ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER iKON GOT7 : : SONGKIM] MAZE♂ FIRST STORY

    ลำดับตอนที่ #21 : MAZE : CHAPTERS 18

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 58


    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

     




     

    CHAPTERS 18

     

                มินโฮกระพริบตาช้าๆเพราะรู้สึกว่าตอนนี้เปลือกตามันหนักอึ้งไปหมด เขารู้สึกเวียนหัวอยู่นิดหน่อย มองไปรอบๆก็พอจะรู้ได้ว่านี่คือห้องพักในโรงแรม สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือกำลังจะเริ่มซ้อม หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

                “อ๊ะ พี่มิโนฟื้นแล้ว”

                “ฮารุ”มินโฮพูดเสียงแหบจนต้องกระแอม “ไง”

                “ตอนนี้เป็นไงบ้าง ผมตกใจแทบแย่ตอนที่รู้ว่าพี่หมดสติ”

                “ขอบใจนะ”มินโฮยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า ลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ “เลิกกังวลได้แล้วล่ะ พี่โอเค”

                “มันอดกังวลไม่ได้หรอก”ฮารุกิพูด ย่นจมูก “ทำไมต้องฝึกหนักจนปล่อยให้ตัวเองป่วยขนาดนี้ด้วย คุณหมอบอกว่าพี่ไข้ขึ้นสูงมาก ต้องให้น้ำเกลือด้วย”

                เมื่อได้ยินมินโฮก็หันไปมองที่มือตัวเอง มีสายน้ำเกลืออยู่จริงๆ เลยได้แต่ยิ้มบางๆ “บ่นพี่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเรา”

                “ก็พี่ชอบทำตัวให้น่าบ่นนี่นา”ฮารุกิพูดพร้อมกับมุ่ยหน้า “ว่าแต่ อยากได้อะไรหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้”

                “ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”มินโฮพูดสอดส่องสายตาไปทั่วห้อง “..จินอู..”

                “โอ๊ย ไม่เห็นต้องไปถามหาจินอูซังเลย”

                “ทำไม”

                “พี่มิโนป่วยแทบตาย เขายังไปเที่ยวกับพี่ซึงยูนได้ลงคอ”

                “...”

                “ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้ว ผมก็ไม่เห็นเขาจะมาสนใจเลย ไม่แม้แต่จะถามด้วยซ้ำว่าพี่มิโนเป็นยังไงบ้าง ไร้ความรับผิดชอบสุดๆ เป็นเมเนเจอร์ภาษาอะไร”

                “ฮารุ”

                “ครับ”   

                “อย่าว่าจินอู”

                “ครับ?”

                “ต่อไปอย่าให้พี่ได้ยินนายว่าจินอูอีก ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม”มินโฮสั่งเสียงเข้ม มองฮารุกิที่หน้าเจื่อนไปเล็กน้อยเขาเลยเสียงอ่อนลง “จินอูเหนื่อยเพราะพี่มามากแล้ว เขาควรพักผ่อนบ้าง เพราะงั้นมันไม่ใช่ความผิดของจินอูหรอก”

                “..ผมก็แค่พูดไปตามที่คิด แต่ถ้าพี่ไม่ชอบผมจะไม่พูดอีก”

                “...”

                “ดูพี่จะปกป้องจินอูซังจังนะครับ”

                มินโฮมองฮารุกิด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่ากำลังจะสื่ออะไร สุดท้ายก็พูดออกมา

                “ก็จินอูเป็นเพื่อนนี่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                จุนฮเวกลับมาที่ห้องของตัวเองหลังจากไปหามินโฮมาแล้ว เพราะมินโฮป่วยเลยย้ายไปนอนอีกห้องนึงทำให้เขานอนคนเดียว แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นว่าผู้จัดการหน้าสวยที่เขา(เคย)หลงรักนั่งอยู่

                “จินอู?”

                “อ้อ เพิ่งกลับเหรอ”จินอูดูตกใจเล็กน้อยที่เจ้าของห้องกลับมา

                “อ่าฮะ”จุนฮเวพยักหน้า ส่งสายตาสงสัยให้อีกฝ่าย “พี่มาทำอะไรในห้องผม”

                “อ่า..”

                “เฮียไม่ได้อยู่ห้องนี้ซะหน่อย”

                “เปล่า”จินอูรีบส่ายหน้า “ฉันแค่มาหาแก”

                “หาผม?”

                “อือ ..คือ ซ้อมเป็นไงบ้างวันนี้ เหนื่อยไหม แล้วซ้อมหนักเหรอ ดูเหนื่อยๆนะ”

                จุนฮเวขมวดคิ้ว แล้วก็หัวเราะในลำคอ “รู้ปะ ว่าโกหกได้โคตรห่วยเลยพี่อ่ะ”

                “-o-

                “ไม่ได้จะมาถามหาผมก็พูดออกมาตรงๆดิพี่ ผมรู้น่า”จุนฮเวพูด แล้วนั่งลงบนเตียง “เฮียไข้ขึ้นสูงจนหมดสติไป แต่หมอเขามาฉีดยาแล้ว ตอนนี้โอเคขึ้นเยอะ ถ้าพี่เป็นห่วง ก็แค่ไปหา เพราะเหมือนเฮียเขาก็อยากให้พี่ไปหาเหมือนกัน”

                “...”

                “ผมไม่รู้หรอกนะเว้ย ว่าพวกพี่ทะเลาะอะไรกัน แต่อย่างน้อย พี่ก็เป็นเมเนของเรา ไปดูแลเฮียหน่อยก็คงไม่เป็นไรมั้ง พี่เคยบอกผมเองนี่หว่า ให้แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน”

                “...”จินอูมองจุนฮเวที่ร่ายยาว สุดท้ายก็ผลักหัวเด็กแสบของเขาแล้วหัวเราะ “นานๆทีจะได้ยินแกพูดจามีเหตุผล”

                “แน่น๊อนนนนนนนน ผมก็เป็นงี้มานานแล้ว พี่ไม่เคยเห็นเองเหอะ”

                “ไม่ใช่ว่าจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพื่อหวังผลอะไรหรอกนะ”

                “หวะ หวังอะไร อย่ามามั่วดิพี่”จุนฮเวพูดรนๆ ผลักจินอูเบาๆ “ไปๆรีบไปเลย ผมจะอาบน้ำนอนแล้ว เหนื่อยจะตาย”

                “อย่าทักแชทหาน้องฉันนะเว้ย”

                “เออน่า”

                จินอูยิ้ม กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องของมินโฮ ยืนลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดเข้าไปเงียบๆ และเป็นไปดังคาดเลยที่คนป่วยหลับอยู่ เขาเลยเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง จ้องมองใบหน้าเข้มที่ตอนนี้แดงเล็กน้อยเพราะพิษไข้

                “ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองไม่สบายแบบนี้ล่ะ”พึมพำอยู่เงียบๆคนเดียวก็เอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของคนป่วย และนั่นทำให้มินโฮตื่นขึ้น “อ๊ะ ขอโทษที ฉันทำนายตื่น”

                “มะ ไม่เป็นไร แค่ก”มินโฮพูดไปไอไป ก่อนจะดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับขอบเตียง แล้วจ้องหน้าจินอูด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

                เจอกันอยู่ทุกวัน ไม่ได้หายไปจากสายตาเลย แต่ทำไม
     

              ..ถึงได้คิดถึงขนาดนี้

                “ตัวนายยังร้อนอยู่เลย กินยาไปหรือยังน่ะ”

                “...”

                “มิโน”

                “ฮะ? อะไรนะ”

                “ฉันถามว่ากินยาหรือยัง นายเวียนหัวเหรอ”

                มินโฮมองจินอูที่เอ่ยถามอย่างกังวล เหมือนจะเหมือนเดิม แต่เขารู้ดีว่าไม่เหมือน ระหว่างเขากับจินอู ยังมีกำแพงที่นับวันจะหนาขึ้นมากั้นกลางเอาไว้

                “กินแล้ว ก่อนนายจะเข้ามาแป็บนึงน่ะ”

                “อ่า ถ้างั้นก็นอนพักไปแล้วกันนะ ฉันไป..”

                “จู่ๆก็ปวดหัวมากเลยจินอู รู้สึกร้อนมากด้วย”

                “จริงเหรอ ถ้างั้นรอแป็บนึงนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”

                “อืม”

                มินโฮมองจินอูที่วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ที่จริงเขาไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ปกติดีทุกอย่าง ที่พูดออกไปแบบนั้น ที่ต้องโกหกแบบนั้นก็เพื่อรั้งจินอูเอาไว้

                ผ่านไปสักพักเมเนเจอร์หน้าสวยก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูที่ชุบน้ำออกมา จินอูมองมินโฮที่นั่งอยู่ท่าเดิมอย่างลังเล

                “นาย ..เปลี่ยนเสื้อหน่อยไหม เหมือนว่าเหงือ..”

                คำพูดของจินอูขาดหายไปเมื่อจู่ๆมินโฮก็ถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกโดยไม่รอให้เขาพูดจบ รอยสักที่เขาไม่เคยเห็นปรากฏอยู่บนหน้าอกของมินโฮ อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าจน..

                “ฉันไปสักมา นายคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม พอดีไปเจอร้านสักที่โอซาก้า ก็เลยแวะเข้าไป”

                “อือ.. ฉันจะไปว่าอะไรนาย”จินอูพูดเสียงตะกุกตะกัก หันหลังให้มินโฮเพื่อเปิดตู้แล้วหยิบเสื้อยืดตัวใหม่ออกมา ส่งให้คนป่วย “อ่ะ”

                “อะไร”

                “ก็เสื้อ กับผ้า ..นายก็เช็ดตัวไปสิ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อ”

                “แขนฉันไม่มีแรง”

                “...”

                “เช็ดให้หน่อยไม่ได้เหรอ แล้วก็ใส่เสื้อให้ด้วย”

                จินอูเผลอขบริมฝีปาก ก่อนจะพยักหน้าแล้วนั่งลงเช็ดตัวคนป่วยด้วยมือที่(พยายามไม่ให้)สั่น โดยมีสายตาของมินโฮที่มองตามตลอด สายตาที่ทำให้ผู้หญิงครึ่งค่อนประเทศลงไปดิ้นกับพื้นได้ง่ายๆ และมันก็ใช้ได้ผลกับจินอูเหมือนกัน เพราะตอนนี้เขารู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว เลยต้องรีบเช็ดให้เสร็จแล้วใส่เสื้อให้มินโฮด้วย

                “นายนอนเถอะ พักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้ยังต้องขึ้นคอนเสิร์ตอยู่”

                “อืม”

                “งั้นฉันปะ..”

                คราวนี้คำพูดของจินอูไม่ได้ขาดหายไปเพราะมินโฮถอดเสื้อ แต่เพราะจู่ๆริมฝีปากหนาก็ประทับแนบชิดกับกลีปากบาง ดวงตากลมโตเบิกขึ้นด้วยความตกใจ แม้ว่าจูบในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา มันเป็นแค่การเอาริมฝีปากแตะกันเท่านั้น แต่จินอูก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน

                ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ริมฝีปากแตะกันอยู่แบบนั้น แต่เมื่อสติค่อยๆกลับเข้าร่าง จินอูก็ผลักมินโฮออกแล้วลุกขึ้นยืน

                “ฉันกลับห้องก่อนนะ”

                แล้วเดินออกจากห้องไปไม่แม้แต่จะมองกลับมา

                มินโฮเลยได้แต่ยิ้มกับตัวเองอย่างเศร้าๆ

                “คิดถึงนายนะ ..จินอู”



















     

     

     

     

                เรียกได้ว่าเป็นกำไรของชาวฮ่องกงเต็มๆ สำหรับใครที่ได้เข้าดูคอนเสิร์ตของ MAZE ในวันนี้ เพราะนั่นหมายความว่าจะได้ดูคังซึงยูนร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย

                เพราะมินโฮไม่สบาย หมอไม่อยากให้เขาโหมงานมากเกินไป ในส่วนโซโล่ของมินโฮซึ่งมีเวลาทั้งหมดครึ่งชั่วโมง เลยเพิ่มโชว์ของซึงยูน ซึ่งเจ้าตัวยินดีจะช่วยเหลือเพื่อนอยู่แล้ว และทางบอสของสองค่ายก็สนิทกันพอสมควร ทำให้ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้

                “ย๊า คังซึงยูน นายจะมาพลาดอะไรนักหนา นั่นเพลงนายเองนะ”จินอูโวยวายหลังจากที่ซึงยูนดีดกีต้าร์ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                เจ้าตัวหัวเราะแห้งๆ มองไปรอบๆ “นี่มันเวทีใหญ่นะจินอู แถมไม่ใช่งานฉันด้วย เป็นใครก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา”

                “นายนี่จริงๆเลยนะ”จินอูบ่นยิ้มๆ กระโดดขึ้นไปบนเวที “งั้นก็ซ้อมไปเรื่อยๆแล้วกัน อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าคอนจะเริ่ม”

                “อ่า..”

                “ไม่ต้องกังวลหรอก แฟนๆ MAZE หลายคนก็ชอบนายกันนะ”

                ซึงยูนยิ้มตอบ เอียงคอไปทางจินอู “ว่าแต่ผู้จัดการของ MAZE ล่ะ เคยฟังเพลงของร็อคสตาร์ชื่อดังอย่างคังซึงยูนบ้างหรือเปล่า”

                “อืมมมมมมม”จินอูแกล้งลากเสียงยาวปล่อยให้คนถามรอฟังคำตอบ เมื่อเห็นหน้าแล้วก็อยากจะแกล้งขึ้นมา “ไม่เคยอ่ะ ปกติเคยฟังแต่ของ..”

                “จินอู”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ล้อเล่นน่า ทำไมจะไม่ฟัง ฉันฟังหมดทุกเพลงนั่นแหละ”

                ซึงยูนยิ้ม เอียงคอเข้าไปใกล้ “งั้นไหนลองพูดให้ชื่นใจหน่อยสิ ว่าร็อคเกอร์คนไหนที่เท่ระเบิดที่สุดในเกาหลี”

                จินอูหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วจิ้มไปที่แก้มทั้งสองข้างของซึงยูนที่หลับตาปี๋รออยู่แล้ว “ก็นายคังซึงยูนเพื่อนสุดเท่ของฉันนี่ไง”

                “ฮ่าๆๆ อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ”

                เสียงหัวเราะของคนบนเวที ดังมาถึงคนที่อยู่ข้างล่าง มินโฮเบือนหน้าไปอีกทางเพราะไม่อาจทนเห็นภาพตรงหน้าได้อีก จินอูกับซึงยูนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือจะเป็นตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มห่างออกมา

                ใช่ บางทีมันอาจจะเป็นตอนนั้น

                “พี่มิโน”

                “ว่าไง”

                “วันนี้เป็นไงบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

                “อื้ม ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบใจมากนะฮารุ”มินโฮหันไปตอบฮารุกิที่มานั่งข้างๆแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเอง

                ฮารุกิเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมไปแตะแขนของมินโฮ

                เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้จากมินโฮมาก่อน เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองถูกเมิน และเมื่อได้รับมันมา ไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด

                แค่คังซึงยูนก็พอแล้วไม่ใช่เหรอที่ทำแบบนั้นกับเขาน่ะ

                “เป็นอะไรล่ะเรา เบื่อเหรอ”มินโฮหันไปถามร่างบางที่เอียงหน้ามาซบที่แขนของตัวเอง

                “ก็พี่ไม่สนใจผม”

                “พี่ขอโทษนะ”มินโฮพูดเสียงเบา ยิ้มให้ฮารุกิอย่างอบอุ่น “แต่พี่ก็เป็นของพี่แบบนี้แหละ”

                “แต่พี่ไม่ได้รำคาญผมใช่ไหม”

                “ใครจะไปรำคาญฮารุได้ลงคอล่ะหืม”มินโฮพูดพร้อมกับโยกหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

                ในขณะที่อีกด้านบนเวที ซึงยูนเห็นทุกๆการกระทำ ความสนิทสนมที่ไม่เคยเปลี่ยนของมินโฮกับฮารุกิ อาจทำให้ใครบางคนรู้สึกแย่ได้ถ้าหันไปเห็นมัน

                “นายซ้อมไปนะซึงยูน ฉันไป..”

                “เดี๋ยวจินอู”ซึงยูนรีบคว้าแขนของจินอูเอาไว้ก่อนที่จินอูจะหันไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรต้องเห็น

                “ฮะ? มีไร”

                “นาย ช่วยดูไมค์ให้หน่อยได้ไหม ไม่สิ หูฟังน่ะ ฉันว่ามันไม่ค่อยได้ยินเลย”

                “อ้าวเหรอ งั้นรอแป็บนะ เดี๋ยวไปเรียกทีมงานมาดูให้”

                “อืม”

                ซึงยูนพยักหน้า ปล่อยให้จินอูเดินไปด้านหลังเวที และแอบลอบมองไปยังมินโฮกับฮารุกิ โชคดีที่ทั้งสองคนผละออกจากกันไปแล้ว และซึงยูนบังอฺญสบตากับมินโฮที่มองมาพอดี

                เขาไม่ได้ทำแบบนั้นเพื่อช่วยมินโฮ เขาทำเพื่อช่วยจินอูต่างหาก

                ไม่อยากให้คิมจินอูต้องเจ็บอีกต่อไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×