ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALICE'S APPLE เกม ลวง ตาย

    ลำดับตอนที่ #3 : AREA-01 บทนำเล่มที่ 1 'นกสีฟ้าแห่งความสุขที่ไม่ยอมร้องเพลง'

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 54



    ALICE'S APPLE เกม ลวง ตาย

    บทนำ

      

    นกสีฟ้าแห่งความสุขที่ไม่ยอมร้องเพลง

    นกสีฟ้า...นกสีฟ้าแห่งความสุข...นกสีฟ้าแห่งความสุขที่ไม่ยอมร้องเพลง

     

    ทำไมนกสีฟ้าถึงไม่ยอมร้องเพลง?

    หรือว่า...จริงๆ แล้วนกสีฟ้าไม่มีความสุข มันก็เลยไม่ยอมร้องเพลง

    หรือว่า...จริงๆ แล้วนกสีฟ้ากำลังมีความสุข...มีความสุขมากเกินไปจนลืมที่จะร้องเพลง

    แต่ไม่ว่าแบบไหน...ฉันก็ไม่มีความสุข...เพราะนกสีฟ้าไม่ยอมร้องเพลง

    อริสา

     

            ปี ค.ศ. 2043 สุสานชนบทในเนเธอร์แลนด์

            ท้องฟ้าครึ้มฝน สายฟ้าเส้นเรียวแลบแปลบปลาบอยู่ในก้อนเมฆสีเทาเป็นระยะ สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านสายฝนเม็ดเล็กๆ ที่ตกปรอยๆ ไม่หยุด ท่ามกลางบรรยากาศหม่นหมอง มองเห็นสีเขียวทึบของพื้นหญ้าตัดกับสีเทาของป้ายหลุมศพ รูปปั้นนางฟ้าขนาดเท่าคนจริงตั้งอยู่กลางสุสาน สายฝนค่อยๆ ตกลงมาบนใบหน้าของเธอ หยดน้ำใสที่ไหลผ่านผิวแก้มไร้ชีวิต...ดูคล้ายกับหยดน้ำตา

     

           “ดินสู่ดิน เถ้าสู่เถ้า ธุลีสู่ธุลี

           เด็กสาวมีใบหน้าสวยคมตามแบบลูกครึ่งเอเชีย - ยุโรปพูดเสียงหวาน ชุดกระโปรงยาวเสมอเข่าสีดำยี่ห้อหรูเข้ากันได้ดีกับเส้นผมสีดำตรงยาวสลวย เธอไว้ผมหน้าม้า ปอยผมข้างซ้ายถูกรวบไว้และผูกด้วยริบบิ้นสีดำเส้นเล็กๆ ท่าทางงามสง่าทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ในมือถือร่มพาดไหล่ เด็กสาวบรรจงวางลิลลี่ขาวดอกหนึ่งลงบนป้ายหินหลุมศพที่วางอยู่บนพื้น บนแผ่นป้ายสลักไว้ว่า

     

    ‘A L I C E 2028 - 2043

    ‘My beloved shall receive in the world to come eternal life.’

     

            “ผู้เป็นที่รักของฉันเอย เธอเหมาะสมที่จะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์...ในโลกใหม่ที่กำลังจะมาเยือน

            เด็กสาวปรายตาลง สีหน้าผ่อนคลาย ริมฝีปากบางสีแดงหยักยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่อยู่หน้าหลุมศพแต่กลับไม่มีร่องรอยของความโศกเศร้าบนใบหน้า

           “นกสีฟ้าแห่งความสุขกำลังจะร้องเพลง... คุณคิดแบบนั้นหรือเปล่าคะ ดร. สไตน์’?” เธอถามชายคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆ

            ชายหนุ่มผู้ถูกถามไม่ได้ตอบอะไร เขายืนนิ่งอยู่กลางสายฝน เส้นผมสีทองที่ยาวระต้นคอเปียกลู่แนบใบหน้า หมอหนุ่มชาวดัตช์คนนี้ดูดีไม่น้อย โครงร่างสูงเพรียวสมส่วนแต่ก็มองออกว่ามีกล้ามเนื้อเหมือนนักกีฬา จากมุมของเด็กสาว เธอมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเท่าไร รอบๆ บริเวณในรัศมีสามสิบเมตรไม่มีใครเลย เดาได้ว่าเป็นงานศพที่เงียบเหงาและมีคนมาร่วมพิธีเพียงสองคน

            ชายหนุ่มผมทองคุกเข่าลงหน้าหลุมศพโดยไม่สนใจว่าชุดสูทอาร์มานี่สีดำจะเปื้อนเศษดินเศษหญ้า แว่นกรอบเงินทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดนหยดน้ำเกาะพราวจนมองไม่เห็นสีหน้าและแววตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหยดน้ำใต้เลนส์จะเป็นน้ำตาของเขาหรือเปล่า ดร. สไตน์นิ่งอยู่นานจนเด็กสาวทนไม่ไหว เธอยิ้มบางๆ ถอนใจ แล้วยื่นร่มสีดำที่ถืออยู่บังฝนให้

           “เฮลิคอปเตอร์จะออกแล้ว เราต้องไปให้ทันเที่ยวบินตามกำหนด

    ดร. สไตน์หันกลับไปตามเสียง เขาดันขาแว่นข้างขมับขึ้นด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้ายพลางพิจารณาเด็กสาวซึ่งยืนอยู่ข้างๆ

            “บางทีผมก็รู้สึกว่า คุณคือสิ่งมีชีวิตที่สวมเนื้อหนังและหน้าตาของมนุษย์ ข้อเสนอของคุณ...เป็นข้อเสนอของนางฟ้า...ผมหมายถึงนางฟ้าแห่งความชั่วร้ายนะ ดร. อริสา’”

             เด็กสาวผมดำเชิดหน้าขึ้นแล้วปรายตามองลงต่ำ แววตาสีเดียวกันเป็นประกายคมวาว ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมนะคะเธอยกข้อศอกขวาวางลงบนฝ่ามือซ้าย ปลายนิ้วลูบไล้ต่างหูแท่งเรียวเล็กเบาๆ กลับไปที่ไทยกันเถอะค่ะ อย่าอาลัยอาวรณ์เลย...ความตายของ อลิซเป็นเพียงจุดเริ่มต้น คุณกับฉัน เราจะช่วยกันทำให้นกสีฟ้าแห่งความสุขร้องเพลง

     

    ....................................................

     

            เด็กสาวผมสีดำและชายหนุ่มผมทองเดินจากไปแล้ว ฝนเริ่มตกหนักขึ้น กระทั่งแมลงก็ยังมุดหนีลงดิน ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนยืนดื่มกันอยู่ในศาลาเล็กๆ ข้างโบสถ์ ไกลออกไปตรงหน้าประตูทางเข้าสุสาน เพื่อนร่วมงานของพวกเขากำลังทำหน้าที่คุ้มกันอริสากับดร. สไตน์อย่างเคร่งเครียด

    งานศพที่ไม่มีคนแบบนี้ยังต้องเรียกตำรวจเกือบทั้งโรงพักมาเฝ้า นายอำเภอ คุณจะบอกได้รึยังว่าวีไอพีสองคนนี้เป็นใคร?” ตำรวจหนุ่มที่มีผมสีบรอนด์เงินปรกหน้าถามในขณะที่รินไอริชวิสกี้ใส่แก้วแล้วยื่นให้นายอำเภอ

                จริงๆ มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกนายอำเภอรับเหล้ามาดื่ม เด็กผู้หญิงชุดดำคือ ดอกเตอร์อริสา ไอศุรินทร์นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยเชื้อสายดัตช์ อายุแค่สิบห้าปีแต่ตอนนี้กลับเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการวิชาการทั่วโลก เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมามีชื่อของเธออยู่ในระดับหัวหน้าคณะนักวิจัยทั้งนั้น ส่วนอีกคนคือ ดอกเตอร์สไตน์ เดอ ฟรีตส์ศัลยแพทย์ด้านระบบประสาทและสมองที่กำลังมาแรง รู้จักโรงพยาบาลเซ็นทรัลไหมล่ะ เขาเป็นผู้อำนวยการที่นั่นตั้งแต่สามปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาอายุยี่สิบเองนะ เป็นคนหนุ่มอนาคตไกลทีเดียว

                เห็นอย่างนี้ ไม่นึกว่าคุณจะสนใจโลกวิชาการกับเขาด้วยตำรวจหนุ่มเอื้อมมือขึ้นถอดหูฟังไร้สายออกจากหู ก่อนยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มตาม

            “ผมอ่านจากหนังสือเล่มนี้ต่างหากนายอำเภอโยนนิตยสาร TIME  ลงบนโต๊ะหน้าตำรวจหนุ่ม บนหน้าปกคือรูปของอริสาในชุดกระโปรงสีดำกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมสไตล์วิกตอเรียน โดยมีดร. สไตน์ที่สวมแว่นกรอบเงินและเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ทางด้านหลัง สองคนนี้เป็นพาร์ตเนอร์กัน เพิ่งลงข่าวหน้าหนึ่งของ TIME ไปเรื่องโครงการวิจัยสมองประดิษฐ์

            “แล้วคนสำคัญขนาดนี้มางานศพของใคร?” ตำรวจหนุ่มถามเข้าประเด็น แววตาคมกริบภายใต้เส้นผมจ้องไปที่แก้ววิสกี้ของนายอำเภอวูบหนึ่ง

            “ไม่แน่ใจเหมือนกัน...เบื้องบนไม่ยอมบอกรายละเอียด ลือกันว่าน่าจะเป็นคนรักของดอกเตอร์สไตน์ อืม...รู้สึกจะชื่อว่า...อลิซนายอำเภอดื่มวิสกี้จนหมดแก้ว แต่มันแปลกๆ ...พวกเขาไม่เปิดโลงดูหน้าเพื่อบอกลาคนตายก่อนจะฝังด้วยซ้ำ

            “อลิซ งั้นเหรอ?” ตำรวจหนุ่มพูดลอยๆ ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิว่าจะสวยขนาดไหน

            “อย่าลบหลู่คนตาย...นายอำเภอขมวดคิ้ว สีหน้าเครียดลง แค่ต้องมาเฝ้างานศพของเด็กสาวอายุสิบห้าก็รู้สึกไม่ดีพออยู่แล้ว เขามองตำรวจใหม่ที่เพิ่งถูกบรรจุเข้ามาในหน่วยด้วยสายตาตำหนิ จู่ๆ ภาพข้างหน้าก็เบลอเหมือนโลกโดนเขย่าก่อนจะดับวูบลง

     

           โครม!

            นายอำเภอล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายชักทันที...

            ตำรวจหนุ่มหัวเราะเบาๆ เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งเอนหลังลงสบายๆ เขาเทไอริชวิสกี้ให้ตัวเองอีกแก้ว ยารุ่นใหม่นี่ออกฤทธิ์ไวจริงๆออน เดอะ ร็อก แก้วใหญ่ถูกกระดกลงลำคออย่างไม่ยี่หระ ทั้งๆ ที่เป็นเหล้าจากขวดเดียวกัน แต่คนที่นั่งอยู่กลับไม่มีทีท่าว่าจะหมดสติ คาดว่า ถ้าไม่ได้กินยาแก้มาแล้ว เขาก็คงมีร่างกายที่ต่างจากคนธรรมดา

            ฝนยังคงตกอย่างบ้าคลั่ง ในสุสานไม่มีวี่แววของคนอื่น นายตำรวจนั่งดื่มอยู่คนเดียวสักพัก รถฮัมเมอร์ เอช 4 สีเขียวมะกอกก็ขับเข้ามาจอดบนถนนข้างๆ สนามหญ้าของสุสาน คนชุดดำสี่คนลงมาจากรถ ชายสามคนแรกถืออุปกรณ์คล้ายเครื่องตรวจจับวัตถุที่อยู่ใต้ดิน มุ่งหน้าไปยังหลุมศพของอลิซ ท่าเดินของพวกเขาหนักแน่นคล้ายทหารที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มแยกตัวออกมา

            ในศาลา...รองเท้าบูตส้นสูงที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นหินแกรนิต เธอตบเท้าเบาๆ แล้วหยุดยืนด้านหน้าตำรวจปลอม

     

           ร้อยโทไวแอท

           เธอเรียก ร้อยโทไวแอทด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงไพเราะ แต่ก็ฟังออกทันทีว่าเป็นชาวเอเชีย ใบหน้าของหญิงสาวถูกซ่อนไว้ใต้ฮู้ดของเสื้อคลุม เครื่องแบบของคุณเธอยื่นห่อพลาสติกที่บรรจุเสื้อผ้าที่พับไว้เรียบร้อยให้เขา

            ไวแอทปลดเนกไท ลุกขึ้นยืนพร้อมถอดเสื้อสูทกับเสื้อเชิ้ตออก ผิวของเขาเป็นสีขาวซีด แผ่นอกเรียบตึง หน้าท้องเป็นลอนแน่น ตลอดมัดกล้ามทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเหมือนทหารที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ไวแอทรับเสื้อโค้ตหนังสีดำและถุงมือสีเดียวกันมาสวม เขาขยับนิ้ว ดึงถุงมือให้เข้าที่ จากนั้นจึงยกมือขวาเสยเส้นผมสีบรอนด์เงินของตัวเองขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นดวงตาสีเงินคมกริบที่แวววาวราวกับสัตว์ป่า

            “รายงานมาน้ำเสียงที่ใช้ ใกล้เคียงกับคำว่า...ยโส

    หญิงสาวยกโทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสของตัวเองขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง เธอเช็กข้อมูลที่ถูกส่งมาแล้วพูดเรียบๆ เหมือนที่คาดไว้...เราใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจคลื่นสะท้อนจากวัตถุเพราะไม่อยากทำลายสุสาน ไม่งั้นดอกเตอร์อริสากับดอกเตอร์สไตน์อาจรู้ตัวทีหลังได้

    ไวแอทแสยะยิ้ม ตอบด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช ใครจะสนล่ะเขาชกหมัดเข้ากับฝ่ามือด้วยท่าทางจองหอง คำรามจนเห็นเขี้ยวสีขาว     ของแบบนี้มันต้องเห็นด้วยตา ขุดขึ้นมาเลย!เขาออกคำสั่งพลางเดินไปที่หลุมศพของอลิซ

            “Yes, sir” หญิงสาวตอบรับแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดสองสามคำเพื่อถ่ายทอดคำสั่ง ท่ามกลางสายฝน ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนวิ่งกลับไปเอา          พลั่วที่รถแล้วรีบกลับมาลงมือขุดหลุมศพทันที สักพัก พวกเขาก็ยกโลงศพที่เพิ่งถูกฝังลงไปขึ้นมา

             เม็ดฝนตกกระทบเนื้อไม้มะฮอกกานีเคลือบเงาอย่างรุนแรง สายน้ำช่วยชะล้างคราบดินโคลนที่เปรอะออกเป็นทาง

     

            สวัสดี อลิซ!!!

            ชายหนุ่มผมสีทองบรอนด์คำรามแข่งกับเสียงฝน ใช้มือเพียงข้างเดียวก็งัดฝาโลงออกได้ด้วยพละกำลังที่ดูเหนือมนุษย์ ทุกคนในที่นั้นยกเว้นเขารีบยกมือปิดจมูกเพราะได้กลิ่นฉุนที่ลอยตลบขึ้นมาจากในโลง

             “หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ความตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสินะเครื่องดักฟังซึ่งเขาแอบมาติดอยู่ที่ไม้กางเขนเหนือหลุมศพยังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

     

            เปรี้ยง!

            สายฟ้าผ่าอยู่ด้านหลังรูปปั้นนางฟ้าที่ประสานมือภาวนา เสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งของเธอสว่างวาบขึ้นมา หยาดฝนที่กระหน่ำยิ่งดูเหมือนหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง

            ไวแอทเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหมือนจะท้าทายพระเจ้า เขาหัวเราะบ้าคลั่งอย่างถูกใจพร้อมหยิบดอกลิลลี่สีขาวในโลงขึ้นมาขยี้จนมันแหลกคามือ

            “ฉันได้กลิ่นของการต่อสู้ครั้งใหม่

            ในโลงศพของ A L I C E…นอกจากลิลลี่ขาวที่หอมตลบจนปวดหัวแล้ว...ก็มีเพียงความว่างเปล่า...ไร้ร่างของเด็กสาว...ตัวเอก’...ที่ถูกกล่าวถึง

     

     

    ....................................................

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×