คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ❖ MAYA ' prologue
┈━ ❉ CH 0 「 PROLOGUE 」❉ ━┈
EVILDA DELILDN ❀❀❀❀❀
ตึก ตึก ตึก
เสียงเท้าเล็กๆวิ่งบนทางเดินของบ้านไม้สองชั้น พร้อมกับร่างเล็กของเด็กสาวที่อายุไม่เกินสิบห้าปี ในชุดกระโปรงสีหวานที่กำลังวิ่งวงบันไดอย่างรวดเร็ว
“ดีไลน์อย่าวิ่งบนทางเดินสิ เดี๋ยวก็ล้-----”
โครม!
ทันทีที่ก้าวลงมาจากบันไดขั้นสุดท้ายขาเล็กๆสองข้างก็ดันพันกันจนทำให้เด็กสาวสะดุดล้มจนหน้าฟาดพื้นแม้จะไม่แรงมากแต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี เด็กสาวจึงได้แต่นั่งกุมหน้าผากตนเองพร้อมกับหยาดน้ำใสที่ไหลคลออยู่ที่ขอบตา ไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บหรือเพราะเสียงใครบางคนที่เธอได้ยินก่อนจะล้มหรือเปล่าก็ไม่รู้
เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านเรียกสติของเด็กสาวกลับมา เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอันน้อยนิดของตนก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปเปิดประตู ก่อนจะแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาเมื่อพบว่าคนที่มานั้นไม่ใช่คนที่เธออยากจะเจอ
บุรุษไปรษณีย์เบื้องหน้ามองเธออย่างแปลกใจเล็กน้อย เด็กสาวจึงรีบส่งยิ้มสดใสไปให้พร้อมกับรับจดหมายที่อีกฝ่ายส่งมาและยังนำคุกกี้ผลไม้ห่อเล็กๆมอบให้บุรุษไปรษณีย์คนนั้นไปก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วยความตื่นเต้นกับจดหมายในมือ
จดหมายที่มาจากคุณทวดของเธอ
‘ ถึงเอวิลดาเหลนรัก
ตอนนี้ทวดอยู่ในที่ที่อากาศดีมากๆเลยล่ะ ดูสิที่นี่มีทะเลที่เหลนอยากมาด้วยนะ ซักวันหนึ่งทวดจะพามาแน่นอน หวังว่าเหลนตัวน้อยของผมจะแข็งแรงดีนะครับ
รักและห่วงใย … เอรอนอิล ’
เด็กสาวหยิบภาพถ่ายที่อยู่ในซองจดหมายขึ้นมาดู เป็นภาพถ่ายของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมยาวสีทองเป็นประกายราวแสงอาทิตย์ยามเช้า ใบหน้าหล่อเหลาราวชายหนุ่มที่มีอายุไม่ถึงสามสิบกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสจนดวงตาสีทองถูกซ่อนไว้ใต้เปลือกตา เป็นรอยยิ้มที่เธอมักจะชอบยิ้มเป็นประจำซึ่งใครๆต่างก็บอกว่าเธอและชายหนุ่มซึ่งมีศักดิ์เป็นทวดของเธอนั้นมีรอยยิ้มที่เหมือนกันราวกับถอดแบบกันออกมา
สองเดือนแล้วที่คุณทวดของเธอบอกว่าอยากจะออกเดินทางไปตามความฝันของตนเอง ซึ่งเธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไรพร้อมกับช่วยเตรียมอุปกรณ์ต่างๆในการดำรงค์ชัวิตไปให้ ทวดของเธอได้ทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้เป็นมุดบัญชีแต่เธอไม่เคยใช้มัน ทุกๆวันเด็กสาวจะตื่นแต่เช้าเพื่อทำขนมปังเบเกอร์รี่ต่างๆไปขายในเมืองพอประทังชีวิตได้และยังมีเงินเหลือไว้ให้เธอเก็บไปใช้อีก เธอไม่รู้สึกว่าตนเองลำบาก แต่รู้สึกว่าตนเองเหงามากกว่า
ภาพยามที่เธอคอยมีทวดหนุ่มคอยชื่นชม และมีกิจกรรมร่วมกันเป็นครอบครัวที่แสนสุขลอยเข้ามาในสมองราวกับม้วนฟิล์มที่ถูกกลอกลับ จนเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่ขอบตาเด็กสาวจึงได้สติแล้วสะบัดหัวไปมาสองสามที
“ไม่ได้ๆ นี่ไม่ใช่เวลามาร้องไห้ซะหน่อย” ดวงหน้าน่ารักเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอเก็บจดหมายไว้ในกล่องเล็กๆในห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายลายลูกไม้น่ารักที่ถักขึ้นมาเองพร้อมกับเตรียมเงินและสุดบัญชีไปด้วย เด็กสาวหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของตนเองขึ้นมาสะพายก่อนจะหยิบกุญแจบ้านแล้วก้าวออกจากบ้านอย่างร่าเริง
วันนี้จะต้องหางานทำให้ได้เลยค่ะ!
เด็กสาวล็อคประตูพร้อมกับตรวจเช็คความแน่นหนา หลังจากที่ได้ใช้เวลาตัดสินใจว่าเธอจะหางานใหม่ที่นอกจากขายขนมปังทำ ดังนั้นวันนี้เธอจะเข้าเมือง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่ากลัวเพราะเธอไม่เคยออกนอกหมู่บ้านของตนเองเลยก็ตาม
ระหว่างเดินเท้าออกนอกหมู่บ้านเด็กสาวก็ได้แวะทักทายและแบ่งปันขนมที่ตนเองทำไว้ก่อนหน้านี้ให้เหล่าเพื่อนบ้านที่เธอเดินผ่านและรู้จักมาตั้งแต่วัยเด็กและยังฝากฝังให้ช่วยดูแลบ้านของตนด้วย ซึ่งเธอก็ได้รับคำอวยพรให้ปลอดภัยและให้ได้งานอย่างที่ตั้งใจมาตลอดเส้นทาง
ในเมืองใหญ่ไม่ต่างจากที่เธอเคยได้ยินมามากนัก ผู้คนมากมายต่างใช้ชีวิตกันในเมืองที่เต็มไปด้วยความเจริญก้าวหน้าที่พบเห็นได้น้อยจากหมู่บ้านของเธอ เอวิลดาที่เพิ่งเข้ากรุงเป็นครั้งแรกได้แต่ยืนมองความวุ่นวายของเมืองหลวงจากในจุดที่ไม่ค่อยมีผู้คนมากเท่าไหร่ด้วยดวงตาสีเขียวน้ำทะเลที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใส
คุณทวดคะ ..ดีไลน์อยากกลับบ้านจังเลยค่ะ
แต่เมื่อนึกได้ว่าตนเองจะมาท้อแท้ตอนนี้ไม่ได้เพราะยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ร่างเล็กก็กลับมามีแรงฮึดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเดินไปตามถนนหลักของเมืองเข้าไปหางานทำตามร้านต่างๆ แต่เพราะอายุของเธอยังน้อยทั้งยังไม่บรรลุนิติภาวะทำให้ต้องเดินคอตกออกมา
เวลาล่วงเลยไปจนเริ่มจะเย็นแล้ว ดวงตากลมโตเหลือบมองนาฬิกากลางเมืองที่บอกเวลาว่าตอนนี้บ่ายสามโมงแล้ว มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงแล้วหยิบเงินขึ้นมามานับ ซึ่งมันก็เหลือน้อยลงเต็มทีแต่น่าจะพอสำหรับที่พักหนึ่งคืนของเธอ
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตัดสินใจว่าจะไปพักที่ไหน เงาของใครบางคนก็พาดผ่านเธอไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงินในมือที่หายไปเกินครึ่งเช่นเดียวกัน
“เหะ … เห๋!!?”
เด็กสาวมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบอะไรเมื่อมองผ่านเข้าไปในตรอกมืดๆที่อยู่ไกลออกไปก็เห็นแววตาของบางอย่างที่ดูน่ากลัวเด็กสาวจึงรีบหันหลังกลับแล้วจ้ำเท้าออกมาจากเขตเมืองอย่างรวดเร็ว
ขาเรียวพาร่างเล็กของเด็กสาวที่ดูอ่อนแรงเดินมาตามเส้นทางที่อยู่นอกเขตตัวเมือง ที่พักในเมืองนั้นแพงเกินกว่าเธอจะตัดใจพักได้แม้จะเพียงพอกับเงินที่เธอมีแต่คงไม่พอสำหรับในคืนต่อไปแน่นอนดังนั้นเด็กสาวจึงตัดสินใจมาหาที่พักแถบชานเมืองเอาแทน
แสงแวววับที่สะท้อนเข้าตาทำให้เด็กสาวที่กำลังเดินก้มหน้ามองถนนด้วยแววตาผิดหวังต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบว่าเบื้องหน้าของเธอคือทะเล
ผิวน้ำสีครามถูกย้อมไปด้วยสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าเฉกเช่นเดียวกับนภาสีฟ้าที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มไปแล้ว แสงระยิบระยับบนผิวน้ำที่สะท้อนกับแสงสนธยานั้นสวยงามราวกับอัญมณี ซึ่งนั่นก็ช่วยให้เด็กสาวที่กำลังห่อเหี่ยวกลับมามีแรงสู้อีกครั้ง รอยยิ้มหวานอย่างมีความสุขประดับบนใบหน้าใสจนดวงตาคู่สวยปิดลง
คุณทวดคะดีไลน์ได้เห็นทะเลแล้วค่ะ
ทะเลและพระอาทิตย์ตกดินที่เธอได้เห็นเหมือนจะปัดเป่าเอาเรื่องร้ายๆออกไปจากใจจนหมดสิ้น ร่างเล็กเดินฮัมเพลงไปตามทางเดินที่เลียบไปกับชายฝั่ง ก่อนที่ดวงตาคมจะสะดุดเข้ากับป้ายไม้เล็กๆที่ดูผุพังตามอายุซึ่งน่าจะเก่าแก่น่าดูของมัน เธอรีบสาวเท้าเข้าไปเมื่อสังเกตว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่
'รับสมัครพ่อบ้าน-แม่บ้าน'
“เยี่ยม!” เด็กสาวร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหาที่มาของกระดาษแผ่นนี้เพราะมันไม่ได้ระบุอะไรไว้เลย … แล้วเธอจะหาบ้านหลังนี้เจอได้อย่างไรนะ
ดีไลน์ดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากป้ายแล้วจึงสังเกตุได้ว่าป้ายนั้นชี้ไปทางเส้นทางหนึ่ง เมื่อเธอมองตามขึ้นไปก็เห็นว่าสุดสายตาของเธอนั้นเป็นเนินที่เหมือนด้านบนจะมีป่าอยู่
“หรือจะเป็นบ้านของพวกคนรวยที่ชอบสร้างไว้ในป่าตามนิยายที่เคยอ่านกันนะ” พึมพำเบาๆ ก่อนจะหยิบน้ำในกระเป๋าสะพายของตนขึ้นมาดื่มและขนมปังฝีมือตนเองขึ้นมากินจนเริ่มอยู่ท้อง เด็กสาวก็ก้าวเท้าเดินไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าไปทางป่านั้นอย่างไม่ลังเล
ยิ่งเดินเข้าไปในป่านั้นเท่าไหร่ก็เหมือนกับจะมืดลงเรื่อยๆ แถมระหว่างที่เธอเพิ่งเดินเข้าป่ามาได้ไม่เท่าไหร่ฝนก็สาดเทลงมา แต่ยังโชคดีที่เธอพกร่มมาด้วยไม่งั้นได้เปียกโชกไปทั้งตัวแน่ๆ แม้จะอยากหันหลังกลับไปเท่าไหร่แต่สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาก็ดูจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เดินไปตามทางเดินดินที่เต็มไปด้วยดินโคลนจนรองเท้าของเธอเลอะเทอะไปหมด
ตอนนี้เธอได้แต่รู้สึกกังวลและหวาดกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทางเดินที่มีทำให้เธอใจชื้นว่าจะต้องมีบ้านคน จะบ้านร้าง หรือบ้านไม่ร้างแค่มีบ้านให้เธอได้หลบฝนเท่านั้นก็พอ เพราะตอนนี้มันมืดลงเรื่อยๆและตะเกียงไฟที่เธอพกมาด้วยมันก็สองให้เห็นแค่รอบตัวเท่านั้นไม่อาจเห็นทัศนียภาพที่อยู่ออกไปอีกได้ ดังนั้นดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปที่รอบๆตัวซึ่งมืดสนิทเพื่อระวังภัยที่อาจจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อสายฟ้าพาดผ่านท้องฟ้าสีทะมึนไปจนเกิดประกายแสงพาดผ่านให้เธอได้เห็นบริเวณรอบข้างมากขึ้น
และนั่นก็ทำให้เธอได้เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างทะมึนโดยมีฟ้าแลบและสายฟ้าฟาดเป็นฉากหลัง ... ทำให้ดูเหมือนคฤหาสน์ฆาตกรโรคจิตที่เธอเคยอ่านเจอในวรรณกรรมสืบสวน
คุณทวดค่ะ … ดีไลน์ว่าสติของดีไลน์ใกล้จะบินออกจากร่างเต็มทีแล้วค่ะ
ร่างเล็กหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วด้วยแววตาว่างเปล่า แม้จะกลัวจับใจแต่ยังไงเธอก็ต้องหาที่หลบฝนและต้องหาทางไปบ้านที่รับสมัครแม่บ้านหลังนั้นให้ได้ … ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“หรือว่า .. จะเป็นบ้านหลังนี้กันนะ”
ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรได้ต่อจู่ๆประตูรั้วบ้านก็เปิดออกเองโดยที่เธอยังไม่ได้ไปแตะต้องมันเสียด้วยซ้ำ แถมเธอก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมาเปิดประตูให้เธอด้วยซ้ำ ก่อนจะต้องขนลุกซู่เมื่อสายลมหอบใหญ่พัดผ่านตัวเธอไปซึ่งลมนั้นดันมาพร้อมกับเสียงแผ่วเบาที่ไม่สามารถระบุเจ้าของได้ว่า …
"ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือนสู่คฤหาสน์แอนโดนิส..."
คุณทวดคะ .. ดีไลน์ได้เจอผีเป็นครั้งแรกในชีวิตแล้วค่ะ .. ฮือ ...
ความคิดเห็น