ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่หมอขอเล่า! มาเตรียมตัวสอบเข้าคณะในฝันกันเถอะ (´∀`)♡

    ลำดับตอนที่ #3 : เล่าประสบการณ์ และส่งกำลังใจให้เด็กๆ ♡

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 63





           น้องๆรู้มั้ยคะ ว่าในการอ่านหนังสือสอบเข้าเนี่ย นอกจากอ่านหนังสือดีๆ เรียนพิเศษที่เจ๋งๆ ทำข้อสอบเก่าเยอะๆแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น้องควรจะเรียนรู้ไว้เสมอคือ 'การสร้างกำลังใจให้ตัวเอง' ค่ะ



           การสอบเข้า สำหรับตัวพี่ในตอนนั้น จำได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยาวนานมาก พี่ขอเล่าประสบการณ์นะ ตอนนั้นพี่เริ่มต้นอ่านและเรียนพิเศษคอร์สเอนทรานซ์จริงจังตอนปิดเทอมขึ้น ม.6 พี่เครียดมาก เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มต้นสายเกินไป ร้องไห้อยู่เป็นเดือนๆเลย ร้องไห้ทุกวัน เพราะยิ่งมีแพลนว่าต้องทำนู่นทำนี่นะ แล้วพี่ยังไม่ได้ทำ พี่ยิ่งเครียด จำได้ว่าช่วงปิดเทอมนั้น ตอนกลางวันพี่ก็ออกไปเรียนพิเศษตามปกติ แต่พอตกเย็น พี่ก็จะเริ่มคิดวนไปวนมา เครียด และร้องไห้ วนลูปซ้ำทุกวัน ซึ่งมันแย่มากๆเลยค่ะ พี่ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นเหมือนพี่เลย


           ดังนั้น สิ่งที่พี่อยากจะบอกก็คือ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีอะไรสายเกินไป การที่เรารู้ตัววันนี้ว่าเราเริ่มต้นช้า มันคือเร็วที่สุดของเราแล้วค่ะ เรารู้ตัวแล้วก็วางอดีตไปค่ะ ช่างมัน ไม่ต้องเสียดายแล้ว เดินไปข้างหน้า ถ้าวันไหนเหนื่อยก็พัก ตอนนั้นพี่เรียนไม่หยุด เรียนหนักมาก แล้วก็เครียดจนต้องโทรหาคุณแม่หรือเพื่อนๆเพื่อระบายให้ฟังทุกวัน (ค่าโทรศัพท์เดือนนั้นแพงมากๆ คุณแม่ช็อคเลย 55555) จนคุณแม่ทนไม่ไหว ขอร้องให้พี่หยุด พักสักหน่อย แค่เสาร์อาทิตย์สองวันก็ยังดี ซึ่งตอนนั้นพี่รู้สึกว่าไม่ได้ หยุดไม่ได้ มันเสียเวลามาก แต่สุดท้ายพี่เองก็ต้องยอมแพ้ เพราะมันไม่ไหวจริงๆ พี่รู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกู้จิตใจของตัวเองก่อนที่มันจะเป็นหนักกว่านี้ เลยยอมเชื่อคุณแม่ เอาวะ หยุดหน่อยแล้วกันเสาร์อาทิตย์นี้


            ตอนนั้นพี่ไม่รู้จะทำอะไร เลยไปห้องสมุดค่ะ ไปแบบไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมาก เดินไปเดินมาหาอะไรอ่านเล่นๆ แต่บังเอิญ เจอหนังสือเล่มนึงที่เปลี่ยนจิตใจพี่ตอนนั้นไปเลย เพิ่งเข้าใจคำว่าหนังสือเปลี่ยนชีวิต แต่ประเด็นคือ อ่านไม่จบด้วยนะ 555555 อ่านได้แค่ต้นเล่มๆแต่ชอบ quote มาก คือพี่ไม่ได้คิดว่าน้องๆไปอ่านตามแล้วจะต้อง touched มากเหมือนพี่ แต่เผื่อใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะสงสัย ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องค้างคาใจ ขอบอกชื่อหนังสือไว้ตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ 555555555 หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า 'our time islimited' ของพระ ว. วิชรเมธี ค่ะ ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ พี่เครียดจนอ่านหนังสือธรรมมะ 55555555555 แต่อ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะ ไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นไทย ข้างในหนังสือพูดถึง Steve Jobs ค่ะ ทุกคนคงรู้จักกันดี ตอนแรกพี่ก็รู้จักผิวเผิน ก็งงว่าทำไมคนสถาปนาตัวเองเป็นสาวกเค้าและแอปเปิ้ลเยอะจังวะ แต่พอพี่สนใจ และเข้าไปฟัง speech ของเค้าในยูทูป…



    สิ่งนี้และค่ะ เปลี่ยนพี่ไปตลอดกาลของจริง


    Steve Jobs' 2005 Stanford Commencement Address 



           สตีฟ จอบส์ เล่าถึงประสบการณ์ของเขา วิธีคิด แนวความคิดหลายๆอย่าง การมองภาพใหญ่ การทำสิ่งที่รัก การเชื่อใจในสัญชาตญาณของตัวเอง การเชื่อใจตัวเอง ทุกคำพูดมีค่ามากๆสำหรับพี่ในตอนนั้น และทำให้พี่กลับมามีความหวังอีกครั้ง และเชื่อใจตัวเองอีกครั้ง



    พี่ร้องไห้เป็นครั้งสุดท้ายของการเตรียมตัวสอบเข้า และเป็นน้ำตาแห่งความหวัง




           หลังจากนั้น พอพี่เริ่มตั้งสติได้ ก็เริ่มเครียดและร้องไห้น้อยลงๆจนหยุดไป จึงเข้าสู่ลูปการเรียนและอ่านหนังสือที่หนักหน่วงและต่อเนื่องยาวนาน พี่เป็นสายเรียนพิเศษ ก็เรียนวนไป มันมีบ้างนะวันที่เหนื่อย แต่พี่โชคดีที่มีครอบครัวและเพื่อนๆคอยให้กำลังใจ จนพี่ผ่านมันมาได้ หลายๆครั้งที่ท้อก็ฟังเพลงให้กำลังใจตัวเอง กลับไปฟัง speech ของคุณจอบส์บ้าง วนไปเรื่อยๆ ท้อได้ พักได้ แต่อย่าถอยนะคะ อย่ายกเลิก อย่าทิ้งไป ทุกคนทำได้ ถ้าเหนื่อยขอให้หยุดพัก การพักเพื่อเติมพลังให้ตัวเองไม่ใช่เรื่องเสียเวลา พักพอเหมาะสมแล้วลุกขึ้นมา เธอทำได้ 


           มันอาจจะหนัก และยาก แต่มันเป็นพาร์ทหนึ่งของชีวิตที่จะผ่านไป ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เรามีเวลาและทำได้ก็พอ มันดีที่สุดแล้ว 



          เผื่อใครเป็นสายฮึกเหิมด้วยเพลงแบบพี่ ก็มีแนะนำนะ 555555555 (นี่ก็เขียนทุกอย่างที่คิดออกแล้ว) พี่ชอบฟัง Hall of flame - The Script, Try everything - Shakira, Superheroes - The Script และ fix you - Coldplay ค่ะ เนื้อเพลงดีมากๆเลยนะ ไปหาอ่านได้ บู๊ทกำลังใจดีมาก หลายคนบอกว่าชอบอ่านหนังสือไปฟังเพลงคลอไป ก็อาจจะเวิร์คนะคะลองดู (แต่แนะนำเพลงบรรเลงไม่มีเนื้อค่ะ จะได้ไม่ตีกับที่อ่านอยู่นะ 55555)



           สิ่งสุดท้ายที่อยากจะบอกก็คือ ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นยังไง เราได้ทำลงไปอย่างดีที่สุดแล้วค่ะ พี่จำได้ว่าตอนสอบติด พี่ไม่ได้กรี๊ดดีใจจนข้างบ้านด่า ไม่ได้ลิงโลด แต่มันเป็นความรู้สึกโล่งใจมากๆ เป็นความรู้สึกที่ว่า เราทำได้แล้วนะ และพี่ก็อยากให้ทุกคนสัมผัสกับความรู้สึกนี้ ดังนั้น ในวันนี้ อดทนนะคะ อดทนไว้ก่อน ขยัน ตั้งใจ ทำให้เต็มที่ที่สุด ทำให้ตัวเองภูมิใจให้ได้ หรือถ้าเคยพลาดมาแล้วก็ไม่เป็นไร ตัวเราเมื่อวานไม่ใช่ตัวเราในอนาคตค่ะ เราเปลี่ยนได้ทุกวัน ขอให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็พอ เคยผิดพลาด ไม่ได้แปลว่าประสบความสำเร็จไม่ได้ เคยทำได้ดี แสดงว่าจริงๆแล้วตัวเรามีศักยภาพที่ดีมาก ถ้าเรียกพลังในตัวออกมาได้ ต้องทำได้ดีมากแน่ๆ สู้ต่อไปค่ะ ทุกคนทำได้





    อย่าลืมให้กำลังใจและเชื่อใจตัวเองเยอะๆนะคะ 




    เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากนักศึกษาแพทย์ปี 3 ที่เหนื่อยล้าและกำลังกังขาในความสามารถของตัวเองเหลือเกิน








    แต่ทุกคนกำลังพยายามนี่เนอะ



    ดังนั้น พี่เองก็จะพยายามให้มากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกันค่ะ :-)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×