[Once UpOn A Time] นิทานวิญญาณ - [Once UpOn A Time] นิทานวิญญาณ นิยาย [Once UpOn A Time] นิทานวิญญาณ : Dek-D.com - Writer

    [Once UpOn A Time] นิทานวิญญาณ

    ผู้เข้าชมรวม

    538

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    538

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.พ. 56 / 00:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    ONCE UPON A TIME
    WHEN YOU LOVE SOMEONE
    YOU'LL KNOW EVERYTHING NOT SPECIAL THAN THE ONE YOU LOVE



    ----------------------------------
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      ขบวนวิญญาณเดินมาอีกครั้ง พวกเค้าถือโคมไฟคนละดวง ที่แขนมีอัคระโบราณเรืองแสงสีดำอยู่บนท่อนแขนทั้ง 2 ข้างเดินผ่านหน้าบ้านของผมทุก ๆ วัน ไม่มีใครรู้ว่าผมมองอยู่ ไม่มีใครรู้จักผม วันนี้ยมทูติคนนั้นมาอีกครั้ง ยมทูติผมสีแดงเผลิงคนนั้น วันนี้คงจะเป็นเวรของเค้าสินะ ใบหน้าเย็นชานั่น เข้ากับดวงตาสีแดงเผลิงที่ดูเหมือนไฟเต้นระริกอยู่ตลอดเวลา

       

       

       

      ผมเฝ้ามองพวกเค้าเดินผ่านหน้าผมทุก ๆ วัน มือขาวซีดที่ถือโคมไฟสั่นทุกย่างก้าวราวกับเค้าเจ็บปวด ใบหน้าสงบกับชุมโบราณคร่ำครึ เข้ากันได้ดีจนผมขนลุก ผมมองพวกเค้าจากต้นซากุระแห่งนี้ทุก ๆ วัน พวกเค้าเดินผ่านหน้าผมไปยังลานกว้าง แล้วคำนับอะไรบางอย่างทั้ง 4 ทิศ แล้ว..........

       

       

       

       

       

      ..........พวกเค้า..........

       

       

       

       

       

       

      ..........ก็หายไป..........

       

       

       

       

       

       

       

      ผมไม่รู้ว่าพวกเค้าหายไปไหนและผมไม่อยากรู้ด้วย แต่ที่ผมมาเฝ้าดูพวกเค้าเพราะผมไม่มีอะไรทำ

       

       

      ผู้หญิงคนนี้มาอีกแล้ว เธอเป็นนายหญิงแห่งอาคิโซ ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเป็นผู้นำคงหาไม่ยากนักในตระกูลที่มีแต่ลูกสาว หรือมีลูกสาวเพียงคนเดียว เรือนผมสีทองเป็นประกาย ตัดกับนัยน์ตาสีดำคู่นั้น ทุก ๆ วันเธอจะมาเดินชมสวนซากุระแห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นสวนซากุระแท้ ๆ แต่ไม่รู้ทำไมทุกอย่างกลับแดงเทือกจนหน้าตกใจ

      นายหญิงอายูมิมาที่นี่ทุกวัน เธอมักขี่ม้าสีดำตัวโปรดของเธอมาที่นี่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่ที่นี่ เธอมักมารอคนรักของเธอที่นี่ ท่านชายแห่งโงริว ตระกูลคู่แค้นของเธอ แต่พวกเค้าทั้ง 2 กับรักกัน

      เธอนั่งรอคนรักของเธอคู่หนึ่งท่านชายอาเซะก็มา เค้าขี่ม้าสีขาวที่ขี่มาทุกครั้งเวลามาหาเธอ ผมสีทองเป็นประกายตัดกับผมหน้าม้าของเค้าที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลทำให้ใบหน้าที่เข้มอยู่แล้วยิ่งเข้มเข้าไปใหญ่ ท่านชายอาเซะตรงเข้ามาสวมกอดท่าหญิงอายูมิอย่างอ่อนโยน ใบหน้าสวยของท่านอายูมิขึ้นสีเล็กน้อยดูน่ารัก และน่าทะนุทนอม

      รอข้านายไหม อายุจังท่านอาเซะถามท่านอายูมิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งหาได้ยากจากท่าน ท่านอายูมิส่ายหน้าเบา ๆ จนผมยาวสลวยไหนน้อย ๆ

      ไม่นานหรออาเซะ ต่อให้รอนานกว่านี้ข้าก็รอได้เสียงหวาน ๆ จากท่านอายูมิเรียกรอยยิ้มจากท่าอาเซะได้เป็นอย่างดี

      ข้า รู้ ข้าก็เชื่ออย่างนั้นท่าอาเซะเอ่ย เข้าฝังจมูกลงบนแก้มขาวของท่านอายูมิ ข้าได้แต่นิ่ง มองดูเค้าทั้งคู่สนทนา ท่านอาเซะเอ่ยชวนท่านอายูมิหนีไปด้วยกัน ท่าอายูมิตอบตกลง พรุ่งนี้รุ่งเช้าท่านทั้ง 2 จะหนีไปด้วยกัน

      วันนี้ ข้ามาที่นี่อีกตามเคย วันนี้วินะที่ท่านทั้ง 2 จะหนีไปด้วยกัน ท่านอายูมิมาก่อนอีกตามเคย ท่านลงจากม้าตัวเดิมแล้วยืนรออย่างสงบ ข้าหันไปมองข้างกายข้า ผีเสือตัวสวยลายบนปีกเป็นสีแดง ได้ออกมาเผชิญโลกหลังจากโตเต็มวัยแล้ว ปีกปวกเปียกค่อย ๆ ขยายและแข็งแรงขึ้น เจ้าผีเสื้อน้อยบินจากข้าไปทันทีที่มันพร้อม

       

       

       

      ปัง  ปัง  ปัง

       

       

       

      เสียงปืนดังลั่นสวนซากุระแห่งนี้ เหล่านกต่างตกใจบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสและไร้เมฆราวกับจะเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ท่าหญิงอายูมิสะดุ้งสุดตัว นัยน์ตาของเธอเบิกกว้าง ผุดลุกยืนขึ้นทันที แต่สุดท้ายท่านก็นั่งลง แล้วรอท่านอาเซะต่อไป

       

       

       

      ท้ายสุดท่านอาเซะก็ไม่มา ท่านหญิงอายูมิขึ้นม้ากลับไปด้วยความเศร้า เมื่อท่านหญิงไป ขบวนวิญญาณก็มา พวกเค้าเดินเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบเช่นเดิม  ยมทูตผมสีขาวเป็นผู้นำทางในวันนี้ เธอต่างกับยมทูตผมแดงตรงนั้น ใบหน้าที่หวานกว่าจนผมดูไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย ดวงตาสีฟ้าสดใสดูซุกซน ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มตลอดเวลา นั่นล่ะที่ผมกลัว

       

       

       

      ขบวนวันนี้ดูยาวกว่าปกติ ในที่สุดก็ถึงท้ายแถว ชายหนุ่มคนหนึ่งที่คุ้นตาผมหยุดอยู่ตรงต้นวากุระที่ผมนั่งอยู่ ผมสีทองหน้าม้าสีน้ำตาลนั่น ดูคุ้นตาผม เค้าเงยหน้าขึ้นมองต้นซากุระด้วยความอาลัยอะไรบางอย่าง ใบหน้าหล่อนั่น ไม่ผิดแน่ นั่นท่านชายอาเซะ ที่ท่านไม่มาวันนี้คงเพราะท่านตายแล้วซินะ

      ยมทูตหันหลังกลับมามองท่านอาเซะที่อยู่ก็หยุดเดิน ทำให้ท่านต้องถือคบเผลิงเดินตามไปทันที พวกเค้าคำนับอะไรบางอย่างเช่นเดิม แล้วพวกเค้าก็ค่อย ๆ หายไปทีละคน แต่พอถึงท่านอาเซะ น้ำตาสีเลือดไหลออกมาจากตาของท่าน ก่อนที่โคมไฟจะร่วงออกจากมือของท่าน ยมทูตดูตกใจ โคมไฟค่อย ๆ เผาตนเองจนไม่เหลืออะไรเลย

       

       

       

      ผีเสื้อน้อยบินกลับมาอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กบินผ่านหน้าผมไปดูดน้ำหวานจากดอกไม้ข้างหน้าผม เจ้ามดง่ามตัวสีแดงสดเดินแอบมาด้านหลังของผีเสื้อน้อยอย่างรวดเร็ว แล้วใช้ขาหน้าทั้ง 2 พันธกานเจ้าผีเสื้อเอาไว้ แล้วเริ่มกลืนกินผีเสื้อตัวน้อยที่ไร้ทางสู้

       

       

       

       

      ท่านหญิงอายุมิขี่ม้ากลับมาน้ำตาของเธอนองเต็มใบหน้างาม ท่านรีบลงจากม้าแล้วร้องไห้อย่างหนัก ผมคาดว่าเธอคงรู้เรื่องของท่าชายอาเซะแล้ว ผมกลับไปมองท่านอาเซะที่หมดสติไปแล้ว ยมทูตกำลังส่งวิญญาณดวงอื่น ๆ อยู่ ผมจึงหมดห่วง

      ท่านหญิงร้องไห้สักพัก แล้วจึงนิ่งจ้องมองต้นซากุระที่เดียวกับท่านอาเซะ ซักพักเธอลุกขึ้นเหมือนคนไร้สติ มือเรียวจับปิ่นปักผมบนศีรษะแน่น ดวงตาคู่สวยดูหม่นหมองดูไร้ชีวิต ท่าหญิงจับปิ่นของตนแน่นแล้วแท่งเข้าที่หน้าอกของตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่มองไม่สามารถทำอะไรได้

      ร่าง บางของท่านอายูมิล้มลง ผมสีทองกระจายเต็มแผ่นหลังบาง นัยน์ตาคู่งามลืมตาเป็นครั้งสุดท้าย มองมาที่ต้นซากุระที่ผมอยู่ แล้วจึงหลับลงพร้อม ๆ กับน้ำตา เลือดสีข้นไหลซึมกิมโมโนตัวสวย

       

       

       

       

      เจ้ามดตัวนั้นเดินลงจากต้นไม้หลังจากินซากผีเสื้อน้อยจนหมด มันเดินอย่างสบายใจ ห่างออกไปงูเห่าสีดำตัวใหญ่เลื้อยออกจากที่ซ้อน มันเลื้อยตามเจ้ามดตัวนั้น ก่อนงับเจ้ามดตัวนั้นกินทั้งตัวอย่างรวดเร็ว แล้วเลื้อยจากไป นี่สินะสัจธรรมแห่งมนุษย์และสัตว์ มีเกิดย่อมมีตาย ย่อมกินกันเป็นลูกโซ่เพื่อรักษาสมดุล

       

       

       

       

      ยมทูตรีบเข้ามาจะดึงวิญญาณของเธอแต่ผมกระโดดลงมาขวางไว้ ยมทูตชะงักเล็กน้อย ก่อนคำนับผม ผมอุ้มร่างของท่านหญิงขึ้นแนบอก ไม่ซิจะเรียกร่างคงไม่ถูก คงต้องเรียกวิญญาณมากกว่า เพราร่างของเธอยังคงอยู่ที่เดิม เลือดสีสดยังคงไหลออกมาไม่หยุดหย่อน

      ยมทูติ ที่นี่คือถิ่นของเรา หญิงผู้นี้ตายในที่ของเรา ฉะนั้นเราจึงขอวิญญาณของนางไว้จะเป็นไรไหมผมถามยมทูต ยมทูตนิ่งอึ้ง ก่อนพยักหน้า

      ขอรับท่านเทพารักษ์ ที่นี่คือถิ่นของท่านข้าคงทำตามใจไม่ได้ยมทูตตอบผม ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มได้

      อย่าง นั้นเราขอวิญญาณเจ้าหนุ่มนั่นได้ไหม ไม่มีโคมไฟส่องทางแล้ว เค้าคงไปกับเจ้าไม่ได้ผมถามอีกครั้ง ยมทูตมองหน้าผม ก่อนพยักหน้าแล้วขอตัวจากไป

      ผมอุ้มท่านหญิงเข้าไปในต้นซากุระแล้วเสกให้ท่านชายลอยตามเข้ามา ผมให้ข้ารับใช้ของผมดูแลท่านทั้ง 2 ให้ท่านทั้ง 2 พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วผมจึงออกไปเนรมิตทุ่งดอกกุหลาบสีแดงไว้รอบ ๆ ต้นซากุระแห่งนี้ ให้ที่นี่เป็นที่ฝังศพของท่านหญิง

       

       

       

       

      เช้าวันรุ่งขึ้น ท่านหญิงตื่นขึ้นมาอย่างเศร้าซึม กิมโมโนถูกข้ารับใช้ของผมเปลี่ยนเป็นสีขาว เธอยืนเหม่อมองไปรอบ ๆ ซักพักข้ารับใช้ของผมจึงพาท่านชายเข้าไปหาท่านหญิง

      เธอมองท่านอาเซะอย่างตกตะลึงก่อนร้องไห้ออกมา ท่านอาเซะตรงเข้าไปกอดท่านอายูมิอย่างทะนุทนอม ก่อนที่ริมฝีปากหนาของท่านจะประทับลงบนริมฝีปากบางของท่านอายูมิ

       

       

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

       

      ถึงเวลาที่สวนแห่งนี้จะเปลี่ยนเทพารักษ์แล้วซินะ ผมมองดูทั้ง 2 อย่างยินดี ก่อนที่ร่างของผมจะค่อย ๆ เลือนหานไปเหลือเพียงสายลมเบา ๆ ที่อวยพรให้ทั้ง 2 มีความสุขต่อไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×