ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE DEATH OF SUNSHINE

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 48


    เซเรสเดินไปตามถนนค่อนข้างอึมครึมและสกปรก   ถึงจะเป็นตอนเช้าแต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็ไม่สามารถส่องถึงบริเวณนี้ได้เพราะความสูงของตึกที่สูงเสียดฟ้า  เรียงกันเป็นตับ  บดบังแสงจากดวงอาทิตย์หมด  

        

    เมื่อไหร่...ซากตึกร้างๆพวกนี้จะหายไปซะทีเนี่ย!  เกะกะลูกตาเป็นบ้า!



    เธอเดินคิดไปเรื่อยๆ  แต่ทันใดนั้น!  มือปริศนาปิดปากดึงเธอเข้าไปในซอกตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง  อย่างรวดเร็ว!  เธอกะจะจะสวนกลับเต็มถ้าไม่รู้สึกถึงรสชาติเลือดจากฝ่ามือที่ปิดปากอยู่



        ใคร!  เนื่องจากเซเรสอยู่ในสภาพที่หันหลังให้  จึงไม่สามารถที่จะเห็นหน้าเจ้าของมือปริศนานั้นได้



        บึก!  ศอกของเซเรสกระแทกหน้าอกคนปริศนาเต็มๆ  เขาครางเบาๆพยายามสะกดกั้นความเจ็บไว้  คลายมือที่ปิดปากเธอออก  หลังจากเป็นอิสระเธอรีบเช็ดเลือดออกจากตัวเองทันที  เพราะเธอเกลียดกลิ่นคาวเลือดมาก  มันทำให้เธอรู้สึกถึงภารกิจต่างๆที่เธอเคยทำมา  ภารกิจที่โชกเลือด....  ภารกิจที่เธอแสนจะเกลียด.....  ภารกิจที่ทำให้นึกถึงคนคนนั้น!



    อึก!.......  คนปริศนาครางออกมาเบาๆ  หลังของเขาพิงอยู่กับตึกด้วยสภาพอ่อนแรง  หายใจถี่  เซเรสรีบหันหน้ามาเผชิญกับเขาตรงๆ   สำรวจรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่หัวดำๆ  ที่ไว้ปอยผมยาวด้านหลัง  ตาสีทองที่ฉายแววแข็งกร้าว  เย็นชา  จะตายอยู่แล้ว  ยังทำหน้าตาไม่อยากให้ช่วยอีก เซเรสแอบคิดในใจ  และสำรวจชายตรงหน้าต่อ  อืม....ทั้งตามหน้า  ตามเนื้อตามตัวมีแต่รอยเลือดและแผล  แผลเสื้อผ้าขาดวิ่นถ้าไม่ติดที่ใส่เสื้อผ้าสีดำป่านนี้เสื้อผ้าตานี่ต้องแดงฉานไปด้วยเลือดของตัวเองแน่  แขนซ้ายท่าจะเจ็บหนักมือขวากุมซะแน่นเชียว

    ไปถูกหมาที่ไหนฟัดมาวะเนี่ย  เยินจริงๆ



    “ถ้าไม่พูดอะไรจะไปแล้วนะ”  คนถูกถามตอบกลับมาด้วยสายตาแข็งแกมขมขู่  ปากชมพูบางเม้มเป็นเส้นตรงสนิท  



    “นี่!  ถ้าอยากให้ช่วยก็หัดทำหน้าตาให้น่าช่วยหน่อย  ไม่ใช่ขมขู่อย่างนี้ใครเห็นก็ไม่อยากช่วยหรอกย่ะ!”   ชายตรงหน้าดูไม่สะทกสะท้านกับเสียงโกรธเกรี้ยวใสๆ  ของหญิงสาวแม้แต่น้อย  ยังคงทำหน้าเช่นเดิม  นั่นยิ่งทำให้เธออารมณ์เสียเข้าไปใหญ่





    “บอกว่าให้ทำหน้าตาน่าช่วยไง  อ้อ!  หรือไม่อยากให้ช่วย  งั้นไปล่ะ”  เซเรสเตรียมจะเดินออกจากตรอกนั่น  แต่.....



    ตุ๊บ!  ชายปริศนาล้มลงทับเธอทันที  ปากสีชมพูบางสัมผัสเบาๆ  ที่แก้มเธอ  แม้เป็นการสัมผัสที่น้อยนิดและไม่ได้ตั้งใจ  แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที



    “ออกไปเดี๋ยวนี้!   นี่!”  เซเรสพยายามเรียกชายที่สลบซบเธออยู่  แต่ก็ไม่เป็นผล  ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา

    โธ่เว๊ย!  ต้องช่วยจริงๆรึนี่  ไอ้บ้า!  แกรู้มั้ยทำฉันลำบาก!



    เซเรสกร่นด่าในใจยกใหญ่  แต่อยู่ๆเธอก็หยุดลง  และสำรวจบาดแผลชายที่ซบอยู่  เขาเป็นแผลทางลึกยาวที่กลางหลัง  แผลเล็กแผลน้อยเต็มตัว   กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่รอบ เฮ้อ.....ต้องช่วยจริงๆหรือนี่….  เธอพยายามยืนประคองชายปริศนาลุกขึ้น  ครู่หนึ่งก็เกิดแสงรอบตัวเซเรสและชายปริศนา  เป็นวงกลมเล็กๆ  จากนั้นทั้งคู่ก็หายไปจากตรอกนั้น



                -------------------------------------



    แว๊บ!…..  เกิดแสงสว่างขึ้นกลางห้องนั่งเล่นในบ้านหลังหนึ่ง   เรียกความสนใจจากเด็กสาวหน้าตาน่ารักผมเปียสีน้ำตาลยาวที่กำลังสาละวนอยู่กับการทำเค้กในห้องครัว  ให้มองมายังห้องรับแขก



    เด็กสาวเห็นพี่สาวตนเอง  กำลังประคองชายหนุ่มที่แม้หน้าตาจะเต็มไปด้วยเลือดแต่ดูก็รู้ว่าหน้าตาดีมาก  เรียกได้ว่าหล่อเหลาที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาทีเดียว  และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหยดเลือดหยดลงบนพรมสีครีมจำนวนมาก



    “พี่ค่ะ!”  มีน่ารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาว  ด้วยสีหน้าตกใจสับสน  



    “หืม?”  เซเรสรับเรียกด้วยสีหน้าธรรมดา  มีน่าถึงกับโล่งอกที่พี่สาวตัวเองดูสบายดี



    “แล้ว....เอ่อ.....นี่..ใครค่ะ”  มีน่าชี้ไปยังคนปริศนา



    “ไม่รู้”  เซเรสตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย  ทำไมต้องใจอ่อนช่วยมันมาด้วย  ไม่เข้าใจตัวเองเล้ย...  เซเรสบ่นอุบอิบในใจ  และโยนชายปริศนาลงบนโซฟาสีเหลืองอ่อนดัง  ฟุบ!…..



    “พี่ค่ะ  เดี๋ยวเค้าเจ็บนะค่ะ”  มีน่าเตือนพี่สาวเมื่อเห็นโยนชายปริศนาลงบนโซฟาโดยไร้ความใยดี



    “แค่นี้ไม่ตายหรอก   โอ๊ย.......แย่จริงๆ  โซฟาตัวโปรดพี่ต้องเปื้อนเพราะมันคนเดียว”  เซเรสบ่นออกมาเสียงดัง  มีน่าถึงกับมองตาเขียว



    “นี่อย่ามองพี่อย่างนั้นสิ  อย่างน้อยพี่ก็ช่วยมันมาแล้วนะ!  มีน่าวานไปหยิบยามาให้พี่หน่อยสิ”



    “ค่ะ”  มีน่าวิ่งหายไปซักครู่ก็กลับมา  พร้อมกล่องสีขาวไม่ใหญ่มาก



    “ขอบใจนะ   อ้อ! เอาน้ำอุ่นมาด้วย”  มีน่าวิ่งเข้าครัวอย่างรวดเร็ว  และกลับออกมาพร้อมชามสีเงินใบใหญ่  



    “ขอบใจมาก  วางไว้นั่นแหละ”  มีน่าวางชามสีเงินไว้ข้างโซฟาที่ชายปริศนานอนอยู่แล้วถอยออกมานั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม



    เซเรสเดินเข้าไปใกล้โซฟาที่ชายปริศนานอนอยู่  และคุกเข่าตรงข้างโซฟา  ยกมือขึ้นมาทาบบริเวณอกของชายหนุ่ม  เกิดแสงสว่างรอบตัวชายหนุ่ม  สักครู่แสงนั้นก็หายไป  เซเรสยกมือออกมา



    “เฮ่อ!… เหนื่อย...  แกนี่เป็นแผลเยอะขนาดนี้เชียว”  เซเรสยกมือขึ้นปาดเหนื่อยที่ผุดขึ้นบางๆ  บนหน้าผาก



    “มีน่า  มาช่วยเช็ดเลือดให้มันหน่อย”



    “เอ่อ......แต่....พี่ค่ะ.....”  มีน่าทำท่าทีเขินอาย  เซเรสเข้าใจความหมายทันที



    “หืม….อ๋อ!…..ไม่เป็นไร  เดี๋ยวพี่จัดการเอง  งั้นเอายาออกมาให้พี่ละกัน”



    “ค่ะ”  สักครู่มีน่าก็หยิบยาเป็นแคปซูลออกมาจากกล่องสีขาวใบย่อมด้วยความชำนาญ  เพราะเมื่อก่อนเซเรสมักมีแผลมาตลอดจึงพลอยทำให้เธอรู้เรื่องยา



    “เริ่มล่ะนะ!”  เซเรสกล่าวเบาๆ  และหันกลับไปมองร่างชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนโซฟาพึมพำด้วยภาษาที่ฟังไม่ออกสองสามประโยค  ร่างนั้นลอยขึ้นจากโซฟา  เซเรสหันไปทางชามใส่น้ำน้ำในชามลอยออกมาจากชามห่อหุ้มร่างชายแปลกหน้าพร้อมทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้าไปพร้อมกัน  สักครู่น้ำสีแดงจากเลือกของชายแปลกหน้าก็กลับลงสู่ชามสีเงินใบใหญ่



    ร่างนั้นค่อยๆลอยลงสู่โซฟาสีเหลืองอ่อน  ใบหน้าครีมเนียนเกลี้ยงเกลา  ปากสีชมพูบางได้รูปเม้มสนิท  เส้นผมสีดำสนิทสยายอยู่ด้านหลัง  ร่างกายภายนอกดูปกติดีทุกอย่าง  แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกับชายเลือดโชกเมื่อสักครู่  เพราะร่างกายไม่เหลือร่อยรอยบาดแผลไว้แม้แต่รอยเดียว



    “มีน่า  เอายาให้มันกินด้วย”  เซเรสสั่งด้วยเสียงแผ่ว



    “พี่ขอนอนพักก่อนนะ  เฮ้อ!...เหนื่อย.......จริงๆ”  เซเรสพูดไปบ่นไป  และทรุดตัวนอนยังโซฟาตรงข้ามชายแปลกหน้า



    มีน่าเห็นพี่ของตัวเองทำตัวเหมือนเด็กๆ  ก็ได้แต่ยืนมอง  ยิ้มอยู่คนเดียว



    พี่นี่น้า.......  ปากก็บอกว่าไม่อยากช่วยแต่กลับช่วยซะดีขนาดนี้  ปากแข็งจริงๆ  ฝีมือรักษาก็ยังไม่ตก  แบบนี้เป็นหมออันต้นๆได้สบาย



                      -----------------------------------------------------



    กลางคืนอันเงียบสงัด  ร่างของหลายคนกำลังหลับสบายอยู่บนเตียงอันเป็นที่รักของตน แต่บ้านหลังหนึ่งในเรือนกระจก  แวดล้อมไปด้วยต้นไม้  ดอกไม้สีสวย  ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นจากโซฟาสีครีม   ความเจ็บปวดเมื่อตอนกลางวันแทบไม่เหลือเค้าอยู่แล้ว  เขามองไปรอบตัวช้าๆ  และไปสะดุดตาเข้ากับสาวน้อยผมยาวสีดำ  นอนหลับสนิทอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม  แม้ในเงามืดของยามค่ำคืนแต่เขาก็สามารถเห็นความสวยงามราวกับนางฟ้ากำลังหลับตาพริ้มอยู่ของคนตรงหน้าได้   ใบหน้าที่งดงามราวนางฟ้า........ใบหน้าของผู้ช่วยชีวิตเขา.........



    เขาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้า  ถอดสร้อยจี้หินสีฟ้าสดใสสวมให้เธอ  และโน้มตัวลงไปจุมพิตหน้าผากกลมมนสีครีม  ทันใดนั้น! ร่างห้าร่างในชุดคลุมดำสนิทก็ปรากฏกาย ยืนรอบตัวเขาและเธอ  ชายหนุ่มไม่มีอาการตื่นตกใจแต่อย่างใด  เขาลุกขึ้นยืนด้วยอาการสงบแต่ทรงอำนาจเผชิญหน้ากับชายชุดคลุมดำ



    “กลับเถอะ  พะย่ะคะ”  ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้าของคนชุดดำทั้งหมดพูดด้วยน้ำเสียงน้อมน้อม  เชิงสั่งการ



    “ท่านพ่อถึงกับส่งพวกท่านมาตามหาเราเชียวหรือ”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์



    “ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเจ้าชายมากนะพะย่ะคะ”



    “ข้ารู้”  ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบแต่ไม่เฉียบขาดเท่าครั้งก่อนหน้านั้น



    “เชิญเสด็จพะยะค่ะ”  สิ้นเสียงร่างทั้งหกหายไปกับความมืดยามค่ำคืนทันทีทันที



                -------------------------------------



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×