คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Fic KnB] Akashi x Kuroko : บทที่ 3 ความรักของเงือกครีบบาง
ความรักของหนุ่มเงือก
บทที่ 3 ความรักของเงือกครีบบาง
Paring : Aakashi x Kuroko
Rate : PG-13
Story : Lady*Vanila
ความรักในความแตกต่าง
ถ้ำเล็กๆใต้ดงปะการังเป็นสถานที่ที่เปรียบเสมือนโรงพยาบาลบนโลกมนุษย์ เงือกสาวผมฟ้าเจ้าของครีบหางสีฟ้าทะเลเปล่งประกายดั่งเพชรพลอยนอนนิ่งบนหิน
คุโรโกะ นามิโระเพิ่งคลอดลูก สามีของเธอคุโรโกะ คาสึมะดีใจมากไม่แพ้ภรรยา ตอนนี้รอปลาหมอนำเด็กไปตรวจร่างกายแต่สีหน้าของปลาหมอกลับทำให้ใจหล่นวูบ
เพราะลูกชายของเขาที่ถูกวางบนปะการังนั้นไม่ใช่ลักษณะที่ควรจะมี นามิโระป้องปากน้ำตาไหลพรากก่อนหันหน้าไปซบอกสามี “ทำไม..เท็ตสึยะต้องเป็นแบบนี้”
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจมากที่สุด คาสึมะมองลูกชายเงือกของตัวเองด้วยสายตาเจ็บปวดเหลือเกิน ยิ่งมองไปที่ครีบหางนั้นแล้วเหมือนจะขาดใจ
เกล็ดหางสีฟ้าสดใสเหมือนมารดาไม่มีผิด แต่ตั้งแต่ปลายคางจนสุดปลายครีบกลับลีบบางเหลือเกิน “ลูกฉันจะว่ายน้ำได้ไหมคะ” นามิโระร้องถามปลาหมอทั้งน้ำตา
และคำตอบก็คือ “คงยาก DNAของเขาเกิดการผิดพลาด หางของไม่มีเรี่ยวเเรงพอจะว่ายน้ำ และครีบของเขาบอบบางเกินไป เพียงแค่โดนซากหินก็บาดเจ็บได้”
คุโรโกะ เท็ตสึยะเติบโตขึ้น ในขณะที่เงือกน้อยตัวอื่นว่ายน้ำไดคล่องแคล่วแล้วเขายังว่ายน้ำไม่ได้ นามิโระกับคาสึมะมองลูกชายว่ายล้มลุกบนปะการัง
หัวใจคนเป็นพ่อแม่น้ำเจ็บปวดยิ่งกว่าใครเมื่อเห็นรอยฉีกขาดเล็กบนครีบของเท็ตสึยะ ภาวนาขอให้สักวันลูกชายเขาว่ายน้ำได้ปกติเหมือนคนอื่น ขอแค่นั้น
และไม่นานคำอ้อนวอนต่อโชคชะตก็เกิดผล เมื่อวันหนึ่งหางของคุโรโกะเเข็งแรงขึ้นว่ายน้ำได้ปกติตอนอายุ12ปี แต่อาจจะช้ากว่าเงือกทั่วไปสักหน่อย
แต่เเค่นั้นพ่อแม่ก็ดีใจมากยิ่งกว่าได้พรจากเทพซุส เมื่อเงือกอายุได้18ปีเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะได้ลองขึ้นไปบนบกเพื่อให้ครีบได้เปลี่ยนเป็นขา
คุโรโกะตื่นเต้นมากจะได้เปลี่ยนเป็นขาครั้งแรก พ่อแม่พาขึ้นมาบนบกเช่นเดียวกับเงือกตนอื่นที่ได้พาลูกๆขึ้นมาเปลี่ยนขาครั้งแรกเช่นกัน แต่ทว่า..
ครีบหางสีฟ้าสดใสแวววาวนั้นกลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตากแดดจนหางแห้งลอกก็ไม่เกิดอะไรขึ้น คุโรโกะช็อกน้ำตาคลอเบ้ามองหางตัวเองแห้งเหือดน้ำ
“ทำไม..มันไม่เปลี่ยนล่ะครับ..” เสียงทุ้งแตกหนุ่มสั่นเครือผิดหวังไม่เท่ามารดาที่เสียใจร้องไห้เอาแต่ส่ายหน้าแทบไม่ยอมรับความผิดปกติของลูกชาย
เงือกหนุ่มรับไม่ได้กับร่างกายของตัวเอง รีบกระโดดลงน้ำว่ายหนีไปด้วยความอับอายสายตาของเงือกตนอื่นที่เปลี่ยนขาได้ แต่ทำไมเขาทำไม่ได้ “ทุกคนปกติ”
“แต่ผมไม่ปกติ..” คุโรโกะถามต้องเองพลางกอดหางสีสวยที่เริ่มซีดลงทุกวันไม่ได้สดสวยเหมือนเก่า เพราะเอาแต่ขึ้นไปตากแดดบนบกประชดตัวเอง และหวัง
ว่าสักวันจะทำอะไรเพื่อเอาชนะปมด้อยของตัวเองได้ และข่าวลือหนึ่งก็มาเข้าหู ตำนานคลื่นในวนใต้ภูเขา คลื่นน้ำวนที่กั้นระหว่างดินแดนทะเลคิเซกิ
กับอีกดินแดนหนึ่งที่เชื่อว่าอีกฟากนั้นเป็นทะเลเทย์โคว กระเเสน้ำที่หมุนวนนี้รุนแรงมากเกินว่าที่เงือกจะผ่านเข้าไปได้ นั่นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
และตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าคุโรโกะและชาวเงือกที่ได้ยินว่ามีเงือกตนหนึ่งประกาศว่าจะเข้าไป “คอยดูสิว่าฉันทำได้ ก็อีเเค่คลื่นน้ำวน” ไฮซากิตะโกนบอก
เงือกหนุ่มผมสีเทากระตุกยิ้มท้าทายกระเเสคลื่นยักษ์ที่รุนเเรงตรงหน้าด้วยความมั่นใจกับความเเข็งแรงของครีบหางที่มีอยู่ ชาวทะเลก็ตะโกนเชียร์
ไฮซากิว่ายน้ำอวดครีบที่เเข็งเเรงของตัวเองเหนือคลื่นน้ำแก่สายตาของทุกคน รวมถึงคุโรโกะก็ถึงกับตะลึงในความเเข็งแรงของเงือกสีเทา “สุดยอดเลย..”
และเวลาก็มาถึง ไฮซากิสะบัดครีบพุ่งเข้าไปในคลื่นน้ำวนด้วยความเร็ว ชาวทะเลอุทานหวาดเสียวแล้วเงียบไป ต่างรอลุ้นว่าไฮซากิจะออกมาไหม และก็ไม่..
มองอยู่นานแสนนานก็ไร้วี่แววของเงือกสีเทาที่ว่ายเข้าไป “เขาไม่กลับมา!” เงือกวัยกลางตนหนึ่งร้องเมื่อความตื่นเต้นของชาวทะเลกลายเป็นความหวั่นผวา
ในคลื่นน้ำที่พัดเอาตัวไฮซากิเข้าไปและไม่สามรถกลับออกมาได้ เป็นที่แน่นอนว่าเขาอยู่ในน้ำวนและชัดเจนว่าเขาตายเมื่อเห็นเเววตาเบิกโพล่ง หมุนวนอยู่ปากทางน้ำวนเพียงครู่หนึ่งแล้วหลายลับไป ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างตะลึงกับภาพที่หลอนจิตเบื้องหน้า ‘หางแกร่งแข็งเเรงแบบนั้นยังผ่านไม่ได้’
คุโรโกะก้มมองหางตัวเองแล้วกระซิบด้วยความสิ้นหวัง “แล้วอย่างเราจะเข้าไปได้?” คุโรโกะอยากเข้าไปในนั้น เข้าไปในน้ำวนที่แม้แต่ไฮซากิยังผ่านไม่ได้
มันเป็นความฝันที่สูงเกินตัว สูงเกินไป.. คุโรโกะได้แต่บอกตัวเองว่าไม่มีใครทำได้เราก็ควรเลิกเพ้อฝันอะไรบ้าบอได้แล้ว ผ่านมา4ปี เงือกหนุ่มอายุ22
คุโรโกะทำหน้าที่ดูเเลสัตว์ตัวน้อยๆอยู่โรงอนุบาลลูกปู คอยดูแลแทนพ่อแม่ของพวกเขา เเรกๆคิเสะเพื่อนคนเเรกถึงกับร้องห้าม “อย่าเลยคุโรโกจจิ!!”
“ลูกปูทั้งก้าวร้าวทั้งดื้อดึง อย่าไปใกล้เลยนะฉันขอร้อง!!” เงือกสีทองอ้อนวอนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิท กลัวว่าถ้าไปทำงานยากๆแบบนั้นมีหวัง..
“คุโรโกจจิต้องมีแต่รอยปูหนีบแน่ๆเลย!!” เงือกผมฟ้าถอนหายใจระอาคิเสะ “กังวลเกินเหตุไปแล้วครับ ผมเป็นมิตรกับลูกปูพวกเขาก็ชอบผม” และสุดท้ายเถียงชนะ
เขาได้เลี้ยงลูกปูสมใจ น้อยคนที่จะมาทำอะไรแบบนี้ เพราะวุ่นวายมากขนาดไหนวันแรกทำงานคุโรโกะก็สัมผัสมาแล้วว่ามันเหนื่อยมากจริงๆ แต่เขาก็ชอบ
วันหนึ่งคุโรโกะนั่งเลี้ยงลูกปูอยู่ที่โรงอนุบาล ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีของชาวทะเลดังลั่นไปทั่ว เงือกสีฟ้าอ่อนมองตามเสียง ที่นั่นคือคลื่นน้ำวน
“เกิดอะไรขึ้น!?” คุโรโกะฝากลูกปูให้คากามิที่ว่ายผ่านมาดูแลแทน “อ้าวเฮ้ย!” เงือกทหารโวยวายโดนปูหนีบ แต่คุโรโกะไม่สนรีบบึ่งตรงไปที่คลี่นน้ำวนทันที
พอมาถึงเห็นชาวเงือกร้องหวาดเสียวเมื่อมีใครคนหนึ่งว่ายเข้าไปในน้ำวนอย่างรวดเร็ว คุโรโกะที่เพิ่งมาเลยเห็นไม่ทัน ... ทุกคนลุ้นท่ามกลางความเงียบ และ
“นั่นไง!! เขาออกมาแล้ว!!” เงือกสาวน้อยคนหนึ่งตะโกนขึ้นหลังได้เห็นเจ้าของเรือนผมสีแดงว่ายออกมาพ้นปากทางน้ำวน “เขาทำได้!!” ทุดคนโห่ร้องยินดี
ให้กับเงือกหนุ่มร่างกายเเข็งเเรงมีกล้ามเนื้อเป็นมัดกับหางสีแดงสดประดุจอัญมณีทับทิมแวววาว ภาพของเงือกตนนั้นสะท้อนในดวงตาสีฟ้า “เเข็งเเรงและงดงาม..”
ครีบหางของเขาสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ตั้งแต่สะโพกจรดปลายหางอวบแน่นสมส่วน ครีบแพยาวกว้างเรียบพลิ้วไหวตีน้ำขับเคลื่อนได้อย่างดีเยี่ยม
เงือกหนุ่มจืดจางมองความสมบูรณ์แบบตรงหน้าด้วยความตะลึง ไม่สามรถทำได้เเม้จะพริบตา กระทั่งท่วงท่าการแหวกว่ายก็ยังสง่างามราวกับเงือกชั้นสูง
“นั่นน่ะ ท่านอาคาชิ เซย์จูโร่ล่ะ” เงือกสาวต่างพากันชื่นชมชายรูปงามผมแดงเป็นเอกลักษณ์ที่ว่ายเข้ามา เช่นเดียวกับชาวทะเลที่ชื่นชมในความแข็งแกร่ง
อาคาชิเป็นคนแรกที่ว่ายสวนกระแสคลื่นน้ำวนกลับมาได้เขาต้องเชี่ยวชาญในการว่ายด้วยความเร็วและหางเขาต้องเเข็งแรงมาก สิ่งนั้นมันทำให้คุโรโกะอิจจฉา
อิจฉาในความแตกต่างที่ตัวเขาไม่มี เวลาได้มองอาคาชิเหมือนท้องฟ้ากับหลุมดำ มันทำให้รู้สึกแย่ ร่างจืดจางว่ายออกจากฝูงชนที่แออัด ปึก! แคว็ก!!
มัวแต่เดินใจลอยจนไม่ระวังไปชนคนอื่นเลยล้มกลิ้งลงมา และสิ่งที่เลวร้ายคือครีบบอบบางนั้นขูดกับโขดหินขาดเป็นแนวยาว “ตายแล้ว!!”
เงือกสาวร่างท้วมอุทานเห็นครีบของหนุ่มผมฟ้าฉีกขาด คุโรโกะที่จืดจางกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาในทันที “ดูครีบเขาสิ ขาดเลยแฮะ” “หางแบบนั้นว่ายน้ำได้หรอ?”
มือเรียวแหลมขูดซากหินที่รองรับร่างกายด้วยความเจ็บปวดแต่กัดฟันไม่ร้องออกมา ครีบฉีกขาดอีกแล้ว เกลียดจริงๆการถูกมองแบบนี้ เกลียดคำวิจารณ์ครีบหาง
“เป็นอะไรไหม?” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งพร้อมมือที่ยื่นมาให้ เมื่อเงยหน้าเขาก็แทบไม่เชื่อสายตาว่าคนที่กำลังพยุงเขาอยู่คืออาคาชิ เซย์จูโร่
ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างตะลึงในความหล่อเหล่าไร้ที่ติของอีกฝ่ายกับกล้ามเนื้อเป็นมัดดูแข็งแรงและครีบหางที่งดงามมาอยู่ใกล้ๆ “พอจะว่ายน้ำได้ไหม?”
คุโรโกะจ้องตาทับทิมสีแดงอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้ายิ้มบอกไม่เป็นไรแล้วออกตัวสะบัดครีบแต่ก็ร่วงไปกระแทกหินอีกรอบ กลายเป็นอาคาชิต้องพาไปส่งหมอ
พาไปหาเงือกมิโดริมะเพื่อนสนิท เขาทราบข่าวแล้วรู้ว่าอาคาชิเพิ่งเข้าไปในน้ำวนแล้วกลับมา มิโดริมะก็แสดงความยินดีก่อนหันมาดูครีบเงือกฉีดขาด
“ขาดลึก..แบบนี้ต้องให้น้ำมันสาหร่ายช่วยสมานให้เร็วที่สุด” นิ้วเรียวพันเทปนำยาสกัดสาหร่ายราดแผลไปพลางคุยกับอาคาชิไปพลาง “ในน้ำวนเป็นไงบ้างล่ะ”
“ฉันเข้าไปแล้วโผล่ที่ทะเลเทย์โควจริงๆ ที่นั่นสวยมากจนน่าตะลึงแต่ไม่มีเงือกอาศัยเลย” “งั้นหรอ แล้วหมอนี่ไปเจอจากไหนล่ะ” มิโดริมะมองเงือกครีบบาง
เห็นหางคุโรโกะแล้วก็ตะลึงไม่คิดว่าครีบแบบนี้จะว่ายน้ำได้ด้วย “เขาล้มขูดหิน ฉันเลยพามาหานาย” อาคาชิบอก หลังใส่ยาเสร็จอาคาชิเลยพาคุโรโกะออกมา
ขอบคุณครับที่ช่วย คุโรโกะพูดเสียงเศร้าๆต้องมาถูกช่วย จริงๆเขาอยากเป็นช่วยคนอื่นบ้างแท้ๆ ขนาดตอนนี้อาคาชิยังต้องพยุงอยู่เลย “ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”
คุโรโกะหันกลับมามองตาอีกฝ่ายเห็นอาคาชิจ้องเขานาน “อะไรหรอครับ?” “ฉันรู้ว่านายจ้องหางฉันมานานแล้ว มีอะไรรึเปล่า” เงือกหนุ่มถามเสียงเรียบแอบสงสัย
และคุโรโกะก็พุดไปเพราะโดนสายตาคาดคั้น “ผม..ชื่นชมหางคุณน่ะครับ ทั้งสวยงามแล้วก็แข็งแรงว่ายสวนน้ำวนได้อีก” เงือกผมฟ้ายิ้มบางหลุบตามองหางตัวเอง
พอก้มมองหางตัวเองถึงเห็นความแตกต่าง “นายชื่ออะไรหรอ” อาคาชิถาม “ผมคุโรโกะเท็ตสึยะครับ” “อืม..คุโรโกะคุงขอบใจนะสำหรับความชื่นชม” ชายผมแดงยิ้มบาง
อาคาชิมองออกว่าคุโรโกะมีปมด้อยในเรื่องหางของตัวเอง “ฉันไปนะ แล้วก็ดูแลครีบนายดีๆล่ะ” พูดจบอาคาชิว่ายกลับไปทางทิศเหนือ ส่วนคุโรโกะกลับโรงอนุบาล
บางครั้งลูกปูชอบทักทำไมครีบของพี่ชายบอบบางจัง ว่ายน้ำก็ช้า ลูกปูวิ่งตามยังแซงเลย ได้ฟังแบบนั้นแล้วเหมือนตอกย้ำปมด้อยอีก “ทำไมผมเกิดมาแบบนี้”
ข่าวของอาคาชิโด่งดังไปทั่ว ทุกคนรู้จักเขาในนามเงือกตนแรกที่ว่ายสวนกระแสน้ำวน พวกนางเงือกต่างก็หมายปองบุรุษรูปงามผมแดงทั้งแข็งแกร่งและเก่งกาจ
อาคาชิพูดต่อหน้าชาวทะเลถึงอีกฟากทะเลที่เข้าไป ทำให้เงือกๆหนุ่มเกิดมีความฮึกเหิมอยากเข้าไปบ้างและเริ่มหันมาสร้างกล้ามเนื้อครีบหางของตัวเอง
ทางด้านคุโรโกะที่ครีบสมานตัวแล้วก็เริ่มว่ายน้ำออกจากถ้ำได้ เพิ่งรู้ว่าตอนนี้ชาวทะเลมีการตั้งค่ายฝึกเพื่อจะเข้าไปในน้ำวน คุโรโกะสนใจอยากร่วม
ทุกคนหวังไว้ว่าถ้าเข้าไปในน้ำวนกันได้มากๆจะไปสร้างดินแดนใหม่ให้ชาวทะเลแบ่งกันออกไปอยู่ เป็นการแพร่สายพันธุ์เงือก คุโรโกะก็อยากเข้าไปอยู่แล้ว
เงือกครีบบางคุยกับหัวหน้าค่ายฝึก “ให้ผมเข้ารับการฝึกด้วยเถอะนะครับ ผมอยากเข้าไป!” คุโรโกะตาอ้อนวอนด้วยใจมุ่งมั่งแต่สายตาที่ถูกมองทำให้รู้คำตอบ
เงือกหนุ่มหัวหน้าค่ายหรี่ตามองครีบหาอ่อนแรงขยับพลิ้วไปมาอย่างขำๆ “แค่นายว่ายน้ำยังแทบไม่รอดเลยนะหนุ่มน้อย” คำพูดนี้ทำให้ความมุ่นมั่นหยุดชะงัก
“ถ้าว่ายน้ำแล้วเร็วๆเมื่อไรค่อยมาคุยกันนะ” พูดจบแล้วเงือกหนุ่มก็ว่ายไปคุมฝึกเงือกในค่าย คุโรโกะผิดหวังได้แต่มองการฝึกอยู่ห่างๆ “ผมไม่มีโอกาสเลย”
แค่ทำให้หางแข็งแรงยังทำไม่ได้เลยแล้วจะไปร่วมฝึกเพื่อเข้าไปในคลื่นน้ำวนจะเป็นไปได้ไง เงือกครีบบางนึกขำตัวเองทั้งน้ำตา “ใฝ่ฝันอะไรสูงเกินตัว..”
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีหวังอยากจะเข้าไป คุโรโกะเริ่มจับเวลาการว่ายน้ำของตัวเอง ความเร็วของเขาแค่ 30เมตร/นาที แต่เงือกปกติ 100เมตร/นาที
พอลองพยายามว่ายน้ำให้เร็วขึ้นแล้วก็ได้แค่50เมตร/นาที ก็ยังถือว่าช้ามาก แต่พยายามหนักขนาดนี้แล้วหางก็แข็งแรงขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อาคาชิว่ายผ่านมาเห็นแถวนั้นบ่อยๆ ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มชื่นชมในความพยายามและความมุ่งมั่นของคุโรโกะ เขาเลยแอบมองอยู่บ่อยๆรู้เป้าหมายของอีกฝ่าย
คุโรโกะก็ไม่รู้ตัวเองว่าอาคาชิแอบมองอยู่บ่อยๆและเริ่มสนใจเขา อาคาชิเห็นซากหินที่น่าจะเป็นอันตรายต่อคุโรโกะ พอเผลอๆเลยแอบไปยกออกให้แล้วหนีไป
เขาแอบมองมานาน 2 เดือนแล้ว คุโรโกะชอบหักโหมจนน่าเป็นห่วง ไม่นานอาคาชิเริ่มเห็นปลายหางเริ่มบวม ครีบเริ่มฉีก ‘แบบนั้นอันตรายเกินไป!!’ ตุบ!!
คุโรโกะเป็นลมร่วงตกลงมาทับดอกไม้ทะเล “คุโรโกะ!!” อาคาชิรีบว่ายเข้ามาดูอาการอย่างรวดเร็ว ร่างใหญ่ครีบหางสีแดงทับทิมโน้มมาใกล้ร่างจืดจาง
ดูจากอาการแล้วคงจะเหนื่อยมากไป เห็นปลายหางบวมขึ้น ผิวพรรณขาวผ่องเริ่มขึ้นสีแดงเข้มเกิดจากเลือดสูบฉีดออกกำลังกาย อาคาชิอุ้มแล้วพาว่ายกลับถ้ำ
คุโรโกะตื่นมามึนๆเห็นสถานที่ไม่คุ้นจำได้ว่าฝึกว่ายน้ำอยู่ก็วูบ หันไปมาเห็นอาคาชิอยู่ใกล้ “เป็นไงบ้าง” ชายผมแดงคลี่ยิ้มถาม “ผมก็ไม่เป็นไรนี่ครับ”
“นายว่ายฝึกจนหางบวมหมดแล้ว หักโหมเกินไปไม่ใช่การฝึกที่ถูกนะ” อาคาชิว่าด้วยความเป็นห่วง คุโรโกะมุ่นคิ้วเอียงคอมอง “เดี๋ยวนะครับ..คุณรู้ได้ไง”
“ว่าผมกำลังฝึก” อาคาชิเลิกคิ้วลืมไปว่าคุโรโกะไม่รู้ “เอ่อ..ฉันแค่ผ่านมาก็เลยเห็น” ชายผมแดงโกหกไปไม่อยากให้รู้ว่าเขาแอบมองอยู่ตลอด “งั้นหรอครับ”
คุโรโกะอายจนแทบว่ายลงรูปู คนแรกที่ว่ายผ่านคลื่นน้ำวนอย่างอาคาชิมาเห็นเงือกอ่อนแออย่างเขาฝึกเอาเป็นเอาตายเพื่อความใฝ่ฝันที่เกินตัวแบบนี้
“นายอยากเข้าไปในคลื่นน้ำวน?” “ครับ..” คุโรโกะผงกหัวเบาๆแล้วเงียบไปไม่กล้ามองหน้าอาคาชิรู้ว่าจะต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ ในใจอีกฝ่ายคงคิดว่าเขาบ้าบอ
“ฉันเอาใจช่วยนะ พยายามเข้าล่ะ” คำว่าพยายามเข้าทำให้คุโรโกะถึงกับเลิกคิ้วหันมา นี่เป็นครั้งที่ที่มีคนให้กำลังสนับสนุนให้เขาพยาม “อาคาชิคุง..”
คุโรโกะแก้มแดงจ้องหน้า อาคาชิจ้องตอบกันนิ่งๆเหมือนจะแปปเดียวแต่นานถึง5นาที ชายผมแดงรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนนิดหน่อยรู้ตัวว่ากำลังเขิน “เออ!ฉันว่า”
“ฉันไปนะ” นายก็อย่าหักโหม เขาไม่รอให้หน้าแดงจนคุโรโกะจับได้เลยรีบลุกหนีก่อน หมับ! “เดี๊ยวครับอาคาชิคุง!” เงือดสีฟ้าคว้าจีบข้อมือหนา อาคาชิหันมา
“อะไร?” คิ้วสีแดงเลิกสูงมองท่าทีคนตรงหน้าดูลังเลเหมือนจะพูดอะไร “คือว่า..ถ้าไม่รังเกียจ อาคาชิคุงช่วยมาฝึกให้ผมได้ไหมครับ!” อาคาชิปริบตา “ฉันหรอ?”
“ครับ!” อาคาชิคุงว่ายสวนกระเเสน้ำวนได้ กรุณาช่วยทำให้ผมได้เข้าไปบ้างเถอะครับ! มือเรียวเล็กขาวซีดบีบข้อมืออาคาชิและอ้อนวอนด้วยแววตาหนักแน่น
เงือกหนุ่มหางแดงเบือนหน้าหนีแอบยิ้มดีใจได้โอกาสใกล้ชิด แล้วปรับสีหน้าปกติหันไปตอบ “ได้สิ แต่ฉันฝึกโหดนะ” “ฝึกยังไงก็ได้ครับ!ผมรับได้หมด!”
ดูคุโรโกะมุ่งมั่นจะเข้าน้ำวน ความมุ่งมั่นนั้นเป็นเสน่ห์ที่ทำให้อาคาชิประทับใจ แม้ร่างกายจะบอบบางอ่อนแอสักเพียงใด หลายๆอย่างตรงกันข้ามกับเขา
อาคาชิเกิดมาร่างการสมบูรณ์แบบตั้งแต่เด็ก ถูกพ่อฝึกให้แข็งแรงอย่างเข้มงวดมาตลอดร่างกายถึงได้สามารถว่ายสวนกระแสน้ำวนได้ทั้งที่ไม่ได้อยากทำ
จนไม่ได้รู้สึกภูมิใจในความสมบูรณ์แบบของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่พอได้เจอเงือกจืดจางที่ร่างกายอ่อนแอแต่พยายามไขว่คว้าในสิ่งที่เขามีแต่ไม่ต้องการ
คุโรโกะแตกต่างกับอาคาชิ เพราะแบบนั้นอาคาชิถึงได้สนใจ หลังจากหางที่บวมค่อยๆยุบลง อาคาชิก็เริ่มจัดตารางฝึกมหาโหดที่คุโรโกะเห็นครั้งแรกแทบล้ม
แต่ดูแล้วมีหลักการเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ หลังจากดูแลลูกปู คุโรโกะจะมาหาอาคาชิทุกวันและฝึกอย่างตั้งใจชายผมแดงก็ยิ้มปริ่มได้เจอได้คุยกันทุกวัน
พ่อแม่รู้เรื่องคุโรโกะฝึกกับอาคาชิเลยแอบตามมาดู ทั้งที่ควรจะดีใจแต่มันกลับตรงกับข้ามเพราะพวกเขาดูออกว่าสายตาที่สองคนนั้นมองกันมันมีความพิเศษ
“คุณรู้สึกเหมือนฉันไหมคะ” นามิโระถามสามีที่แอบมองห่างๆหลังแนวปะการังพลางดวงตาสีฟ้าทะเลมองลูกชายกำลังมีความสุขกับการฝึก “ผมรู้ แต่ถึงอย่างนั้น”
“เราก็ยังไม่ควรบอกลูก” คาสึมะเอนศีรษะภรรยามาซบบ่าด้วยสีหน้าที่เตรียมใจ “ปล่อยให้เขาได้มีความสุขเถอะ” พูดจบเงือกหนุ่มก็พานามิโระว่ายกลับถ้ำ
“อาคาชิคุงครับ ผมว่ายได้เร็วขึ้นแล้ว” คุโรโกะดีใจเห็นผลการวัดความเร็วของเขาออกมาเป็นที่น่าพอใจ “70เมตร/น. เร็วขึ้นเยอะเลยนี่ ดีใจด้วยนะ”
เมื่อผลออกมาเริ่มใกล้เคียงกับเงือกปกติปลายหางก็เริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงครีบจะบอบบางอยู่ก็ตาม คุโรโกะตัดสินใจไปที่ค่ายอีกครั้ง
อาคาชิไม่พอใจเท่าไรนัก เพราะถ้าค่ายฝึกรับคุโรโกะขึ้นมาก็จะไม่ได้ฝึกกับเขาเหมือนก่อน แต่พอคุโรโกะไปที่ค่ายวันนั้นก็ไม่กลับมา “รึว่าจะรับ?”
คิดว่าทางค่ายรับคุโรโกะแต่อาคาชิกลับสังหรณ์ใจแปลกๆ จู่ๆก็เกิดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล “เกิดอะไรขึ้น!?” เงือกหนุ่มผมแดงร้อนใจเป็นห่วง
ครีบสีอ่อนลีบบางสะบัดว่ายไปอย่างไร้จุดหมาย คุโรโกะกลับมาจากค่ายแล้ว พวกเขาปฏิเสธ นั่นอาจจะไม่ทำให้เขาเสียใจเท่าคำพูดต่อมา
“นายนี่ตื้อจริงๆ!ดูสารรูปตัวเองบ้างสิ!เงือกไม่ปกติอย่างนายยังไงก็ไม่มีวันเข้าไปได้หรอกน่า!!” คุโรโกะช็อกหลังจากหัวหน้าค่ายพูดอย่างหัวเสีย
‘ไม่ปกติ’ คำนี้ราวกับบดขยี้หัวใจเขาทั้งเป็น ความปวดร้าวที่หัวใจดวงเล็กไม่อาจจะแบกรับได้ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา “ฮึก..ฮึก..เงือกไม่ปกติ?”
“ผมไม่ปกติแปลว่าจะพยายามก็เป็นไปไม่ได้งั้นหรอ?” ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตาไหลออกมาจากเบ้าแดงก่ำซบลงกับฝ่ามือร้องไห้ออกมาในที่ที่ไม่มีใคร
เขาพยายามมากยิ่งกว่าใคร ทำหรับเงือกอ่อนแอเช่นเขามารับการฝึกของอาคาชิก็สาหัสแล้ว แต่พอได้ส่งตอบแทนมาแบบนี้เหมือนกับว่าที่ทุ้มเทไปมันไร้ค่า
ทั้งคำดูถูก คำสบประมาทและเสียหัวเราะเยาะหรือแม้กระทั่งสายตาที่มองมาราวกับจะบอกว่าเขาแปลกแยก ทุกอย่างมันมันกัดกินหัวใจที่อ่อนแอ
ใบหน้าจืดชืดติดหวานเงยมองคลื่นน้ำวนที่อยู่เบื้องหน้า นี่แหละคือสิ่งที่เขาตั้งเป้าหมาย มันเป็นเป้าหมายที่จะทำให้ได้เอาชนะปมด้อยของตัวเอง
‘มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า!!’ ประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหัวให้ตอกย้ำจนช้ำใจ คุโรโกะก้มมองครีบสีเจือจางของตัวเองด้วยความผิดหวัง “ทำไมผมต้องมีมัน”
“ไอ้ครีบหางอ่อนแอพรรค์เนี้ย!!” มือเล็กกำหมัดทุบหางตัวเองจนบวมช้ำ ที่น้ำตาไหลไม่ใช่เพราะเจ็บหาง แต่มันเจ็บอยู่ในนี้..ในอกข้างซ้าย “พอกันที”
“ผมไม่อยากฟังอะไรที่ทำร้ายตัวเองอีกแล้ว!!” เพียงความคิดชั่ววูบผลักดันให้ครีบหางสีฟ้าขับเคลื่อนร่างให้พุ่งเข้าไปในน้ำวนที่หมุนเชี่ยว
คุโรโกะว่ายเข้าไปในน้ำวน เพิ่งได้สัมผัสกับความรุนเเรงของคลื่นยักษ์ก็วันนี้ มันรุนแรงมาก ร่างกายอ่อนแอขยับไม่ได้เพียงแต่ปล่อยไปตามกระแสน้ำ
“ผมมันก็ไม่มีทางทำได้จริงๆนั่นแหละ..” สติค่อยๆดับวูบไปพร้อมกับเเรงคลื่นที่จะพัดเขาให้สลายไป “กำลังจะตายแล้ว..นั่นคือสิ่งเดียวที่รู้” แต่..หมับ!
ดวงตาสีฟ้าที่กำลังจะปิดกลับเบิกโพล่งเมื่อข้อมือถูกฉุดกระชาก ครีบหางสีแดงทับทิมเช่นเดียวกับสีผมเป็นเอกลักษณ์ ผู้เดียวที่ว่ายผ่านคลื่นน้ำวนได้
“อาคาชิคุง..” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกนามอีกฝ่ายในเวลาที่ร่างกำลังจะถูกคลื่นพัดพาไปกลับถูกดึงกลับมาอยู่ในอ้อมแขนแกร่งที่อบอุ่น “นายกำลังท้าทายฉันหรอ”
เสียงเย็นเยือกทำเอาคุโรโกะถึงกับเสียวสันหลัง และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่ออาคาชิใช้แรงทั้งหมดที่มีเหวี่ยงร่างบอบบางออกไปนอกคลื่นน้ำวน
โครม!!! แผ่นหลังกระแทกหินเข้าอย่างแรงจนร้องไม่มีเสียง อาคาชิจงใจเหวี่ยงคุโรโกะออกมากระเเทกหินก่อนเงือกผมแดงจะว่ายตามออกมา “ตลกรึไง!!!”
ปึก!! มือหนาเรียวแหลมคว้าจับลำคอมของอีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียวแล้วออกแรงบีบไม่ปราณี “ฆ่าตัวตาย!!เพราะคำพูดจะไอ้คนไม่รู้อะไรพรรค์นั้น!!ไอ้โง่!!”
“อะ..คาชิคุง..ผม..เจ็บ” แรงมหาศาลของอาคาชิแทบทำเขาหมดแล้วหายใจในเวลาอันรวดเร็ว เขากำลังโกรธและน่ากลัวมากในตอนนี้ “ฉันฝึกให้นายมาตั้งเกือบปี!!!”
“พอมาวันนี้นายจะมาทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆแบบนี้หรอ!!!” เสียงอาคาชิตะคอกใส่คุโรโกะ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ต่อให้เป็นคนที่รักตอนนี้ก็หยุดไม่อยู่
“นายลืมฉันไปแล้วรึไงคุโรโกะ!!” ตุบ! อาคาชิยอมปล่อยมือให้ร่างที่บอบช้ำตกลงบนปะการังได้ตักตวงลมหายใจ ก่อนร่างใหญ่กว่าทรุดลงมาสวมกอดแน่น “อาคา..”
“ทำไมไม่นึกถึงคนที่เหลืออยู่บ้าง..นายไม่นึกถึงฉันเลย” เสียงที่ตะวาดใส่เมื่อครู่เปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงกระซิบที่พูดออกมาด้วยความกลัว “คนที่ให้กำลังใจนาย คนที่บอกนายให้พยายามมันไม่มีเลยหรอ นายถึงคิดจะตาย” ใบหน้าหล่อเหลาซบลงกับบ่าของคุโรโกะที่ยังอึ้งและเพิ่งคิดได้ ‘ทำไมเรามันบ้าขนาดนี้’
“ผมขอโทษครับ..” คุโรโกะตอบสั้นๆ ไม่ได้สนใจครีบที่ถูกคลื่นซัดจนฉีกขาดหรือลำคอที่ปวดระบมเพราะแรงบีบแต่ก็ถูกลืมไปหมด “ห้ามทำแบบนี้อีกนะ”
“ถึงที่ค่ายจะไม่รับแต่ฉันก็จะฝึกให้นายเข้าใจไหม” คุโรโกะพยักหน้าให้คำสัญญาจะไม่ทำแบบนี้อีก หลังจากนั้นกลับมาฝึกเหมือนเดิม อาคาชิก็ให้กำลังใจ
บอกเสมอว่ามันต้องเป็นไปได้ เหมือนทุกครั้งที่อาคาชิพูดจะเป็นการเติมแรงใจให้พยายามต่อ แต่ความเร็วไม่เพิ่มขึ้นเลย ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
แม้แต่อาคาชิยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม แถมหลังๆมานี่พวกคิเสะก็จับได้ว่าคุโรโกะวูบบ่อยๆ “คุโรโกะ มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย!” คากามิว่ายมาพยุงไว้ทัน
“ผมไม่เป็นไรครับ ก็แค่เหนื่อย” คุโรโกะเป็นลมตอนกำลังเลี้ยงลูกปู แต่คากามิกับคิเสะมาเห็นเลยต้องโดนสอบสวนว่าไปทำอะไร เกิดอะไรขึ้นทำไมร่างกายทรุด
แต่สุดท้ายคุโรโกะไม่ยอมบอกกลัวโดนห้ามไม่ให้ไปฝึกกับอาคาชิ แต่เพราะคิเสะกับคากามิเป็นห่วงกลัวเป็นอะไร เลยเอาเรื่องไปปรึกษาพ่อแม่คุโรโกะ
ตุบ! นามิโระทำเปลือกหอยหลุดมือพอได้ยินว่าสิ่งที่กลัวที่สุดมาถึงเร็วกว่าที่คิด ภรรยานั่งร้องไห้หนักเสียใจที่สุด “ทำไมมันมาถึงเร็วขนาดนี่ล่ะคุณ”
“ลูกของเรายังอายุน้อยแท้ๆ ฮือ..” เงือกสาวโผกอดสามีที่เจ็บปวดไม่แพ้เธอ คิเสะกับคากามิที่ยืนมองก็สงสัย “มันเรื่องอะไรกับครับ!!”คากามิร้องถาม
“อย่างที่รู้ว่าเท็ตสึยะเกิดมาDNAผิดพลาด เขาไม่ใช่แค่ร่างกายอ่อนแอกว่าคนอื่น แต่มันทำให้เขาอายุสั้น หมอเคยบอกว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาจะตาย”
คาสึมะเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด พยายามทำใจว่ายังไงก็ต้องเสียลูกไป แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ สองเงือกหนุ่มเพื่อนลูกชายที่มาฟังก็ใจเสีย
“คุโรโกจจิ..” คิเสะเม้มปากกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพื่อนของเขากำลังจะตายในไม่ช้านี้ ร่างกายเขาเริ่มทรุดลงแล้ว “ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะครับ!!”
“คุโรโกะแค่อายุ22เอง!!”คากามิลุกขึ้นถาม “อาจจะเป็นเพราะ..การฝึกของเขากับอาคาชิทำให้ร่างกายต้องใช้แรงมาก เพราะการฝึกทำให้เวลาชีวิตลดลง” คาสึมะตอบ
คิเสะกับคากามิไม่รู้มาก่อนว่าทุกครั้งตกเย็นคุโรโกะหายไปไหน ที่แท้ไปฝึกกับอาคาชิทำให้ตายไวขึ้น ทั้งสองคนเจ็บใจที่รู้ช้าไป ไม่งั้นคงห้ามแล้ว
คุโรโกะแอบฟังอยู่หน้าถ้ำด้วยดวงตาว่างเปล่ารู้หมดแล้วว่าความลับที่พ่อแม่ไม่ยอมบอกคืออะไร ที่แท้เขาก็กำลังจะตาย แต่ความตายไม่ได้ทำให้เขาเสียใจ
แต่เสียใจที่ต้องจากคนบางคนไปมากกว่า ส่วนเรื่องที่จะว่ายเข้าคลื่นน้ำวนนั้นเป็นเรื่องรอง จู่ๆน้ำตาก็ไหล ภาพของอาคาชิวนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ
ทุกช่วงเวลาและความทรงจำย้อนกลับมาเหมือนสมองรู้เวลาของมันว่าไม่นานก็จะไม่ได้เห็นภาพนี้อีก คุโรโกะว่ายไปหาอาคาชิที่จุดนัด “ทำไมวันนี้มาเร็ว..”
“คุโรโกะ!?” ร่างเล็กกว่าพุ่งเข้ากอดอาคาชิแล้วร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ “นายเป็นอะไรบอกฉันสิ” เงือกผมแดงลูบแผ่นหลังปลอบคนกำลังร้องไห้แล้วกระซิบถาม
“อาคาชิคุง..ฮึก..ผมกำลังจะตายครับ” เงือกสีฟ้าร้องห่มร้องไห้ซบบ่ากว้างของเงือกตนแรกที่ว่ายผ่านคลื่นน้ำวน “ว่าไงนะ..นายกำลังโกหกฉันแน่ๆ!!”
“ฮึก..ฮือ ผมพูดความจริง” คุโรโกะเล่าให้ฟังว่าไปได้ยินอะไรมา ปลาหมอที่ทำคลอดให้ตรวจร่างกายของเขาตั้งแต่เด็ก ถึงเวลาเขาต้องตาย อาคาชิรับไม่ได้
“มันไม่มีทางรักษาเลยหรอ!!” ชายผมแดงโวยวาย เขาหลัวเหลือเกินว่าจะเสียคุโรโกะไปทั้งที่ครั้งก่อนก็รอดมาแล้วแต่อีกไม่นานก็จะต้องมาตายจริงๆ
คุโรโกะส่ายหน้า “มันเป็นเพราะร่างกายผมอ่อนแอเกินไป” อาคาชิช็อกมากนี่เขาจะเสียคนรักไปจริงๆ? “เพราะผมอยู่ได้ไม่นาน ผมก็อยากอยู่กับอาคาชิคุง”
เวลาเหลือไม่มาก คุโรโกะขอใช้มันไปกับอาคาชิและครอบครัว ทุกคนต่างก็เริ่มเตรียมใจว่าไม่นานจะเสียคนสำคัญ อาคาชิเล่าเรื่องนี้ให้มิโดริมะฟัง
หมอหนุ่มได้ฟังแล้วก็หดหู่ตาม “ไม่น่าเป็นแบบนี้เลยนะ” เขาบอกกับอาคาชิที่หลังจากนั้นก็ขอตัวกลับ “เออนี่อาคาชิ” มิโดริมะเรียก ชายผมแดงหยุดว่ายหันมา
“อะไรหรอ?” คิ้วเรียวเลิกสูงสงสัยว่าเรียกทำไม แต่พอหันไปมิโดริมะก็อึกอักเหมือนจะพูด “เอ่อ..ฉันเสียใจด้วยนะ” ชายผมเขียวกล่าว “อา..ขอบใจนะ ฉันไปล่ะ”
ครั้งแรกเลยของมิโดริมะที่เห็นเพื่อนเครียดมากขนาดนี้ ถึงอาคาชิจะไม่ใช่คนเเสดงออกมากแต่รู้จักกันมานานก็ดูออกไม่ยาก สักพักใครคนหนึ่งเข้ามา “ใคร?”
“คุณหมอครับ..” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นพร้อมร่างจืดจางหางบอบบางที่คุ้นเคยที่ได้เห็นมิโดริมะถึงกับเลิกคิ้ว “คุโรโกะ?” คิดว่าคงแอบเข้ามาตอนอาคาชิไปแล้ว
อาคาชิพาเงือกหนุ่มผมฟ้าที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาอยู่ปากทางน้ำวน วันนี้ร่างกายของคุโรโกะทรุดหนักกว่าทุกวัน ไม่เหลือแล้วเค้าเดิมที่เคยเป็น
ทั้งพ่อแม่ คิเสะและคากามิรวมถึงหมอมิโดริมะก็มาที่นี่ ทุกคนมีสีหน้าไม่ต่างกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุโรโกะจะได้มีชีวิต นามิโระร้องไห้ฟูมหาย
มองสภาพร่างกายของลูกชายทั้งน้ำตาที่เปรียบเสมือนเลือดจากอกที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด เช่นเดียวกับคิเสะ,คากามิที่พยายามซ่อนความรู้สึกเเสนเจ็บปวด
นอกจากมิโดริมะแล้วก็คืออาคาชิที่ไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา ใบหน้าของเขานิ่งเรียบไม่สามารถรู้ได้เลยว่าข้างในนั้นกำลังกลั้นน้ำตา “พร้อมไหมคุโรโกะ”
ใบหน้าหล่อคมคลี่ยิ้มบางให้ชายผมฟ้าที่ต้องประคองอยู่ตลอดเวลา แค่จะขยับปากพูดออกมาสักคำยังยาก ทำไมมันรู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกมันถูกบีบเเน่น..
“ผมพร้อมครับ..” เสียงที่เคยสดใสนั้นตอนนี้แหบพร่าไร้เรี่ยวเเรง แต่ถึงอย่างนั้นคุโรโกะก็ยังยิ้มให้ ยิ้มที่เหมือนคนไม่เสียใจที่จะต้องตาย
ตลอดเวลาที่อาคาชิพยุงร่างเขาก็รู้ตัวตลอดว่าร่างกายที่แข็งแกร่งข้างๆนั้นสั่นเพียงใด อาคาชิกำลังเสียใจมากแค่ไหนรู้ดี และมันก็คงไม่ต่างจากเขา
หลังจากที่กลับออกมาแล้วเขาก็คงไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว คงไม่รู้แล้วว่าทุกคนจะร้องไห้ คงไม่รู้ว่าอาคาชิจะกอดเขาเอาไว้หรือไม่ตอนที่ไม่เหลือลมหายใจ
แต่ถึงตอนนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องการอีกแล้ว.. “ไปกันเถอะครับอาคาชิคุง” คุโรโกะหันมาบอกด้อยสีหน้าที่ฝืนยิ้มแย้มออกมา “อืม..” ชายผมแดงพยักหน้า
ก่อนอ้อมแขนแกร่งที่สั่นระริกจะโอบกอดร่างเล็กเอาไว้แล้วพาว่ายเข้าไปในคลื่นน้ำวน คลื่นยักษ์หมุนเชียวที่เงือกอ่อนแออย่างคุโรโกะ เท็ตสึยะใฝ่ฝัน
เคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้วตอนที่คิดสั้นจะฆ่าตัวตาย นี่คือครั้งแรกที่ไห้เห็นมันอย่างเต็มตาพร้อมกับคนรัก อยู่ในอ้อมกอดที่เเสนอุ่นครั้งสุดท้าย..
สองร่างที่ฝ่าผ่านกระเเสคลื่นใกล้มาถึงทางออก ดวงตาทั้งสองคู่สบกันแล้วส่งยิ้มให้กันก่อนที่แสงสว่างจากปลายทางจะสว่างจ้าแล้วว่ายพ้นออกมา
“ที่นี่ไงคุโรโกะ..”ปลายทางของน้ำวน อาคาชิกระซิบบอกกับเงือกครีบบางที่ได้เห็นอีกฝากของความใฝ่ฝัน “นายมาถึงแล้วนะ..เห็นไหม” เสียงของอาคาชิเริ่มสั่น
“ผมเห็นครับ..มันสวยมาก..ฮึก” น้ำตาแห่งความยินดีหลั่งไหลจากดวงตาสีสวยอ่อนล้าคล้ายจะปิดลงแต่ก็ยังฝืนมองความงดงามของทะเลเทย์โควที่อุดมสมบูรณ์
พืชพรรณไม้น้ำหลากสีกับแนวปะการังที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็น มันเป็นภาพที่น่าจดจำ คุโรโกะดีใจที่ได้เห็นมันเป็นภาพสุดท้ายก่อนตาย “ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณจริงๆ อาคาชิทำให้ความฝันของผมเป็นจริง” คุโรโกะหันกลับมาหาคนรักด้วยรอยยิ้มและน้ำตา อาคาชิพยักหน้ายิ้มตอบ “ฉันยินดีเสมอถ้าเป็นนาย”
แขนแกร่งที่ประคองแผ่นหลังของคุโรโกะเริ่มมีน้ำหนักทิ้งลงมา เงือกครีบบางเริ่มเอนกายลงในขณะที่สบตากับอีกฝ่าย แม้ในเวลานี้รอยยิ้มก็ยังไม่จางหาย
“อาคาชิคุง..ผมรักคุณ” เสียงกระซิบแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตาหยดสุดท้ายไหลออกมาจากหางตา เป็นสัญญาณบอกอาคาชิให้ได้รู้ ก่อนเปลือกตาจะปิดลง
และการรับรู้ทั้งหมดของร่างกายจะดับวูบไป เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน.. “ฉันก็รักนาย”
“ฮึก..” เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว ในตอนนี้ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่อาจกลั้นได้ “ฮึก..ฮึก ฮือ..” ใบหน้าคมซุกกับพวงแก้มขาวซีดของร่างไร้วิญญาณ “ฉันรักนาย..”
“ฉันรักนายคุโรโกะ ฉันรักนาย..ฮึก..ฮึก..” เสียงอาคาชิแทบฟังไม่เป็นภาษา เขาพร่ำบอกรักกับคนที่ตายไปแล้ว บอกทุกสิ่งที่ตลอดมาไม่เคยได้พูด
กลับได้มาพูดในวันสุดท้ายที่คุโรโกะได้ฟังเพียงแค่ครั้งเดียวทั้งที่เขาอยากจะบอกตั้งมากมาย “ฮึก..ทำไมนายต้องจากฉันไปเร็วแบบนี้!! ฮึก..ทำไม..”
อาคาชิกอดร่างกายที่เย็นเฉียบเอาไว้ให้แน่นที่สุดและนานที่สุด กอดสุดท้ายที่เขาจะได้กอด..มีเพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น..
ทุกคนที่รออยู่ที่ทางเข้าคลื่นน้ำวนรู้ดีว่าอีกฝ่ายหนึ่งที่พวกเขาไม่ได้เห็นนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนถึงตอนนี้คุโรโกะก็คงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะพ่อแม่ คิเสะหรือกระทั่งคากามิก็ทนกลั้นน้ำตาไม่ได้แล้ว เมื่อเห็นอาคาชิกอดร่างคุโรโกะว่ายสวนกระแสน้ำออกมา เงือกครีบบางไม่ขยับตัวแล้ว
เขาหลับอย่างสงบที่สุดแล้ว..ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรอีก “ฮึก..คุโรโกจจิ” เงือกสีทองเสียงสั่นเครือสะอึกสะอื้นเห็นร่างไร้ดวงจิตของเพื่อนรัก
อาคาชินิ่งเงียบไม่พูดอะไรแต่ยังไม่คลายอ้อมกอด มิโดริมะที่ไม่แสดงความรู้สึก มองดวงตาแดงก่ำของเพื่อนชายก็ดูออกว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
“คุโรโกะมีความสุขที่สุดก่อนตาย..” เขาพูดบอกกับทุกคนที่เสียใจกับเรื่องนี้โดยเฉพาะพ่อแม่.. “ผมทำดีที่สุดได้เท่านี้ ขอโทษที่ผมทำให้อายุเขาสั้นลง”
อาคาชิเม้มปากรู้สึกผิด ที่เขาฝึกให้คุโรโกะกลายเป็นว่าเขานี่แหละทำให้คนรักต้องมาจากไปเร็วขนาดนี้ “ฉันขอโทษคุโรโกะ..ฉัน..” “ตรงกันข้ามตังหากครับ”
อาคาชิตาโตไม่ต่างกับทุกคนที่ร้องไห้อยู่ก็ต้องหยุด เมื่อเสียงจากคนคิดว่าที่ตายไปแล้วกลับพูดขึ้นมาอีกตาคมสีแดงเบิกกว่างมองคุโรโกะที่ค่อยๆลืมตา
“หึๆ” ทุกคนหันมองหมอมิโดริมะเนียนทำเป็นดันแว่นซ่อนสีหน้าแต่เสียงหัวเราะดันหลุดออกมา “หมายความว่าไง!!” ทุกคนโวยวายแต่ก็ดีใจจนถึงกับอดยิ้มไม่ได้
“คุโรโกะ..นี่นายหลอกฉัน?. อาคาชิมองคนในอ้อมกอดด้วยสีหน้าตกตะลึง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มขำ “แล้วไม่ดีใจหรอครับ..” ทุกคำพูดของอาคาชิที่บอกเขาก่อนหน้า
คุโรโกะได้ยินมันทั้งหมดและรับรู้ทุกอย่างทุกความรู้สึกของอาคาชิ ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน.. ถึงอาคาชิจะเจ็บใจที่โดนหลอกแต่ก็.. “ดีใจสิ..ดีใจที่สุด”
ครั้งนั้นที่คุโรโกะไปหามิโดริมะ “คุณหมอครับ ผลตรวจผมเป็นยังไง..” คุโรโกะว่ายเข้ามาถามหลังจากก่อนหน้านี้เขาแอบมาหามิโดริมะให้ช่วยเช็ดร่างกาย
“ร่างกายของนายไม่ได้อ่อนแออย่างเมื่อก่อนแล้ว เพราะการฝึกของอาคาชิทำให้นายเเข็งเเรงขึ้น นายไม่ตายหรอก สบายใจได้” มิโดริมะบอกนึกถึงตอนอาคาชิมา
เห็นเพื่อนเครียดขนาดนั้นเขาเกือบหลุดบอกที่ตกลงกับคุโรโกะไว้ว่าจะไม่บอกอาคาชิ คิดอยู่แล้วว่าอาคาชิจะโดนหลอกและทุกอย่างก็จะเป็นแบบนี้
“ล่าสุดได้ข่าวว่าความเร็วของนายไม่เพิ่มขึ้นมันก็ไม่แปลกนะ ร่างกายของนายขีดจำกัดแค่นี้ มันคงมากกว่านี้ไม่ได้ และจะพูดตรงๆว่านายเข้าไปไม่ได้หรอก”
“ในน้ำวนนั้นมันเกินกว่าหางของนายจะทนได้” พูดจบคุโรโกะพยักหน้าเข้าใจ ยังไงเขาก็ไม่มีทางว่ายเข้าคลื่นน้ำวนได้ จึงใช้อาคาชิพาเขาเข้าไปในนั้นแทน
ที่แกล้งทำเป็นร่างกายทรุดโทรมนั้นก็คือละครเพื่อให้ทุกคนเชื่อ จริงๆเขาปกติดีแค่อาจจะมีไข้บ้างนิดหน่อยเท่านั้น เพราะเกิดจากการฝึกที่หนักพอตัว
“คุโรโกจจิทำไมทำเงี้ย!!” “ใช่!นายไม่รู้สึกไงว่าพวกเราใจหายมากแค่ไหนที่คิดว่านายตาย!!” เพื่อนทั้งสองคนกระหน่ำคำต่อว่าสารพัดจนคุโรโกะได้ฟังก็หูชา
แต่พอหันไปทางพ่อแม่พวกทันกลับยิ้มดีใจไม่คิดจะโกรธแม้แต่น้อย ลูกชายเพียงคนเดียวไม่ได้ตายจากไปก็ดีใจมากแล้ว ถึงจะสร้างเรื่องให้ตกใจแทบแย่ก็ตาม
นายทำฉันเจ็บแสบมากคุโรโกะ อาคาชิจ้องเขม็งทำคุโรโกะถึงกับสะท้อนกลัวสายตาดุๆนั่น หลังจากเล่าทั้งหมดให้ทุกคนฟังก็มานั่งคุยกับอาคาชิเพียงสองคน
“แต่ผมก็ไม่ตายนี่ครับ” เงือกครีบบางเบือนหน้าหนีเลี่ยงการสบตาอาคาชิ แต่อีกฝ่ายกลับว่ายอ้อมหลังมาประจันหน้า “ฉันเสียใจแค่ไหนรู้บ้างไหม!” “รู้สิครับ”
“ตอนที่อาคาชิคุงกอดผมแล้วร้องไห้ตอนนั้นผมก็รู้ครับ” คุโรโกะคลี่ยิ้มบางยอมสบตาอีกฝ่าย แววตาแบบนั้นทำให้สีหน้าดุๆนั่นโอนอ่อนลงขึ้นมาทันใด
“ครั้งเเรกเลยนะครับที่ผมได้เห็นสีหน้าที่แสดงความรู้สึกทั้งหมดของคุณ” อาคาชิแกมแก้มประหม่า คุโรโกะรู้เห็นหน้าที่เหมือนคนบ้าของอาคาชิในตอนนั้น “เฮ้อ”
“ยังไงฉันก็โกรธนายไม่ลงจริงๆนะ พอเห็นดวงตาของนายเปิดขึ้นมาอีกครั้งมันก็ลืมทุกอย่างเลยล่ะ” หนุ่มผมแดงถอนหายใจโล่ง “แล้วนายเล่าให้ใครฟังรึยังล่ะ”
“ไม่ครับ ผมคิดว่าจะไม่เล่าให้คิเสะคุงกับคากามิคุงฟังเรื่องของเราหรอก” “ทำไมล่ะ?” คิ้วเข้มเลิกสูงเอ่ยถาม เห็นสนิทกันนึกว่าจะเล่าให้ฟังซะอีก
“ก็ความรักของผมกับอาคาชิคุงน่ะ ถ้าจะให้อธิบายเป็นคำพูดมันคงยากเกินไปน่ะครับ” พูดจบคุโรโกะก็จูงมืออาคาชิว่ายไปที่ปากทางเข้าคลื่นน้ำวนอีก
ทั้งสองหยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าเหมือนตอนที่อาคาชิพาเข้าไป ใบหน้าจืดหันกลับมาแล้วว่ายเข้าไปกอดอาคาชิ “เก็บทุกเรื่องราวเอาไว้แค่เราสองคนเถอะครับ”
สองร่างที่กอดกันตรงทางเข้าคลื่นยักษ์ส่งยิ้มให้กันอย่างหวานซึ้ง “ทุกเรื่องราวนั้นจะรู้เพียงเราสองเท่านั้นสินะ” อาคาชิทวนคำพูดแสดงว่าเห็นชอบกัน
“ไปกันเถอะ..” อาคาชิโอบกอดร่างเล็กไว้แน่นแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในคลื่นยักษ์ที่ไหลเชียว สู่อีกดินแดนหนึ่งที่อยู่อีกฝากกำลังรอคอยพวกเขาอยู่
End.
จบบทที่ 3 ค่ะแดงดำที่ทุกคนรอคอย เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าครกตายจริง แต่ไม่หรอก ดี้ไม่ทำร้ายคนอ่านขนาดนั้น บอกเลยตอนเขียวในทวิตเตอร์นี่เปิดเพลงไปร้องไห้ไปพิมพ์ไป ฟิลตอนนั้นคือมาจริงๆ ฟลว.ที่ตามอันอยู่ตอนนั้นเมนชั่นทิ้งรอยน้ำตากันเกลื่อน
จบบริบูรณ์แล้วค่ะ Series ความรักของหนุ่มเงือก.
ความคิดเห็น