงออกมาเดินดูไฟที่ร้านค้าต่างๆประดับประดาเพียงลำพังท่ามกลางคู่รักนับร้อยคู่บนถนนสายเดิมหลังเวลาเลิกงานเหมือนอย่างเมื่อวานก็ตาม หากแต่ความรู้สึกที่มีในหัวคิดกลับเปลี่ยนไป ผมเริ่มที่จะมองคนรอบข้างมากขึ้น
     

    เมื่อสองตาของผมพร้อมที่จะรับรู้...หนึ่งหัวใจของผมก็เริ่มที่จะรับฟัง
     

    ผมมองเห็นเด็กน้อยวัยอนุบาลสองสามคนวิ่งซนไล่จับเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเช่นเดียวกับเมื่อคืนวาน
     

    ผมมองเห็นคู่รักวัยทำงานหลายคู่ที่ถือโอกาสนี้เดินจับมือกันมาช็อปปิ้งและถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน
     

    ผมมองเห็นหลายๆครอบครัวในร้านอาหารที่กำลังหัวเราะไปพร้อมๆกัน
     

     

    ถ้าหากจะถามผมว่าทำไมถึงได้ชอบมาเดินดูความสุขของผู้คนบนท้องถนนโดยที่ตัวเองเป็นแค่สิ่งแวดล้อมเท่านั้น

    ผมก็คงจะตอบได้ว่า ในเมื่อความสุขในชีวิตของผมมันหายไป...ผมก็คงจะต้องตามหามันให้เจอ

    หรือถ้าไม่มีวันเจอ...ผมก็จะขอซึมซับความสุขของคนอื่นเข้ามาเป็นความสุขเล็กๆในชีวิตของผมแทนก็แล้วกัน

     

    ไม่รู้ว่าทัศนะคติร้ายๆมันเริ่มเกาะกุมหัวใจของผมจนแน่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ในวันนี้...ผมเลือกที่จะลืมมันไปซักพัก แล้วขอเปิดใจให้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนก็แล้วกัน

     

    ผมมองไปรอบๆก่อนที่สายตาของผมจะสะดุดหยุดลงที่เด็กชายตัวน้อยที่กำลังนั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อร้านเดิมกับเสื้อกันหนาวตัวเดิม!!!

     

    เด็กคนนั้นกำลังยิ้มจนตาหยีและโบกไม้โบกมือมาให้ผมเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด นี่ผมกำลังตาฝาดไปใช่มั้ย!!!

     

    ผมใช้มือทั้งสองขยี้ตาอย่างแรงแถมสลัดหัวอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะเพ่งจุดโฟกัสของสายตาไปยังจุดเดิมที่เด็กคนนั้นนั่งอยู่

    แต่ให้ตาย...พระเจ้าช่วย!!! เด็กคนนั้นหายไปไหนกัน!!!

     

    นี่ผมกำลังประสาทหลอนหรือเกิดอาการเดจาวูกับผมกันแน่ เด็กน้อยที่เพิ่งจะโบกมือให้ผมหายไปราวกับว่ามีมนต์วิเศษอย่างนั้นแหล่ะ หรือว่า...ผมจะทำงานหนักเกินไปจนคิดมากและเกิดภาพติดตา
     

    เฮ้อ!!! แต่เอาเถอะ...เจ้าเด็กน้อยไม่ได้นั่งอยู่จนถึงวันนี้ก็ดีแล้วนี่นะ นายจะคิดมากทำไม...จริงมั้ย

     

    ว่าแต่...เหมือนผมจะแอบได้ยินเสียงกระดิ่งของ 'อะไรบางอย่าง' ล่ะ

     

    เอาเข้าไป...ตาฝาดแล้วยังหูเฝื่อนอีก

     

    ให้มันได้อย่างนี้สิ...อีซองมิน!!!


     

    .

     

    .

     

    .


     

    'You better watch out, you better not cry, better not pout I'm telling you why. Santa clause is coming to town...'

     

    เสียงเพลงรับคริสมาสต์แบบเด็กๆดังมาจากบ้านหลังใดหลังหนึ่งในละแวกบ้านที่ผมอยู่ และนี่ก็ถือเป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมจะต้องอยู่คนเดียวเหมือนเคย จากที่เคยเหงาอยู่เมื่อวาน...วันนี้ก็ยังคงรู้สึกเท่าเดิม
     

    หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป...

     

    ผมสอดลูกกุญแจเข้ากับลูกบิดประตูพร้อมทั้งปลดล็อคมันอย่างทุกทีก่อนที่จะหันไปมองบ้านหลังข้างๆอย่างเช่นทุกวัน

    แต่ทำไมวันนี้ไฟในบ้านถึงเปิดได้ล่ะ!!!
     

    หรือว่า...พวกคุณอาจะแอบกลับมาจากทริปก่อนพ่อกับแม่ อือ...น่าคิดๆ

     

    แต่ก็ช่างเถอะ ผมคงจะไม่ทำตัวเป็นมารขัดขวางความสุขของคนในครอบครัวคนอื่นโดยการไปเคาะประตูบ้านแล้วขอร่วมวงฉลองไปกับพวกเขาด้วยหรอก ถึงแม้ในคืนนี้ผมจะต้องฉลองคนเดียวอีกคืน แต่ก็ยังมีเค้กก้อนโตที่ผมอุตส่าห์ทำเองกับมือและหอบกลับมาฉลองพร้อมกับรายการทอล์คโชว์ที่บ้าน
     

    หลังจากเปิดไฟให้สว่างไปทั้งบ้าน ผมก็เริ่มจัดแจงเอากล่องเค้กไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวี แล้วเดินเลยเข้าไปหาอุปกรณ์การกินข้างในครัว แถมผมยังแอบเปรี้ยวเอาเทียนวันเกิดมาปักลงบนหน้าเค้กให้อีก
     

    ตกลงนี่...ผมกำลังจะจัดงานวันเกิดอยู่ใช่มั้ย

     
     

     

    กรุ๊งกริ๊ง ~ ~

     

     

    อีกแล้ว...ผมได้ยินมันอีกแล้ว

     

    ในขณะที่ผมกำลังยุ่งอยู่กับการเลือกรสของน้ำผลไม้ที่ชอบ ก็บังเอิญได้ยินเสียงกระดิ่งดังแว่วมาจากที่ไกลๆ มันเหมือนกับเสียงกระดิ่งของ...กวางเรนเดียร์
     

    มั่วแล้ว...เพ้อเจ้อจริงๆ
     

    แต่ถ้าจะให้พูด...ผมก็แอบขนลุกเหมือนกันนะเนี่ย

     

     

    ปิ๊งป่อง ~ ~

     

     

    หลังจากที่ผมแอบขำความคิดที่แสนจะไร้สาระได้ไม่นานก็มีใครบางคนมากดออดหน้าบ้าน ทำเอาผมอดที่จะสงสัยไม่ได้เลยว่า...ในเวลาแบบนี้ใครจะยังคิดมาหาผมอีกนะ
     

    หรือจะเป็นพวกคุณอาข้างบ้านที่เห็นว่าผมกลับมาแล้วก็เลยอยากจะมาชวนไปร่วมฉลองด้วยกันที่บ้านข้างๆ

    หรือว่าจะเป็นพ่อแม่ของผมที่เพิ่งจะเปลี่ยนใจกลับมาฉลองกับลูกชายคนเดียวในคืนนี้กันแน่

     

     

    ผมเดินไปที่หน้าประตูแล้วเอ่ยปากถามออกไป แต่มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา ทำเอาผมใจแป้วไปแล้วเกินครึ่ง

    ถ้าพ่อกับแม่ผมคิดจะมาทำเซอไพรส์ผมตอนนี้จริงๆล่ะก็...เตรียมตัวเรียกรถพยาบาลได้เลยล่ะ
     

     

    แต่ทำไมมือที่จับลูกบิดประตูอยู่...ถึงได้สั่นแปลกๆนะ

     

     

     

    แกร๊ก!!!

     

     

     

     

    "ผมกลับมาแล้วนะครับ...พี่ซองมิน"

     

    สาบานได้...ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเป็นคนดีพอที่พระเจ้าจะเมตตาเหมือนกับคนอื่นๆ
     

    สาบานได้...ผมไม่เคยเชื่อว่าคุณลุงซานต้าผู้ใจดีจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
     

    และสาบานได้...ผมไม่เคยคิดขอของขวัญใดๆ ในค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
     

     

    แต่ในตอนนี้...ผมเริ่มรับรู้ถึง 'ความสุข' ที่หายไปจากชีวิตของผมแล้ว

     

     

    "อือ"

     

    "พี่...คิดถึงผมบ้างมั้ย"

     

    "...."

     

    "พี่ซองมินอ่า ~ ~"

     

    "อือ"
     

     

    หิมะแรกในคืนวันคริสมาสต์...ของขวัญในถุงเท้าปลายเตียง...หรือแม้กระทั่งของขวัญใต้ต้นคริสมาสต์

    ไม่มีสิ่งไหนที่คนอย่างอีซองมินคิดอยากได้
     

     

    นอกเสียจาก...

     

     

    "คยูฮยอนคนนี้ก็คิดถึงพี่เหมือนกันครับ"

     

     
     

     

    Make my wish come ture.....

     

    All I want for Christmas is....you ~ ~

     

     

     

     

    ว่าแต่...มันออกจะดีเลย์ไปหน่อยมั้ยครับคุณลุงซานต้า ^^


     

    .

     

    .

     

    .
     

     

    [Happy Ending]

     

     

     

     

     

    "แล้วนี่พี่จะใจร้าย...ไม่ชวนผมเข้าบ้านหน่อยเหรอ ยืนตรงนี้นานๆมันหนาวน้า"

     

    เด็กข้างบ้านที่หายหน้าไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาซะนานเริ่มโอดครวญเอากับผมอีกแล้ว เชื่อเถอะครับร้อยทั้งร้อย...ถึงผมไม่ชวนเขาก็ต้องเดินเข้าบ้านผมมาจนได้
     

    ทันทีที่ผมหลังหันและกำลังจะเดินนำพ่อตัวดีไปนั่งกินเค้กด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น ก็ต้องกลับมายืนอยู่ในองศาเดิมอีกครั้งด้วยแรงดึงที่ข้อแขนข้างขวาจากเจ้าเด็กตัวโตตรงหน้า
     

    อะไรกันอีกล่ะเนี่ย!!!

     

    "พี่คิดว่ายืนอยู่ตรงนี้แล้วจะเดินกลับเข้าบ้านไปเฉยๆได้เหรอครับ"

     

    คำพูดของเจ้าเด็กเอาแต่ใจทำผมงงไปเพียงครู่ก่อนที่จะมองตามลูกตากลมๆที่กำลังเหลือบมองขึ้นเหนือหัวทุยนั่น

    และแล้วผมก็เจอเข้ากับ...โอ้ววววววววว ไม่นะ!!!

     

    แม่นะแม่...นี่อย่าบอกนะว่าวางแผนกันมาหมดแล้วอ่ะ

     

     

     

    Merry X'Mas ~ ~

    .

    .

    .

    [End]

     

     

     

    ปัจฉิมลิขิต ๑ : ฟิคเก่าเก็บหลายปีดีดัก 

    ปัจฉิมลิขิต ๒ : ชอบคนอ่าน...รักคนเม้นเหมือนเดิมค่า ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×