คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : AREA-01 บทนำเล่มที่ 1 'นกสีฟ้าแห่งความสุขที่ไม่ยอมร้องเพลง'
ALICE'S APPLE เกม ลวง ตาย
บทนำ
นกสีฟ้าแห่งความสุขที่ไม่ยอมร้องเพลง
‘นกสีฟ้า...นกสีฟ้าแห่งความสุข...นกสีฟ้าแห่งความสุขที่ไม่ยอมร้องเพลง
ทำไมนกสีฟ้าถึงไม่ยอมร้องเพลง?
หรือว่า...จริงๆ แล้วนกสีฟ้าไม่มีความสุข มันก็เลยไม่ยอมร้องเพลง
หรือว่า...จริงๆ แล้วนกสีฟ้ากำลังมีความสุข...มีความสุขมากเกินไปจนลืมที่จะร้องเพลง
แต่ไม่ว่าแบบไหน...ฉันก็ไม่มีความสุข...เพราะนกสีฟ้าไม่ยอมร้องเพลง’
‘อริสา’
ปี ค.ศ. 2043 สุสานชนบทในเนเธอร์แลนด์
ท้องฟ้าครึ้มฝน สายฟ้าเส้นเรียวแลบแปลบปลาบอยู่ในก้อนเมฆสีเทาเป็นระยะ สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านสายฝนเม็ดเล็กๆ ที่ตกปรอยๆ ไม่หยุด ท่ามกลางบรรยากาศหม่นหมอง มองเห็นสีเขียวทึบของพื้นหญ้าตัดกับสีเทาของป้ายหลุมศพ รูปปั้นนางฟ้าขนาดเท่าคนจริงตั้งอยู่กลางสุสาน สายฝนค่อยๆ ตกลงมาบนใบหน้าของเธอ หยดน้ำใสที่ไหลผ่านผิวแก้มไร้ชีวิต...ดูคล้ายกับหยดน้ำตา
“ดินสู่ดิน เถ้าสู่เถ้า ธุลีสู่ธุลี”
เด็กสาวมีใบหน้าสวยคมตามแบบลูกครึ่งเอเชีย - ยุโรปพูดเสียงหวาน ชุดกระโปรงยาวเสมอเข่าสีดำยี่ห้อหรูเข้ากันได้ดีกับเส้นผมสีดำตรงยาวสลวย เธอไว้ผมหน้าม้า ปอยผมข้างซ้ายถูกรวบไว้และผูกด้วยริบบิ้นสีดำเส้นเล็กๆ ท่าทางงามสง่าทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ในมือถือร่มพาดไหล่ เด็กสาวบรรจงวางลิลลี่ขาวดอกหนึ่งลงบนป้ายหินหลุมศพที่วางอยู่บนพื้น บนแผ่นป้ายสลักไว้ว่า
‘A L I C E 2028 - 2043’
‘My beloved shall receive in the world to come eternal life.’
“ผู้เป็นที่รักของฉันเอย เธอเหมาะสมที่จะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์...ในโลกใหม่ที่กำลังจะมาเยือน”
เด็กสาวปรายตาลง สีหน้าผ่อนคลาย ริมฝีปากบางสีแดงหยักยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่อยู่หน้าหลุมศพแต่กลับไม่มีร่องรอยของความโศกเศร้าบนใบหน้า
“นกสีฟ้าแห่งความสุขกำลังจะร้องเพลง... คุณคิดแบบนั้นหรือเปล่าคะ ‘ดร. สไตน์’?” เธอถามชายคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆ
ชายหนุ่มผู้ถูกถามไม่ได้ตอบอะไร เขายืนนิ่งอยู่กลางสายฝน เส้นผมสีทองที่ยาวระต้นคอเปียกลู่แนบใบหน้า หมอหนุ่มชาวดัตช์คนนี้ดูดีไม่น้อย โครงร่างสูงเพรียวสมส่วนแต่ก็มองออกว่ามีกล้ามเนื้อเหมือนนักกีฬา จากมุมของเด็กสาว เธอมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเท่าไร รอบๆ บริเวณในรัศมีสามสิบเมตรไม่มีใครเลย เดาได้ว่าเป็นงานศพที่เงียบเหงาและมีคนมาร่วมพิธีเพียงสองคน
ชายหนุ่มผมทองคุกเข่าลงหน้าหลุมศพโดยไม่สนใจว่าชุดสูทอาร์มานี่สีดำจะเปื้อนเศษดินเศษหญ้า แว่นกรอบเงินทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดนหยดน้ำเกาะพราวจนมองไม่เห็นสีหน้าและแววตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหยดน้ำใต้เลนส์จะเป็นน้ำตาของเขาหรือเปล่า ดร. สไตน์นิ่งอยู่นานจนเด็กสาวทนไม่ไหว เธอยิ้มบางๆ ถอนใจ แล้วยื่นร่มสีดำที่ถืออยู่บังฝนให้
“เฮลิคอปเตอร์จะออกแล้ว เราต้องไปให้ทันเที่ยวบินตามกำหนด”
ดร. สไตน์หันกลับไปตามเสียง เขาดันขาแว่นข้างขมับขึ้นด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้ายพลางพิจารณาเด็กสาวซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
“บางทีผมก็รู้สึกว่า คุณคือสิ่งมีชีวิตที่สวมเนื้อหนังและหน้าตาของมนุษย์ ข้อเสนอของคุณ...เป็นข้อเสนอของนางฟ้า...ผมหมายถึงนางฟ้าแห่งความชั่วร้ายนะ ‘ดร. อริสา’”
เด็กสาวผมดำเชิดหน้าขึ้นแล้วปรายตามองลงต่ำ แววตาสีเดียวกันเป็นประกายคมวาว “ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมนะคะ” เธอยกข้อศอกขวาวางลงบนฝ่ามือซ้าย ปลายนิ้วลูบไล้ต่างหูแท่งเรียวเล็กเบาๆ “กลับไปที่ไทยกันเถอะค่ะ อย่าอาลัยอาวรณ์เลย...ความตายของ ‘อลิซ’ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น คุณกับฉัน เราจะช่วยกันทำให้นกสีฟ้าแห่งความสุขร้องเพลง”
....................................................
เด็กสาวผมสีดำและชายหนุ่มผมทองเดินจากไปแล้ว ฝนเริ่มตกหนักขึ้น กระทั่งแมลงก็ยังมุดหนีลงดิน ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนยืนดื่มกันอยู่ในศาลาเล็กๆ ข้างโบสถ์ ไกลออกไปตรงหน้าประตูทางเข้าสุสาน เพื่อนร่วมงานของพวกเขากำลังทำหน้าที่คุ้มกันอริสากับดร. สไตน์อย่างเคร่งเครียด
“งานศพที่ไม่มีคนแบบนี้ยังต้องเรียกตำรวจเกือบทั้งโรงพักมาเฝ้า นายอำเภอ คุณจะบอกได้รึยังว่าวีไอพีสองคนนี้เป็นใคร?” ตำรวจหนุ่มที่มีผมสีบรอนด์เงินปรกหน้าถามในขณะที่รินไอริชวิสกี้ใส่แก้วแล้วยื่นให้นายอำเภอ
“จริงๆ มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” นายอำเภอรับเหล้ามาดื่ม “เด็กผู้หญิงชุดดำคือ ‘ดอกเตอร์อริสา ไอศุรินทร์’ นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยเชื้อสายดัตช์ อายุแค่สิบห้าปีแต่ตอนนี้กลับเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการวิชาการทั่วโลก เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมามีชื่อของเธออยู่ในระดับหัวหน้าคณะนักวิจัยทั้งนั้น ส่วนอีกคนคือ ‘ดอกเตอร์สไตน์ เดอ ฟรีตส์’ ศัลยแพทย์ด้านระบบประสาทและสมองที่กำลังมาแรง รู้จักโรงพยาบาลเซ็นทรัลไหมล่ะ เขาเป็นผู้อำนวยการที่นั่นตั้งแต่สามปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาอายุยี่สิบเองนะ เป็นคนหนุ่มอนาคตไกลทีเดียว”
“เห็นอย่างนี้ ไม่นึกว่าคุณจะสนใจโลกวิชาการกับเขาด้วย” ตำรวจหนุ่มเอื้อมมือขึ้นถอดหูฟังไร้สายออกจากหู ก่อนยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มตาม
“ผมอ่านจากหนังสือเล่มนี้ต่างหาก” นายอำเภอโยนนิตยสาร TIME ลงบนโต๊ะหน้าตำรวจหนุ่ม บนหน้าปกคือรูปของอริสาในชุดกระโปรงสีดำกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมสไตล์วิกตอเรียน โดยมีดร. สไตน์ที่สวมแว่นกรอบเงินและเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ทางด้านหลัง “สองคนนี้เป็นพาร์ตเนอร์กัน เพิ่งลงข่าวหน้าหนึ่งของ TIME ไปเรื่องโครงการวิจัยสมองประดิษฐ์”
“แล้วคนสำคัญขนาดนี้มางานศพของใคร?” ตำรวจหนุ่มถามเข้าประเด็น แววตาคมกริบภายใต้เส้นผมจ้องไปที่แก้ววิสกี้ของนายอำเภอวูบหนึ่ง
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน...เบื้องบนไม่ยอมบอกรายละเอียด ลือกันว่าน่าจะเป็นคนรักของดอกเตอร์สไตน์ อืม...รู้สึกจะชื่อว่า...อลิซ” นายอำเภอดื่มวิสกี้จนหมดแก้ว “แต่มันแปลกๆ ...พวกเขาไม่เปิดโลงดูหน้าเพื่อบอกลาคนตายก่อนจะฝังด้วยซ้ำ”
“อลิซ งั้นเหรอ?” ตำรวจหนุ่มพูดลอยๆ “ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิว่าจะสวยขนาดไหน”
“อย่าลบหลู่คนตาย...” นายอำเภอขมวดคิ้ว สีหน้าเครียดลง แค่ต้องมาเฝ้างานศพของเด็กสาวอายุสิบห้าก็รู้สึกไม่ดีพออยู่แล้ว เขามองตำรวจใหม่ที่เพิ่งถูกบรรจุเข้ามาในหน่วยด้วยสายตาตำหนิ จู่ๆ ภาพข้างหน้าก็เบลอเหมือนโลกโดนเขย่าก่อนจะดับวูบลง
โครม!
นายอำเภอล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายชักทันที...
ตำรวจหนุ่มหัวเราะเบาๆ เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งเอนหลังลงสบายๆ เขาเทไอริชวิสกี้ให้ตัวเองอีกแก้ว “ยารุ่นใหม่นี่ออกฤทธิ์ไวจริงๆ” ออน เดอะ ร็อก แก้วใหญ่ถูกกระดกลงลำคออย่างไม่ยี่หระ ทั้งๆ ที่เป็นเหล้าจากขวดเดียวกัน แต่คนที่นั่งอยู่กลับไม่มีทีท่าว่าจะหมดสติ คาดว่า ถ้าไม่ได้กินยาแก้มาแล้ว เขาก็คงมีร่างกายที่ต่างจากคนธรรมดา
ฝนยังคงตกอย่างบ้าคลั่ง ในสุสานไม่มีวี่แววของคนอื่น นายตำรวจนั่งดื่มอยู่คนเดียวสักพัก รถฮัมเมอร์ เอช 4 สีเขียวมะกอกก็ขับเข้ามาจอดบนถนนข้างๆ สนามหญ้าของสุสาน คนชุดดำสี่คนลงมาจากรถ ชายสามคนแรกถืออุปกรณ์คล้ายเครื่องตรวจจับวัตถุที่อยู่ใต้ดิน มุ่งหน้าไปยังหลุมศพของอลิซ ท่าเดินของพวกเขาหนักแน่นคล้ายทหารที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มแยกตัวออกมา
ในศาลา...รองเท้าบูตส้นสูงที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นหินแกรนิต เธอตบเท้าเบาๆ แล้วหยุดยืนด้านหน้าตำรวจปลอม
“ร้อยโทไวแอท”
เธอเรียก ‘ร้อยโทไวแอท’ ด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงไพเราะ แต่ก็ฟังออกทันทีว่าเป็นชาวเอเชีย ใบหน้าของหญิงสาวถูกซ่อนไว้ใต้ฮู้ดของเสื้อคลุม “เครื่องแบบของคุณ” เธอยื่นห่อพลาสติกที่บรรจุเสื้อผ้าที่พับไว้เรียบร้อยให้เขา
ไวแอทปลดเนกไท ลุกขึ้นยืนพร้อมถอดเสื้อสูทกับเสื้อเชิ้ตออก ผิวของเขาเป็นสีขาวซีด แผ่นอกเรียบตึง หน้าท้องเป็นลอนแน่น ตลอดมัดกล้ามทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเหมือนทหารที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ไวแอทรับเสื้อโค้ตหนังสีดำและถุงมือสีเดียวกันมาสวม เขาขยับนิ้ว ดึงถุงมือให้เข้าที่ จากนั้นจึงยกมือขวาเสยเส้นผมสีบรอนด์เงินของตัวเองขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นดวงตาสีเงินคมกริบที่แวววาวราวกับสัตว์ป่า
“รายงานมา” น้ำเสียงที่ใช้ ใกล้เคียงกับคำว่า...ยโส
หญิงสาวยกโทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสของตัวเองขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง เธอเช็กข้อมูลที่ถูกส่งมาแล้วพูดเรียบๆ “เหมือนที่คาดไว้...เราใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจคลื่นสะท้อนจากวัตถุเพราะไม่อยากทำลายสุสาน ไม่งั้นดอกเตอร์อริสากับดอกเตอร์สไตน์อาจรู้ตัวทีหลังได้”
ไวแอทแสยะยิ้ม ตอบด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช “ใครจะสนล่ะ” เขาชกหมัดเข้ากับฝ่ามือด้วยท่าทางจองหอง คำรามจนเห็นเขี้ยวสีขาว “ของแบบนี้มันต้องเห็นด้วยตา ขุดขึ้นมาเลย!” เขาออกคำสั่งพลางเดินไปที่หลุมศพของอลิซ
“Yes, sir” หญิงสาวตอบรับแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดสองสามคำเพื่อถ่ายทอดคำสั่ง ท่ามกลางสายฝน ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนวิ่งกลับไปเอา พลั่วที่รถแล้วรีบกลับมาลงมือขุดหลุมศพทันที สักพัก พวกเขาก็ยกโลงศพที่เพิ่งถูกฝังลงไปขึ้นมา
เม็ดฝนตกกระทบเนื้อไม้มะฮอกกานีเคลือบเงาอย่างรุนแรง สายน้ำช่วยชะล้างคราบดินโคลนที่เปรอะออกเป็นทาง
“สวัสดี อลิซ!!!”
ชายหนุ่มผมสีทองบรอนด์คำรามแข่งกับเสียงฝน ใช้มือเพียงข้างเดียวก็งัดฝาโลงออกได้ด้วยพละกำลังที่ดูเหนือมนุษย์ ทุกคนในที่นั้นยกเว้นเขารีบยกมือปิดจมูกเพราะได้กลิ่นฉุนที่ลอยตลบขึ้นมาจากในโลง
“หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ความตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสินะ” เครื่องดักฟังซึ่งเขาแอบมาติดอยู่ที่ไม้กางเขนเหนือหลุมศพยังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี
เปรี้ยง!
สายฟ้าผ่าอยู่ด้านหลังรูปปั้นนางฟ้าที่ประสานมือภาวนา เสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งของเธอสว่างวาบขึ้นมา หยาดฝนที่กระหน่ำยิ่งดูเหมือนหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง
ไวแอทเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหมือนจะท้าทายพระเจ้า เขาหัวเราะบ้าคลั่งอย่างถูกใจพร้อมหยิบดอกลิลลี่สีขาวในโลงขึ้นมาขยี้จนมันแหลกคามือ
“ฉันได้กลิ่นของการต่อสู้ครั้งใหม่”
ในโลงศพของ A L I C E นอกจากลิลลี่ขาวที่หอมตลบจนปวดหัวแล้ว...ก็มีเพียงความว่างเปล่า...ไร้ร่างของเด็กสาว...’ตัวเอก’...ที่ถูกกล่าวถึง
....................................................
ความคิดเห็น