ทันตะมหิดล...ซิ่วที่เหนื่อยแต่คุ้ม - นิยาย ทันตะมหิดล...ซิ่วที่เหนื่อยแต่คุ้ม : Dek-D.com - Writer
×

    ทันตะมหิดล...ซิ่วที่เหนื่อยแต่คุ้ม

    โดย illusionsz

    สอบไม่ติด วันที่ฝันสลาย แต่มันก็สมควรอยู่ละ เพราะ ที่ฝันมึงสลาย ทุกอย่างมันเกิดจากตัวมึงเองทั้งนั้น หยุดร้องไห้ แล้ว ลงมืออ่านหนังสือสักที วิธีการเตรียมตัวสอบกสพท. 9วิชาสามัญ คติ กำลังใจยามท้อแท้

    ผู้เข้าชมรวม

    13,941

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    140

    ผู้เข้าชมรวม


    13.94K

    ความคิดเห็น


    19

    คนติดตาม


    75
    จำนวนตอน : 4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 มิ.ย. 61 / 23:28 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    INTRO จากเด็กซิ่ว...สู่ทันตะมหิดล


    ปล.สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปที่ด้านล่างสุด แล้ว 

    เลือกตอน ที่ 4 เส้นทางสู่ความฝัน ในนั้นจะมี 

    1) วิธีการอ่านหนังสือแบบที่ไม่ง่าย แต่ ก็ไม่เหนื่อยจนเกินไป 

    2)หนังสือที่พี่ใช้อ่าน

    3) แนวคิดที่ทำให้พี่คึก...จนอยากจะทำข้อสอบให้ได้





    ประวัติ ชีวิต โดยย่อ

       ช่วง ม.6 เป็นคนเรียนๆเล่นๆไม่จริงจัง ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน และไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ เอาเวลาไปเล่นเกมส์ ดูหนัง ดูซีรี่ จนสุดท้าย ก็สอบไม่ติด ไม่มีที่เรียน (เครียด ร้องไห้    มืด 8 ด้าน  ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากคุยกับใคร ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตเลยก็ว่าได้ มันตัน) เพราะ อาย (ฃ่วงนั้นมีแต่คนมาถามทั้งตัวเราแล้วก็พ่อแม่ว่าสอบติดไหน มันเลยยิ่งตอกย้ำจิตใจให้เรารู้สึกแย่ลงไปอีก ) เลยรู้สึกเสียใจโครตๆที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ที่ไม่ยอมตั้งใจเรียนตอน ม.6 ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่คงเลิกเล่นคอม เลิกทำทุกสิ่งที่มันทำให้พี่ต้องมาเจออะไรที่มันเลวร้ายแบบนี้ แล้ว ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้สอบติด (ตอนนั้นทำอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด เหมือนมีตราบาปติดตัวตลอดเวลา แถมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนไม่มีอนาคต ) 

    จนวันหนึ่ง รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างละ ไม่นั้นชีวิตก็คงเลงร้ายลงต่อไปเรื่อย ๆก็เลยพูดกับตัวเองเลยว่า

     "ที่ผ่านมาไม่ว่ากูจะทำอะไรเลวๆไว้ก็ ช่างแม่ง เสียใจเวทนาตัวเองไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ ต่อจากนี้ กูจะไม่มีวันเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระแบบนั้นอีก และ กูจะทำทุกวิธีทางให้กูสอบต ด "

    นับแต่ตอนนั้น พี่ก็ เลิกทำสิ่งอื่นที่เสียเวลา เลิกขี้เกียจ  เริ่มขยัน เริ่มอดทน เริ่มอ่านหนังสือ เริ่มทำโจทย์ 10 ข้อ 100 ข้อ 200 ข้อ จนรวมเป็นหมื่นข้อ สุดท้าย ประกาสผลสอบติดที่ๆดีที่สุด (มีความสุขฉิบหายวายว้อด) มีเวลาว่าง 6 เดือน (ทำอะไรก็มีความสุข โดนด่ายังมีความสุขเลย) 2 เดือนแรก ก็ทำสิ่งที่อยากทำจนเบื่อละ ( ดูหนัง ดูซีรี่ เล่นเกมส์ เล่นเฟส  เล่นดนตรี อ่านหนังสือการ์ตูน อ่านนิยาย คุยโทรศัพท์ เฮฮากับเพื่อน มีอะไรให้ทำ ทำหมด ) บอกตามตรงเลยสำหรับคนที่กำลังเครียดกับการอ่านหนังสือ หรือ คนที่กำลังจะเริ่มการอ่านหนังสืออยู่ ว่า ถึงมันจะเหนื่อยโครตๆ แต่แม่งก็คุ้มโครตๆเหมือนกัน !!!!

     " อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน อยากถึงฝั่งฝันต้องอดทน "

     

    ก่อนอื่นเลย ขอแจกเคล็ดวิชาที่ทำให้สอบติดก่อนเลยนะครับ....เผื่อไว้สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านเยอะ


    อย่างน้อยๆขอให้ทุกท่าน จำ 3 สิ่งสำคัญนี้ให้ขึ้นใจเลยนะครับ เพราะ 3 สิ่งคือ 3 สิ่งหลักๆที่จะทำให้พวกคุณทั้งหลายสอบติดในคณะที่คุณใฝ่ฝันแน่นอน( ผมรับประกัน...ถ้าคุณทำได้...คุณสอบติดแน่ )

    1) ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบออกไปให้หมด ( ปิดคอม ปิดมือถือ เลิกเล่นเฟส เลิกเล่นเกมส์ เลิกเที่ยว เลิกคุยโทรศัพท์ที่นานเป็น ชม.) เลิกทำทุกสิ่งนอกเหนือจาก การตื่นนอน กินข้าว อ่านหนังสือ  การออกกำลังกาย การเข้านอนแล้วฝันถึงความฝันที่อีกไม่นานมันกำลังจะกลายเป็นความจริง
               2) ทำโจทย์ให้ได้
    วันละ100 ข้อขึ้นไป จดข้อผิดพลาดลงในไดอารี่แล้วทวนมันทุกวัน และเขียนศัพท์ติดฝาผนังวันละ 40 คำ ( 1 แผ่น A4 )

    3) มีสติเสมออยู่กับสิ่งที่กำลังทำเสมอ ว่าเรากำลังอ่านหนังสือ อ่านเพื่อให้สอบติด จงมีสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือ























    อย่าเลื่อนลงนะ......ด้านล่างไม่มีอะไรละ

























    เอ้า...... ยังเลื่อนลงมาอยู่อีก.....










































    สวัสดีครับ

    พี่ชื่อ หมี นะครับ

    เป็นคนโง่เพราะขี้เกียจ ... อดีต เคยโง่ ปัจจุบัน น่าจะเลิกโง่ละ เพราะเลิกขี้เกียจ


    ดั่งคำกล่าวที่ว่า "อยาก ' เก่ง ' ต้องขยัน แต่ถ้า อยาก ' โง่ 'ต้องขี้เกียจ " 

    ถ้าตอนนี้น้องเป็นคนโง่แล้วอยากเก่งก็จงเลิกขี้เกียจ เลิกหาข้ออ้างแล้วลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำอย่างจริงจังซะ แล้ว ไม่นานเกินรอ.... น้องก็กลายเป็นคนเก่งคนนึง.... ที่ได้รางวัลจากการเอาชนะความขี้เกียจเป็น
           1) ตั๋ว 1 ใบสำหรับเข้าไปเรียนในคณะที่อยากเรียน
       2) เวลาพักผ่อนที่เอาไปทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ ( หลังจากอดทนจากการอ่านหนังสือมานาน ^^ )


    ปัจจุบัน รอเข้าเรียน ที่ ทันตะมหิดล ครับ 

               บทความนี้ เหมาะ กับทุกคนที่อยากสอบติดหมอฟัน....จริงๆคณะอื่นๆก็เอาไปประยุกต์ใช้ก็ได้( บอกไว้ก่อนเลยนะ คือ พี่ได้ 65.02 percent อาจจะไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ข้อมูลในบทความนี้มีประโยชน์แน่นอน )

              เหตุผลที่เขียนบทความนี้ เพราะ ปีก่อนไม่รู้ว่าจะแก้ไขความโง่กับความสิ้นหวังของตัวเองยังไงดี ตามหาในเน็ตก็มีแต่บทความที่คนเก่งๆเค้ามาแนะนำวิธีการกัน.....ซึ่งคะแนน กสพท.ของแต่ละคนก็ 70 เปอขึ้นกันหมดทุกคนเลยครับพี่ท่าน..... และวิธีการอ่านหนังสือของคนเก่งๆเหล่านั้นก็คือ อ่านตั้งแต่เช้าจนเลยหลังเที่ยงคืนไปเลย...ตื่นมาก็อ่านต่อ...ถือคติไม่กูก็หนังสือแหละที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง(แต่ก็นะ....วิธีใครวิธีมัน....ต้องลองใช้ด้วยตัวเองจะได้รู้ว่าโอกับเราเปล่า ) ..ถ้าพี่ทำตามพวกท่านๆทั้งหลาย...ร่างกายพี่คงรับไม่ไหว.....ก็เลยมาลองใช้การอ่านหนังสือแบบที่พี่คิดเอง....ที่พี่คิดว่าไม่เครียด....ไม่ฮาร์คอร์เกินไป....แต่ก็ไม่สบายเกินไป.....ตอนแรกก็ไม่รู้จะโอเคเปล่า.....แต่สุดท้ายก็เวิร์คว่ะ.....สอบติด....มีที่เรียน....Happy Ending


    ดังนั้น... ผมจึงอยากขอเล่าเพื่อให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ หลายๆคนที่จะสอบ กสพท. สามารถนำสิ่งที่ผมได้ลองมากับตัวผมเอง.... นำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด.... ทั้งข้อผิดพลาดที่ผมได้ทำพลาดไปสมัยที่หูตายังไม่สว่างยังเป็นบัวใต้โคลนตม... กำลังใจและคติที่ใช้เป็นสิ่งเยียวยาจิตใจขณะที่กำลังสิ้นหวังจมกองหนังสือ และ แนวทางในการเตรียมตัวสอบที่เป็นใบเบิกทางให้ผมสามารถนำไปใช้ฟาดฟันกับพวกเทพเจ้าในสนามสอบ....จนสุดท้าย...หลังจากที่เกือบจะสิ้นลมหายใจ...ผมก็ช่วงชิงที่นั่งมาได้ 1 ที่นั่ง.....1 ที่นั่งที่ที่ว่านั้นก็คือ ทันตะ มหิดล 


    โอเค กูโม้เยอะหล่ะ........เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

     

    *สำคัญ*


    1) พี่ไม่ได้เป็นคนที่เก่งมากมายอะไรขนาดได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกวิชาการ หรือไปแข่งขันระดับประเทศ ไม่ได้เป็นยอดมนุษย์หรือเทพเจ้าองค์ใดที่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ง่ายๆ แต่เป็นเพียงเด็กนักเรียน ม.ปลายทั่วไปที่ค่อนข้างโง่.... ที่ปีก่อนสอบไม่ติดในคณะที่ตัวเองใฝ่ฝัน.... ขมขื่นทุกข์ทนกับชีวิต แล้วก็พยายามดิ้นรนทำตามแผนการอ่านหนังสือที่ตอนแรกไม่รู้จะได้ผลเปล่า.... จนสุดท้าย ...มันเวิร์คหว่ะ......เลยมีที่เรียนกับเขาสักที

    2) พี่เป็นเด็กติดเกมส์.... ติดหนัง.... ติดซีรี่และก็ติด social network ค่อนข้างหนัก....  หลังจากเรียนเสร็จที่.... โรงเรียนหรือไม่ก็จากที่เรียนพิเศษ...  ถ้าพี่มีเวลาว่าง...  ก็จะเอาเวลาทั้งหมดไปเล่นเกมส์...ดูหนัง...ดูซีรี่จนดึก ( ไม่เคยคิดว่าต้องทวนหนังสือเลย ...แต่จะรอจนใกล้สอบจริงๆ ... ถึงจะมาอ่านสอบ เพราะ... ขี้เกียจสุดๆ ) เลยทำให้ตอน ม.6 พี่สอบไม่ติดทันตะ...แล้วกลายสภาพมาเป็นเด็กอีกกลุ่มนึงในสังคมที่สอบไม่ติดในคณะที่เราฝันไว้ และ ต้องการที่จะสอบใหม่ นั้นคือ เด็กซิ่ว ครับ

    3) พวกแนวข้อสอบหรือจำนวนข้อสอบว่ามีอะไรบ้าง....ถ้ามีบทความไหนที่เคยมีคนเขียนดีอยู่แล้ว....พี่ก็จะไม่เขียนเองนะ....พี่จะแปะลิ้งของบทความของรุ่นพี่เหล่านั้นไว้แทน

    4) พี่เลือกที่จะซิ่วอยู่ที่บ้าน แทน การซิ่วไปด้วยแล้วเรียนไปด้วย.....เพราะ.....ในเมื่อเราคิดว่า....หมอฟัน...น่าจะเป็นอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับแล้ว.....ดังนั้น....เราก็ควรที่จะทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีอยู่...ไปกับการทำตามความฝันดีกว่า....แทนที่จะมาเสียเวลากับการเรียนในคณะมันไม่ใช่กับตัวเรา ( แต่ยังไงก็ตาม....สิ่งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับไม่ว่ากัน )

     5) พี่ขอบอกไว้ตั้งแต่เริ่มต้นตรงนี้เลยนะครับ... ถ้าน้องกำลังมองหาวิธีการเตรียมสอบที่สบายๆไม่เหนื่อยไม่ต้องใช้ความอดทนก็สอบติด...บทความนี้ไม่มีอะไรทำนองนั้นแน่นอนครับ...เลิกพยายามมองหาได้เลย... เพราะ...บทความนี้...มีแต่คำพูดที่ตรงไปตรงมา...และค่อนข้างแรง...แต่...มันคือความจริงที่เราต้องเจอกับตัว...( ยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ สมมุติว่ามีนักเรียนอยู่ 2 คน...คือ นายขยัน กับ นายขี้เกียจ แล้วพี่ให้น้องเป็นคนคัดเลือกเด็กเข้ามหาลัยของน้อง... นายขยัน ใช้เวลาส่วนใหญ่ของทุกๆวันในการเตรียมตัวสอบ 6 เดือนเต็ม...ไม่เอาเวลาไปเล่นคอม ดูหนัง ดูซีรี่เลย ....ส่วนนายขี้เกียจ 4 เดือนแรกเอาเวลาส่วนใหญ่ไปเล่นคอม ดูหนัง ดูซีรี่...อ่านหนังสือบ้างเฉพาะตอนที่มีอารมณ์...แล้วมาอ่านจริงๆแค่ 2 เดือนก่อนสอบเท่านั้น...น้องลองคิดดูว่า...ใครสมควรที่จะสอบติดมากกว่ากัน.... มันเป็นสิ่งที่เห็นๆกันอยู่แล้วอะครับ....ว่าจะสอบให้ติดได้นั้น.....จะต้องอ่านมากๆหรืออ่านน้อยๆ)

      ดังนั้น... ถ้าคิดว่าโลกสวย หรือ... รับไม่ได้กับคำพูดที่เป็นความจริงคำไหนในบทความนี้... ก็ขอให้ปิดหน้าเว็บนี้ไปเลย...แล้วไปหาบทความอื่นอ่านแทนได้เลยครับ ...ไม่ว่ากัน

     

     


    บทความนี้แบ่งเป็น 4 ตอนนะ
    2 ตอนแรก เป็นตอนบ่มเพาะขัดเกลาจิตใจที่โสมมให้ใสบริสุทธิ์....พุธโธ ธรรมโม สังโฆ 5555
    ส่วน 2 ตอนหลัง เป็น วิธีการให้ได้มาซึ่ง 1 ที่นั่งในคณะที่เราเฝ้าใฝ่ฝันนนนนน ลุยยย +++
    1)  คน 3 แบบ ( นิสัยที่น้องควรมีเพื่อให้สอบติด )
    2) เด็ก 4 ประเภท (นิสัยที่น้องควรเลิกเพื่อให้สอบติด )
    3) สมควรแล้วที่สอบไม่ติด ( 3 สิ่งที่ไม่ควรทำตอนเตรียมตัวสอบ)
    4) เส้นทางสู่ความฝัน ( 5 สิ่งที่ทำตอนซิ่ว )



     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "นี้แหละคับคนจริง!!!"

    (แจ้งลบ)

    ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบ ... อ่านเพิ่มเติม

    ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบทความเรื่องราวดีๆมาให้พวกเราอ่านนะค้าบบบ   อ่านน้อยลง

    Sindhorn | 2 พ.ค. 59

    • 1

    • 0

    คำนิยมล่าสุด

    "นี้แหละคับคนจริง!!!"

    (แจ้งลบ)

    ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบ ... อ่านเพิ่มเติม

    ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบทความเรื่องราวดีๆมาให้พวกเราอ่านนะค้าบบบ   อ่านน้อยลง

    Sindhorn | 2 พ.ค. 59

    • 1

    • 0

    ความคิดเห็น