คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [Fic Attack on Titan] Levi x Eren : Ambition #3
Ambition #3
“คุณรีไวล์ครับ เสื้อสองตัวนี้เป็นยังไงครับ” สไตล์ลิสหนุ่มคว้าหยิบเอาเสื้อสองตัวออกมาจากราวแขวนแล้วยืนให้รีไวล์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาพิจารณา แต่ใบหน้าของเจ้าตัวกลับแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก สไลต์ลิสหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่พร้อมหยาดเหงื่อที่ไหลท่วมหน้า การประมวลผลจากสีหน้าคนหนุ่มบ่งบอกได้ชัดเจน ว่าเสื้อผ้าที่เหล่าสไตล์ลิสคนอื่นๆอุส่าห์ขวนขวายหามาให้นั้นไม่สามารถทำให้คนมาตรฐานสูงอย่างคุณรีไวล์พอใจได้
“อ..เอ่อ งั้นผมจะไปเอาเสื้อผ้าชุดอื่นมาให้เลือกนะครับ” ชายหนุ่มหน้าจืดหมุนตัวนำเสื้อผ้าสองตัวในมือไปแขวนตามเดิมก่อนจะเดินตัวแข็งออกไปพร้อมกับลากราวแขวนเสื้อออกไปด้วย คนหน้าจืดปราดมองเพื่อนสไตล์ลิสคนอื่นๆที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่ต่างจากเขามากนัก ก่อนที่จะมีสไลต์ลิสสาวสวยลอบเดินเข้ามากระซิบกระซาบเบาๆ
“นี่มันเสื้อผ้าชุดที่ 3 แล้วนะ คุณรีไวล์ไม่พอใจสักตัวเลยหรอ” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ แต่สิ่งที่เพื่อนชายตอบกลับมาคือการกัดฟันผงกหัวแรงๆบอกว่า ‘ใช่’ ด้วยความรู้สึกที่อึดอัดหวาดกลัวสายตาคู่คมนั่นที่ไม่ว่าจะมองไปกี่ครั้งก็ชวนขนหัวลุกทุกครั้งไป หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนหันไปกระดิกนิ้วให้คนขนของรีบยกเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากรถขนของ ตรงกับที่สไตล์ลิสหนุ่มลากราวเสื้อผ้าชุดที่สามออกไปจากห้องแต่ไม่ทันจะได้เดินออกจากประตูก็มีอีกร่างหนึ่งสวนออกมาเสียก่อน
“คุณผู้จัดการฮันซี่” เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มกับในมือที่จับราวเสื้อผ้าทำท่าจะลากออกไปสร้างความฉงนใจให้กับฮันซี่“อะไรล่ะเนี่ย จะเอาเสื้อผ้าไปเก็บแล้วหรอ แสดงว่ารีไวล์ได้ชุดที่ถูกใจแล้วสิ” รอยยิ้มของหญิงสาวที่สดใสกลับทำให้อีกฝ่ายถึงกับไหล่ตก ฮันซี่เลิกคิ้วสูงมองสไตล์ลิสหนุ่มหน้าจืดสลับกับเพื่อนชายที่นั่งดูหนังสือคอเลคชั่นนางแบบอยู่บนโซฟา
“ใครว่าล่ะครับ ตรงกันข้ามต่างหาก นี่เป็นเสื้อผ้าชุดที่ 3 แล้วครับ แต่คุณรีไวล์ไม่ชอบเสื้อผ้าที่เราหามาให้เลย”
“ห๊า!!ว่าไงนะ!!”
ฮันซี่ตาโตเท่าไข่ห่านรีบแหวกดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ที่ราวเสื้อผ้าชุดที่ 3 หลังจากคำพูดจากปากของสไตล์ลิสที่ทางผู้กำกับพิคซิสคัดมาบอกว่ารีไวล์ไม่พอใจกับเสื้อผ้าพวกนื้ “ได้ยังไงกัน.. ฉันว่าชุดพวกนี้มันก็ออกจะดูดีนะ”ฮันซี่หยิบเสื้อขึ้นมาดูทีละตัวสองตัวก็ประเมิณว่าเป็นชุดที่เหมาะกับการถ่ายแบบวันนี้สุดๆ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ชุดที่เชยหรือจืดชืดแต่อย่างใด แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนชายจอมจู้จี้คนนั้นถึงได้ไม่ถูกใจ ดวงตาสีน้ำตาลหลังแว่นทรงกลมตะวัดมองรีไวล์อีกครั้งด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ที่ทำให้วันนี้ต้องมาเสียเวลาเพราะความเรื่องมากของเจ้าตัว
ร่างสูงโปร่งแอบย่องเข้าไปด้านหลังโซฟาในขณะที่รีไวล์กำลังจดจ้องกับหน้าสือคอเลคชั่นนางแบบอย่างไม่วางตา ดวงตากลมโตเพ่งมองไปยังหน้าหนังสือก็ถึงกับแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เพราะในหน้าหนังสือที่รีไวล์กำลังพินิจอ่านอย่างตั้งใจนั้นขึ้นหัวข้อว่า
‘เอเลน เยเกอร์ เจ้าหญิงคนใหม่แห่งวงการแฟชั่น’
คนหนุ่มรู้สึกได้ถึงเงามืดด้านหลังจึงงรีบสะบัดหน้าไปมอง ก็ได้เห็นเพื่อนสาวจอมบ๊องยืนกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเกร็ง“เฮ้ย!!!” รีไวล์อุทานเสียงดังด้วยความตกใจรีบปิดหนังสือคอเลคชั่นที่กำลังอ่านอยู่พลัน แล้วโยนไปที่โต๊ะกระจกตัวเล็กข้างๆดังแปะ! แต่สิ่งที่ทำให้ฮันซี่ต้องหลุดหัวเราะเสียงดังลั่นก็คือใบหน้าของรีไวล์ที่กำลังพยายามกลบเกลื่อนความเขินอายจนตัวแข็งทื่อ
“ฮะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ โอ๊ยรีไวล์ ฮ่าๆๆๆ”
“หัวเราะอะไรของเธอห๊ะ!!เป็นบ้ารึไง!!!”
รีไวล์หันไปตวาดใส่คนที่ทรุดลงไปหัวเราะดิ้นอยู่กับพื้นทั้งใบหน้าขึ้นสีแดงเป็นลูกมะเขือเทศสด เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพยายามปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งเหมือนปกติ ทั้งๆที่การแสดงแอคติ้งของเขานั้นก็เป็นเลิศกว่าดาราคนไหน แต่ว่าไม่รู้ทำไมครั้งนี้มันถึงได้ยากเสียยิ่งกว่าการแสดงหน้ากล้องถึง 10 เท่า ดวงตาสีเทากวาดมองสไตล์ลิสและช่างแต่งหน้าในห้องที่จ้องมองมายังเขาเป็นตาเดียวจนทำให้เกิดประหม่าขึ้นมาทันใด แต่ทันทีที่สายตาดุดันกวาดไปสบกับใครเข้าก็เรียกความหวาดกลัวอย่างมากซะจนต้องรีบเบือนหน้าหนีพลัน
“แหมๆๆ ชอบเขาถึงขนาดต้องสืบประวัติเลยงั้นหรอรีไวล์ คิกๆ” หญิงสาวพูดล้อแซวพร้อมเดินไปหยิบหนังสือคอเลคชั่นบนโต๊ะที่รีไวล์เพิ่งโยนออกไปเมื่อครู่มาเปิดดูผ่านๆ “อย่ามาติ้งต๊องน่า ฉันก็แค่บังเอิญเปิดไปเจอไม่ได้สนใจอะไรสักหน่อย” คนหนุ่มกอดอกกระแทกหลังพิงโซฟาพร้อมสะบัดหน้าหนี ทำให้ไม่ทันเห็นฮันซี่ลอบเบ้ปากเยาะเย้ยน้อยๆก่อนจะเดินตรงดิ่งมานั่งข้างๆ
“จริงหรอ.. แต่ว่าน๊า.. แม่นางแบบคนนี้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยนี่นา ดูสิ หุ่นก็เซ็กซี่ ขาเรียวยาว หน้าก็สวย แล้วดูหน้าอกนี่สิ มันใหญ่สุดๆไปเลยว่าไหม แบบนี้ก็เป็นเสป็คในฝันของนายเลยไม่ใช่หรอ” ฮันซี่พูดถึงสรีระของเอเลนในหนังสือคอเลคชั่น แต่พอมารู้สึกตัวอีกทีก็ไม่รู้สึกว่าทำไมใบหน้าของรีไวล์ถึงได้ชะเงื้อเข้ามาใกล้หนังสือขึ้นเรื่อยๆ
‘ไหนบอกไม่ได้สนใจไง’ฮันซี่ลอบหัวเราะคิกคักเบาๆพลางแอบมองรีไวล์ด้วยหางตา ที่กว่าจะรู้สึกตัวหน้าก็แทบจะติดหนังสืออยู่แล้ว
“นี่รีไวล์ เลือกสักชุดเถอะนะ วันนี้เราเสียเวลามากแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี เหลือแต่นายนี่แหละ” ทันที่ที่เห็นราวแขวนเสื้อผ้าชุดใหม่ถูกลากเข้ามาในห้องฮันซี่ก็รีบปิดหนังสือในมือทันทีก่อนจะหันมาพูดเกลี้ยกล่อมรีไวล์ให้ลองลดมาตรฐานเสื้อผ้าลงสักหน่อย ด้วยเวลาที่เสียไปทำให้เหล่าทีมงานคนอื่นๆต้องรอเขาตั้งนานสองนาน แต่ด้วยเพราะเขาเป็นคนสำคัญของโปรเจกนี้ทำให้ไม่กล้าขัดใจเท่านั้นเอง ดวงตาคู่คมตวัดตามองฮันซี่เชิงบอกปฏิเสธ หญิงสาวสวมแว่นถอนหายใจเสียดังในหัวพลางคิดว่าจะเอาอะไรมาพูดให้รีไวล์ยอมใจอ่อนดี ในที่สุดความคิดนี้ก็วิ่งผ่านเข้ามา
“ถ้านายไม่ยอมเลือกภายในสิบนาทีนี้พวกเราก็คงต้องยกกองกลับแล้วล่ะ เฮ้อ.. เสียดายนะ ฉันคิดว่าจะได้เห็นนายถ่ายแบบคู่กับเอเลนซะอีก แต่ดันต้องมากลับซะนี่ แต่ก็ช่างเถอะไว้วันหลังฉันจะหาเสื้อผ้าชุดใหม่มา…”
“เอาตัวนี้”
ฮันซี่เบิกตาโพลงก่อนสะบัดหน้ามามองรีไวล์ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเพื่อนชายของเธอคว้าหยิบเสื้อผ้าที่ราวแขวนแล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อไปเสียแล้ว ‘บ้าไปแล้ว!! คนอะไรเปลี่ยนใจไวชะมัด!!’ หญิงสาวอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างของรีไวล์ที่หายไปพร้อมกับบานเลื่อนประตูที่ปิดลง ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตหลังเลนส์แว่นกวาดมองไปรอบๆห้องก็พบว่าสไตล์ลิสทุกคนในห้องนี้ก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างจากเธอเท่าไรนัก ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปที่บานประตูเลื่อนของห้องเปลี่ยนเสื้อที่รีไวล์เพิ่งเดินเข้าไปด้วยความแปลกใจก่อนจะหันมามองตาปริบๆเชิงว่า
แค่คำพูดของคุณผู้จัดการเพียงคำเดียว ก็ทำให้คนอย่างคุณรีไวล์ยอมเลือกเสื้อผ้าได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
.
หญิงสาวร่างสูงนั่งท้าวคางอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักลายไม้เลื้อยด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย บวกกับอากาศร้อนอบอ้าวของวันนี้ทำให้ใบหน้าที่เพิ่งถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางต้องชุ่มหยาดเหงื่อจนเครื่องสำอางเหล่านั้นค่อยๆเลือนลางไป ทีมงานในสตูดิโอเห็นดังนั้นก็ถึงกับรีบไปกดรีโมตเครื่องปรับอากาศแทบไม่ทันเลยทีเดียว การรอคอยพระเอกหนุ่มไฟแรงอย่างรีไวล์ แอคเคอร์แมน ทำให้เสียเวลาในการถ่ายแบบไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม รวมถึงตัวนางแบบเอเลนเยเกอร์ที่นั่งรอมานาน ทำให้ความตื่นเต้นครั้งแรกเมื่อรู้ว่าจะได้ถ่ายแบบคู่กับดาราที่เธอคลั่งใคล้ได้มลายหายไปจากห้วงความคิดของเธอในตอนนี้ มันกลับมีแค่คำว่า ‘เมื่อไรเขาจะมาสักที’
“เอเลน หิวน้ำรึเปล่า” เสียงหวานใสของผู้จัดการส่วนตัวของเธอดังมาจากด้านหลัง ทำให้เอเลนต้องหันไปมอง รางเล็กบอบบางที่เดินมาพร้อมกับแก้วน้ำใบเล็กที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ว อาร์มินหย่อนสะโพกนั่งบนเก้าอี้แท่นกลมข้างๆเอเลนพร้อมยื่นแก้วน้ำในมือให้ หญิงสาวที่กำลังกระหายน้ำอยู่พอดีจึงไม่รอช้าที่จะกระดกดื่มน้ำในแก้วรวดเดียวหมด
“ขอบใจมากนะอาร์มิน” เอเลนหันมายิ้มให้พร้อมยื่นแก้วเปล่าคืนให้อาร์มิน “รอนานหน่อยนะ ได้ยินว่าคุณรีไวล์ไม่ค่อยถูกใจเสื้อผ้าที่ทางทีมงานและสไตล์ลิสหามาให้น่ะ ทำให้ทางฝั่งนั้นวุ่นวายกันใหญ่เลย” “ไม่เป็นไร ฉันรอได้” อาร์มินกลัวว่าเอเลนจะหงุดหงิดจึงพูดออกไป แต่ดูท่าทางว่าเอเลนจะยังมีสภาวะอารมณ์เป็นปกติอยู่ทำให้ผู้จัดการอย่างเธอโล่งใจ
“อื้ม.. ฉันดีใจที่เธออดทน แต่ก็เข้าใจนะว่าการที่ให้เธอรอเก้ออยู่แบบนี้มันก็น่าหงุดหงิดจริงๆ” สาวหน้าหวานยิ้มแห้งๆพร้อมเลิกคิ้วสูง ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือสลับกับเอกสารที่หนีบอยู่บนคลิปบอร์ดด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไปเถอะอาร์มิน ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ๆทีมงานก็อยู่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ” เอเลนจับสังเกตท่าทางของอาร์มินได้เพราะความเคยชิน เวลาที่อาร์มินเป็นกังวลเรื่องงานก็มักจะก้มดูนาฬิกาทุกครั้งพร้อมตรวจเช็คตารางงานบนคลิปบอร์ดคู่ใจ เจ้าของเรือนผมสีทองหันมาทำสีหน้าเหนื่อยๆก่อนจะหันไปมองตารางงานบนคลิปบอร์ดอีกครั้งที่ติดเป็นนิสัย
“อา..ถ้าเธอไม่ว่าอะไรงั้นฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้เลยนะเอเลน” เจ้าของเค้าหน้าหวานยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ซึ่งเอเลนก็ได้แต่พยักหน้ารับ ถึงในใจของเธอจะอยากให้อาร์มินอยู่คุยเป็นเพื่อนก่อนก็ตาม แต่ก็เข้าใจดีว่างานของอาร์มินนั้นยุ่งมากยิ่งกว่างานถ่ายแบบของเธอถึงสองเท่า จนอาร์มินเองก็แทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวด้วยซ้ำไป
เอเลนรู้สึกเมื่อยขึ้นมาจากการนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ดวงตาสีเขียวชำเลืองมองรอบๆสตูดิโอที่เตรียมพร้อมเรียบร้อยสำหรับการถ่ายแบบคู่ของเธอกับคุณรีไวล์ ‘คุณแม่เคยสอนว่านั่งอยู่กับที่นานๆมันจะไม่ดี’ เอเลนยิ้มน้อยๆกับความคิดถึงที่ผ่านเข้ามาในหัว คำสอนของแม่ที่เธอย้ำอยู่ในใจตั้งแต่เด็ก.. ไม่นึกเลยว่าเธอจะคิดถึงแม่ซะจนรวมไปถึงภาพสมัยเด็กที่สนุกสนาน ร่างสูงค่อยๆดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาก็รู้สึกเหมือนถูกรั้งไว้ด้วยกระโปรงผ้าลูกไม้ยาวกร่อมเท้าที่เธอสวมอยู่
แควก!
เอเลนตาเบิกโพลงทันทีที่มีเสียงประหลาดดังขึ้นเบาๆ ใบหน้าสวยรีบสะบัดหันมามองชายกระโปรงของตัวเอง แล้วก็ต้องช็อคสุดขีดเมื่อพบว่าชายกระโปรงของเธอติดอยู่กับตะปูที่ตอกอยู่กับมุมของเก้าอี้!! และตอนนี้มันก็ขาดไปเกือบครึ่งเสียแล้ว
‘นี่มันบ้าอะไรเนี่ยยย!!!!”
นางแบบสาวรีบคว้าชายกระโปรงหมายจะดึงให้ผ้าลูกไม้หลุดออกจากตะปูก่อนที่มันจะเสียหายไปมากกว่านี้ แต่ดูท่าว่ามันจะไม่หลุดง่ายๆแถมยังเพิ่มรอยขาดมากกว่าเก่าเก่าอีกด้วย
“อ้าว!คุณรีไวล์มาแล้วหรอครับ”
เสียงของทีมงานคนหนึ่งดังอยู่ไม่ไกลจากตรงหัวมุมของห้องมากนัก เป็นสัญญาณให้เธอรู้ว่าคนสุดสำคัญในวันนี้ได้มาถึงแล้ว และด้วยความดังของเสียงทำให้เธอประมาณได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ห่างกับเธอเพียงแค่กำแพงกั้น หากไม่มีกำแพงห้องนี้กั้นอยู่ ตอนนี้เขาคงเห็นเธอในสภาพนี้ไปนานแล้ว
“เชิญด้านในเลยนะครับ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ”
‘พระเจ้า!! เข้าจะเดินเข้ามาแล้ว!!!’ เอเลนกรีดร้องในใจ และแล้วเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผลักดันให้ใบหน้าสวยซีดเผือดราวกับไม่มีเลือดอยู่ใต้ผิวหนัง หญิงสาวจึงทุ่มความพยายามดึงกระโปรงยาวของเธอให้หลุดออก แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้ว แต่แล้วท่ามกลางความรีบร้อนก็มีความคิดหนึ่งผุดมาทันทีและเธอก็ไม่รอช้าที่จะรีบทำ
แควก!!
ร่างกำยำของรีไวล์เดินพ้นกำแพงทางเดิน เมื่อพบกับร่างของโฉมงามตรงหน้าหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างฉับพลัน นัยย์ตาสะท้อนภาพของนางแบบสาวร่างสูงโปรงในชุดที่สวยงามและกระโปรงสั้นติ้วไม่ถึงเข่าเผยให้เห็นเรียวขาขาวนวลเนียนเหมือนดังไข่มุกบริสุทธิ์ มันช่างดึงดูดสายตาของเขาจนไม่อาจหักห้ามใจที่จะละไปจากจุดนั้นได้
ถึงแม้จะรู้สึกชื่นชมกับเรียวขาของหญิงสาว แต่ที่น่าตะลึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือใบหน้าเค้าสวยล้อมเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้เงางามที่มีเสน่ห์น่าหลังใหล เช่นเดียวกับดวงตาสีมรกตใต้ขนตาแพยาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา ดั่งมนต์สะกดให้รีไวล์มีความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือความ ‘ลุ่มหลง’ในตัวเธอตั้งแต่แรกสบตา
‘นั่นคือ..คุณรีไวล์..’ เอเลนเบิกตาโตกว่าปกติเมื่อได้เห็นสายตาของเขาที่จ้องมายังเธอ ซึ่งมันสร้างความประหม่าให้เธอไม่ใช่น้อย แม้ว่าดวงตาเรียวยาวดุดันคู่นั้นจะสร้างความน่ากลัวแต่มันก็ดูแข็งแกร่งและทรงพลังในเวลาเดียวกัน แต่กลับแสดงความอ่อนโยนอยู่ลึกๆ มันคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจในตัวเขาคนนี้ทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ ‘มันคืออะไรกัน หรืออาจจะเป็นเพราะความคลั่งใคล้ที่ฉันมีต่อเขา’
“อะแฮ่มๆ!”
เสียงกระแอมที่ฟังดูเหมือนพยายามเค้นให้ดังจากลำคอของหญิงสาวผู้จัดการที่เดินตามมาทีหลังทำเอาห้วงภวังค์ความลุ่มหลงของทั้งคู่ดับวูบไปในทันที ฮันซี่สะดุ้งโหยงพร้อมขนแขนที่ตั้งชันเมื่อดันเหลือบไปเห็นรีไวลืที่ทำตาเขียวใส่อย่างไม่ปราณีดวงใจน้อยๆของเธอเลยสักนิด และเธอก็รู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำไปเสียแล้ว..
“ม..แหม.. จะจ้องตากันไปถึงไหนจ๊ะหนุ่มสาว ทำความรู้จักกันซะสิ ยังไงก็ต้องร่วมงานกันไม่ใช่หรอ” ฮันซี่ลอบส่งสายตาไปหารีไวล์เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังทอดสะพานให้ ‘ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษที่ดันไปขัดจังหวะเมื่อครู่ละกันนะ’ ซึ่งสีหน้าที่แสดงตอบมากลับยังนิ่งเรียบเป็นปลาตายดั่งเดิม แต่มันกลับขัดกับจังหวะการเต้นถี่ของหัวใจเสียนี่
ร่างเล็กกำยังรวบรวมความกล้าอยู่ลึกๆเดินเข้าไปใกล้นางแบบสาวร่างสูง เช่นเดียวกับที่เอเลนเริ่มคิดหาคำพูดแรกที่จะพูดกับเขา ‘เอาไงดีล่ะ เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันแล้ว’ หัวใจเริ่มกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของชายหนุ่มไม่อาจรู้ได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นเพราะกลัวว่าพูดอะไรผิดไปอาจจะทำให้เขาโกรธก็ได้
แต่หน้าเขาก็เหมือนคนหงุดหงิดตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้แล้วนี่(?)
“คุณรีไวล์ คือว่าฉันน่ะยินดีมะ..” “รู้จักฉันแล้วสินะ” พูดไม่ทันจบรีไวล์ก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน ทำเอาเอเลนคิดคำพูดต่อจากนี้ไม่ออก จะตอบว่าอะไรถึงจะดี นี่เขากำลังถามแบบต้องการคำตอบหรือถามแบบไม่ต้องการคำตอบกันแน่
“น..แน่นอนค่ะ ก็ฉันเป็นแฟนคลับของคุณมาตั้งแต่เด็กเลยนี่คะ” เอเลนยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่วันนี้เธอได้อยู่ใกล้ๆและทำงานร่วมกับคนที่เธอชื่นชม และชื่นชอบจนถึงระดับที่เรียกว่าคลั่งไคล้ แต่รอยยิ้มที่บริสทุธิ์นั้นมันกลับไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนสีหน้าแม้แต่นิดทั้งที่ปกติแล้วดาราทั่วไปมาเจอแฟนคลับตัวยงก็มักจะยิ้มรับเสมอ แต่ทำไมคุณรีไวล์ถึง..
“...” รีไวล์ยืนจ้องหน้าเอเลนโดยไม่พูดอะไร แต่เขาดันเริ่มจะขมวดคิ้วแล้วเสียนี่ ‘หมายความว่ายังไงกันเนี่ย! เขาโกรธฉันหรอ!?’ แต่ความจริงนั้นตรงกันข้ามเมื่อฮันซี่จับสังเกตได้ว่ารีไวล์มีอาการตัวสั่นตั้งแต่ก่อนเดินเข้ามาในห้อง และในตอนนี้มันกลับสั่นยิ่งกว่าเดิมเสียงอีก ‘ใบหูแดงอีกแล้วสินะ’ ฮันซี่แอบกลั้นตัวเราะอยู่ข้างกำแพงสลับกับลอบชำเลืองมองรีไวล์อยู่เป็นระยะ
เหมือนเอเลนก็ยังไม่รู้ตัวแฮะ ว่ารีไวล์กำลังดีใจมากขนาดไหนที่เธอพูดว่าตัวเธอเองเป็นแฟนคลับมาตั้งแต่เด็ก..
“งั้นหรอ... งั้นตอนนี้เธอไปเตรียมตัวเข้าสตูดิโอได้แล้ว ตรวจเช็คตัวเองให้ดีล่ะ เกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็ต้องมาถ่ายใหม่อีก มันเสียเวลา เข้าใจนะ” “ค..ค่ะ!” ประโยคที่ฟังดูระคายหู เหมือนกับว่ารีไวล์ไม่อยากที่จะให้เกิดเรื่องผิดพลาดโดยเฉพาะเหตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากเธอ ซึ่งหากเกิดขึ้นมาเขาคงจะต้องเสียเวลา และเพราะประโยคนี้ก็เป็นการสร้างความรู้สึกแย่ให้เอเลนหน่อยๆ
ร่างเล็กกำยำเดินผ่านร่างสูงเข้าไปยังสตูดิโอที่มีเหล่าทีมงานรอเขาอยู่ เอเอนมองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆห่างจากเธอไปเรื่อยๆพร้อมความรู้สึกเสียใจระคนความผิดหวังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
“เฮ้อ..เธอนี่โชคดีชะมัดเลยน๊า...”
“!?”
ฮันซี่เดินยืดเส้นยืดสายเข้ามาหาเอเลน นางแบบสาวหันกลับมามองหญิงสาวสวมแว่นที่ยิ้มแป้นด้วยความสุขใจซึ่งเธอไม่เข้าใจความหายของมันเท่าไร ทั้งๆที่เมื่อครู่ก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าดีใจเลยแม้แต่นิดแต่อาจจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำไป ร่างสูงโปร่งของผู้จัดการหยุดอยู่ข้างๆร่างสะโอดสะองพลางชำเลืองมองเหมือนจะบอกอะไรสักอย่างก่อนที่เธอจะเดินตามรีไวล์เข้าไปในสตูดิโอ
“รีไวล์เป็นคนพูดอะไรเข้าใจยาก เธออาจจะไม่ชินและไม่เข้าใจสินะ ที่รีไวล์พูดกับเธอไปเมื่อกี้นี้ไม่ใช่อะไร เขาก็แค่ต้องการจะบอกให้เธอตรวจเช็คตัวเองให้ดีจะได้ไม่ต้องมีอะไรผิดพลาดให้เธอต้องเสียเวลามาถ่ายใหม่หลายรอบ คนอย่างเขาไม่เคยพูดแสดงความเอาใจใส่ใครแบบนี้หรอกนะ หรือเอาง่ายๆก็คือรีไวล์เขาเอ็นดูเธอตั้งแต่แรกเจอเลยยังไงล่ะ”
เอเลนรู้สึกใจเต้นขึ้นมาอย่างฉับผลัน นั่นคือความโล่งใจและดีใจในเวลาเดียวกัน ที่ดาราที่เธอปลาบปลื้มและชื่นชอบมานานอย่างคุณรีไวล์จะเอ็นดูเธอตั้งแต่แรกเจอ แต่แปลกอยู่แค่ว่าไม่รู้ทำไมเธอถึงแอบรู้สึกได้ว่าใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนรู้สึกได้ถึงขนาดนี้ ดวงตาสีมรกตชำเลืองมองฮันซี่ที่เดินตามรีไวล์ออกไปเมื่อครู่ก่อนจะยิ้มให้เป็นการขอบคุณที่ทำให้เธอไม่เข้าใจผิดต่อคำพูดของรีไวล์
.
.
“ทั้งสองคนพร้อมแล้วนะครับ”
ช่างภาพหนุ่มฝีมือดีผู้ถูกคัดจากมือของพิคซิสพูดบอกกับนายแบบและนางแบบของวันนี้ที่ยืนอยู่หน้ากล้องพร้อมกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงในมือก่อนจะยกกล้องขึ้นมาปรับโฟกัสอีกครั้ง
ฮันซี่ยืนพิงกำแพงมองดูรีไวล์กับเอเลนที่ยืนตัวแทบจะชิดกันอยู่ห่างๆแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ที่แอบสังเกตุเห็นสายตาคู่คมของเพื่อนสนิทแอบหันมองเอเลนอยู่บ่อยๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นไปบางอย่างจึงหันไปสะกิดสไตล์ลิสสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆเหมือนไม่ยอมให้ใครรู้
“ทุกอย่างเรียบร้อยนะ ไม่มีใครรู้ใช่ไหม” ฮันซี่เม้มปากแน่น ด้วงตากลมโตหลังแว่นมองรีไวล์สลับกับใบหน้าจิ้มลิ้มของสไตล์ลิสสาวน้อยตรงหน้าอย่างลุ้นๆ
“ค่ะ แอบเปลี่ยนรองเท้าของคุณรีไวล์จากรองเท้าหนังธรรมดาเป็นรองเท้าเพิ่มความสูง 6 เซนตามที่คุณฮันซี่บอกแล้วค่ะ” สาวน้อยกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่พลางมองรอบตัวด้วยความระแวง กลัวว่าจะมีใครได้ยินเข้า เพราะก่อนหน้านี้ฮันซี่กำชับไว้อย่างดีว่าห้ามให้ใครรู้ ไม่งั้นถึงหูรีไวล์เมื่อไรกองถ่ายแบบวันนี้มีหวังได้เละแน่ๆ
“เอ๋? แต่ฉันสั่งไว้ 10 เซน ไม่ใช่หรอ”
“ต้องขอโทษจริงๆค่ะ คือว่าตอนนั้นกะทันหันมากไปหน่อยพวกเราเลยหามาได้มากสุดแค่ 6 เซนน่ะค่ะ” ฮันซี่ตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ก่อนจะชะเงื้อมองหนุ่มสาวกำลังยืนเกร็งตัวแข็งทั้งๆที่ยังอยู่หน้ากล้อง ช่างภาพมืออาชีพที่กำลังส่องกล้องหามุมถ่ายก็ถึงกับหงุดหงิดจึงบอกให้นางแบบนายแบบออกท่าทางให้เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ว่ายังไงสองคนนั้นก็ยังดูเก้ๆกังๆเหมือนประหม่ากันเองซะงั้น
แต่ประเด็นก็คือรองเท้าเสริมความสูง 6 เซน ก็ยังพอทำให้รีไวล์สูงไล่เลี่ยกับเอเลนได้บ้าง..
“เอาเถอะๆ แต่ก็หวังว่ารีไวล์จะไม่รู้นะ..”
‘ฉันรู้นะยัยบ๊องว่าเธอเอารองเท้าบ้าอะไรมาให้ฉันใส่’ ผิดคาดอย่างไม่น่าเชื่อที่รีไวล์กลับรู้ถึงสิ่งผิดปกติกับรองเท้าของตัวเอง อันที่จริงมันก็ไม่ได้ต่างจากรองเท้าทั่วไปเท่าไรแต่ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็ไม่สามารถรู้ได้เลย แต่ก็เพิ่งมารู้ตัวก็ตอนที่ยืนคุยกับฮันซี่แล้วกลับไม่ค่อยปวดคออย่างที่เคย
ดวงตาเรียวคมค้อนมองเพื่อนสาวผู้จัดการนั่งกุมขมับมองภาพในจอโมนิเตอร์ที่ถ่ายออกมา เธอเองไม่ใช่คนจะมีความรู้เรื่องภาพถ่ายหรือบอกได้ว่าภาพไหนคือภาพที่สวยที่สุดที่จะนำมาขึ้นปกนิตยสารหรือสามารถนำมารวมเล่มเป็นคอเลคชั่นได้เหมือนผู้กำกับพิคซิส แต่ก็บอกได้อย่างทันทีที่ได้เห็นว่าใช้ไม่ได้เอาเสียเลย แต่คงไม่ต้องถึงหน้าคุณพิคซิสก็โดนให้ยกกองถ่ายใหม่แน่ๆ ขนาดรองผู้กำกับยังถึงกับส่ายหน้า และสั่งถ่ายใหม่ครั้งแล้วครั่งเล่าจนได้ภาพที่พอใจ
“เที่ยงกว่าแล้ว ทุกคนพักกันก่อนแล้วกันนะ” โทรโข่งขยายเสียงดังทั่วกองผลักดันให้เหล่าทีมงานวางมือจากงานแล้วไปพักผ่อนตามอัธยาศัยหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาสักพัก รวมถึงเอเลนที่เดินออกมาจากสตูดิโอเพื่อตรงมายังกระติกน้ำแข็งเล็กๆที่ส่วนใหญ่พี่ๆทีมงานจะเตรียมผ้าเย็นไว้ให้ แต่พอเปิดมาก็ไม่มี
สงสัยจะหมดซะแล้วสิ
“ถ้าไม่รังเกียจล่ะ...ก็ใช้ผ้าเย็นของผมก็ได้นะครับ”
เสียงนุ่มนวลของชายที่ไม่ทรายชื่อทำให้เอเลนหยุดชะงักก่อนจะละสายตาจากกระเป๋าแล้วเงยหน้ามองชายแปลกหน้ายืนผ้าเย็นสีขาวผืนเล็กๆมาให้ ดวงตาสีมรกตที่เป็นเอกลักษณ์สะท้อนเห็นภาพชายร่างสูงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอในชุดสูทสีดำดูสุภาพเข้ากับบุคลิกสุขุมของเขา เค้าหน้าเรียวยาวล้อมเรือนผมสีดำขลับยาวเคลียต้นคอลงมา แต่สิ่งที่สะดุดตาคือดวงตาเรียวคมสีรติกาลดูลึกลับ เข้ากับรอยยิ้มละมุนอบอุ่นของเขาราวกับว่าคนที่ยืนตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นเทพบุตรในร่างของเจ้าชายรูปงามก็ไม่ปาน
“อ..เอ่อ ขอบคุณค่ะ” สตรีร่างสูงผงกหัวเบาๆพร้อมรับผ้าเย็นผืนเล็กบนมือหนาของชายตรงหน้าอย่างเขินๆแล้วซับเหงื่อบนใบหน้าและคอระหงจนรู้สึกสบายตัวขึ้น จึงตั้งใจจะคืนผ้าเย็นที่ใช้แล้วให้คนหนุ่มแต่กลับนึกขึ้นได้ว่าผ้าเย็นที่ใช้แล้วก็สกปรกคงไม่มีใครเอาไปใช้ต่อ
“งั้นฉันเอาไปทิ้งให้นะคะ..” “อะ..ไม่ต้องครับ” เอเลนหยุดชะงักฝีเท้าที่หมายจะมุ่งตรงไปที่ถังขยะหันมามองเจ้าของเสียงที่เอื้อมมือมาหยิบผ้าในมือ
“เดี๋ยวผมไปทิ้งเองครับ” คำพูดที่สุภาพและอ่อนโยนทำเอาเอเลนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆแต่ก็ยังรู้สึกสงสัยในตัวบุคคลผู้นี้ที่อยู่ก็เอาผ้าเยนมาให้เธอแถมพูดจาดีซะจนเหมือนกับว่าเธอคือคนพิเศษหรือเป็นคนสำคัญทั้งที่เจอกับครั้งแรกแท้ๆแถมเขายังเป็นคนแปลกหน้าแปลกตา ไม่เคยเห็นอยู่ในกองถ่ายเลยสักครั้ง จะว่าเป็นเด็กใหม่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะดูจากการแต่งตัวน่าจะมีฐานะพอสมควรเลยทีเดียว
“จริงด้วยสิครับ ขอโทษที่แนะนำตัวช้าไปนะครับ ผมชื่อ มิคาสะ แอคเคอร์แมน เป็นหลานของคุณอารีไวล์” เค้าหน้าคมเข้ม ดวงตาเรียวคมสีดำเช่นเดียวกับสีผมทำเอาเธอเชื่อสนิทใจว่าเป็นญาติกับคุณรีไวล์ผู้เป็นดั่งแสงประกายความใฝ่ฝันในการก้าวเข้ามายังวงการนางแบบของเธอ ถ้ามองอีกแบบก็จะบอกได้ว่าเหมือนกันแค่บางส่วนเท่านั้นแต่ดูท่าว่าบุคคลิกและนิสัยต่างกันสิ้นเชิง
ในขณะที่มิคาสะดูนุ่มนวลอ่อนโยนและสุภาพ แต่รีไวล์กลับแข็งทื่อชอบขมวดคิ้วเหมือนคนหงุดหงิดไม่ก็ทำหน้าเหมือนปลาตายท้องกลม
‘ไอ้หลานตัวดีจอมแย่งซีน’ รีไวล์ขบขมวดคิ้วเป็นปมพลางระลึกคำสาปแช่งหลานแท้ๆของตัวเองอยู่ห่างๆด้วยแรงแค้นอันแรงกล้าพร้อมผ้าเย็นในมือที่กำแน่นจนยับแทบจะกลายเป็นการขยำผ้าเลยก็ว่าได้ ทั้งที่ตั้งใจเอามาให้เอเลนก่อนใครแต่กลับน่าเจ็บใจที่โดนชิงซีนไปต่อหน้าต่อตา
“ฉัน เอเลน เยเกอร์ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ จะว่าไปคุณมิคาสะก็คล้ายๆคุณรีไวล์อยู่เหมือนกันนะคะ”
“ผมยินดีมากเลยนะครับที่ได้มาเจอคุณวันนี้ เห็นผลงานของคุณมามากมาย ถึงกับต้องขอชมเลยครับว่าคุณสวยมากจริงๆ วันนี้ได้มีโอกาสมาเจอตัวจริงกลับสวยกว่าในรูปถ่ายซะอีกนะครับ”
“ข..ขอบคุณค่ะ แหม..ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พูดซะขนาดนี้ฉันก็เขินนะเนี่ย ฮะๆ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเอเลนทำให้มิคาสะรู้สึกใจเต้นอย่างน่าประหลาดยิ่งตอนที่เธอพูด ทุกจริตกิริยาที่สง่างามและสุภาพอ่อนหวานสมกับเป็นสตรีเป็นสเน่ห์ที่ล้ำค่าในตัวของเธอบวกกับรูปโฉมโนมพรรณที่งดงาม ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ชายใดเห็นก็เป็นต้องหลงรักรวมถึงมิคาสะผู้ที่ไม่เคยชายตามองหญิงใดมาก่อน ถึงกับต้องยอมสยบหัวใจให้กับเธอผู้นี้เพียงผู้เดียว
ในช่วงเวลานี้ที่มิคาสะพยายามผูกมิตรสร้างสานสัมพันธ์กับหญิงที่หมายปองอย่างเอเลนทำให้ไม่รู้ว่ามีอีกร่างหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ แต่สัญชาติญาณที่ว่องไวก็รับรู้ถึงรังสีทะมึนที่คุ้นเคยของผู้เป็นอาแท้ๆอย่างรีไวล์
“นี่มิคาสะ ได้ข่าวว่าที่บริษัทของนายมีพ่อค้ารายใหญ่จากต่างประเทศติดต่อเข้ามาเยอะเหมือนกันนี่” จู่ๆคำพูดของชายวัยย่างเข้า 40 ก็แทรกบทสนทนาขึ้นมาเสียดื้อๆทำเอามิคาสะถึงกับหงุดหงิดจนต้องถอนหายใจแรงๆก่อนตวัดสายตาไปหารีไวล์
“แต่ก็แปลกเหมือนกันนะที่ว่าเจ้าของกิจการอย่างนายกลับมีเวลาว่างออกมานอกบริษัทอย่างสบายๆทั้งที่นายควรจะทำหน้าที่ให้สมกับเป็นเจ้าของกิจการรายใหญ่ของประเทศแท้ๆ ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจระบบงานของนายเท่าไรนักแต่ว่าก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมบริษัทของนายมันถึงได้ถูกตั้งให้เป็นที่ดึงดูดพ่อค้าต่างชาติทั้งๆที่คนที่เป็นคนควบคุมและจัดการทุกอย่างกลับมีเวลาว่างมาทำอย่างอื่นที่ไร้สาระ”
“กิจการของผมมันผู้จัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยตามระบบงาน ไม่งั้นผมคงออกมาไม่ได้หรอกครับ ผมก็โตพอที่จะจัดการและรับผิดชอบกับหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเพชรของผมมันหายากและถูกเจียระไนมาอย่างดีด้วยช่างที่มีฝีมือเป็นเลิศ มันก็ไม่แปลกนี่ครับ ที่จะดูน่าดึงดูดมากกว่าพวกเพชรที่สวยงามแต่ไร้ซึ่งความประณีตและความละเมียดละไม ดูแข็งๆทื่อๆก็มักจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมชมชอบสักเท่าไร ผมพูดถูกไหมครับ คุณอา..”
สองอาหลานประทะคารมใส่กันอย่างเจ็บแสบ ทุกคำพูดราวกับคำเปรียบเปรยในตัวของอีกฝ่ายซึ่งก็เป็นข้อเสียล้วนๆที่ต่างคนต่างก็รู้กันดีถึงความหมายของมัน มีเพียงเอเลนที่ยืนงงอยู่ท่ามกลางสนามรบทองสายตาของทั้งคู่ที่เหมือนส่งกระแสไฟฟ้าให้กันราวกับไม่ว่าจะไม่ยอดลดละให้กันเลยทีเดียว
นี่ตกลงฉันกำลังมายืนมองพวกเขาทะเลาะกันงั้นหรอเนี่ย
กริ๊ง!..กริ๊ง!..
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากในกระเป๋าของเอเลนชักจูงความสนใจของชายหนุ่มทั้งสองให้หันมามองพร้อมพักศึกกับชั่วครู่โดยในใจแอบลุ้นว่าไอ้คนที่โทรมานั้นคือใครและสิ่งที่ทั้งสองกลัวกันมากที่สุดคือคนรักของเอเลน แม้จะไม่เคยมีหนังสือพิมพ์ออกมาสกครั้งเวลาเอเลนเปิดตัวคนรักอย่างเป็นทางการ แต่ใครๆก็รู้ดีกว่าคนในวงการบันเทิงก็ต้องมีแอบซ่อนความลับไว้บ้างเหมือนกัน
“เอ่อ..คือ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เอเลนกล่าวพร้อมโปรยยิ้มให้สองหนุ่มก่อนจะเดินออกไปพร้อมกดรับสายโทรศัพท์แล้วแนบหูคุยกับใครสักคน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มีท่าทีว่าตั้งใจจะปิดบังเหมือนดาราคนอื่นที่เห็นโทรศัพท์ดังเป็นต้องมุบมิบแอบคุย แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น สองหนุ่มอาหลานก็ยังคงชะเงื้อมองตามร่างสูงทรงโตเดินออกไปไกลลับตาจนลืมไปว่าเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจะทะเลาะกัน...
TBC
ในที่สุดก็ได้เอามาลงซะทีนะตอนนี้ แทบตายกับการเรียนเลยทีเดียว เวลาที่จะได้มาั่งแต่งฟิคจริงๆจังๆนี่แทบไม่มี อ้อ แล้วใครที่ติดตามฟิค Position ตอนจบอยู่ก็รออีกสักหน่อยนะคะ กำลังจะเรียบร้อยแล้วจ้า แต่รับประกันว่าตอนจนที่ยาวจริงเอาไปอ่านกับให้หนำใจเลยละกัน พูดถึงเรื่องนี้ก่อนนะ ในตอนหน้าพระนางทุกคู่น่าจะได้เจอกันแล้วแหละ(อต่คู่เอกก็เจอไปแล้วนินา)
ความคิดเห็น