เรื่องเล่าจากใครบางคน
ถ้าหากคุณเชื่อเรื่องการข้ามเวลา ได้โปรดเข้ามา เพื่อช่วยกันไม่ให้อนาคตที่เลวร้ายนั้นเกิดขึ้น
ผู้เข้าชมรวม
77
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
หากคุณเชื่อเรื่องการข้ามเวลาไปยังอนาคต
ฉันอยากให้คุณได้ลองอ่านเรื่องราวต่อไปนี้...
เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
และฉันหวังด้วยทั้งหมดที่มี เผื่อว่าพวกคุณที่กำลังอ่านเรื่องนี้อยู่
จะช่วยกันทำให้มันไม่เกิดขึ้นจริง เพราะเพียงแค่ฉันคนเดียวไม่อาจทำให้สิ่งที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ไม่เกิดขึ้น
ฉันเป็นใคร เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณควรสนใจ
แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะเล่าต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
และฉันต้องเริ่มเล่ามันเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะมีใครมาพบฉันและบทความนี้จะไม่ถูกเผยแพร่ออกไป
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในประเทศแห่งหนึ่งบนโลก
ประเทศที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีและสงบ
แต่จริงๆแล้วมันกลับเป็นแค่ฉากหน้าที่ชาวโลกคนอื่นๆเห็นเท่านั้น
ผู้คนต่างพากันแก่งแย่งเพื่อการชิงอำนาจ ทั้งอำนาจทางการกระทำ และอำนาจทางการพูด
ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบๆโดยที่คนในประเทศนั้นไม่รู้ตัว
ในวันที่ทุกอย่างเริ่มแย่ลง คนในประเทศแบ่งออกเป็นพรรคเป็นพวก
แต่ละคนต่างอ้าวความชอบธรรมของฝ่ายตัวเอง
และโทษความคิดหรือแนวคิดของออีกฝ่ายว่าเป็นสิ่งที่ผิด การแตกพวกไม่ได้มีแค่ 2 แต่มีมากมายเกินจะนับ
เพราะความคิดไม่ใช่สิ่งที่จะเหมือนกันได้ 10 คนต่างก็มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน
และบางครั้งต่อให้เหมือนกัน ก็ไม่ใช่ทั้งหมด...
ผู้คนในประเทศต่างไม่เข้าใจเรื่องนี้
และต่างพยายามทำให้ทุกคนเชื่อเหมือนกัน คิดเหมือนกัน
และนั่นเป็นสาเหตุทำให้ผู้ที่รู้ถึงรอยร้าวนี้ของคนในประเทศกำลังใช้มันเป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมทุกคน
น่าตลกที่สิ่งที่แทบทุกคนในประเทศหวังเหมือนกันคือ
“ต้องมีความคิดเหมือนฉัน” เพราะ
”ฉันรักประเทศและอยากให้ประเทศสงบสุขและมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง”
และที่น่าตลกกว่าคือคนที่พวกเขาเลือกขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของพวกเขานั้นกลับคิดแค่ว่า
“นี่คืออำนาจที่ฉันมี” เพื่อ “การกอบโกยทุกอย่างในประเทศนี้” และ
“ทุกคนที่สนับสนุนฉันเอ๋ย จงโง่ต่อไป”
และทั้งหมด ประเทศนั้นกำลังจะถูกควบคุมโดยหนึ่งในผู้นำที่มีอำนาจ
คน...ที่อ้างว่าทำทุกอย่างเพื่อประเทศ
คน...ที่จำกัดทุกความคิด
คน...ที่ใช้นิสัยที่คนในประเทศชอบมากล่อมเกลาคนทั้งหลาย
แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะมีลายคนต่อต้าน
แต่คนในประเทศนี้กลับขี้เกียจเกินกว่าจะออกมาเรียกร้องหรืออ้างสิทธิ์
พวกเขาพูดว่าไม่เห็นด้วย พวกเขาแสดงอาการ
แต่พวกเราทำสิ่งเหล่านั้นเพียงแค่ในที่ของตน
ความกลัวมีอยู่ในจิตใจของทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความกลัวนั้น
“ชายคนหนึ่ง” คือผู้ที่ได้รับสิ่งที่เหนือเกินกว่าใครจะจินตนาการ
เขามองเห็นอำนาจที่ไม่ชอบธรรมซึ่งกำลังหลอกลวงคนในประเทศอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นในตอนต้นเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร จนเมื่อเขาได้พบกับใครคนหนึ่ง
คนซึ่งบอกกับเขาว่า “มาจากอนาคต”
คนจากอนาคตพาเขาไปและนำทางให้เขาได้มองเห็นความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก
10 ปีข้างหน้า...
10 ปีในอนาคต เหมือนขุมนรกที่เกิดขึ้นจริง
ทุกอย่างเลวร้ายจนชายคนนั้นถึงกับทรุดลงเมื่อได้เห็นภาพทุกคนที่เขารู้จักต้องกลายเป็นทาส
โดยมีเจ้านายเหนือหัวแค่คนคนเดียว และคนคนนั้นกลับเป็นคนที่กำลังครองอำนาจอยู่ใน
10 ปีที่เขาพึ่งจากมา
ภาพท้องฟ้าที่กลายเป็นสีดำคล้ำจากการปล่อยควันพิษขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
กำแพงหนาสูงจนแทบมองไม่เห็นส่วนยอดถูกสร้างบังครอบคลุมไว้เพื่อปิดกั้นประเทศนี้ออกจากประเทศอื่นๆ
สัญญาณต่างๆถูกปิดกั้นจนหมด
มีเพียงเสียงที่กระจายมาตามสายกล่อมเกลาผู้คนด้วยประโยคที่ว่า
“ทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
สภาพของทุกคนที่เขาได้เห็นไม่ต่างอะไรกับศพที่เดินได้
พวกเขาต่างดูไร้ชีวิตชีวา ไร้จุดหมาย...
“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นเบื้องหลังของเขา ทำให้เขาต้องละจากภาพของคนที่กำลังทำงานอยู่แต่กลับให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหุ่นยนต์
เมื่อหันไปมองเบื้องหลัง
สิ่งที่เห็นทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้
ภาพร่างของเด็กชายที่ตอนนี้กลายร่างเป็นศพอย่างแท้จริง
เลือดสีเข้มไหลออกมาจากจุดที่โดนยิงจนมาถึงที่ที่เขายืนอยู่
เมื่อมองขึ้นไปยังคนที่ลั่นไกเพื่อฆ่าเด็กคนนี้ เขามองเห็นเพียงแค่คนที่มีใบหน้าแปะอยู่ทั่วทุกที่ในประเทศนี้
คนคนนั้นจ้องมองไปที่ศพของเด็กชายด้วยดวงตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ก่อนที่คนคนนั้นจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง เขามองตามคนคนนั้นก่อนจะรู้สึกตัวและหันไปมองรอบๆ
สิ่งที่ทำให้เขาน้ำตาไหลลงมาทันทีไม่ใช่การที่เด็กคนหนึ่งถูกฆ่า
แต่เป็นการที่คนอื่นรอบตัวกลับไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เลย
พวกเขายังคงทำงานอย่างเคร่งเครียด และไร้ความรู้สึก
เขามองกลับมาที่ร่างของเด็กชายที่ไร้ชีวิต ศพนั้นถูกคนสองคนยกออกไปจากตรงนั้น
ก่อนที่ร่างของเด็กจะถูกโยนเข้าไปในกองไฟที่อยู่ไม่ไกล
ไม่มีคำพูดใด
ไม่มีความรู้สึกใด
ไม่มีความอาทรใด
ไม่มีเลย...
แม้ชายหนุ่มที่ได้ยืนมองเหตุการณ์อยู่อยากจะเข้าไปไถ่ถามสักแค่ไหนแต่เขาก็ทำไม่ได้
เขาทำได้เพียงแค่ดูทุกอย่างที่กำลังเป็นไปรอบๆตัว
การข้ามเวลาไม่ได้ทำให้คุณมีอำนาจในการยุ่งเกี่ยวกับเวลา
มันแค่เผยภาพที่มันเป็นไปก็เท่านั้น...
หยาดน้ำตาของชายหนุ่มยังคงร้องออกมาไม่หยุด
เขาไม่ได้เสียใจแต่กำลังเศร้าใจกับภาพที่เห็น
“จะต้องเปลี่ยนแปลงมัน!” จิตใต้สำนึกของชายหนึ่งบอกกับเขา
ก่อนที่ภาพทุกอย่างรอบๆตัวจะค่อยๆเลือนราง และก่อนที่เขาจะกลับมายังโลกปัจจุบัน
เสียงๆหนึ่งของคนที่พาเขาไปดูอนาคตก็ดังก้องขึ้นมาว่า “อย่าหลงทาง”
เขากระพริบตาก่อนที่จะพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงของเขาเอง
แม้จะเหมือนฝัน แต่เขารู้ว่านั่นไม่ใช่ฝัน เขาเริ่มเรียนรู้หลักการปกครอง
เขาเริ่มเรียนรู้กฎหมาย ทุกช่องโหว่ของมันเพื่อล้มอำนาจ
เพื่อจะได้ไม่ต้องมีอนาคตอย่างภาพที่ได้เห็น
เขาเริ่มกระจายเสียงและความคิดของเขาออกไป
แต่เขาบอกใครไม่ได้ถึงสิ่งที่เคยเห็น นั่นคือหนึ่งในกฎ
ผู้คนเริ่มฟังเสียงของเขา เริ่มเห็นด้วย เริ่มสนับสนุน
และดูเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เขาต่อสู้กับคนที่มีอำนาจมากกว่า
และในที่สุดเขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจ เป็นรองแค่กฎหมาย
อนาคตได้เปลี่ยนไปแล้ว ภาพที่เขาเคยเห็น มันจะไม่กลับมา...
เขาเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่ไม่เห็นด้วย
เริ่มแรกเขาดึงให้คนที่ไม่เห็นด้วยมาพูดคุย
ต่อมาเขาเริ่มออกคำสั่งห้ามไม่ให้ใครวิจารณ์สิ่งที่เขาทำ
ถัดไปอีกคนที่ต่อต้านเขาเริ่มหายตัวไป และในท้ายที่สุด เพียง 5 ปี
ทุกอย่างที่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคตต่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น...
ผู้คนไม่ได้ไร้ชีวิตชีวา แต่ก็ไม่มีใครได้มีความสุขนอกจากชายคนนั้น
ไม่มีกำแพงหนา เพื่อปิดกั้นจากชาวโลก
แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเข้ามาหรือออกไป
ไม่มีการฆ่ากันในที่สาธารณะ ไม่มีกองไฟ มีเพียงแค่คนที่ค่อยๆหายตัวไป
ชายคนนั้นได้เสวยสุขทุกอย่าง เสพสมทุกสิ่งตามที่ต้องการ
แค่เขา
สงบสุข...ยิ่งกว่าที่เขาเคยคิดไว้
ในขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งมองทุกอย่างด้วยจิตใจที่หม่นหมอง
เธอเคยเป็นหนึ่งในคนที่มีไฟแรงกล้าในการผลักดันประเทศนี้
จนเมื่อชายคนนั้นเข้ามาและทำให้ความคิดเฮเปลี่ยนไป เธอหลงเชื่อคำพูดของเขา
“อยากเปลี่ยนแปลงมั้ย”
เสียงที่เธอได้ยินคล้ายกับเสียงเรียกกระซิบลอยมาตามสายลมที่พัดเอื่อย
เธอหันไปมองรอบแต่ก็ไม่พบใคร
แต่อะไรบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้เธอตัดสินใจลุกไปยังเบื้องหลังจากกำแพงบ้าน
คนที่เธอได้พบ คือคนคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนรอเธออย่างสงบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความหวัง
“การเปลี่ยนแปลง”
“ใช่” เธอตอบ
เมื่อไม่ประสบผล คนจากอนาคตจะยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
เสาะหาคนที่เหมาะสม ชักจูงและนำพาเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ให้ได้เห็นอนาคตซึ่งกำลังเป็นไป เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่ที่คนจากอนาคตนำคนเหล่านั้นกลับมา
คำพูดที่เขาจะพูดก็คือ “อย่าหลงทาง” และครั้งนี้ก็เช่นกัน
15 ปีถัดมา
การเปลี่ยนแปลงอำนาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
นายกหญิง
หญิงสาวที่ปลุกไฟอุดมการณ์ในตัวเอง รวบรวมคนอย่างเงียบๆเพื่อลุกขึ้นมาต่อต้าน
“สงครามกลางเมือง” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด แต่หลังจากนั้น เมื่อเธอชนะสงคราม
ได้มีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆสู่ชาวโลก ความจริงของความเลวร้ายที่เกิดขึ้น
การช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน เพื่อสร้างความสุขให้กลับมาอีกครั้ง
แต่มันจะนานแค่ไหน
ความสุขจะยั่งยืนหรือไม่คำตอบคงจะอยู่ที่คนคนหนึ่งซึ่งกำลังมองแผ่นภาพที่มีรูปของเธอพร้อมกับประโยคที่ว่า
“ชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”
แผ่นภาพนั้นทั้งฉีกขาดและเต็มไปด้วยร่องรอยบางอย่าง
สภาพบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ แต่เป็นร่องรอยที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
ไม่ใช่ร่อยรอยที่มาจากสงคราม
ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง การแก่งแย่งชิงดี ตบตีฆ่าฟัน
ใครยิ่งอยู่ในจุดที่สูงกว่า ยิ่งมีความสุข มีการปรนเปรอที่มากกว่า
แผ่นภาพของหญิงสาวถูกลงพัดปลิวมาตกอยู่ใกล้ๆเท้าของคนคนนั้นที่ยืนมองอยู่
เข้าเดินเข้าไปใกล้ และก้มมองมัน
ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ลมพัดแผ่นภาพนั้นให้มันล่องลอยไปกับสายลม
“อยากเปลี่ยนแปลงใช่มั้ย”
อีกครั้งที่เสียงกระซิบแผ่วเบาผ่านมาให้ได้ยิน
“ใช่” คนคนนั้นตอบกลับไป
ยาวนานกว่าหลายศตวรรษ
คนจากอนาคตยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป...
เฝ้าเพียรกระซิบผ่านสายลม “อยากเปลี่ยนแปลง”
และลงท้าย “อย่าหลงทาง” .
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ WH_EterNal~* ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ WH_EterNal~*
ความคิดเห็น