ทันตะมหิดล...ซิ่วที่เหนื่อยแต่คุ้ม
สอบไม่ติด วันที่ฝันสลาย แต่มันก็สมควรอยู่ละ เพราะ ที่ฝันมึงสลาย ทุกอย่างมันเกิดจากตัวมึงเองทั้งนั้น หยุดร้องไห้ แล้ว ลงมืออ่านหนังสือสักที วิธีการเตรียมตัวสอบกสพท. 9วิชาสามัญ คติ กำลังใจยามท้อแท้
ผู้เข้าชมรวม
14,802
ผู้เข้าชมเดือนนี้
48
ผู้เข้าชมรวม
เด็กซิ่ว กสพท 9วิชาสามัญ กำลังใจ หมอฟัน ความถนัดแพทย์ ความจริงที่โหดร้าย แอดมิชชั่น รับตรง Dek60 Dek59 Dek58 เครียด มหาลัย ม.ปลาย
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
INTRO จากเด็กซิ่ว...สู่ทันตะมหิดล
ปล.สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปที่ด้านล่างสุด แล้ว
เลือกตอน ที่ 4 เส้นทางสู่ความฝัน ในนั้นจะมี
1) วิธีการอ่านหนังสือแบบที่ไม่ง่าย แต่ ก็ไม่เหนื่อยจนเกินไป
2)หนังสือที่พี่ใช้อ่าน
3) แนวคิดที่ทำให้พี่คึก...จนอยากจะทำข้อสอบให้ได้
ประวัติ ชีวิต โดยย่อ
ช่วง ม.6 เป็นคนเรียนๆเล่นๆไม่จริงจัง ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน และไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ เอาเวลาไปเล่นเกมส์ ดูหนัง ดูซีรี่ จนสุดท้าย ก็สอบไม่ติด ไม่มีที่เรียน (เครียด ร้องไห้ มืด 8 ด้าน ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากคุยกับใคร ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตเลยก็ว่าได้ มันตัน) เพราะ อาย (ฃ่วงนั้นมีแต่คนมาถามทั้งตัวเราแล้วก็พ่อแม่ว่าสอบติดไหน มันเลยยิ่งตอกย้ำจิตใจให้เรารู้สึกแย่ลงไปอีก ) เลยรู้สึกเสียใจโครตๆที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ที่ไม่ยอมตั้งใจเรียนตอน ม.6 ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่คงเลิกเล่นคอม เลิกทำทุกสิ่งที่มันทำให้พี่ต้องมาเจออะไรที่มันเลวร้ายแบบนี้ แล้ว ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้สอบติด (ตอนนั้นทำอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด เหมือนมีตราบาปติดตัวตลอดเวลา แถมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนไม่มีอนาคต )
จนวันหนึ่ง รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างละ ไม่นั้นชีวิตก็คงเลงร้ายลงต่อไปเรื่อย ๆก็เลยพูดกับตัวเองเลยว่า
"ที่ผ่านมาไม่ว่ากูจะทำอะไรเลวๆไว้ก็ ช่างแม่ง เสียใจเวทนาตัวเองไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ ต่อจากนี้ กูจะไม่มีวันเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระแบบนั้นอีก และ กูจะทำทุกวิธีทางให้กูสอบต ด "
นับแต่ตอนนั้น พี่ก็ เลิกทำสิ่งอื่นที่เสียเวลา เลิกขี้เกียจ เริ่มขยัน เริ่มอดทน เริ่มอ่านหนังสือ เริ่มทำโจทย์ 10 ข้อ 100 ข้อ 200 ข้อ จนรวมเป็นหมื่นข้อ สุดท้าย ประกาสผลสอบติดที่ๆดีที่สุด (มีความสุขฉิบหายวายว้อด) มีเวลาว่าง 6 เดือน (ทำอะไรก็มีความสุข โดนด่ายังมีความสุขเลย) 2 เดือนแรก ก็ทำสิ่งที่อยากทำจนเบื่อละ ( ดูหนัง ดูซีรี่ เล่นเกมส์ เล่นเฟส เล่นดนตรี อ่านหนังสือการ์ตูน อ่านนิยาย คุยโทรศัพท์ เฮฮากับเพื่อน มีอะไรให้ทำ ทำหมด ) บอกตามตรงเลยสำหรับคนที่กำลังเครียดกับการอ่านหนังสือ หรือ คนที่กำลังจะเริ่มการอ่านหนังสืออยู่ ว่า ถึงมันจะเหนื่อยโครตๆ แต่แม่งก็คุ้มโครตๆเหมือนกัน !!!!
" อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน อยากถึงฝั่งฝันต้องอดทน "
ก่อนอื่นเลย ขอแจกเคล็ดวิชาที่ทำให้สอบติดก่อนเลยนะครับ....เผื่อไว้สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านเยอะ
อย่างน้อยๆขอให้ทุกท่าน จำ 3 สิ่งสำคัญนี้ให้ขึ้นใจเลยนะครับ เพราะ 3 สิ่งคือ 3 สิ่งหลักๆที่จะทำให้พวกคุณทั้งหลายสอบติดในคณะที่คุณใฝ่ฝันแน่นอน( ผมรับประกัน...ถ้าคุณทำได้...คุณสอบติดแน่ )
1) ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบออกไปให้หมด ( ปิดคอม ปิดมือถือ เลิกเล่นเฟส เลิกเล่นเกมส์ เลิกเที่ยว เลิกคุยโทรศัพท์ที่นานเป็น ชม.) เลิกทำทุกสิ่งนอกเหนือจาก การตื่นนอน กินข้าว อ่านหนังสือ การออกกำลังกาย การเข้านอนแล้วฝันถึงความฝันที่อีกไม่นานมันกำลังจะกลายเป็นความจริง
2) ทำโจทย์ให้ได้วันละ100 ข้อขึ้นไป จดข้อผิดพลาดลงในไดอารี่แล้วทวนมันทุกวัน และเขียนศัพท์ติดฝาผนังวันละ 40 คำ ( 1 แผ่น A4 )
3) มีสติเสมออยู่กับสิ่งที่กำลังทำเสมอ ว่าเรากำลังอ่านหนังสือ อ่านเพื่อให้สอบติด จงมีสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือ
อย่าเลื่อนลงนะ......ด้านล่างไม่มีอะไรละ
เอ้า...... ยังเลื่อนลงมาอยู่อีก.....
สวัสดีครับ
พี่ชื่อ หมี นะครับ
เป็นคนโง่เพราะขี้เกียจ ... อดีต เคยโง่ ปัจจุบัน น่าจะเลิกโง่ละ เพราะเลิกขี้เกียจ
ดั่งคำกล่าวที่ว่า "อยาก ' เก่ง ' ต้องขยัน แต่ถ้า อยาก ' โง่ 'ต้องขี้เกียจ "
ถ้าตอนนี้น้องเป็นคนโง่แล้วอยากเก่งก็จงเลิกขี้เกียจ เลิกหาข้ออ้างแล้วลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำอย่างจริงจังซะ แล้ว ไม่นานเกินรอ.... น้องก็กลายเป็นคนเก่งคนนึง.... ที่ได้รางวัลจากการเอาชนะความขี้เกียจเป็น
1) ตั๋ว 1 ใบสำหรับเข้าไปเรียนในคณะที่อยากเรียน
2) เวลาพักผ่อนที่เอาไปทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ ( หลังจากอดทนจากการอ่านหนังสือมานาน ^^ )
ปัจจุบัน
รอเข้าเรียน ที่ ทันตะมหิดล ครับ
บทความนี้ เหมาะ กับทุกคนที่อยากสอบติดหมอฟัน....จริงๆคณะอื่นๆก็เอาไปประยุกต์ใช้ก็ได้( บอกไว้ก่อนเลยนะ คือ พี่ได้ 65.02 percent อาจจะไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ข้อมูลในบทความนี้มีประโยชน์แน่นอน )
เหตุผลที่เขียนบทความนี้ เพราะ ปีก่อนไม่รู้ว่าจะแก้ไขความโง่กับความสิ้นหวังของตัวเองยังไงดี ตามหาในเน็ตก็มีแต่บทความที่คนเก่งๆเค้ามาแนะนำวิธีการกัน.....ซึ่งคะแนน กสพท.ของแต่ละคนก็ 70 เปอขึ้นกันหมดทุกคนเลยครับพี่ท่าน..... และวิธีการอ่านหนังสือของคนเก่งๆเหล่านั้นก็คือ อ่านตั้งแต่เช้าจนเลยหลังเที่ยงคืนไปเลย...ตื่นมาก็อ่านต่อ...ถือคติไม่กูก็หนังสือแหละที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง(แต่ก็นะ....วิธีใครวิธีมัน....ต้องลองใช้ด้วยตัวเองจะได้รู้ว่าโอกับเราเปล่า ) ..ถ้าพี่ทำตามพวกท่านๆทั้งหลาย...ร่างกายพี่คงรับไม่ไหว.....ก็เลยมาลองใช้การอ่านหนังสือแบบที่พี่คิดเอง....ที่พี่คิดว่าไม่เครียด....ไม่ฮาร์คอร์เกินไป....แต่ก็ไม่สบายเกินไป.....ตอนแรกก็ไม่รู้จะโอเคเปล่า.....แต่สุดท้ายก็เวิร์คว่ะ.....สอบติด....มีที่เรียน....Happy Ending
“ ดังนั้น...
ผมจึงอยากขอเล่าเพื่อให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ หลายๆคนที่จะสอบ กสพท. สามารถนำสิ่งที่ผมได้ลองมากับตัวผมเอง.... นำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด.... ทั้งข้อผิดพลาดที่ผมได้ทำพลาดไปสมัยที่หูตายังไม่สว่างยังเป็นบัวใต้โคลนตม... กำลังใจและคติที่ใช้เป็นสิ่งเยียวยาจิตใจขณะที่กำลังสิ้นหวังจมกองหนังสือ และ แนวทางในการเตรียมตัวสอบที่เป็นใบเบิกทางให้ผมสามารถนำไปใช้ฟาดฟันกับพวกเทพเจ้าในสนามสอบ....จนสุดท้าย...หลังจากที่เกือบจะสิ้นลมหายใจ...ผมก็ช่วงชิงที่นั่งมาได้ 1 ที่นั่ง.....1 ที่นั่งที่ที่ว่านั้นก็คือ ทันตะ มหิดล
โอเค กูโม้เยอะหล่ะ........เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
*สำคัญ*
1) พี่ไม่ได้เป็นคนที่เก่งมากมายอะไรขนาดได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกวิชาการ หรือไปแข่งขันระดับประเทศ ไม่ได้เป็นยอดมนุษย์หรือเทพเจ้าองค์ใดที่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ง่ายๆ แต่เป็นเพียงเด็กนักเรียน ม.ปลายทั่วไปที่ค่อนข้างโง่.... ที่ปีก่อนสอบไม่ติดในคณะที่ตัวเองใฝ่ฝัน.... ขมขื่นทุกข์ทนกับชีวิต แล้วก็พยายามดิ้นรนทำตามแผนการอ่านหนังสือที่ตอนแรกไม่รู้จะได้ผลเปล่า.... จนสุดท้าย ...มันเวิร์คหว่ะ......เลยมีที่เรียนกับเขาสักที
2) พี่เป็นเด็กติดเกมส์.... ติดหนัง....
ติดซีรี่และก็ติด social network ค่อนข้างหนัก.... หลังจากเรียนเสร็จที่.... โรงเรียนหรือไม่ก็จากที่เรียนพิเศษ... ถ้าพี่มีเวลาว่าง... ก็จะเอาเวลาทั้งหมดไปเล่นเกมส์...ดูหนัง...ดูซีรี่จนดึก
( ไม่เคยคิดว่าต้องทวนหนังสือเลย ...แต่จะรอจนใกล้สอบจริงๆ ... ถึงจะมาอ่านสอบ
เพราะ... ขี้เกียจสุดๆ ) เลยทำให้ตอน ม.6 พี่สอบไม่ติดทันตะ...แล้วกลายสภาพมาเป็นเด็กอีกกลุ่มนึงในสังคมที่สอบไม่ติดในคณะที่เราฝันไว้
และ ต้องการที่จะสอบใหม่ นั้นคือ เด็กซิ่ว ครับ
3) พวกแนวข้อสอบหรือจำนวนข้อสอบว่ามีอะไรบ้าง....ถ้ามีบทความไหนที่เคยมีคนเขียนดีอยู่แล้ว....พี่ก็จะไม่เขียนเองนะ....พี่จะแปะลิ้งของบทความของรุ่นพี่เหล่านั้นไว้แทน
4) พี่เลือกที่จะซิ่วอยู่ที่บ้าน แทน การซิ่วไปด้วยแล้วเรียนไปด้วย.....เพราะ.....ในเมื่อเราคิดว่า....หมอฟัน...น่าจะเป็นอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับแล้ว.....ดังนั้น....เราก็ควรที่จะทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีอยู่...ไปกับการทำตามความฝันดีกว่า....แทนที่จะมาเสียเวลากับการเรียนในคณะมันไม่ใช่กับตัวเรา ( แต่ยังไงก็ตาม....สิ่งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับไม่ว่ากัน )
5) พี่ขอบอกไว้ตั้งแต่เริ่มต้นตรงนี้เลยนะครับ... ถ้าน้องกำลังมองหาวิธีการเตรียมสอบที่สบายๆไม่เหนื่อยไม่ต้องใช้ความอดทนก็สอบติด...บทความนี้ไม่มีอะไรทำนองนั้นแน่นอนครับ...เลิกพยายามมองหาได้เลย...
เพราะ...บทความนี้...มีแต่คำพูดที่ตรงไปตรงมา...และค่อนข้างแรง...แต่...มันคือความจริงที่เราต้องเจอกับตัว...(
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ สมมุติว่ามีนักเรียนอยู่ 2 คน...คือ นายขยัน กับ นายขี้เกียจ แล้วพี่ให้น้องเป็นคนคัดเลือกเด็กเข้ามหาลัยของน้อง... นายขยัน
ใช้เวลาส่วนใหญ่ของทุกๆวันในการเตรียมตัวสอบ 6 เดือนเต็ม...ไม่เอาเวลาไปเล่นคอม
ดูหนัง ดูซีรี่เลย ....ส่วนนายขี้เกียจ 4 เดือนแรกเอาเวลาส่วนใหญ่ไปเล่นคอม ดูหนัง
ดูซีรี่...อ่านหนังสือบ้างเฉพาะตอนที่มีอารมณ์...แล้วมาอ่านจริงๆแค่ 2
เดือนก่อนสอบเท่านั้น...น้องลองคิดดูว่า...ใครสมควรที่จะสอบติดมากกว่ากัน....
มันเป็นสิ่งที่เห็นๆกันอยู่แล้วอะครับ....ว่าจะสอบให้ติดได้นั้น.....จะต้องอ่านมากๆหรืออ่านน้อยๆ)
“ ดังนั้น...
ถ้าคิดว่าโลกสวย หรือ... รับไม่ได้กับคำพูดที่เป็นความจริงคำไหนในบทความนี้... ก็ขอให้ปิดหน้าเว็บนี้ไปเลย...แล้วไปหาบทความอื่นอ่านแทนได้เลยครับ
...ไม่ว่ากัน”
บทความนี้แบ่งเป็น 4 ตอนนะ
2 ตอนแรก เป็นตอนบ่มเพาะขัดเกลาจิตใจที่โสมมให้ใสบริสุทธิ์....พุธโธ ธรรมโม สังโฆ 5555
ส่วน 2 ตอนหลัง เป็น วิธีการให้ได้มาซึ่ง 1 ที่นั่งในคณะที่เราเฝ้าใฝ่ฝันนนนนน ลุยยย +++
1) คน 3 แบบ ( นิสัยที่น้องควรมีเพื่อให้สอบติด )
2) เด็ก 4 ประเภท (นิสัยที่น้องควรเลิกเพื่อให้สอบติด )
3) สมควรแล้วที่สอบไม่ติด ( 3 สิ่งที่ไม่ควรทำตอนเตรียมตัวสอบ)
4) เส้นทางสู่ความฝัน ( 5 สิ่งที่ทำตอนซิ่ว )
ผลงานอื่นๆ ของ illusionsz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ illusionsz
"นี้แหละคับคนจริง!!!"
(แจ้งลบ)ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบ ... อ่านเพิ่มเติม
ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบทความเรื่องราวดีๆมาให้พวกเราอ่านนะค้าบบบ อ่านน้อยลง
Sindhorn | 2 พ.ค. 59
1
0
"นี้แหละคับคนจริง!!!"
(แจ้งลบ)ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบ ... อ่านเพิ่มเติม
ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหมีตั้งแต่ ม.ปลาย จนในวันนี้ที่เขาสามารถทำตามความฝันสำเร็จ หมีไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด(แต่ฉลาดกว่าผมนะ55+ขยันกว่าด้วย)ถ้าเทียบกับพวกนักเรียนโอลิมปิก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าหมีมีมากกว่าคนอื่นๆ คือความขยัน ความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครหลายๆคนมีกำลังใจที่จะทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงตัวผมเองด้วย ขอบคุณที่มีบทความเรื่องราวดีๆมาให้พวกเราอ่านนะค้าบบบ อ่านน้อยลง
Sindhorn | 2 พ.ค. 59
1
0
ความคิดเห็น