ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER iKON GOT7 : : SONGKIM] MAZE♂ FIRST STORY

    ลำดับตอนที่ #22 : MAZE : CHAPTERS 19

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58


    © themy butter

     
      


    ใครทำให้เธอเจ็บ คนๆนี้ขอไม่ให้อภัยได้ไหม คังซึงยูน



     

    CHAPTERS 19

     

                เหล่า MAZE และทีมงานต่างก็กลับมาที่โรงแรมหลังจากจบคอนเสิร์ตในฮ่องกง เพื่อเตรียมตัวไปเลี้ยงฉลองที่ภัตตาคารสุดหรู เพื่อเป็นการส่งท้ายของคอนเสิร์ตในเอเชีย เพราะหลังจากวันพรุ่งนี้พวกเขาต้องไปตะลุยเวิร์ลทัวร์กันที่แทบอเมริกาแล้ว

                รถตู้แบ่งเป็น 5 คน โดยเป็นรถของทีมงาน 4 คัน และรถของเมมเบอร์กับผู้จัดการอีกคัน ทุกคนต่างก็ทยอยลงมาจากรถในชุดสบายๆ  

                “หือ”

                ร่างบางของฮารุกิหยุดชะงักเมื่อคนที่เดินอยู่ข้างๆเขาหยุดเดินแล้วทำเหมือนหาอะไรอยู่ “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่มิโน”

                “เหมือนพี่จะลืมกระเป๋าเงิน”

                “โธ่ จะเอาไปทำไมล่ะครับ ไม่ได้จ่ายซะหน่อย”

                “แต่มันจำเป็นอยู่นะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน งั้นเดี๋ยวพี่..”มินโฮที่กำลังจะบอกว่าจะขึ้นไปเอา หันไปเห็นที่รถ จินอูกับซึงยูนคุยกันกระหนุงกระหนิง และทำท่าว่าจะขึ้นไปบนรถแล้ว ทำให้เขาเปลี่ยนใจ “อ่า งั้นช่างมันแล้วกัน”

                “มันจำเป็นใช่ไหม งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปเอามาให้ก็ได้ครับ”ฮารุกิเสนอตัว

                “เอางั้นเหรอ”

                “ครับ ขอคีย์การ์ดด้วย”

                “ขอบใจนะฮารุ”

                “ครับ”

                เมื่อฮารุกิอาสาไปเอากระเป๋าให้เขาแล้ว ร่างสูงก็หันไปด้านหน้า แล้วสิ่งสุดแรงเพื่อไปให้ทันขึ้นรถตู้ เมื่อเข้าไปแล้วก็เห็น แจบอมกับจินยองนั่งแถวแรก ถัดมาชานอูกับจุนฮเวนั่งกันอยู่ และไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างเขาหรืออะไร ซึงยูนหายไปไหนไม่รู้ นั่นทำให้แถวถัดไปมีแค่จินอูที่นั่งอยู่คนเดียว

                ไม่รอช้า มินโฮรีบแทรกตัวเข้าไปแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างจินอูทันที

                “...”จินอูที่นั่งเหม่ออยู่สะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองคนข้างๆอย่างแปลกใจ “นาย”

                “ทำไมเหรอ”แกล้งถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ก่อนจะหันไปเห็นซึงยูนที่ขึ้นมาบนรถมองเขาอย่างแปลกใจ “นี่คงไม่ใช่ที่มึงใช่ปะซึงยูน”

                “ก็.. คงไม่”ซึงยูนพูด ยิ้มเจื่อนๆแล้วเดินไปนั่งเบาะเดี่ยวข้างมินโฮแทน “อ่ะจินอู”

                “ขอบใจนะซึงยูน”จินอูพูด เอื้อมมือผ่านมินโฮไปรับขวดน้ำมาจากซึงยูน แต่มินโฮกลับดึงออกจากมือ “ทำไม!!

                “จะเปิดให้”พูดจบก็จัดการเปิดฝาขวดแล้วส่งให้อีกฝ่าย ก่อนจะใช้เท้าสะกิดเบาะข้างหน้า “ไอ้จุนฮเว”

                “อะไรเฮีย”จุนฮเวดึงหูฟังออกจากหู ยืดตัวเพื่อหันไปมองพี่ชาย “ถีบเพื่อ?”

                “ได้ยินมาว่ามึงเต๊าะไอ้ตัวเล็กอยู่เหรอวะ”

                “ตัวเล็ก? ตัวเล็กอะไร๊”

                “สาบานปะว่าไม่รู้”ชานอูถาม หันไปหามินโฮ “ใช่เฮีย ผมยืนยันได้ แม่งคุยทุกวันเลย”

                “ชานอู ไม่มีใครเขาเอ่ยปากถามความเห็นจากมึงเลยนะ”จุนฮเวพูดเสียงเข้ม กระแอมแก้เขิน “แล้วไม ผมคุยแล้วจะทำไมอ่ะ เฮียจะมาหวงทำไม เฮียไม่ใช่พ่อออออออออ..”

                “- -*

                “อย่ามองงั้นดิจินอู ผมไม่ได้ว่าไรเล้ยยย”จุนฮเวรีบแก้ เมื่อเห็นสายตาแข็งๆของจินอูจ้องเขม็ง “แค่คุยน่า ผมไม่ได้จะจีบ”

                “ให้มันจริงเถอะ ถ้าน้องฉันเสียใจ ฉันฆ่าแกตายแน่”

                “อย่ามาขู่ผม”จุนฮเวพูด หัวเราะเบาๆ “ว่าแต่สองคนดีกันแล้วเหรอ”

                มินโฮกับจินอูหันมามองหน้ากัน แค่เพียงเสี้ยววินาทีก็หันไปทางจุนฮเว “คะ คืนดีอะไร”

                “แหมจินอู ใครๆก็ดูออกว่าพี่ทะเลาะกับเฮียอ่ะ”

                “ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันโว้ย”มินโฮพูด “จริงปะจินอู”

                “อะ อือ”

                “ให้มันจริง ถ้าเป็นงั้นก็ดีไป เวลาพวกพี่มึนๆตึงๆใส่กันโคตรน่าอึดอัดเลย แม่งอย่างกับผัวเมียทะเลาะกัน”

                “พูดบ้าๆ”จินอูพูดเสียงเข้ม ตบหัวจุนฮเวแรงๆ “ฟังเพลงไปเลยแกน่ะ”

                “พี่น่าจะตีแรงกว่านั้นอีกนะ”แจบอมที่นั่งแถวหน้าพูด หันมายิ้มเยาะใส่จุนฮเว “วันนี้ก็แย่งพาร์ทผมไปร้องเฉย”

                “อะไรๆ ก็บอกแล้วไงว่ากูจำผิดอ่ะ”

                “แล้วแย่งไปไม่พอ ดันไปร้องพาร์ทเขาหลงอีกนะพี่อ่ะ”ชานอูเสริมแจบอม หัวเราะคิกคักแต่ก็โดนจุนฮเวล็อคคอ แล้วก็สงครามขึ้นอีกครั้ง

                จินอูก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ในขณะที่มินโฮยิ้ม ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะไม่ชอบคำพูดของจุนฮเว แต่สำหรับเขานี่โคตรจะชอบ

                ผัวเมียทะเลาะกันเหรอ.. ฮ่าๆ ก็ดีนะ

                TRU TRU

                มินโฮเอื้อมมือลงไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วดึงโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นชื่อของคนโทรเข้า นั่นทำให้จินอูต้องมองอย่างสงสัย

                “มีอะไรเหรอ”

                “ซวยละ ฉันลืมฮารุไว้ที่โรงแรมอ่ะดิ”

                “อ้าว”

                มินโฮตบหน้าผากตัวเองแล้วกดรับ “ฮารุ”

                (ทำไมทิ้งผมอ่ะ)

                “พี่ขอโทษนะฮารุ อ่า ดะ เดี๋ยวพี่ให้เขาวนรถกลับไปนะ”

                (พี่นี่จริงๆเลย ไม่เป็นไรครับ พวกพี่ล่วงหน้ากันไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ตามไป)

                “เอางั้นเหรอ”

                (ครับ)

                “ขอโทษทีนะฮารุ”

                มินโฮวางสาย หันไปยิ้มเจื่อนๆให้จินอู

                “นายนี่จริงๆเลย คนทั้งคน ยังจะลืม”

                “ก็ฉันมัวแต่..”

                “???”

                “เอาน่ะ มันเป็นอาการข้างเคียงของคนป่วย นายไม่รู้เหรอ”

                “ยังป่วยอยู่อีกเหรอ ไหนดูหน่อย ตัวหายร้อนหรือยัง”จินอูพูด ยกมือขึ้นอังหน้าผากของมินโฮ “ตัวนายยังอุ่นๆอยู่ละ ..เลย"

                “...”

                “...”

                ทั้งสองคนจ้องตากันนิ่งๆ ไม่มีใครพูดอะไรก่อนจะเป็นจินอูที่เบือนหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง ให้ตายเถอะ อย่ายิ้มสิจินอู อย่าไปยิ้มสิ..

                เพื่อนมองกันเขาไม่เขินกันหรอกนะ หยุดยิ้ม!!!

                ซึงยูนที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่นาน กำผ้าม่านที่ติดหน้าต่างเอาไว้แล้วแค่นยิ้มให้กับตัวเอง.. ยังไงซะ มินโฮก็เป็นทุกอย่างสำหรับจินอูอยู่แล้ว เขามันก็แค่ความสุขชั่วคราวของจินอูเท่านั้นเอง

                ขอให้มีความสุขนะจินอู..








     














     

     

     

     

     

     

                จินอูเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปภายในห้องจัดเลี้ยงที่จองเอาไว้ เขาเลือกนั่งโต๊ะตัวในสุด และแน่นอนว่าอีกเดี๋ยวเหล่าเด็กๆของเขาต้องตามมานั่งตัวเดียวกันหมดแน่

                เมื่อจินอูนั่งลงประจำที่ ก็ต้องเงยหน้าด้วยความแปลกใจ เพราะมินโฮจู่ๆก็พุ่งเข้ามาแล้วนั่งข้างเขา ก่อนที่คนอื่นๆจะพากันมานั่ง จินอูหันไปมองที่ประตู ซึงยูนดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้สนิทกับใครในนี้

                “มิโน”

                “หืม? เอาไรเหรอ”

                “เขยิบไปตัวนู้นได้ไหมอ่ะ”จินอูพูด บุ้ยปากไปที่เก้าอี้อีกตัวข้างมินโฮ ซึ่งเจ้าตัวก็เขยิบไปแต่โดยดี เขาเลยยกมือเรียกซึงยูน “ย๊า คังซึงยูน มานั่งนี่มา”

                “อ่า.. อื้ม”ซึงยูนพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งข้างกับจินอู

                มินโฮแอบเบ้หน้าเล็กน้อย..

                อยู่ๆกูก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น

                “เฮีย แล้วพี่ชายหน้าสวยคนนั้นไปไหนอ่ะ”

                “แหม เรียกซะเต็มยศเลยนะพี่”

                “เอ้า ก็กูจำชื่อไม่ได้”จุนฮเวหันไปตอบชานอู แล้วหันมามองมินโฮ “โต๊ะเต็มแล้วเนี่ย ไล่ไอ้ชานอูไปนั่งโต๊ะอื่นไหม”

                “อ้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ”

                “อย่าเพิ่งทะเลาะกัน แค่นั่งมาบนรถกูก็รำคาญเสียงพวกมึงจะแย่แล้ว”มินโฮรีบห้ามก่อนที่สองคนจะตีกันอีก “เดี๋ยวมาถึงค่อยว่ากันอีกที”

                วันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ถึงมาเลี้ยงที่ภัตตาคาร ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรกๆว่า MAZE สามารถทำกำไรคืนบริษัทได้หลายสิบเท่า บอสที่แสนจะใจดีของพวกเขาก็เลยเปิดห้องให้ กินกันเต็มที่ก่อนจะไปลุยงานกันต่อ เห็นว่าหลังเสร็จเวิร์ลทัวร์ จะมอบวันหยุดให้เป็นเดือนๆเลยทีเดียว

                “มีเสื้อหนาๆหรือยังจินอู”

                จินอูหันไปมองซึงยูนที่ถาม “มีนะ แต่ไม่รู้จะได้ไหม”

                “ไว้ไปซื้อด้วยล่ะ ที่อเมริกาหิมะตก คงหนาวกว่านี้เยอะ”

                “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเอาของกูก็ได้ มีเยอะ”มินโฮที่นั่งฟังอยู่พูดแทรกพร้อมกับยักคิ้ว

                จินอูเลยได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ..ทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกว่ามินโฮกำลังกลับมาเป็นคนเดิม คนที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยจะชัดเจนอะไรเลยสักอย่าง

                ป่วยหนักมากมั้ง

                “ว่าแต่ นายกลับเกาหลีเมื่อไหร่อ่ะ”จินอูแกล้งทำเป็นไม่สนใจมินโฮ แล้วหันมาคุยกับซึงยูน ก่อนร่างบางจะสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆก็ถูกดึงมือไปจับเอาไว้โดยคนตัวใหญ่กว่าที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เพราะจับใต้โต๊ะ เลยไม่มีใครสังเกตุเห็น

                มินโฮเองก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่บีบมือนุ่มไว้แน่น..

                คิดถึง คิดถึงจนเหมือนจะบ้าตายอยู่แล้ว

                “พรุ่งนี้แหละ ตอนเช้าเลย”ซึงยูนตอบ ก้มหน้าลงแล้วยิ้มฝืนๆ

                คนอื่นอาจจะไม่เห็น

              แต่คังซึงยูนที่นั่งอยู่ตรงนี้เห็น..

              ..เห็นชัดมาก

     

              ..เห็นแม้กระทั่งรอยยิ้มและสายตาเปี่ยมสุขของจินอู

                สารภาพตามตรงว่าตอนนี้จินอูทลายกำแพงที่ก่อเอาไว้หมดแล้ว ทั้งที่พยายามอย่างหนัก ทั้งที่ทำมาตลอด แต่เพียงแค่ปลายนิ้วของมินโฮสัมผัสโดนตัว ทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ก็พังครืนลงมาทันที และตอนนี้

                แต่ถ้าต้องกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีกล่ะจินอู

                ...

                มันเจ็บนะ

                ...

                แล้วมันก็ทรมานมากด้วย

                ...

                ..เพราะงั้น

                ...

                อย่าดีกว่า

                เมื่อคิดได้แบบนั้น จินอูก็ดึงมือของตัวเองออก แล้วมากุมกันไว้บนโต๊ะ มินโฮส่งสายตาไปให้อย่างสงสัย อยากจะถามออกไปว่าทำไม แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

                “ฮัลโหล”

                (..พะ พี่มิโน)

                มินโฮขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงปลายสาย มันเป็นเสียงของฮารุกิ เบอร์ที่โทรเข้ามาก็เบอร์ฮารุกิ แต่ที่แปลกคือเสียงฮารุกิกำลังสั่น และแผ่วเบา

                “มีอะไรหรือเปล่าฮารุ”

                (ชะ ช่วย.. ช่วยผมด้วย)

                “ฮารุ เกิดอะไรขึ้นน่ะ”ร่างสูงลุกขึ้นยืน เสียงทุ้มดังพอจะให้ทุกคนหันมาสนใจ แม้แต่จินอูที่เงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ

                (ผะ ผม.. เฮ้ย มึง บอกแล้วไงว่า #%WEYRED*ES@$$#^^(O*YT&%)

                เสียงคุยเป็นภาษาจีนที่มินโฮฟังออกบ้างไม่ออกบ้างก็ดังผ่านโทรศัพท์ แต่ถึงฟังไม่ออกเลยก็พอจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ใช่เลยสักนิด

                “ฮารุ ฮารุ!! ซาโต้!!! ฮารุกิ ได้ยินพี่ไหม!!!!!!

                แล้วสายก็ตัดไป มินโฮกำโทรศัพท์แน่นก่อนจะวิ่งออกไปโดยมีสายตาทุกคู่มองตาม จินอูเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งตามมินโฮออกไปโดยมีซึงยูนกับจุนฮเวและทีมงานอีกสองสามคนวิ่งตาม

                “เนียร์ รออยู่นี่นะ”

                “แต่ผม..”

                “รออยู่นี่ เชื่อพี่”แจบอมกำชับแล้วหันไปหาชานอู “มึงก็อยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหน ฝากเนียร์ด้วย”

                ชานอูพยักหน้ารับ แจบอมเลยวิ่งตามออกไปอีกคน แม้จะยังไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากสีหน้าท่าทางของมินโฮในตอนนี้แล้ว ทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแน่ๆ

                “เกิดอะไรขึ้นมิโน”จินอูถาม คว้าแขนมินโฮที่เดินไปเดินมาไม่หยุด “นี่มิโน ตั้งสติก่อน เกิดอะไรขึ้น ซาโต้ทำไม”

                “ฉะ ฉัน ฉันไม่รู้”มินโฮละล่ำละลัก “ฮารุโทรมา บอกให้ช่วย แล้วฉันก็ได้ยิน ได้ยินใครก็ไม่รู้”

                “ซาโต้นั่งแท็กซี่ตามมาใช่ไหม”

                “อืม”มินโฮพยักหน้าตอบซึงยูน กัดเล็บตัวเอง “กะ กูไม่รู้ ฮา..ฮารุ”

                “เราย้อนไปตามทางเดิมเถอะ เผื่อจะเจออะไรบ้าง”ซึงยูนเสนอ

                “งั้นเอางี้ เราแบ่งๆกันไปก่อน ช่วยแจ้งตำรวจให้ผมด้วยนะครับ”จินอูพูด หันไปบอกทีมงานที่เป็นคนฮ่องกง “ไปกันเถอะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่า ซึ่งรอบข้างมืดหมดแล้ว มินโฮ ซึงยูน จินอู และคนพื้นที่อีกคนนั่งรถย้อนมาตามทางเดิมจากภัตตาคารกลับไปยังโรงแรม และเลือกไปตามทางแยกที่ค่อนข้างเปลี่ยว

                จินอูมองมินโฮที่ยังคงนั่งกัดเล็บไม่พูดอะไรออกมาเลยตั้งแต่ที่ภัตตาคารแล้ว มือบางเลยวางลงบนไหล่หนาแล้วบีบเบาๆ

                “นายใจเย็นก่อนนะมิโน พวกเรากะ..”

                “นายจะให้ฉันใจเย็นได้ไงจินอู!!!!!!!!!!!!

                ไม่เพียงแค่การตะคอกใส่ แต่มือหนาปัดมือบางออกอย่างแรงจนกระแทกกับประตูรถ แม้จะตกใจ แต่ตอนนี้มินโฮทำได้แค่ก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือของตัวเอง

                “จินอู เป็นอะไรไหม”ซึงยูนรีบถามด้วยความเป็นห่วง คว้ามือจินอูมาดู “แดงหมดแล้ว ไอ้มิ..”

                “ไม่เป็นไรซึงยูน”จินอูรีบห้าม “ตอนนี้มิโนคงกำลังเครียด”

                “นั่นรถแท็กซี่หรือเปล่า”

                ทั้งสามคนต่างก็มองไปตามที่คนพื้นที่บอก มินโฮเป็นคนแรกที่พุ่งลงไปจากรถ กวาดตามองไปรอบๆซึ่งเป็นที่เปลี่ยว

                “ฮารุ!!!!!!!!!!!!

                มินโฮป้องปาก ตะโกนไปตามความมืดแล้วเลือกวิ่งไปตามทางเดินรกๆ เข้ามาไม่ลึกมากก็ทำให้เขาเจอ

                “ฮารุ!!!

                “เฮ้ย”

                “ไอ้เหี้ย!!! #W%^%URRQ@$@

                สารพัดคำด่ามากมายที่มินโฮรัวใส่ก่อนที่ร่างสูงจะคว้าร่างสกปรกออกมาจากฮารุกิแล้วรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง

                “ซาโต้!!”จินอูที่วิ่งตามมินโฮมาร้องเรียกอย่างตกใจ ก่อนจะพุ่งไปหารุ่นน้องที่นอนร้องไห้หมดสภาพอยู่กับพื้น “ซาโต้”

                “ไอ้สารเลว ไอ้เวร จิตใจมึงทำด้วยอะไร”

                “มิโน พอแล้วมึง!!!”ซึงยูนรีบร้องห้ามเมื่อเห็นมินโฮกระทืบไปที่ร่างสกปรกจนแน่นิ่งไปแล้ว “เดี๋ยวมันก็ตายห่าหรอก”

                มินโฮหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อย หยดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาคม กัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซิบ แล้วหันไปหาร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของจินอู

                “ฮารุ..”

                “พะ พี่มิโน ฮึก”ฮารุกิร้องไห้โฮ โผเข้าสู่อ้อมแขนของมินโฮ “ฮือ ผมกลัว ชะ ช่วยผมด้วย”

                “พี่.. พี่ขอโทษ พี่ขอโทษฮารุ พี่ขอโทษ”มินโฮพร่ำพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา กอดร่างบอบช้ำไว้ในอ้อมแขนแน่น

                จินอูก้มหน้าลงนิดหน่อย มองสภาพฮารุกิที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ก่อนจะจับชายเสื้อของตัวเอง แต่ถูกซึงยูนดึงมือเอาไว้

                “จะทำอะไรจินอู”

                “เอาเสื้อให้ซาโต้ใส่น่ะสิ”จินอูพูด

                “จะบ้าหรือไง”แต่ซึงยูนกลับตะคอกกลับ แล้วถอดเสื้อตัวเองออกแทน เหลือเพียงเสื้อกล้ามที่ใส่ไว้ด้านในเท่านั้น “เอาของฉันนี่”

                “อืม”จินอูรับคำแผ่วเบา แล้วเอาเสื้อไปคลุมร่างของฮารุกิเอาไว้ “มิโน.. พาซาโต้ไปโรงพยาบาลเถอะ ทางนี้เดี๋ยวฉัน..”

                ไม่รอให้จินอูพูดให้จบ มินโฮก็อุ้มร่างบอบช้ำแล้วเดินออกไป จินอูได้แต่มองตามไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย

                ซึงยูนตบบ่าจินอูเบาๆ “ซาโต้มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ดูก็รู้ว่ายัง”

                “แต่ถ้าพวกเรามาช้าอีกนิดเดียว”

                “แต่เราก็มาทัน”

                “...”

                “เพราะงั้นอย่าคิดในแง่ร้ายสิ มันเครียดเปล่าๆนะ”ซึงยูนพูดแล้วลูบหัวจินอูเบาๆ

                “อืม.. ฉันจะคิดแบบนั้นก็แล้วกัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะจัดการอะไรได้เสร็จ จินยองมาอยู่ที่โรงพยาบาลที่ฮารุกิถูกส่งตัวมารักษา และทีมงานหลายคนต้องประสานงานให้เรียบร้อยที่สุด เพราะเรื่องนี้อาจถึงหูนักข่าวแล้วจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ทุกเมื่อ

                ดังนั้น MAZE ทั้ง 4 คนจึงถูกสั่งให้อยู่แต่ในโรงแรม ห้ามออกไปไหนทั้งสิ้น จินอูกลับมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับฮารุกิที่ยืนกรานว่าจะกลับไปที่โรงแรมให้ได้ เมื่อมาถึง มินโฮเป็นคนแรกอีกเช่นเคยที่เข้ามาหา และอยู่ด้วยจนฮารุกิผล็อยหลับไป

                “มิโน”

                จินอูส่งเสียงเรียกร่างสูงของเพื่อนเบาๆ “กลับไปพักที่ห้องเถอะ พรุ่งนี้พวกนายต้องเดินทาง”

                “...”

                “มิโน”จินอูส่งเสียงเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามินโฮยังนิ่งไม่ไหวติง “ไปพักผ่อนเถอะนะ วันนี้นายเหนื่อยมามากแล้ว”

                “...”

                “มิ..”

                พลั่ก

              โครม!

                “เลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหมจินอู!!!!!

                ซึงยูนที่เดินอยู่หน้าห้องได้ยินเสียงเอะอะเลยรีบวิ่งเข้ามา ก่อนจะถลาไปประคองร่างของจินอูที่ล้มอยู่กับพื้น ในขณะที่จินอูเหมือนถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว

                มินโฮผลักเขา..

              ..ผลักจนล้มกองกับพื้น

                “นายจะให้ฉันพักเหรอ จะให้ฉันไปคอนเสิร์ตต่อเหรอ จะให้ฉันทำอะไรได้อีกเหรอ ในเมื่อฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทุกอย่าง”

                “...”

                “ฮารุต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน เพราะฉันมัวแต่มองนาย มัวแต่ตามนาย จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไง!!!

                “ไอ้มินโฮ!!!!!!!”ซึงยูนลุกขึ้น ขย้ำคอเสื้อของเพื่อนรักอย่างมีโทสะ “มันจะมากไปแล้วนะเว้ย”

                “มากอะไรอีก”มินโฮตะคอกกลับ ผลักซึงยูนออก “มึงก็อีกคน เอาไปสิ เอาไปเลย คนน่ารำคาญแบบคิมจินอูน่ะ มึงเอาไปเลย”


                คะ คนน่ารำคาญ



              ..



              ..เหรอ

                จินอูค่อยๆดันตัวลุกขึ้นยืน มองมินโฮทั้งน้ำตาก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ และเมื่อเห็นน้ำตาจากใบหน้าสวยนั้น สติก็กลับเข้าร่าง และทำให้ได้รู้ว่าเขาทำพลาดไปอีกแล้ว..

                เมื่อโกรธ ซงมินโฮคือคนขาดสติ ไม่รู้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด สิ่งไหนจริงสิ่งไหนหลอก และเมื่อกี้

                เขาทำร้ายจินอู..

                พลั่ก

                “มึงมันเหี้ย”ซึงยูนด่าหลังจากต่อยจนร่างสูงล้มไปกับพื้นแล้ว “จินอูเกี่ยวอะไร จินอูผิดตรงไหน มึง ไอ้เวรเอ๊ย”

                พลั่ก

                “กูเคยบอกมึงแล้วว่ากูให้แค่อีกครั้งเดียว”

                “กู..”

                “จินอูมีคนมากมายที่พร้อมจะรักและดูแล แต่จินอูไม่สนใจและให้โอกาสนั้นกับมึง โอกาสที่หลายคนอยากได้ แต่มึงได้ไป แล้วมึงก็ทำลายอย่างไม่สนใจไยดี”

                “...”

                “ไม่มีอีกแล้วซงมินโฮ ไม่มีครั้งต่อไปสำหรับมึงอีกแล้ว”

                ซึงยูนกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามจินอูออกไป ปล่อยให้มินโฮนั่งฟุบหน้าลงกับเข่าที่ตั้งชันของตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ

                เลว โง่

                ซงมินโฮเป็นแบบนั้น..

                ทั้งๆที่เรื่องมันกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว..

                ทั้งๆที่อีกนิดเดียวจะบอกออกไปแล้วว่ารัก..

                รักคิมจินอูมากแค่ไหน

                ...

                แต่มันก็พังหมดแล้ว

              ...

              พังด้วยน้ำมือของคนสารเลวอย่างตัวเขาเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              ซึงยูนตามจินอูที่หนีกลับไปที่ห้อง เขาเข้าไปข้างใน จินยองยืนอยู่ด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เขาเลยพยักหน้าเบาๆ

                “ออกไปแป็บนึงได้ไหมครับจินยอง”

                “อะ เอ่อ ดะ ได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปรอข้างนอก”

                “ขอบคุณครับ”

                ซึงยูนพูด รอจนจินยองออกไปจากห้องก็ล็อคประตูแล้วเดินมานั่งชันเข่าอยู่ตรงหน้าจินอูที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง

                “จิน..อู”

                ทันทีที่เอ่ยคำแรกออกไป ร่างของเขาก็ถูกร่างบางโอบกอดเอาไว้ แรงสั่นทำให้รู้ว่าจินอูร้องไห้ ซึงยูนเลยไม่ได้พูดอะไร แต่ยกมือขึ้นไปกอดปลอบอีกฝ่าย

                “ฮึก.. ฮือ”

                ซึงยูนหลับตาแน่น เสียงสะอื้นของจินอูราวกับมีดปลายแหลมที่กรีดหัวใจของเขาจนเป็นแผลลึก และมันเจ็บปวดเหลือเกิน

                “จินอู..”

                “ฮือ..”

                “พอเถอะนะ”

                “...”

                “อย่าทนอีกเลย”

                “ฮึก ฉะ ฉัน..”

                “นายไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดเพราะมันอีกแล้วนะ ฉันขะ ขอร้อง ..เลิกทนได้ไหม เลิกทำร้ายตัวเองที”

                จินอูเม้มปากแน่น กอดซึงยูนราวกับคนที่ต้องการที่พึ่งพิง และซึงยูนเป็นให้ได้อย่างเต็มใจ ดวงตากล้มโตเต็มไปด้วยน้ำตาจนภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด

                “ฮึก..”

                “เลิกเสียใจเพราะไอ้สารเลวที่ไม่เคยเห็นค่าของนายสักที”

                “...”

                “ได้ไหม”

                “ฮึก ..อือ”จินอูพยักหน้าตอบเบาๆ ปล่อยโฮอย่างหนัก

                พอกันที..

                ฉันยอมแล้ว

                ...

                ยอมแพ้นายแล้วซงมินโฮ


















     

    แม่ยกคู่อื่นอย่าเพิ่งน้อยใจน้า ที่ช่วงนี้มีแต่ซงคิม

    ช่วงเวิร์ลทัวร์น่ะ ยกให้เขาไปเถอะคู่นี้

     

    แล้วก็!! สำหรับใครทำกำลังด่ามิโนอยู่ อย่าเพิ่งด่าเลย

    ตอนนี้สัญญา ว่าจะเป็นตอนสุดท้ายที่ซงมินโฮจะเลิกซึน เพราะหลังจากนี้

    บทเรียนสำหรับคนปากหนักกำลังมา

     

    คังซึงยูนมาแล้ววววววววววววว มาแรงซะด้วย

    ติดตามนะติดตาม เรื่องนี้ยังอีกยาวไกล เพิ่งจะครึ่งเรื่องเอง


     

    สำหรับตอนนี้อาจจะทอร์คยาวหน่อย เพราะอยากมาอธิบายก่อน

    คนอารมณ์แบบมิโน(ในฟิค) มีอยู่จริงนะเออ ขออนุญาตเอาคาแล็คเตอร์ของเพื่อนพี่ชายมาใช้เลย

    เป็นแบบนี้จริงๆที่เวลาโมโห หงุดหงิด กังวล จะขาดสติไปเลย แบบไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป

    คือพาลไปหมดทุกอย่าง ประมาณนี้ แต่จะมารู้สึกตัวเอาทีหลัง

    คือเคยเจอมากับตัว ก็เลยขออนุญาตเอามาแต่งฟิคซะหน่อย ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆนะคะ

     

    ใช่ มิโนเลว เลวจริงๆ หลายคนอาจคิดแบบนั้น แต่เพราะคาแล็คเตอร์ที่กำหนดมาเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

    จะสังเกตได้ตั้งแต่ตอนแรก เมื่อไหร่ที่โกรธ เป็นแบบนี้ตลอดเลย ซึ่งหลังจากนี้จะไม่มีอะไร เพราะอะไร

    เพราะคิมจินอูจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว และอย่างที่บอก บทเรียนสำหรับคนปากหนักกำลังมา

    ตอนนี้เกลียด ต่อไปอาจสงสารก็ได้ อ่านไปเรื่อยๆนะ อย่าเพิ่งเลิกอ่านล่ะ ยังมีอะไรอีกเยอะเลย

     

    ขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือฟิคที่มาจากมโนของไรท์ล้วนๆ เรื่องจริง มิโนมุ้งมิ้งจะตาย ใช่ไหม

    ถึงยังไงก็รักซงคิมนะ 

     

    #วงมั่นหน้า


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×