คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Fic Attack on Titan ] Levi x Eren + Mikasa : Ambition 1
Ambition
Part #1
หลังจากวันคัดตัว เอเลน เยเกอร์ได้ถูกผู้กำกับพิคซิสเลือกให้มาเป็นนางแบบคนใหม่ประจำแบรนด์‘Fashion Lenza’ ทำให้วงการบันเทิงถึงกับต้องฮือฮาว่าทำไมแม่นางเอเลน เยเกอร์คนนี้ถึงได้รับเลือกเพียงแค่คนเดียวทั้งๆที่มีสาวสวยหุ่นดีคนอื่นรอคัดเลือกถึงเพียง 50 คน ถึงแม้บางคนจะสวยกว่าเธอด้วยซ้ำไป ทำให้เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับนางแบบสาวหน้าใหม่ที่ถูกคัดจากมือของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่างพิคซิส ว่ายัดเงินบ้าง ยอมให้หลับนอนด้วยหรือแม้กระทั่งมีความสัมพันธ์ลับๆกับพิคซิส แต่ตอนหลังผู้กำกับพิคซิสซึ่งตกเป็นข่าวก็มาแก้แถลงการข่าวเสียใหม่ด้วยเหตุผลที่ทำให้นักข่าวต้องเงียบกริบ
“สาเหตุที่ผมเลือกเอเลน เยเกอร์เป็นเพราะเธอเป็นคนที่มีความสวยงามที่เป็นของจริงและไม่เคยผ่านการศัลยกรรมใดๆเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามารับการคัดเลือกจากผม พวกเธอไม่มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแถมยังมีใบหน้าที่คล้ายกันแทบทุกคนอีกด้วย แล้วอย่างนี้จะให้ผมเลือกคนที่มีแต่ซิลิโคนทั่วร่างกายได้ยังไง....”
เอเลน เยเกอร์หลุดจากเสียงวิภาควิจารณ์ของเหล่าบรรดานักข่าวและได้เข้ามาทำงานให้กับบริษัท ‘Lenza’ซึ่งชื่อของบริษัทตั้งตามชื่อตามตระกูลของเจ้าของบริษัทคือคุณ “คริสต้า เลนส์” ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นเลนซ่าด้วยอีกด้วย ถึงเธอเป็นดีไซน์เนอร์ที่ยังอายุน้อยก็ตามแต่มีความสามารถและไอเดียที่บรรเจิดยิ่งกว่าดีไซน์เนอร์รุ่นเก่าหลายคน มีหัวด้านการดีไซน์เสื้อผ้าที่หลากหลายแนวและแปลกใหม่ดูทันสมัย ด้วยนิสัยที่น่ารักเป็นมิตรและห่วงใยคนอื่นเสมอทำให้ไม่แปลกที่จะเป็นที่รักของทุกคนในบริษัทเลนซ่ารวมถึงเอเลนด้วยเช่นกัน
งานเดินแบบโปรโมทเสื้อผ้าครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นเลนซ่าในโปรเจค ‘Lolita Design’ ทำให้เป็นที่โด่งดังไปทั่วเมื่อได้เห็นสไตล์ดีไซน์ของแบรนด์เลนซ่าที่ช่างสวยงามเปี่ยมไปด้วยจินตนาการบรรเจิดยิ่งกว่าใครและใส่ได้ทุกเพศทุกวัยถูกออกแบบมามาอย่างดีมีหลายรูปแบบสามารถเลือกให้เข้ากับรูปร่างของตัวเองได้ บวกกับได้นางแบบสาวสวยหุ่นดีเอเลนมาเดินแบบในชุดฟินนาเล่ยิ่งทำให้ดูน่าสวมใส่เข้าไปใหญ่ จึงเป็นการสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับบริษัทเลนซ่าและในไม่ช้าเอเลนก็ได้กลายเป็นนางแบบยอดนิยมที่บริษัทอื่นก็ต่างติดต่อขอยืมตัวไปเดินแบบเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองด้วยค่าตัวแสนแพง
ในเวลา 1 ปีต่อมาเอเลนมีอายุ 22 ปีและเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศเนื่องจากหนังสือคอเลคชั่นแทบทุกแบรนด์อย่างน้อยต้องมีรูปของเธอเป็นการโปรโมททำให้ไม่แปลกที่จะเป็นที่รู้จัก ความสวยงามของเธอเป็นทีตรึงตาตรึงใจช่างภาพและผู้ที่ได้พบเห็น แม้ครั้งแรกที่พวกสไตล์ลิสเห็นข้อมูลของเธอครั้งแรกก็แอบผวากับน้ำหนักของเธอเล็กน้อย แต่เมื่อได้เห็นตัวจริงก็ค่อยๆเข้าใจทีละนิด ตั้งแต่หน้าอกคัพ D ที่มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัม กับด้วยที่เอเลนเป็นคนกระดูกใหญ่ทำให้เป็นอุปสรรค์ในการหาไซต์เสื้อมาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าอะไรก็ล้นอกล้นสะโพกไปเสียหมด ถึงแม้สะโพกกว้างมากแต่กลับดูสมส่วน มีทั้งความเซ็กซี่และความน่ารักอยู่ในตัวทำให้บางครั้งยังแอบมีพวกโรคจิตโทรมาขอหลับนอนกับเธอด้วยราคาเป็นแสนๆ แต่คนที่วางศักดิ์ศรีของตัวเองไว้บนหิ้งอย่างเอเลน เยเกอร์ไม่คิดจะหาเงินด้วยวิธีแบบนั้น เธอจึงต้องกดวางหูโทรศัพท์ทันทีที่ได้ยินคำติดต่อขอให้เธอขายบริการแต่ ก็ไม่รู้ว่าบรรดาคนที่เกลียดเธอหลายต่อหลายคนไปเอามาจากไหนว่าเธอฉีดนั่นฉีดนี่ เสริมอกยืดกระดูกรวมถึงการใช้เสน่ห์ยั่วยุให้นักธุรกิจดังๆให้ส่งเสริมในเรื่องการงานของเธอเพื่อหวังก้าวหน้าในชื่อเสียงมากขึ้น
.
.
.
ก๊อก... ก๊อก...
“คุณคริสต้า ฉันเข้าไปได้ไหมคะ”
“อาร์มินหรอ เข้ามาสิจ๊ะ” เสียงหวานตอบกลับเป็นการอนุญาตให้คนที่ยืนเคาะประตูอยู่ด้านนอกห้องทำงานของเธอเข้ามาก่อนจะก้มหน้าก้มตาจับดินสอเขียนเค้าโครงแบบการดีไซน์เสื้อผ้าชุดใหม่
ปึก...
หญิงสาวร่างบางชื่อว่า ‘อาร์มิน’เปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าของบริษัทแล้วเดินเข้ามาด้วยชุดไปรเวทสีสว่างพร้อมเอกสารที่ถูกหนีบรองไว้ด้วยคลิปบอร์ดสีดำบางๆหญิงสาวเรือนผมสีทองสว่างยาวคลอเคลียคอระหงหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ลูกล้อหน้าโต๊ะทำงานของคริสต้าก่อนจะยื่นเอกสารในมือให้กับเจ้านายที่กำลังง่วนอยู่กับการดีไซน์เสื้อผ้าโปรเจคใหม่
“หืมนี่อะไรหรอคะ..” คริสต้ายักคิ้วสงสัยพลางเอื้อมมือหยิบเอกสารตรงหน้ามาอ่าน “เมื่อครู่นี้ผู้กำกับพิคซิสติดต่อมา ว่าอยากให้เอเลนไปถ่ายแบบคู่กับคุณรีไวล์ที่เป็นนักแสดงชื่อดังน่ะค่ะ” อาร์มินยิ้มแป้นด้วยความปิติยินดี เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เอเลนจะได้ถ่ายแบบคู่กับนักแสดงชายที่เป็นที่นิยมกันมาหลายปีอย่าง ‘รีไวล์’ ชายหนุ่มวัย 37 ปีที่ไม่ว่าจะรับบทแบบไหนก็เล่นได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครถึงแม้จะไม่ค่อยแสดงออกทางใบหน้าก็ตาม ทำให้ไม่ว่าละครเรื่องไหนที่ได้เป็นพระเอกก็ดังเป็นพลุแตกไปเสียทุกเรื่อง ทำให้เหล่าบรรดาสาวจิ้นที่คิดอยากจับคนดังมาจิ้นกันก็อดไม่ได้ที่จะอวยคู่พระเอกรีไวล์กับนางแบบสาวสุดสวยอย่างเอเลนถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะยังไม่เคยเจอหน้าหรือรวมงานกันสักครั้งก็ตามที
กระแสคู่จิ้นคนดังประจำปีที่ออกมาปรากฏเลขอันดับหนึ่งเป็นรีไวล์กันเอเลน ผู้กำกับปัญญาเฉียบแหลมอย่างพิคซิสมีความคิดสร้างชื่อเสียงของทั้งสองด้วยการที่จะจับมาถ่ายแบบคู่กันซึ่งคงไม่ยากเท่าไรเพราะรีไวล์เองก็เป็นนักแสดงในค่ายของเขา แต่เสื้อผ้าที่ใช้ในการถ่ายแบบมาจะต้องมาจากแบรนด์แฟชั่นเลนซ่าเท่านั้น ไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ คนอย่างพิคซิสไม่ใช่คนที่คิดจะทำอะไรสักอย่างให้ออกมาเพียงแค่น้ำจิ้ม แต่มันจะต้องเป็นอะไรที่มากกว่านั้น จึงส่งเอกสารขอตัวเอเลนมาร่วมแสดงภาพยนตร์รักดราม่าโรแมนติกที่ชื่อว่า
“Please hear me”
“โห! เรื่องจริงหรอคะเนี่ย นี่มันภาพยนตร์ที่ออกข่าวว่าจะถ่ายทำโดยที่ยังไม่เปิดเผยนักแสดงที่จะได้รับบทนี่คะ”
คริสต้าตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อได้อ่านเอกสารจากอาร์มินแต่ก็รู้สึกยินดีอย่างมากที่เอเลนจะได้โด่งดังขึ้นไปอีกก้าวอาร์มินเห็นท่าทีดีใจของคริสต้าก็คงอดถามความเห็นของเธอเสียไม่ได้แต่สิ่งที่ผู้เป็นเจ้านายตอบกลับมาก็คือ “ดีสิอาร์มิน เอเลนนี่โชคดีจังเลยนะคะงั้นเดี๋ยวฉันจะเซ็นเอกสารนี้เลย เอ..เดี๋ยวก่อนนะแล้วอาร์มินบอกเรื่องนี้กับเอเลนรึยังล่ะ..” คริสต้าชะงักเล็กน้อยเนื่องจากลืมนึกถึงเจ้าตัวนางแบบไป ดวงตาสีฟ้ากลมโตของดีไซน์เนอร์วัยเยาว์สะท้อนหญิงสาวผู้จัดการอีกคนผู้มีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันราวกับฝาแฝด
“ยังเลยค่ะ ฉันคิดว่ามาบอกคุณคริสต้าแล้วค่อยไปบอกเอเลน แต่ว่าตอนนี้เอเลนยังติดคิวถ่ายแบบอยู่เลย” อาร์มินยิ้มแห้งๆก่อนจะค่อยๆใช้แขนดันโต๊ะให้ยืนขึ้นช้าๆ “ถ้าอย่างงั้น ฉันขอตัวไปหาเอเลนก่อนนะคะ” อาร์มินพูดกับคริสต้าพร้อมทั้งสีหน้ายิ้มแย้มดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาผู้พบเห็น “เหนื่อยหน่อยนะอาร์มิน งานผู้จัดการก็ต้องวิ่งไปวิ่งมาอย่างนี้แหละ ยิ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเอเลนแล้วยิ่งหนักเลยนะ ฮะๆๆ” ดีไซน์เนอร์สาวฉีกยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเบาๆ พูดถึงการทำงานของอาร์มินที่วิ่งเข้าวิ่งออกบริษัททั้งวันเป็นว่าเล่น ด้วยงานของเอเลนที่คิวแน่นจนแทบจะไม่ค่อยได้มีเวลาพัก ก็ทำให้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างอาร์มินเหนื่อยตามไปด้วย
“นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ เพราะมันเป็นงานที่ฉันรัก”ดวงตาสีฟ้ากลมโตของผู้จัดการสาวตวัดหันมายิ้มให้คริสต้าก่อนจะค่อยๆหมุดตัวเดินตรงไปที่ประตูห้อง แต่ทันทีที่จะเอื้อมแตะประตูกระจกใสบานใหญ่ก็มีอีกร่างหนึ่งเดินสวนมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารปึกหนาอย่างกะทันหันจนเกือบจะชนกัน “อุ้ย! คุณเลขาฯแอนนี่ ข..ขอโทษค่ะ” ผู้จัดการสาวกล่าวขอโทษขอโพยให้กลับคนที่ตัวเล็กกว่าแต่มีใบหน้าที่ดุดันยิ่งกว่าใคร แต่พอใบหน้าหวานเงยขึ้นมาสบตาของ ‘แอนนี่’ ผู้ซึ่งเป็นเลขานุการของคริสต้าก็ทำให้ต้องก้มหน้าหลบทันที
สายตาฉายแววอาฆาตที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันกังไงยังงั้น
“เดินดูตาม้าตาเรือซะบ้างสิ!!” น้ำเสียงหนักเอ่ยทำเอาอาร์มินต้องสะดุ้งตกใจก่อนกล่าวขอโทษอีกครั้งเพราะรู้ดีว่าเธอคนนี้เกลียดขี้หน้าเอเลนเพื่อนของเธอเข้าไส้ทำให้พาลเกลียดเธอไปด้วยอีกคน แอนนี่มองอาร์มินด้วยหางตาฉายแววขุ่นเคืองก่อนจะเดินสะบัดก้นไปหาคริสต้าที่นั่งทำงานอยู่ด้านใน
น่ากลัวจัง...
เจ้าของบริษัทนั่งมุ่นคิ้วสงสัยบนเก้าอี้ลูกล้อตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานแล้วทอดสายตาไปที่เลขานุการเชิงปราม ร่างเล็กสะโอดสะองด้วยหน้าอกและสะโพกชัดเจนเดินเข้ามาแล้ววางเอกสารในมือลงข้างโต๊ะทำงานของเจ้านาย “เอกสารที่ส่งได้แล้วค่ะ” แอนนี่พูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น พลางมือเรียวพลิกเปิดเอกสารหน้าสำคัญ ในตอนนั้นกลับรู้สึกได้ว่าคริสต้ากำลังส่งสายตาบางอย่าง ทำให้หญิงสาวต้องสะบัดหันไปมอง “แต่เดินชนนิดหน่อยเอง ทำไมต้องดุอาร์มินด้วยล่ะค่ะ” คริสต้าบึ้งปากถามทั้งท่านั่งกอดอก ทำให้เลขาฯคนสนิทต้องถอนหายใจแรงๆก่อนตอบ “ก็ยัยนั่นเดินไม่ดูทางจริงๆนี่คะ” น้ำเสียงเยือกเย็นขวนขนลุกบวกกับนิ้วเรียวที่พยายามลูบเรือนผมสีทองาสว่างที่ปรกดวงตาข้างขวาไว้ไม่ให้ใครเห็น
คริสต้าเห็นอย่างนั้นรู้สึกรำคาญใจแทนที่เอาผมข้างนั้นปกปิดตาไว้ตลอดเวลา ดูรกหูรกตาจะตายไปแต่แอนนี่ก็ไม่เคยเปิดดวงตาข้างขวาให้เธอเห็นสักครั้งถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันมานานก็ตามที ครั้งเมื่อยามสายลมพัดปลิวมา เธอก็จะยกมือทาบเส้นผมเอาไว้ใม่ให้ถูกพัดปลิวไปตามกระแสลม แม้จะเคยถามว่าทำไม แต่สิ่งเดียวที่เพื่อนเลขาสาวเยือกเย็นตอบกลับมาก็คือ ‘ฉันไม่อยากให้ใครเห็น มันสิ่งที่ย้ำเตือนอดีตอันน่าสมเพชของฉัน’ หลังจากสิ้นคำตอบนั้นคริสต้าก็ไม่กล้าที่จะถามเธออีกเลย
“ช่างเถอะๆ นี่แอนนี่รู้รึยังคะว่าเอเลนจะได้ไปถ่ายแบบแล้วก็แสดงภาพยนตร์คู่กับคุณรีไวล์แล้วนะ” คริสต้าเอ่ยทั้งสีหน้าดีใจจนลุกขึ้นกระโดโลดเต้น แต่มันกลับทำให้คนตรงหน้ารู้สึกฉุนกึกที่จมูกจนถึงกับเบ้ปากออกมา “ชิ! ไปใช้มารยาท่าไหนทำให้คุณพิคซิสช่วยเหลืออีกล่ะ..” แอนนี่กอดอกให้แขนอรชรทับหน้าอกใหญ่แล้วพ่นลมหายใจซึ่งแสดงออกว่าไม่ยินดียินร้ายกับความโชคดีของเอเลนที่กำลังจะโด่งดังขึ้นไปอีก
คงทำใจให้ยินดีไม่ได้เพราะเธอนั้นเหม็นขี้หน้าแม่นางแบบที่โชคช่วยทำให้ได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ในสายตาของแอนนี่มองเอเลนเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆที่เอาแต่ใช้ความสวยงามและเล่ห์มายาทำให้คนรอบข้างหลงใหลก็เท่านั้น ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าดึงดูดซักนิด ก็เลยพาลทำให้เกลียดอาร์มินเพื่อนสนิทที่คอยยกยอปอปั้นเอเลนซะเกินหน้าเกินตาไปด้วย
“โถ่...ไม่เอาน่าแอนนี่ ทำไมต้องอคติกับเอเลนขนาดนี้ด้วยล่ะคะ” “ไม่รู้ล่ะค่ะ ยังไงฉันก็ไม่ชอบแม่นั่น ชอบทำตัวเป็นผู้หญิงสวยสง่าเป็นนางงามจักรวาล ทั้งที่ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ตัวเองยังไงไม่รู้..” แอนนี่พูดกระแทกเสียงต่อหน้าเจ้านาย ซึ่งคริสต้าเองก็จนเอือมระอา ไม่รู้จะทำยังไงให้กับสองสาวนี้ดี แค่เจอกันเพียงเสี้ยววิก็เอาแต่ส่งสายตาเกลียดชังใส่กันจนเหมือนกับว่ามีประจุไฟฟ้าแทรกขึ้นระหว่างกันซะอย่างนั้น
.
.
“ห๊า!ให้ฉันไปรับบทแสดงภาพยนตร์เนี่ยนะ!!” หญิงสาวในชุดราตรีกระโปรงสั้นสีโอรส กระแทกสะโพกนั่งลงบนโซฟาผ้ากำมะหยี่ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการของเธอพูด
“ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะเอเลน เธอน่าจะดีใจนะ” อาร์มินมุ่นคิ้วสงสัย เมื่อมองสีหน้าของนางแบบสาวที่เหงื่อแตกพลักๆเหมือนหวั่นใจอะไรบางอย่างก็อดที่แปลกใจไม่ได้ ในใจพลางคิด ปกติเอเลนเป็นคนที่ออกจะมั่นใจแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ดูวิตกกังวลนัก “แต่ว่าฉัน...ไม่มีทักษะการแสดงเลยนะ” เอเลนเม้มปากแน่นเป็นเส้นแล้วก้มหน้าก้มตาย่นจมูกที่ติดเป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก แต่ก็ต้องถูกจับให้เชิดคางเงยหน้าขึ้นเติมแป้งแต่งหน้าเพิ่มและซับหยาดเหงื่อบนหน้าผาก ด้วยช่างแต่งหน้ามือโปรที่วิ่งกรูเข้ามาดูแลเอาใจใส่เธอ แต่มันกลับเป็นการสร้างความรำคาญเสียมากกว่า ทั้งที่เป็นเวลาพักแต่แทนที่จะได้ลุกไปเดินบ้างก็ไม่ได้
“โถ่เอ้ย..ก็นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก เอเลนน่ะเรียนรู้เร็วอยู่แล้วจะกลัวอะไรล่ะ ให้ท่านพิคซิสสอนให้แปปเดียว เดี๋ยวก็เป็น..” อาร์มินพูดปลอบพร้อมกับสายตาที่รำคาญแทนเพื่อนสาวที่กำลังถูกช่างแต่งหน้าจับทาลิปสติกทำให้ไม่สามารถอ้าปากพูดกับเธอได้ ในที่สุดช่างแต่งหน้าก็เดินออกไปแต่งหน้าในนางแบบคิวอื่นต่อปล่อยให้เอเลนนั่งคุยกับอาร์มินดีๆเสียที
“มันไม่ใช่แค่นั้นนะอาร์มิน ฉันไม่เคยถ่ายแบบคู่กับใครมาก่อนเลยนะ แล้วยัง..เป็นคุณรีไวล์ด้วย ฉ...ฉันไม่มั่นใจเลย” นางแบบคนสวยพูดงึมงำพร้อมทั้งใบหน้าแดงก่ำเมื่อพูดถึงพระเอกคนดังอย่างรีไวล์ที่เธอชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยเด็กๆที่เห็นในโทรทัศน์ ไม่นึกไม่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้มาทำงานร่วมกันซึ่งมันกลีบทำให้เธอประหม่าจนอาจจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็ได้
“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี… ฉันรู้นะว่าเธอคลั่งไคล้เขามากแค่ไหน แต่คนที่มั่นใจอย่างเธอควรจะดีใจมากกว่านะ” “ก็...ถ้าฉันต้องมารับบทเป็นนางเอกคู่กับเขา มันก็จะต้อง...” เอเลนลากเสียงยาวพยางค์สุดท้ายทำให้อาร์มินต้องเหงื่อตกลุ้นระทึกกับคำพูดต่อไปของหญิงสาวร่างสะโอดสะองในชุดกระโปรงสีโอรสที่จิกเนื้อผ้าแน่นจนแทบขาด
“โอ๊ย!!… มันก็ต้องมีฉากเลิฟซีนน่ะสิ!!” เอเลนดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเร็วพลันพร้อมยกมือเรียวป้องใบหน้าสาวที่แดงไปจนถึงใบหู พอนึกจินตนาการถึงฉากที่พระนางจะต้องใกล้ชิดกันก็ทำให้เกือบหลุดกรี๊ดออกมาเสียในตอนนั้นจนถึงอยากจะซอยเท้าถี่ๆ “อ...เอเลน! ใจเย็นๆหน่อยสิ หายใจเข้าลึกๆ ทำใจให้ร่มไว้...” อาร์มินยืนตามพร้อมจับแผ่นหลังของเพื่อนสาวที่สูงกว่าทำให้เอเลนค่อยๆตั้งสติสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วผ่อนออกมาพร้อมยกฝ่ามือทาบหน้าอกคัพ D ที่กระเพื่อมตามลมหายใจเข้าออก “ตื่นเต้นทีไรเป็นแบบนี้ทุกที ต่อหน้าคนอื่นเก็บนิสัยแก่นแก้วเกินกุลสตรีของเธอไว้หน่อยสิ” อาร์มินเดินมาประจันหน้าเอเลนจากด้านหลังแล้วกุมมือของเธอเอาไว้มั่น พลางดวงตาสีฟ้ากลมโตกลอกไปมารอบๆตัวที่เต็มไปด้วยเหล่าทีมงานรวมถึงช่างภาพที่กำลังยืนคุยกับผู้ช่วยคนอื่นๆ
“สง่าเอาไว้ สำรวมเอาไว้ ตอนนี้ฉันเป็นนางแบบแล้ว ไม่ใช่เอเลนเด็กผู้หญิงจอมซนที่วิ่งเล่นตากแดดตากลมไปวันๆอีกแล้ว” นางแบบสาวย้ำกับตัวเองในใจว่าตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กบ้านนอกที่วิ่งเล่นตามสวนข้าวโพดบนป่าเขาที่ทุรกันดารอีกแล้ว เธออุส่าห์ออกมาจากบ้านเกิดมองนอนแล้วอดทนปากกัดตีนถีบเพื่อที่จะได้มันเป็นนางแบบจนถึงทุกวันนี้จะไม่ยอมให้นิสัยเก่าๆของเธอมันย้อนกลับมาทำให้ทุกย่างพังทลายลงไปง่ายๆเด็ดขาด รวมทั้งหน้าที่สำคัญที่ต้องตามหาครอบครัวอีกคนของเธอที่พลัดพรากและหายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ลืมตาดูโลก
พี่สาวของฉัน...
หญิงสาวผู้เกิดก่อนเธอเพียงแค่ 6 ปีที่จากหายไปจากครอบครัว ที่ก่อนหน้านี้อยู่อาศัยที่ชานเมืองหลวง สถานะพออยู่พอกิน ใช้ชีวิตไปวันๆกับไร่กันสวนที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษที่แสนสุข แต่มันก็พังทลายไปเพราะพวกคนต่ำช้าเห็นแก่ตัวที่พรากคนในครอบครัวของเธอจนเกือบจะหมดสิ้น รวมถึงพ่อที่ถูกยิงตาย และพี่สาวที่ถูกพรากไป ทั้งหมดนี้เธอไม่ได้ประสบกับตัวแต่ได้รู้จากปากแม่ของเธอที่ในปัจจุบันต้องอพยพไปอยู่บนป่าเขาและขออาศัยทำงานแล้วข้าวแลกน้ำประทังชีวิตกับเจ้าสัวไร่ข้าวโพด และมีความสุขไปวันๆกับการที่ได้ทำงานเป็นคนงานเก็บข้าวโพดในสวนและเลี้ยงดูเธอไปด้วย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่แม่ต้องการจริงๆ ภายในดวงตาของแม่มีแต่ความเศร้าหมองอยู่ลึกๆ เพียงสิ่งเดียวแม่ต้องการคือที่จะได้เห็นหน้าลูกสาวอีกคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทำให้เธอต้องออกมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเพื่อตามหาพี่สาวของเธอคนนั้นที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันแม้สักครั้ง ถึงแม้ว่าความหวังที่ริบหรี่ไม่มีท่าทีว่าจะคืบคลานมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มก็ตาม
“ตกลงอาร์มิน ฉันจะรับงานนี้...” เสียงหวานของเอเลนที่ตอบกลับมาทำให้อาร์มินต้องยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยังไม่ได้ทันจะพูดอะไรผู้กำกับก็ตะโกนเรียกคิวเอเลนมาแต่ไกล ทำให้นางแบบสาวค่าตัวแพงอย่างเธอต้องโบกมือลาต้องเดินไปเข้าสตูดิโอถ่ายแบบต่อดั่งเดิม แต่อาร์มินก็ยังไม่ลืมที่จะส่งสายตาเชิงให้กำลังใจเป็นการทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากพื้นที่นั้นเพื่อทำงานของตัวเองต่อ
.
.
.
บริษัทเลนซ่าเซ็นต์สัญญาอนุญาตให้ตัวเอเลนกับทางค่ายของพิคซิส ทำให้เป็นไปตามที่พิคซิสคาดเอาไว้ว่ายังไงทางบริษัทเลนซ่าก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เอเลนจะได้ถ่ายแบบคู่กับดาราดังอย่างรีไวล์ ซึ่งเป็นคู่จิ้นของเธอที่เหล่าบรรดาแฟนๆเฝ้ารอคอยเห็นรูปของทั้งสองคนขึ้นปกหนังสือนิตยสาร ในตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงเรื่องเดียวก็คือเจ้าตัวพระเอกนั้นยังไม่ได้รับรู้เรื่องนี้เลย…
“เอเลน เยเกอร์งั้นหรอ? คนไหนน่ะ..” เสียงทุ้มเรียนเอ่ยทั่งนอนกระดิกเท้าบนโซฟาผ้าหนังสีดำคลาสสิคในบ้านของตัวเอง กับขนมขบเคี้ยวในมือที่ยัดเข้าปากเป็นกำๆดูน่าอร่อย “ห๊า!!! รีไวล์...นี่นายไม่รู้จักเธอคนนั้นจริงๆหรอเนี่ย ทั้งๆที่กระแสข่าวคู่จิ้นของนายขึ้นเป็นอันดับหนึ่งเลยนะ!!!”หญิงสาวผมสีน้ำตาลมันรวบสูงเอ่ยเสียงดังด้วยความตกใจก่อนจะขยับแว่นทรงกลมบนสันจมูกให้สูงขึ้น เสียงแหลมดังแสบหูจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ที่ด้านหน้าโซฟาทำเอาชายหนุ่มสูงวัยตวัดสายตาเรียวคมมามองด้วยความหงุดหงิด “โฮ่ย..จะเสียงดังทำไม เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคนไม่ติดตามข่าวพรรณนี้นี่..” ชายหนุ่มร่างกำยำบนโซฟาพ่นลมหายใจหงุดหงิดก่อนจะยัดแผนมันฝรั่งทอดกรอบใส่ปากเคี้ยวกรุบๆแล้วกลืนลงคออย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้ยินข่าวจากผู้จัดการส่วนตัว ว่าต้องไปเล่นภาพยนตร์เรื่องใหญ่แล้วก็ถ่ายแบบคู่กับนางแบบคู่จิ้นที่ชื่อเอเลน เยเกอร์ แทนที่จะรีบฟิตเรื่องกายเตรียมพร้อมเข้าสตูดิโอ แต่กลับนิ่งเฉย ตรงกันข้ามคือการที่หยิบขนมขนเคี้ยวที่มีแต่ไขมันมานั่งกินอย่างสบายใจ
พรึ่บ!!!
ผู้จัดการสาวฉวยคว้าหยิบถุงขนมซองโตในมือว่าไว้ในมือพลัน แล้วส่งสายตาเชิงปราม “เฮ้ย!! ฮันซี่เอาคืนมา!!!” เสียงทุ้มเอ่ยแล้วลุกขึ้น มือแกร่งเอื้อมมือจะไปคว้าเอาถุงขนมคืน แต่ผู้จัดการ ‘ฮันซี่’ กลับยกถุงขนมสูงเหนือหัวจนสุดแขนแล้วโยนลงถังขยะไป สร้างความไม่พอใจให้กับรีไวล์อย่างมาก “ทำอะไรของเธอยัยบ๊อง!!” ชายหนุ่มตวาดใส่ ใบหน้าหล่อเหลาส่งสายตาดุดันให้แก่ผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆที่บังอาจมาโยนขนมที่โปรดปรานลงถังขยะทั้งที่ยังเหลืออยู่เต็มถุง
“รู้ว่ากำลังจะต้องขึ้นปกนิตยสารอยู่แล้วทำไมยังไม่รีบไปเข้าฟิตเนสอีกห๊ะ!! กินเข้าไปเหอะ!! ไอ้ขนมพวกเนี้ย!! ตั้งแต่เล็กจนโตเลย ถึงได้เตี้ย!!อย่างงี้ไง..” ประโยคสุดท้ายแทงใจดำบวกกับลงเสียงหนักคำว่า เตี้ย!!ทำให้รีไวล์ถึงกับต้องกัดฟันกรอดด้วยความโกรธสุดขีด “แล้วทำไมยัยสี่ตา!!! เธอเป็นผู้จัดการหรือว่าแม่ฉันกันแน่!!!” ดวงตาสีเทาดูดุดันว่าที่เคยทำเอาฮันซี่สะดุ้งตกใจหวดหวั่นสายตานั้นทำให้ต้องยืนห่อไหล่ราวกับว่าตัวเล็กลงยังไงยังงั้น
“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะครับ ทั้งสองคน” เสียงทุ้มนุ่มนวลดังมาตั้งแต่หัวบันไดทางด้านหลังชักสายตาของสองสหายให้หันมามองร่างสูงใหญ่ที่เดินลงมาจากบันไดพร้อมกับใบหน้าคมหล่อเหลารับกับดวงตาเรียวยาวสีนิลล้อด้วยผมสีดำสนิทยางยาวเคลียต้นคอ ในชุดสูรสีดำเรียบร้อยทุกระเบียดนิ้วเหลือเพียงเนคไทที่เจ้าตัวยังพยายามผูกอย่างใจเย็น
ขนาดแต่งตัวอยู่บนห้องที่อยู่ชั้น3ยังได้ยินเสียงของทั้งสองคนชัดเจนจนต้องเดินลงมาดู
“จะไปไหนแต่เช้าล่ะมิคาสะ” หญิงสาวถามพลางแขนข้างซ้ายท้าวสะเอวทำหน้าบูดอารมณ์เสียเล็กน้อย “จะออกไปบริษัทน่ะครับเห็นว่าจะมีพ่อค้ารายใหญ่คนหนึ่งจะมาขอดูเพชรของผมน่ะครับน่ะครับ แล้ว...กำลังทะเลาะอะไรกันอีกล่ะครับ ไม่เบื่อบ้างหรอ” “ก็ดูอาของเธอสิมิคาสะ ขนาดรู้ตัวว่ากำลังจะต้องไปถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารยังจะกินขนมที่มีแต่ไขมันอยู่ได้ แทนที่ควรไปออกกำลังกายฟิตกล้ามเนื้อแท้ๆ เนอะ.. จริงไหมมิคาสะ” ฮันซี่ส่งสาตาเชิงออกความเห็นไปที่หนุ่มหล่อเหลาเจ้าของชื่อ ‘มิคาสะ’ ผู้เป็นหลานชายของรีไวล์ที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างโซฟา “อ...เอ่อ จริงๆแล้วที่คุณฮันซี่พูดมันก็ถูกนะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของผมสีนิลวัย 24 ปี ตอบตะกุกตะกักลำบากใจ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะเข้าข้างใครแต่ที่แม่ผู้จัดการสาวของคุณอาดันพูดถูกเสียนี่
รีไวล์สะบัดหน้าไปทางอื่นเพราะด้วยอารมณ์หงุดหงิดขึ้นๆลงๆของคนมีอายุก่อนตะกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบหนังสือนิตยสารจากโต๊ะดื่มกาแฟข้างๆมาเปิดดู มือหนาพลิกหน้ากระดาษไปมาจนเปิดมาถึงหน้าเกี่ยวกับคอเลคชั่นเสื้อผ้าแต่ละแบรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม “คนไหนล่ะ เอเลน เยเกอร์น่ะ...” รีไวล์กางหน้าหนังสือออกบนโต๊ะให้ฮันซี่เห็นแล้วชี้ตัวนางแบบคู่จิ้นของเขาแม้จากที่เขามองผ่านๆแล้วยังไม่มีนางแบบคนไหนสะดุดตาสักคน ทำเอาชายหนุ่มวันย่างเข้าเลขสี่คนนี้แอบผิดหวังเล็กน้อย
หญิงสาวทอดมองผ่านแว่นแก้วใสมายังหนังสือคอเลคชั่นนางแบบของแบรนด์ยอดนิยมก็ทำให้ต้องขมวดคิ้ว“เปิดหน้าไหนของนายกัน ...หน้านี้มีเอเลนที่ไหนล่ะ” ฮันซี่พูดพร้อมพลิกหน้ากระดาษหน้าอื่นดูเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่เคยเห็นตัวจริงก็ตามแต่คุณผู้กำกับพิคซิสก็ส่งรูปของเธอมาให้ดูบ้างเหมือนกัน ถึงจะเป็นแค่สองสามรูปเท่านั้น แต่ว่าเอเลนก็เป็นคนที่มีแรงดึงดูดและมีเค้าหน้าสวยเป็นเอกลักษณ์ไม่หน้าโหลเหมือนนางแบบหลายๆคนๆก็ทำให้ฮันซี่จำหน้าของเธอได้แม้จะได้มองเพียงครู่เดียว
“เอเลน เยเกอร์หรอครับ เอ...ผมเองก็เคยได้ยินชื่อมาบ้างเหมือนกัน แค่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย อาจจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยอ่านนิตยสารแฟชั่นด้วยล่ะมั้งครับ..” มิคาสะพูดพูดเปรยๆทั้งมือที่ง่วนอยู่กับเนคไทที่ยังผูกไม่เสร็จกับสายตาที่จ้องมองหนังสือในมือของฮันซี่โดยที่ได้ได้สนใจอะไรนัก “ฉันก็เหมือนกัน ฟังจากที่เธอพูดมาก็อยากจะรู้จริงๆว่าแม่คู่จิ้นของฉันเนี่ย จะสวยอย่างที่พูดรึเปล่า”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยส่งๆไปแล้วพ่นลมหายใจช้อนมองผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองที่ดูมีสีหน้าตั้งอกตั้งใจหารูปของนางแบบชื่อเอเลน เยเกอร์ในนิตยสารแฟชั่นที่เขาไม่เคยคิดจะแตะมันเพราะมีแต่เรื่องไร้สาระรวมข่าวอื้อฉาวไว้มากมายทั้งเรื่องจริงและไม่จริง มันน่าขยะแขยงยิ่งกว่าอะไรดี
“แหงสิ ฉันรับประกันเลยว่านายจะต้องพอใจแน่ๆ” รีไวล์ฟังอย่างงั้นก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้เพราะด้วยที่ฮันซี่น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าเขาไม่ใช่คนที่พอใจอะไรง่ายๆ หากผู้จัดการอย่างเธอกล้ารับประกัน แสดงว่าแม่คนนั้นจะต้องมีดี “โห...คุณฮันซี่พูดแบบนี้ทำเอาเริ่มอยากเห็นซะแล้วสิ” มิคาสะพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆที่ดูสนใจขึ้นมานิดหน่อยด้วยความคิดที่เหมือนกันรีไวล์ผู้เป็นอาว่าถ้ากล้าบอกว่ารีไวล์จะชอบแสดงว่าไม่ธรรมดา
“อ๊ะ!!! เจอแล้ว!!”
ใบหน้าทะเล้นสดใสของฮันซี่ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่พลิกกระดาษไปเจอหน้าหนึ่งเข้า ร่างสูงโปร่งทรุดนั่งลงหน้าโต๊ะดื่มกาแฟหน้าโซฟาที่รีไวล์นั่งอยู่แล้วกางหน้าหนังสือออกพร้อมใช้นิ้มชี้ไปที่นางแบบสาวร่างสูงในชุดแนวโลลิต้าที่แอบเผยหุ่นสะโอดสะองเต็มไปด้วยเนื้อหนังอวบอิ่มตั้งแต่เนินอกจนถึงสะโพกกลมกลึงที่ทำเอาสองดวงเนตรร่วมสายเลือดนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงยิ่งได้เห็นดวงตาสีเขียวมรกตกลมโตที่หายากในสมัยนี้นั้นก็ทำให้แววตาสองคู่เป็นประกายเข้าไปอีก
เหมือนตุ๊กตารูปปั้นไม่มีผิด...
“ค...คนนี้หรอครับ” มิคาสะพูดตะกุตะกักเล็กน้อยด้วยความทึ่งตรงกันข้ามกับรีไวล์ที่ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งทำหน้านิ่งเป็นศพอยู่อย่างนั้นแต่ภายในดวงตาดุดันเรียบนิ่งกลับสะท้อนใบหน้าของเอเลน เยเกอร์ในหน้าหนังสือนิตยสารไม่วางตาจนเพื่อนผู้จัดการที่สนิทสนมกันมานานอย่างฮันซี่จับสังเกตได้ พลางแอบกลั้วหัวเราะเอาไว้แต่ร่างกายกลับสั่นเบาๆทำให้มิคาสะนั้นดูออกได้โดยง่าย เขาถึงกับต้องยอมรับจากใจจริงว่านางแบบคนนี้มีแรงดึงดูดประหลาดแม้จะเป็นแค่ในรูปภาพก็ทำให้หัวใจเต้นรัวเบาๆแต่รู้สึกได้ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนนี้มาก่อนเลย
“เป็นยังไงล่ะรีไวล์ เป็นอย่างที่ฉันพูดไว้ไหม” ฮันซี่ส่สายตากรุ่มกริ่มให้รีไวล์แต่เจ้าตัวกลับเบือนหน้าหนีแล้วหมวดคิ้วทำหน้าดุเหมือนกับโกรธใครซะอย่างนั้น “ก็ไม่เลว..” คำตอบสั้นๆที่เรียบสนิท มันในโสตประสาทการรับฟังของฮันซี่มันบอกว่ารีไวล์กำลังรู้สึกเขินอายที่ถูกถามแบบนี้ ไม่ใช่แค่เขินอย่างเดียว ดวงตาสีน้ำตาลไหม้มองผ่านแว่นตาทรงกลมแลเห็นสีแดงบนใบหน้าหล่อเหลาที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกที่ปากบอกเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ในใจตอนนี้ก็คงกำลังปั่นป่วนน่าดู
“ไปกันเถอะฮันซี่..” ชายร่างเล็กแต่แข็งแรงกำยำกว่าใครลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมคว้ากุญแจรถที่แขนอยู่บนผนังบ้าน สร้างความฉงนให้แก่ผู้จัดการและหลานชาย “ไปไหนหรอ..” เสียงใสถามพร้อมดันตัวให้ลุกยืนตาม ดวงตาทะเล้นภายใต้เลนส์แว่นทอดมองยางแสงอาทิตย์สอดส่องมายังภายในบ้านบ่งบอกเวลาเช้าตรู่ที่เข็มนาฬิกาบอกเวลากึ่งเช้ากึ่งสายแต่ยิ่งกว่าอะไรคือร่างของเพื่อนชายที่เดินไปจับประตูรถหน้าบ้านส่งสายตาเรียบเฉยมาให้
“เธอบอกฉันเองไม่ใช่รึไง ว่าให้ไปเข้าฟิตเนสฟิตกล้ามเนื้อ... ถ้าอย่างงั้นก็รีบขึ้นรถสิ”รีไวล์พูดเสียงเข้มแฝงเขินอายเล็กน้อย ทำให้ฮันซี่ต้องหลุดหัวเราะเบาๆเพราะพอจะคาดเดาความคิดของรีไวล์ออกที่คงประมาณว่าอยากให้เอเลนเยเกอร์ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น หันไปโบกมือลาชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำยาวเคลียต้นคอก่อนจะเดินตามรีไวล์ไปขึ้นรถยนต์สีดำมันเงาสไตล์โฉบเฉียวหรูหราที่ซื้อมาด้วยราคาเป็นล้าน แล้วทิ้งหลานชายให้ยืนงงๆอยู่ในบ้าน
ทันทีที่รถถูกขับออกไป มิคาสะก็เบือนสายตากลับมามองที่รูปภาพของนางแบบสาวเอเลน เยเกอร์ที่ทำให้เขาหัวใจเต้นตึกตักแม้เพียงมองรูป มือหนาคว้าหยิบหนังสือนิตยสารมาไว้ในมือแล้วมองนิ่งๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุปากแบบางที่อบอุ่นแฝงเจ้าเล่ห์
“แล้วเจอกันนะครับ นางฟ้าของผม..”
..........................................................................................................................................................................
ตอนแรกออกมาแล้วคร๊าบท่าน คราวที่แล้วลงรูปคาแร็กเตอร์กันไป ขอเปลี่ยนการลงไหม่เป็นตอนหน้าแล้วกันนะ ที่ตอนเเรกบอกจะลงในหน้านั้นไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวหากันไม่เจอ เอาเป็นว่าวาดคุณรีกันคุณฮัน เสร็จแล้วมาแยกลงเลยละกัน มาพูดถึงในตอนนี้กันดีว่าค่ะ ว่าด้วยเรื่องที่เอเลนต้องตามหาคุณพี่สาวที่พรากจากไปซึ่งตรงนี้มินล์ให้เป็นปมไปนั่งเดากันเอาเองค่ะ ไม่ก็ท่านก้ติดตามฟิคนี้ต่อไป ฮาาา /// ฆ่าคนอ่าน ยังไงก็ฝากคอมมเม้นให้มินล์ด้วยนะคะ จะติจะชมหรืออะไรก็ได้ค่ะ เผื่อมินล์จะเอาไปเเก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ค่ะ ฝากรวมถึงฟิค Position อันเก่าด้วยนะ ฟิคนั้นก็ใกล้จะจบแล้วอีกไม่นานนี้แหละค่ะ ถ้ามินล์ไม่ดองน่ะนะ 5555
ความคิดเห็น