ตอนที่ 23 : #ฟิคเดท : 22
Chapter 22
อากาศช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเริ่มเย็นขึ้นนิดหน่อยแล้ว คยองซูกระชับเสื้อคลุมให้แนบตัวมากยิ่งขึ้นเพื่อกันลมเย็นที่พัดมา ขณะที่ตัวเองยืนอยู่ในกองถ่ายละครและสายตาจับจ้องอยู่ที่จงอินที่กำลังเข้าฉากอยู่
ช่วงนี้คยองซูต้องกลับมาทำหน้าที่ผู้จัดการจำเป็นอีกครั้งหลังจากที่แบคฮยอนเจ็บหนักและพักรักษาตัวอยู่กับบ้าน จงอินกระเตงเขาไปทำงานด้วยทุกครั้งที่เขาว่าง ดูรายนั้นจะมีความสุขมากถ้าไม่นับเรื่องอาการบาดเจ็บของแบคฮยอนที่อาจต้องรักษาตัวนานสักหน่อยก็ดูจะชอบอกชอบใจเป็นพิเศษที่ได้ตื๊อให้คยองซูอยู่ข้างๆ
วันนี้ก็เช่นกันที่ร่างเล็กต้องมานั่งทนหนาวอยู่ในกองถ่ายกลางแจ้งเพื่อรอให้จงอินเลิกงานแล้วกลับบ้านพร้อมกัน วันนี้เป็นคิวถ่ายซ่อมฉากบู๊ที่จงอินพลาดไม่ได้ถ่ายวันนั้น ทีมงานทั้งหมดยกกองมาปักหลักกันที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งเพื่อถ่ายคิวที่พระเอกตามล่าคนร้าย เกิดการปะทะกันจนพระเอกถูกยิงเข้าที่ไหล่
ด้วยความที่เป็นฉากช่วงโพล้เพล้ กว่าจะถ่ายได้จึงต้องรอให้แดดร่มแล้วต้องทำงานแข่งกับแสงที่ใกล้จะหมด ถึงแม้จะถ่ายฉากอื่นกันมาครึ่งค่อนวันแต่มาเจอฉากหินฉากสุดท้ายเข้าก็ต้องกัดฟันถ่ายต่อไปให้ได้ คยองซูมองดูจงอินที่กลิ้งอยู่บนถนนคอนกรีตมาไม่ต่ำกว่า 5 รอบแล้วก็ถอนหายใจ
“คัท! โอเค ขอบคุณมากครับ” เสียงผู้กำกับสั่งคัทดังเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างใช้ได้
“ผมขอเช็คมอนิเตอร์ก่อนได้ไหมครับ” เสียงทุ้มของจงอินดังขัดขึ้น ทันทีที่ร่างสูงลุกขึ้นได้ เขาตรงรี่เข้าไปที่จอมอนิเตอร์แล้วเปิดวนดูอย่างละเอียดพลางยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด “ผมขอแก้ซีนนี้อีกรอบได้ไหมครับ?”
“หืม? ทำไม?”
“ดูตรงนี้สิครับ ปลายขาผมสะดุดนิดหนึ่งแล้วมันดูกระตุกไม่ธรรมชาติเลย ถ้าผมลองเปลี่ยนมุมหมุนตัวลงมาแล้วเบี่ยงขวาอีกนิดน่าจะได้ภาพที่สวยกว่านี้นะครับ”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ” ผู้กำกับมองดูจงอินสลับกับจอมอนิเตอร์อย่างชั่งใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกกับทุกคนให้ถ่ายซ่อมซีนนั้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง คยองซูมองดูคนรักของเขาเดินเข้าไปในฉากท่ามกลางแสงสปอตไลท์ที่ส่องช่วยเพิ่มความสว่างให้กับบรรยากาศ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นตามกรอบหน้าผากของผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ของเกาหลี ภาพสีหน้าที่จริงจังทุ่มเท ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เหนื่อยแทบทนไม่ได้ทำให้คยองซูยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
ถึงแม้จะเหนื่อยบ้างท้อบ้างและบ่นให้ฟังอยู่ตลอดเวลา แต่คยองซูรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้คือความฝันของจงอิน การได้เป็นคิมไคจะเรียกว่าไม่ใช่ตัวตนเลยก็คงผิด ถึงมันจะเปิดโอกาสให้ทำในสิ่งที่ใจคิดไม่ได้ทุกอย่าง แต่การได้อยู่ในจุดที่ความพยายามส่งผลสำเร็จให้ชื่นชมและหล่อเลี้ยงความฝันให้เติบโตต่อไป มันก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและหน้าที่การงาน
คยองซูมองดูจงอินที่ตั้งอกตั้งใจ ล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นถนนด้วยแววตาชื่นชม เขาประทับใจในความมุ่งมั่นแบบนั้น ความทุ่มเทจริงจังแบบที่คิมไคใช้กับงานทำให้เขารักผู้ชายที่ชื่อจงอินมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
“เหนื่อยไหม?” คยองซูถามขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจงอินก้มหัวขอบคุณทีมงานทุกคนก่อนจะเดินเลี่ยงมาหาเขาที่รออยู่
“ถามมาได้ ลองไปกลิ้งแบบนั้นดูสักสามรอบไหม?” เสียงหัวเราะสดใสของคนตัวเล็กทำให้จงอินอมยิ้มตามแล้วผลักหัวคยองซูเบาๆ อย่างเอ็นดู มือเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงส่งให้และจงอินรับมันไปซับเหงื่อบนหน้าผาก
“ถ้าเลอะรองพื้นนายต้องเอาไปซัก”
“โอ้โห พูดแบบนี้ก็บอกเลยว่าซักให้ด้วย จบ! เช็ดหน้ายังไงไม่ให้เลอะครับคุณถามหน่อยสิ”
คยองซูหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้จงอินยิ้มขำตามเขาไปด้วยก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะหยุดชะงักเมื่อมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งเข้ามาขอลายเซ็นใกล้ๆ
“ขออนุญาตฉันถ่ายรูปกับคุณด้วยได้ไหมคะไค” พวกเธอยิ้มอย่างสุภาพก่อนที่จะมีกลุ่มเด็กๆ อีก 2-3 คนตามเข้ามาและตามด้วยแก๊งแฟนบอยอีกกลุ่มใหญ่
คยองซูถอยหลังออกมายืนมองห่างๆ ภาพจงอินหัวเราะกับแฟนคลับ เซ็นลายเซ็นต์ให้พวกเธอ ถ่ายรูปด้วยและยิ้มให้ทำคยองซูรู้สึกแปลกๆ ในใจ ถึงแม้ริมฝีปากของร่างบางจะยังคงระบายรอยยิ้ม แต่ลึกๆ กลับรู้สึกเศร้า โลกของพวกเขามันช่างแตกต่าง ในขณะที่คยองซูเป็นคนธรรมดาไม่มีใครสนใจ จงอินกลับมีคนให้ความสนใจไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
บางทีก็รู้สึกว่าความรักของพวกเขามันช่างดูยาก
ความกังวลที่อยู่ในใจตลอดเวลาชัดขึ้นเมื่อมองจงอินยืนอยู่ตรงนั้น ความคิดที่ไม่เข้าท่าประเดประดังกลับเข้ามาในหัว ถ้ามีคนรู้เรื่องของพวกเรา ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่สามารถเป็นความลับไปเรื่อยๆ จะทำยังไง จงอินจะสูญเสียสิ่งที่เป็นทุกวันนี้ไปไหม ความฝันที่ทุ่มเทมาทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มันมาจะหายไปต่อหน้าต่อตาหรือเปล่า จะมีคนที่เข้าใจพวกเขาสักกี่คนในโลกกว้างใหญ่ใบนี้ จะมีสักกี่คนที่พร้อมจะอ้าแขนรับความสัมพันธ์แบบนี้ของพวกเขา
ร่างเล็กสะดุ้งจากภวังค์เมื่อมือหนาของจงอินวางพาดลงบนไหล่แล้วพลิกตัวให้เขาเดินหันหลัง กลุ่มแฟนคลับยังคงมองตามแล้วส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเสียงดัง จงอินแค่หันไปโบกมือแล้วยิ้มให้ คยองซูมองดูใบหน้าคมคายที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนนั้นแล้วก็ลอบถอนใจ ถ้ามันจะมีอะไรสักอย่างบนโลกนี้ที่ทำให้พวกเขายืนเคียงข้างกันแบบนี้ตลอดไปได้ เขาก็อยากจะทำ
“หิวไหม?”
“ไว้กลับไปกินที่บ้านก็ได้”
“เอางั้นเหรอ?”
“อืม โทรไปถามพี่แบคฮยอนกับชานยอลด้วยว่ากินอะไรหรือยัง”
“โอเค ได้”
“…”
“เป็นอะไร?” เสียงจงอินถามขึ้นทั้งๆ ที่ใบหน้าไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ
“เปล่านี่”
“อย่าโกหกน่า หน้านายดูไม่ค่อยสบายใจ”
“…”
“ตอนนี้ฉันปลอบไม่ได้ ไว้กลับบ้านไปค่อยว่ากันตกลงไหม?” จงอินหันมายิ้มแยกเขี้ยวให้ และนั่นทำให้คยองซูมีรอยยิ้มบางๆ ออกมาได้ บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป เขาไม่ควรเอาเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นมาบั่นทอนจิตใจ แค่ทำทุกวันให้มันดีที่สุดก็น่าจะพอแล้ว… ใช่ไหม?
-----
รถพอร์ชคาเรร่าสีแดงจอดลงตรงหน้าบ้านคยองซูในท้ายที่สุด พร้อมกับใบหน้าของคิมจงอินที่ฟุบลงไปกับพวงมาลัย
“เหนื่อยชะมัดเลยให้ตาย”
“ไม่เอาน่า ถึงบ้านแล้วไงจะได้พักแล้วนะ” คยองซูหัวเราะออกมา ก่อนจะตั้งท่าเตรียมออกจากรถ แต่จงอินกลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ พอหันกลับมาก็สบเข้าสายตาที่มองมาตาละห้อย
“กินจาจังมยอนที่บ้านนายได้ไหม? ไหนๆ บ้านนู้นเขาก็ทานข้าวกันหมดแล้ว” คนตัวเล็กมองดูคนขี้อ้อนแล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับยิ้ม มือเล็กเอื้อมไปจับแก้มจงอินให้ยืดออกอย่างหมั่นไส้
“จะไม่ได้ก็เพราะโอ้เอ้เนี่ยแหละ ลงไปเร็ว” จงอินดีดตัวขึ้นนั่งทันทีด้วยแววตาสดใสเมื่อได้ยินอย่างนั้น ร่างสูงคว้าถุงจาจังในมือคนตัวเล็กไปถือไว้ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินออกไป คยองซูมองตามท่าทางดีอกดีใจนั้นไปแล้วก็ส่ายหัวช้าๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
พอเข้ามาถึงในบ้านร่างสูงก็ทรุดนั่งลงกับโซฟาทันทีด้วยความเหน็ดเหนื่อย คยองซูเดินเลยเข้าไปในครัวแล้วหยิบชามใบใหญ่ออกมา เขานั่งลงกับพื้นหน้าโซฟาข้างๆ คนตัวสูงกว่า หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ ก่อนจะเทจาจังสองถุงลงไปรวมกันในชามเดียว
“นายดูทีวีตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หืม?”
“ปกติไม่ค่อยเห็นเปิดเลยนึกว่าซื้อมาประดับไว้บ้านไว้อย่างนั้นๆ” ร่างสูงพูดด้วยความสงสัยก่อนจะถดตัวลงจากโซฟาลงมานั่งบนพื้นข้างๆ กัน
“ก็เปิดไว้บ้านจะได้ไม่เงียบไง”
“เหรอ?”
“อืม ปกติชานยอลเปิดน่ะ เลยชิน” จงอินพยักหน้าอย่างเข้าใจและคงไม่ถามอะไรต่อถ้าอยู่ๆ หน้าจอไม่ขึ้นไตเติ้ลละครที่เขาเล่นขึ้นมา ร่างสูงหันขวับไปมองร่างเล็กที่ยังคงมีท่าทางไม่สนใจ
“อย่าบอกนะว่านายเปิดดูฉันน่ะ”
“อ้าว นี่มันละครนายนี่นา โอ้ เล่นเวลานี้เหรอไม่เห็นเคยรู้เลยนะ” โคตรจะเนียนเลยครับคุณคยองซู จงอินแค่นยิ้มออกมาก่อนจะวาดแขนไปล็อคคอคนตัวเล็กเอาไว้อย่างหมั่นไส้ คยองซูหัวเราะชอบอกชอบใจ ในที่สุดจงอินก็ปล่อยแขนออกแล้วเริ่มลงมือทานจาจังมยอนไปดูทีวีไปด้วยกัน
“โอ้โห ทำไมนายนี่มันโง่จัง” คยองซูขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถึงฉากที่พระเอกเข้าใจนางเอกผิดด้วยเหตุผลง่ายๆ มือที่ถือตะเกียบชี้หน้าคิมไคที่อยู่ในจอสี่เหลี่ยมแล้วพูดใส่อารมณ์
“เฮ้ย! นั่นมันใช่ฉันที่ไหน”
“นั่นแหละ ฉันจำชื่อตัวละครไม่ได้ นายเล่นฉันก็ถือว่าเป็นนาย ดูดิแล้วก็งอนตุ๊ปป่องไปเลยใช้ได้ที่ไหน ปล่อยให้เขานั่งร้องไห้เนี่ยนะ โห กลับมาดิวะ กลับมา!”
“อินนะเราน่ะ”
“เออดิ ทำไมพระเอกถึงโง่แบบนี้นะ” คยองซูเอาตะเกียบจิ้มลงไปชามจาจังแรงๆ “ถ้าไม่ติดว่าหล่อนะจะเชียร์นางเอกให้พระรองไปแล้ว!”
“หืม? เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
“หา?”
“พูดใหม่ดิ เมื่อกี้นายบอกว่าถ้าฉันอะไรนะ” คยองซูหลบสายตากลับมาที่จาจังชามเบ้อเริ่มแล้วก็เริ่มเขี่ยเส้นไปมา
“บอกว่านายโง่ไง โง่อย่างนี้ยกนางเอกให้พระรองไปดีกว่า”
“หื้ม ไม่ดิ” จงอินส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มทะเล้น “ก่อนที่นายจะบอกว่ายกให้พระรองน่ะ นายพูดว่าถ้าฉันทำไมนะ”
“ฉ…ฉันพูดถึงตัวละครที่นายเล่นน่ะ”
“นั่นแหละ พูดมา”
“…”
“คยองซู”
“เออๆๆ ฉันบอกว่านายหล่อ โอเค จบป่ะ!!” จงอินหัวเราะออกมาดังลั่น ในขณะที่คนตัวเล็กแทบจะมุดหน้าลงไปชามจาจังด้วยความอาย แต่แล้วก็ต้องเขินหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อคนตัวสูงเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วจุ๊บที่มุมปากเบาๆ ให้หนึ่งทีเป็นรางวัล
“เดี๋ยวเหอะ ทำบ้าอะไร”
“รางวัลไง ไม่ชอบเหรอ?”
“…” จงอินหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่ตอบอะไร เขามองใบหน้าสีแดงของคยองซูและยิ้มออกมา
“นายยังไม่บอกฉันเลยว่าเมื่อตอนเลิกกองนายเป็นอะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“ฉันรู้ว่านายมีเรื่องไม่สบายใจ”
“…” คยองซูเขี่ยเส้นในชามจาจังไปมา แล้วจงอินก็อดทนรออย่างตั้งใจ เสียงในทีวีดังเป็นพื้นหลังแต่กลับไม่มีใครสนใจมันแล้วตอนนี้ คยองซูเหลือบมองดูหน้าจอจังหวะเดียวกับที่กล้องซูมหน้าของจงอินให้เขาเห็นชัดๆ ใครอีกคนที่เขาไม่รู้จักกำลังแสดงอยู่ในทีวี
“ที่ฉันเคยถามนายเรื่องของพวกเรา ว่าถ้ามีใครรู้เข้านายจะทำยังไง?”
“…”
“ฉันก็แค่คิดขึ้นมาแล้วก็ลองถามตัวเองดูน่ะ”
“แล้วได้คำตอบว่าไง”
“…”
“…”
“ฉัน…ไม่รู้” จงอินมองดูคนรักตัวเล็กที่เอาแต่เขี่ยเส้นจาจังในชามไปมาอย่างประหม่า ก่อนที่เขาจะวางตะเกียบลงแล้วจับไหล่คยองซูให้ขยับหันหน้าเข้าหากัน มือหนาจับมือคนตัวเล็กสองข้างให้ประสานกันบนตักแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม
“ฟังนะ”
“…”
“ฉันตอบไม่ได้หรอกว่าถ้ามีคนรู้เรื่องของเราแล้วจะเป็นยังไง สิ่งที่นายกลัวฉันยอมรับเลยว่าฉันก็กลัวเหมือนกัน”
“…”
“แต่เราจะใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดระแวงแบบนั้นตลอดเวลาไม่ได้”
“แต่…”
“ไม่ว่าสุดท้ายมันจะเป็นแบบไหน สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจคือฉันจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราให้ได้… และฉันจะไม่มีวันถอดใจจากนาย ฉันสัญญา”
จงอินยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า เรียกความมั่นใจของคยองซูให้กลับคืนมา นั่นสินะ… เขาไม่รู้ว่าควรจะกลัวทำไมกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงในวันข้างหน้า อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่ามือของจงอินจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ สุดท้ายพวกเขาจะต้องผ่านมันไปให้ได้
จงอินจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตราวกับให้คำมั่นสัญญา และได้เป็นรอยยิ้มรูปหัวใจที่ส่งกลับมา ใบหน้าคมเคลื่อนเข้าใกล้อย่างอ่อนโยนก่อนจะแตะริมฝีปากบางเบาแล้วกดย้ำเพิ่มความมั่นใจ คยองซูหลับตาเอียงหน้าปรับองศารับสัมผัสที่มาจากหัวใจ เขาซึมซับความรู้สึกของจงอินได้ สัมผัสแรกที่สั่นเกิดจากความไม่มั่นใจ แต่หลังจากนั้นกลับเปลี่ยนไป เขารู้ว่าจงอินกังวลไม่ต่างกัน แต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมานั่งหวาดระแวงแล้วทำให้ทุกวันไม่มีความสุข
สัมผัสอ่อนโยนแปรเปลี่ยนไปตามความรู้สึกที่มากขึ้น รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบางก็เอนลงแนบกับพื้นพรมเรียบร้อยแล้ว มือหนาที่เคยเกาะกุมมือเล็กไว้บนหน้าตัก ตอนนี้ข้างหนึ่งกลับไล้วนอยู่ที่ข้างแก้มแผ่วเบา ส่วนอีกข้างนั้นยังคงสอดประสานมือเล็กเอาไว้มั่น
จงอินละริมฝีปากออกมามองหน้าคนรักของเขานิ่งพลางเขี่ยปอยผมให้พ้นไปจากใบหน้า คยองซูเพิ่งจะรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าพวกเขาทั้งคู่อยู่ในท่าล่อแหลมขนาดไหน
“เอ่อ…จาจังมยอน”
“เดี๋ยวค่อยกินก็ได้”
“แต่ว่า…ชานยอลอาจจะกลับมา” ร่างสูงมองคยองซูดวงตาเป็นประกายก่อนที่จะยกตัวเองขึ้นแล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่ตัวเองวางเอาไว้บนโซฟา
“ฮัลโหล แบคฮยอน คืนนี้ไม่นอนบ้านนะ อ้อ ฝากชานยอลด้วยล่ะ ไม่ต้องให้กลับมาเหมือนกัน โอเคนะ” คยองซูได้ยินเสียงโวยวายเบาๆ ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ตอนที่จงอินตัดสายทิ้งแล้วโน้มตัวกลับลงมา “แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วนะ”
“นายนี่มัน…ร้ายจริงๆ”
“ฉันร้ายได้กว่านี้อีกจะบอกให้ ลองดูไหมล่ะ” คนตัวเล็กหัวเราะเบาๆ ด้วยความอ่อนใจ และจงอินก็ยิ้มรับอย่างภาคภูมิ ใช้เวลาสบตากันชั่ววินาที ก่อนที่มือบางจะโอบรอบคอร่างสูงใหญ่พร้อมๆ กับที่จงอินโน้มตัวลงไป จูบที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย ถูกแลกเปลี่ยนกันราวกับต้องการเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหาย
“ฉันรักนายคยองซู”
“ฉันก็รักนายคิมจงอิน”
- Talk -
เรื่องราวหลังจากนั้น...
ขอให้หยิบถุงกาวในมือขึ้นมาแล้วดมค่ะ 55555
ขอให้มีความสุขกับการมโนนะคะ
หูยยยย!! นี่เค้าบอกรักกันจริงจังครั้งแรกเลยนะ
#เปลี่ยนเรื่อง #หนีคดี
ปล.โปรดให้อภัยชะนีที่เอาดีทาง NC ไม่ได้ด้วยค่ะ *กราบบบบ*
#ฟิคเดท
จงอินเป็นผู้ชายน่ารักของคยองซูคนเดียวจริงๆ
นายมันร้ายๆ >,<
ไรท์เตอร์สู้ๆๆนะ ฟิคเรื่องแรกของไคโด้ ที่เราอ่านเลย
และมันทำให้เราชอบไคโด้ ด้วย 5555
หวานกันเหลือเกินน
งาบคยองแล้ว จงอินต้องรับผิดชอบรู้ม๊ายยย