เรื่องเล่าจากใครบางคน - เรื่องเล่าจากใครบางคน นิยาย เรื่องเล่าจากใครบางคน : Dek-D.com - Writer

    เรื่องเล่าจากใครบางคน

    ถ้าหากคุณเชื่อเรื่องการข้ามเวลา ได้โปรดเข้ามา เพื่อช่วยกันไม่ให้อนาคตที่เลวร้ายนั้นเกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    77

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    77

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 มี.ค. 59 / 12:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    หากคุณเชื่อเรื่องการข้ามเวลาไปยังอนาคต ฉันอยากให้คุณได้ลองอ่านเรื่องราวต่อไปนี้...

     

    เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และฉันหวังด้วยทั้งหมดที่มี เผื่อว่าพวกคุณที่กำลังอ่านเรื่องนี้อยู่ จะช่วยกันทำให้มันไม่เกิดขึ้นจริง เพราะเพียงแค่ฉันคนเดียวไม่อาจทำให้สิ่งที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ไม่เกิดขึ้น

     

    ฉันเป็นใคร เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณควรสนใจ แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะเล่าต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และฉันต้องเริ่มเล่ามันเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะมีใครมาพบฉันและบทความนี้จะไม่ถูกเผยแพร่ออกไป

     

    เรื่องราวมันเกิดขึ้นในประเทศแห่งหนึ่งบนโลก ประเทศที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีและสงบ แต่จริงๆแล้วมันกลับเป็นแค่ฉากหน้าที่ชาวโลกคนอื่นๆเห็นเท่านั้น ผู้คนต่างพากันแก่งแย่งเพื่อการชิงอำนาจ ทั้งอำนาจทางการกระทำ และอำนาจทางการพูด ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบๆโดยที่คนในประเทศนั้นไม่รู้ตัว

     

    ในวันที่ทุกอย่างเริ่มแย่ลง คนในประเทศแบ่งออกเป็นพรรคเป็นพวก แต่ละคนต่างอ้าวความชอบธรรมของฝ่ายตัวเอง และโทษความคิดหรือแนวคิดของออีกฝ่ายว่าเป็นสิ่งที่ผิด การแตกพวกไม่ได้มีแค่ 2 แต่มีมากมายเกินจะนับ เพราะความคิดไม่ใช่สิ่งที่จะเหมือนกันได้ 10 คนต่างก็มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน และบางครั้งต่อให้เหมือนกัน ก็ไม่ใช่ทั้งหมด...

     

    ผู้คนในประเทศต่างไม่เข้าใจเรื่องนี้ และต่างพยายามทำให้ทุกคนเชื่อเหมือนกัน คิดเหมือนกัน และนั่นเป็นสาเหตุทำให้ผู้ที่รู้ถึงรอยร้าวนี้ของคนในประเทศกำลังใช้มันเป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมทุกคน

     

    น่าตลกที่สิ่งที่แทบทุกคนในประเทศหวังเหมือนกันคือ “ต้องมีความคิดเหมือนฉัน” เพราะ ”ฉันรักประเทศและอยากให้ประเทศสงบสุขและมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง”

     

    และที่น่าตลกกว่าคือคนที่พวกเขาเลือกขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของพวกเขานั้นกลับคิดแค่ว่า “นี่คืออำนาจที่ฉันมี” เพื่อ “การกอบโกยทุกอย่างในประเทศนี้” และ “ทุกคนที่สนับสนุนฉันเอ๋ย จงโง่ต่อไป”

     

    และทั้งหมด ประเทศนั้นกำลังจะถูกควบคุมโดยหนึ่งในผู้นำที่มีอำนาจ

    คน...ที่อ้างว่าทำทุกอย่างเพื่อประเทศ

    คน...ที่จำกัดทุกความคิด

    คน...ที่ใช้นิสัยที่คนในประเทศชอบมากล่อมเกลาคนทั้งหลาย

     

    แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะมีลายคนต่อต้าน แต่คนในประเทศนี้กลับขี้เกียจเกินกว่าจะออกมาเรียกร้องหรืออ้างสิทธิ์ พวกเขาพูดว่าไม่เห็นด้วย พวกเขาแสดงอาการ แต่พวกเราทำสิ่งเหล่านั้นเพียงแค่ในที่ของตน

     

    ความกลัวมีอยู่ในจิตใจของทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความกลัวนั้น

     

    “ชายคนหนึ่ง” คือผู้ที่ได้รับสิ่งที่เหนือเกินกว่าใครจะจินตนาการ เขามองเห็นอำนาจที่ไม่ชอบธรรมซึ่งกำลังหลอกลวงคนในประเทศอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นในตอนต้นเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร จนเมื่อเขาได้พบกับใครคนหนึ่ง คนซึ่งบอกกับเขาว่า “มาจากอนาคต”

     

    คนจากอนาคตพาเขาไปและนำทางให้เขาได้มองเห็นความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า...

     

    10 ปีในอนาคต เหมือนขุมนรกที่เกิดขึ้นจริง

     

    ทุกอย่างเลวร้ายจนชายคนนั้นถึงกับทรุดลงเมื่อได้เห็นภาพทุกคนที่เขารู้จักต้องกลายเป็นทาส โดยมีเจ้านายเหนือหัวแค่คนคนเดียว และคนคนนั้นกลับเป็นคนที่กำลังครองอำนาจอยู่ใน 10 ปีที่เขาพึ่งจากมา

     

    ภาพท้องฟ้าที่กลายเป็นสีดำคล้ำจากการปล่อยควันพิษขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ กำแพงหนาสูงจนแทบมองไม่เห็นส่วนยอดถูกสร้างบังครอบคลุมไว้เพื่อปิดกั้นประเทศนี้ออกจากประเทศอื่นๆ สัญญาณต่างๆถูกปิดกั้นจนหมด มีเพียงเสียงที่กระจายมาตามสายกล่อมเกลาผู้คนด้วยประโยคที่ว่า “ทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

     

    สภาพของทุกคนที่เขาได้เห็นไม่ต่างอะไรกับศพที่เดินได้ พวกเขาต่างดูไร้ชีวิตชีวา ไร้จุดหมาย...

     

    “ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นเบื้องหลังของเขา ทำให้เขาต้องละจากภาพของคนที่กำลังทำงานอยู่แต่กลับให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหุ่นยนต์

     

    เมื่อหันไปมองเบื้องหลัง สิ่งที่เห็นทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้ ภาพร่างของเด็กชายที่ตอนนี้กลายร่างเป็นศพอย่างแท้จริง เลือดสีเข้มไหลออกมาจากจุดที่โดนยิงจนมาถึงที่ที่เขายืนอยู่

     

    เมื่อมองขึ้นไปยังคนที่ลั่นไกเพื่อฆ่าเด็กคนนี้ เขามองเห็นเพียงแค่คนที่มีใบหน้าแปะอยู่ทั่วทุกที่ในประเทศนี้ คนคนนั้นจ้องมองไปที่ศพของเด็กชายด้วยดวงตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ก่อนที่คนคนนั้นจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง เขามองตามคนคนนั้นก่อนจะรู้สึกตัวและหันไปมองรอบๆ

     

    สิ่งที่ทำให้เขาน้ำตาไหลลงมาทันทีไม่ใช่การที่เด็กคนหนึ่งถูกฆ่า แต่เป็นการที่คนอื่นรอบตัวกลับไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เลย พวกเขายังคงทำงานอย่างเคร่งเครียด และไร้ความรู้สึก เขามองกลับมาที่ร่างของเด็กชายที่ไร้ชีวิต ศพนั้นถูกคนสองคนยกออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่ร่างของเด็กจะถูกโยนเข้าไปในกองไฟที่อยู่ไม่ไกล

     

    ไม่มีคำพูดใด

    ไม่มีความรู้สึกใด

    ไม่มีความอาทรใด

    ไม่มีเลย...

     

    แม้ชายหนุ่มที่ได้ยืนมองเหตุการณ์อยู่อยากจะเข้าไปไถ่ถามสักแค่ไหนแต่เขาก็ทำไม่ได้ เขาทำได้เพียงแค่ดูทุกอย่างที่กำลังเป็นไปรอบๆตัว การข้ามเวลาไม่ได้ทำให้คุณมีอำนาจในการยุ่งเกี่ยวกับเวลา มันแค่เผยภาพที่มันเป็นไปก็เท่านั้น...

     

    หยาดน้ำตาของชายหนุ่มยังคงร้องออกมาไม่หยุด เขาไม่ได้เสียใจแต่กำลังเศร้าใจกับภาพที่เห็น

     

    “จะต้องเปลี่ยนแปลงมัน!” จิตใต้สำนึกของชายหนึ่งบอกกับเขา ก่อนที่ภาพทุกอย่างรอบๆตัวจะค่อยๆเลือนราง และก่อนที่เขาจะกลับมายังโลกปัจจุบัน เสียงๆหนึ่งของคนที่พาเขาไปดูอนาคตก็ดังก้องขึ้นมาว่า “อย่าหลงทาง”

     

     

     

     

    เขากระพริบตาก่อนที่จะพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงของเขาเอง แม้จะเหมือนฝัน แต่เขารู้ว่านั่นไม่ใช่ฝัน เขาเริ่มเรียนรู้หลักการปกครอง เขาเริ่มเรียนรู้กฎหมาย ทุกช่องโหว่ของมันเพื่อล้มอำนาจ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีอนาคตอย่างภาพที่ได้เห็น

     

    เขาเริ่มกระจายเสียงและความคิดของเขาออกไป แต่เขาบอกใครไม่ได้ถึงสิ่งที่เคยเห็น นั่นคือหนึ่งในกฎ

     

    ผู้คนเริ่มฟังเสียงของเขา เริ่มเห็นด้วย เริ่มสนับสนุน และดูเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เขาต่อสู้กับคนที่มีอำนาจมากกว่า และในที่สุดเขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจ เป็นรองแค่กฎหมาย

     

    อนาคตได้เปลี่ยนไปแล้ว ภาพที่เขาเคยเห็น มันจะไม่กลับมา...

     

    เขาเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่ไม่เห็นด้วย เริ่มแรกเขาดึงให้คนที่ไม่เห็นด้วยมาพูดคุย ต่อมาเขาเริ่มออกคำสั่งห้ามไม่ให้ใครวิจารณ์สิ่งที่เขาทำ ถัดไปอีกคนที่ต่อต้านเขาเริ่มหายตัวไป และในท้ายที่สุด เพียง 5 ปี ทุกอย่างที่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคตต่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น...

     

    ผู้คนไม่ได้ไร้ชีวิตชีวา แต่ก็ไม่มีใครได้มีความสุขนอกจากชายคนนั้น

    ไม่มีกำแพงหนา เพื่อปิดกั้นจากชาวโลก แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเข้ามาหรือออกไป

    ไม่มีการฆ่ากันในที่สาธารณะ ไม่มีกองไฟ มีเพียงแค่คนที่ค่อยๆหายตัวไป

     

    ชายคนนั้นได้เสวยสุขทุกอย่าง เสพสมทุกสิ่งตามที่ต้องการ

     

    แค่เขา

     

    สงบสุข...ยิ่งกว่าที่เขาเคยคิดไว้

     

     

     

     

    ในขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งมองทุกอย่างด้วยจิตใจที่หม่นหมอง เธอเคยเป็นหนึ่งในคนที่มีไฟแรงกล้าในการผลักดันประเทศนี้ จนเมื่อชายคนนั้นเข้ามาและทำให้ความคิดเฮเปลี่ยนไป เธอหลงเชื่อคำพูดของเขา

     

    “อยากเปลี่ยนแปลงมั้ย”

     

    เสียงที่เธอได้ยินคล้ายกับเสียงเรียกกระซิบลอยมาตามสายลมที่พัดเอื่อย เธอหันไปมองรอบแต่ก็ไม่พบใคร แต่อะไรบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้เธอตัดสินใจลุกไปยังเบื้องหลังจากกำแพงบ้าน

     

    คนที่เธอได้พบ คือคนคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนรอเธออย่างสงบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความหวัง

     

    “การเปลี่ยนแปลง”

     

    “ใช่” เธอตอบ

     

    เมื่อไม่ประสบผล คนจากอนาคตจะยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เสาะหาคนที่เหมาะสม ชักจูงและนำพาเพื่อการเปลี่ยนแปลง ให้ได้เห็นอนาคตซึ่งกำลังเป็นไป เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า

     

    แต่ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่ที่คนจากอนาคตนำคนเหล่านั้นกลับมา คำพูดที่เขาจะพูดก็คือ “อย่าหลงทาง” และครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

     

     

     

     

    15 ปีถัดมา

     

    การเปลี่ยนแปลงอำนาจเกิดขึ้นอีกครั้ง

     

    นายกหญิง

     

    หญิงสาวที่ปลุกไฟอุดมการณ์ในตัวเอง รวบรวมคนอย่างเงียบๆเพื่อลุกขึ้นมาต่อต้าน “สงครามกลางเมือง” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด แต่หลังจากนั้น เมื่อเธอชนะสงคราม ได้มีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆสู่ชาวโลก ความจริงของความเลวร้ายที่เกิดขึ้น การช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน เพื่อสร้างความสุขให้กลับมาอีกครั้ง

     

    แต่มันจะนานแค่ไหน ความสุขจะยั่งยืนหรือไม่คำตอบคงจะอยู่ที่คนคนหนึ่งซึ่งกำลังมองแผ่นภาพที่มีรูปของเธอพร้อมกับประโยคที่ว่า “ชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”

     

    แผ่นภาพนั้นทั้งฉีกขาดและเต็มไปด้วยร่องรอยบางอย่าง สภาพบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ แต่เป็นร่องรอยที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ไม่ใช่ร่อยรอยที่มาจากสงคราม

     

    ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง การแก่งแย่งชิงดี ตบตีฆ่าฟัน

     

    ใครยิ่งอยู่ในจุดที่สูงกว่า ยิ่งมีความสุข มีการปรนเปรอที่มากกว่า

     

    แผ่นภาพของหญิงสาวถูกลงพัดปลิวมาตกอยู่ใกล้ๆเท้าของคนคนนั้นที่ยืนมองอยู่ เข้าเดินเข้าไปใกล้ และก้มมองมัน ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ลมพัดแผ่นภาพนั้นให้มันล่องลอยไปกับสายลม

     

    “อยากเปลี่ยนแปลงใช่มั้ย”

     

    อีกครั้งที่เสียงกระซิบแผ่วเบาผ่านมาให้ได้ยิน

     

    “ใช่” คนคนนั้นตอบกลับไป

     

     

     

     

     

    ยาวนานกว่าหลายศตวรรษ คนจากอนาคตยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป...

     

    เฝ้าเพียรกระซิบผ่านสายลม “อยากเปลี่ยนแปลง”

     

    และลงท้าย “อย่าหลงทาง” .




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×