คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1 : รูปถ่าย
Chapter 1
..เราอาจจะเคยเจอกันแล้วด้วยการเดินสวนกันก็ได้..
แสงแดดอ่อนๆยาวเช้าสาดส่องกระทบพื้นผนังอาคารต่างๆรวมไปถึงภายในระเบียงอาคารแห่งนี้ สายลมเอื่อยๆยังคงพัดพาเหล่าบรรดาใบไม้ปลิวไสวไปตามกระแสลม บรรยากาศกำลังเย็นสบายไม่ร้อนไม่หนาวเกินไปนึกทำให้ใครหลายคนรู้สึกสดชื่นอยู่ไม่น้อย
ซองมินยังคงนั่งรอเพื่อนทำธุระอยู่ตรงระเบียงอาคารของคณะ ลำแขนเล็กแนบไปกับราวเหล็กเย็นเฉียบของระเบียงก่อนที่เจ้าตัวจะแนบใบหน้าตามลงไปบนแขนของตน ดวงตากลมโตทอดมองออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาต้องนั่งรอเพื่อนตัวเล็กอย่าง ‘เรียวอุค’ อยู่ตรงนี้ สายลมเอื่อยๆกำลังชักพาสติของเขาให้หลุดลอยไป เปลือกตากลมโตค่อยๆปิดลงช้าๆ ความเย็นของลมที่ถูกพัดพามาปะทะเข้ากับดวงหน้าสวยที่กำลังหลับตาพริ้มก่อนที่สติของซองมินจะถูกกลืนหายไปกับสายลม..
แช๊ะ!
เสียงชัตเตอร์จากกล้องโพลารอยด์ฉุดเรียกสติของซองมินให้กลับมาอีกครั้ง เปลือกตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆปรือขึ้นปรับรับโฟกัสตรงหน้าช้าๆ แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็พบว่าเรียวอุดกำลังยิ้มล้อเลียนให้กับเขาอยู่ ดูจากท่าทางแล้วคงไม่พ้นเรื่องแอบแกล้งเป็นแน่
“ทำอะไรน่ะ แอบถ่ายอีกแล้ว” ซองมินมองรูปในมือเรียวอุคก่อนที่จะพยายามคว้ามันมาแต่ด้วยความเร็วกว่าของเพื่อนตรงหน้าทำให้สิ่งที่เขาคว้ามาเป็นเพียงแค่อากาศเปล่าๆเท่านั้น ซองมินยู่หน้าอย่างขัดใจ พยายามที่จะแย่งรูปจากเพื่อนสนิทอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะแย่งสักกี่ครั้งเรียวอุคก็หลบได้ทุกที คนถูกแย่งก็เอาแต่หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนรัก ..ซองมินเนี่ยน่าแกล้งจะตาย..
“แย่งให้ได้สิ” เรียวอุคยิ้มแป้นแล้นล้อเลียนเขาพลางโบกรูปไปมาอยู่อย่างนั้น ด้านคนถูกท้ามีหรือที่จะยอม
“เอาคืนมาเลยนะ” ซองมินอาศัยช่วงจังหวะที่เรียวอุคเผลอพยายามแย่งรูปคืนมา แต่เรียวอุคเบี่ยงตัวหลบได้ทันแถมคราวนี้เจ้าเพื่อนตัวดียังแกล้งยื่นรูปออกไปตรงระเบียงทำเอาซองมินใจหล่นวูบ กลัวว่ารูปมันจะตกลงไปจริงๆ ถ้ามันตกลงไปแล้วมีคนเอารูปเขาไปแกล้งต่ออีกนี่แย่เลย
“ไม่ให้หรอก นี่ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตัง ฮ่า ฮ่า” เรียวอุคก็ยังคงพูดแหย่ซองมินไปเรื่อยตามประสา ซองมินก็ดูท่าว่าใช่จะยอมง่ายๆเสียเมื่อไหร่ รูปถ่ายใบเล็กถูกฉุดกันไปฉุดกันมาโดยที่ไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุดสิ่งที่ซองมินกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อรูปถ่ายของเขาหลุดออกจากมือของเรียวอุคก่อนจะถูกกระแสลมพัดพาปลิวออกไปโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะไปตกอยู่ตรงไหน ตอนนี้ในหัวของซองมินคงมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
..ขออย่าให้ใครเก็บไปเลย..
“คยูฮยอนคะ วันนี้มารับจียอนไปช้อปปิ้งหน่อยนะคะ จียอนอยากได้เสื้อผ้าใหม่” หญิงสาวร่างอรชรยังคงเกาะแขนชายหนุ่มแน่น ไม่แคร์สื่อแคร์สายตาของผู้คนรอบข้างที่แอบมองมาเป็นระยะ ..ก็แน่ล่ะได้ควงกับ ‘โจว คยูฮยอน’ หนุ่มนักเรียนนอก ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ก็ขอประกาศตัวเอาไว้เลยละกัน คนเขาจะได้รู้กันไปว่าใครนะตัวจริง
จียอนยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญไม่หยุดจนคยูฮยอนแทบจะทนไม่ไหว แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปมากมายมากกว่าการยิ้มรับที่หล่อนพูด ในสายตาของคนทั่วไปเขาคือสุภาพบุรุษที่สาวๆต่างเรียกหากันทั่วเมืองแต่สำหรับคนสนิทอาจไม่ใช่ ช่วงขายาวก้าวไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ขนาบข้างกายเสียเท่าไหร่ ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าตึกคณะของจียอน หล่อนดูจะหน้าชื่นตาบานมากกว่าครั้งไหนๆเมื่อตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนในคณะดั่งที่เธอต้องการ
“จียอนไปเรียนก่อนนะคะที่รัก” ไม่ว่าเปล่าเธอเบียดกายเข้าไปใกล้ชายหนุ่มก่อนจะบรรจงแนบริมฝีปากสีแดงสดของเธอลงบนแก้มของเขาอย่างแผ่วเบาแต่ก็ยังจงใจทิ้งรอยลิปสติกสีแดงของเธอไว้เป็นที่ระลึก นิ้วเรียวไล่ลงมาเรื่อยๆตามโครงหน้าของชายหนุ่มอย่างยั่วยวนหวังจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของชายหนุ่ม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคยูฮยอนจับเธอออกจากตัวเขา จียอนดูหน้าเสียเล็กน้อยแต่ก็มิวายปั้นหน้าระรื่นต่อไป
“เจอกันตอนเย็นนะคะ”
“ครับ” คยูฮยอนยิ้มรับ ฝ่ามือสากยกขึ้นมาเช็ดรอยลิปสติกบนผิวแก้มออกไปหลังจากหลังจากคล้อยหลังหญิงสาวได้ไม่นาน คนสมัยนี้ใจง่ายใจง่ายดีเหมือนกัน พบเจอกันแค่คืนเดียวก็เหมารวมว่านั่นคือความรัก
เขาไม่อยากคบใครจริงจังสักเท่าไหร่ คนที่เข้ามาก็หวังแต่เงิน ชื่อเสียง หน้าตาทางสังคมหรือรวมไปแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงเท่านั้น คยูฮยอนส่ายหัวน้อยๆให้กับความคิดก่อนที่จะหันหลังกลับไปยังรถ
ฉับพลันก็ต้องมาสะดุดกับบางอย่างบนพื้น มันจะไม่น่าสนใจเท่าไหร่หากสิ่งนั้นไม่ใช่รูปถ่ายของใครสักคน มือหนาเอื้อมลงไปหยิบมันขึ้นมาแล้วสะบัดสองสามทีไล่เศษดินบนรูป
สายตาคมไล่มองคนในรูปช้าๆ ใครบางคนในรูปกำลังหลับตาพริ้มแนบใบหน้าไปกับแขน ผิวขาวราวน้ำนมที่โผล่พ้นเสื้อออกมาช่างน่าสนใจแต่ที่น่าสนใจกว่าคงจะเป็นองค์ประกอบบนใบหน้าของคนในรูป ริมฝีปากบางเบาสีชมพูอ่อนน่าสัมผัส พวงแก้มใสขึ้นสีชมพูระเรื่อคงเป็นเพราะสัมผัสกับความเย็นในอากาศ ดูจากสภาพแล้วคงจะโดนแอบถ่ายสินะ คยูฮยอนละสายตาออกจากคนในรูปพลางมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าเจ้าของรูปอาจจะกลับมาตามหา.. แต่ก็ไร้วี่แวว
Rrrrrrr Rrrrrrrrr!
วัตถุเครื่องสีดำในกระเป๋าแผดเสียงดังลั่นร้องเรียกความสนใจจากเจ้าของให้ละสายตาจากสิ่งตรงหน้าแล้วหันมาให้ความสนใจตน มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋าคว้าวัตถุสีดำขึ้นมากดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
[ถึงไหนแล้ว!] ทันทีที่รับคนในโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังลั่นเสียยิ่งกว่าจนคยูฮยอนต้องยกมือถือออกห่างจากหู เสียงบ่นที่ลอยมาตามสายทำเอาชายหนุ่มลืมเรื่องรูปถ่ายไปเสียสนิท คยูฮยอนสอดรูปถ่ายไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างลืมตัวก่อนจะเดินออกไปยังรถของตนแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายทันที โดยลืมเรื่องกระดาษแผ่นเล็กในกระเป๋าเสื้อไปเสียสนิทใจ
“มันน่าจะหล่นอยู่แถวนี้นี่นา” ซองมินกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณ หวังจะเจอรูปถ่ายของตนแต่ก็ไม่เลย ตอนแรกที่เห็นมันหล่นลงมามันก็น่าจะปลิวมาแถวนี้แต่นี่ซองมินเดินหาแทบจะทั่วทั้งคณะก็ยังคงไร้วี่แวว คิดได้สองทางคือทางแรกมันอาจจะปลิวไปที่อื่นแล้วก็ได้ ทางที่สองคือมีคนอื่นเก็บไป ..แต่ขออย่าให้เป็นทางที่สองเลย
..แต่ดูจากท่าทางแล้วคำภาวนาคงไร้ผล..
“เจอมั้ยซองมิน” เรียวอุควิ่งเข้ามาหา หลังจากลองแยกย้ายกันไปคนละทางเผื่ออาจจะมีใครสักคนเจอแต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ ใบหน้าหวานสายหัวน้อยๆอย่างหมดหวัง
“ฉันว่าคงมีใครเก็บไปแล้วแหละ” เรียวอุคเอ่ยเสียงเบา เป็นเพราะเขาแท้ๆที่เล่นอะไรพิเรณจนได้เรื่อง “ขอโทษนะซองมิน” มือบางเอื้อมไปแตะไหล่เพื่อนตัวเล็กเบาๆอย่างรู้สึกผิด ซองมินได้แต่ยิ้มรับจางๆถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เขาจะต้องไปโกรธเพื่อนอยู่แล้ว คงต้องตัดใจแล้วปล่อยมันไปเพียงเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก” ซองมินตอบไปเพียงสั้นๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนโลกมันเอียงๆนิดหน่อย คนตัวเล็กเม้มปากแน่นพยายามตั้งสติ คงเป็นเพราะเริ่มเข้าสู่เวลาเที่ยงวันแสงแดดที่สาดส่องกระทบพื้นโลกยิ่งแรงขึ้นจนแทบทนไม่ไหว ริมฝีปากบางแห้งสนิทราวกับขาดน้ำมานาน เหงื่อเม็ดเล็กชื้นขึ้นกลางขมับทั้งสองข้างก่อนที่จะไหลลงไปตามโครงหน้าเรียว ซองมินสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้งแต่ดูท่าจะลำบากเหลือเกิน
คงเป็นเพราะช่วงนี้เขาพักผ่อนน้อยแล้วยังต้องมาตากแดดตากลมตั้งแต่เช้าจนเที่ยงก็เลยหน้ามืดล่ะมั้ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เรียวอุคเห็นท่าทางดูไม่ดีจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ ..ไม่เป็นไร” ซองมินพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติถึงแม้ร่างกายจะไม่ปกติก็ตามแต่เขาไม่อยากให้เรียวอุคต้องเป็นห่วง ถ้าเรียวอุครู้ว่าช่วงนี้เขาทำงานกลางคืนจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเพื่อนสนิทของเขาคงเป็นห่วงมาก ถึงแม้ซองมินเองจะไม่เคยเอ่ยปากพูดหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสักเท่าไหร่แต่ทางกลับกันซองมินยินดีให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆได้ทุกเมื่อ ชอบเอาใจใส่ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง แต่ถึงอย่างไรเรียวอุคก็รู้ดีว่าช่วงนี้ซองมินต้องการใช้เงินจำนวนมากในการรักษาพ่อที่นอนป่วย หลายต่อหลายครั้งที่เรียวอุคยื่นมือเข้าไปช่วยแต่ก็ต้องถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าเกรงใจ หรือไม่อยากรบกวนใครอยู่เสมอ
เพื่อนอย่างเขาเลยได้แต่แอบคอยช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆและคอยเป็นห่วงอยู่ห่างๆเท่านั้น
“นี่ไม่ได้นอนอีกแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงเป็นห่วงหลุดออกมาจากปากของเพื่อนตัวเล็ก สีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนเป็นจริงจังทำเอาซองมินต้องหลบสายตา
“คือ... ” ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อซองมินก็แทบจะทรุดลงกับพื้น อากาศที่เริ่มร้อนมากขึ้นทำให้เขาเริ่มจะประคองตัวไม่ไหว เรียวอุคทำท่าจะวิ่งเข้ามาช่วยแต่ก็ไม่ทันการ สติที่มีอยู่น้อยนิดเริ่มเลือนลางก่อนที่ร่างของซองมินจะร่วงหล่นลงสู่อ้อมกอดของใครสักคนที่เข้ามารับเขาไว้ทัน
.
.
.
.
.
.
กว่าจะรู้ตัวอีกทีตอนนี้ซองมินกำลังนอนอยู่ภายในห้องพยาบาลโดยมีเรียวอุคนั่งเฝ้า คนป่วยค่อยๆยันตัวเองลุกจากเตียงหลังจากเริ่มรู้สึกตัวทำให้เรียวอุคที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์เพลินๆต้องรีบเก็บเจ้าอุปกรณ์สื่อสารโดยเร็วแล้วรีบเข้ามาประคองร่างของเพื่อนสนิททันที
“เป็นไงบ้าง” เรียวอุคเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงประกอบด้วยความรู้สึกผิดลึกๆ ถ้าเขาไม่แกล้งเพื่อนก่อนซองมินก็คงไม่ต้องมาตากแดดตากลมจนเป็นลมล้มพับไป
“ไม่เป็นไรแล้ว” ซองมินส่ายหัวน้อยๆพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าจนเห็นได้ชัด อาการวิงเวียนค่อยๆดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงกับหายสนิทเนื่องมาจากตัวเขาเองที่พักผ่อนน้อยจนเป็นเรื่อง
“เฮ้อ ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว นี่ยังดีนะที่แกไม่หัวฟาดพื้นไปซะก่อนไม่อย่างนั้นคงแย่กว่านี้” เรียวอุคถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะบ่นยาวไปตามประสาคนห่วงเพื่อนพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วยื่นให้คนป่วยตัวเล็กที่นั่งตาแป๋วไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ขอบใจนะที่ช่วย” ซองมินยื่นมือออกไปรับแก้วน้ำมาดื่มโดยไม่ได้คิดอะไร ร่างกายที่ขาดน้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังได้รับการเติมเต็มจนคนป่วยเริ่มรู้สึกดีขึ้น
“ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก เพราะคนที่ช่วยไม่ใช่ฉัน” ประโยคที่ถูกพูดออกมาของคนตรงหน้าทำให้ซองมินเกิดอาการงง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าจนเกือบจะพันกัน เรียวอุคจับสีหน้าสงสัยของคนตัวเล็กได้จึงพูดแทรกตอบคำถามที่ค้างคาใจโดยที่ไม่ต้องรอให้ซองมินเอ่ยถาม
“พี่แทคยอนน่ะ”
ชื่อบุคคลที่สามที่ถูกพูดถึงทำเอาซองมินงงเข้าไปใหญ่ พี่แทคยอนมาช่วยเขาไว้งั้นหรือ? เพียงแค่ได้ยินชื่อคนป่วยหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น ใบหน้าหวานที่เคยซีดเซียวกลับแดงระเรื่อจนลามไปถึงหูอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้คงไม่ต้องบอกว่าซองมินแทบจะค้างไปเลยเสียด้วยซ้ำ ซองมินค่อยๆคลี่ยิ้มบางๆอย่างลืมตัว เพียงแค่เอ่ยชื่อเรียวอุคก็คาดการณ์อาการของเพื่อนสนิทได้ทันที ตั้งแต่คบกันมาซองมินแอบชอบใครทำไมเพื่อนอย่างเรียวอุคถึงจะไม่รู้ถึงเจ้าตัวจะไม่เคยพูดอะไรก็ตาม
“ฉันว่าถ้าจะขอบคุณไปขอบคุณพี่เขาดีกว่านะ” เรียวอุคแซวอย่างรู้ทันจนซองมินต้องรีบหุบยิ้มตีหน้าดุส่งกลับไปแต่ก็ไม่เนียนพอที่จะทำให้คนอย่างเรียวอุคกลัวอยู่แล้ว มีใครเคยบอกไหมนะว่าซองมินทำหน้าดุได้น่ารักสุดๆ
“ก็.. รู้แล้วน่า” ซองมินตอบตะกุกตะกักกลับพยายามหลบหน้าเรียวอุคที่จ้องมองเขาด้วยท่าทางล้อเลียน นี่ขนาดเขาไม่เคยพูดยังถูกเพื่อนล้อจนแทบจะเอาหน้ามุดเตียงหนีอยู่แล้ว ถ้าพี่เขารู้คงไม่โดนล้อหนักกว่านี้เหรอ?
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิ นอนพักต่อเถอะเดี๋ยวฉันนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้”
เรียวอุคหัวเราะน้อยๆในอาการเขินอายของซองมิน มือบางเอื้อมหยิบแก้วน้ำมาเก็บหลังจากที่ยื่นให้ซองมินดื่มจนเสร็จก่อนจะจัดแจงให้คนป่วยได้นอนพักอีกสักหน่อยพอให้อาการหายสนิท หากไม่ทำเช่นนี้คืนนี้ซองมินก็ต้องหักโหมงานจนลืมเวลาเช่นเคยจนลืมพักผ่อนอีกแน่นอน
ด้านคนป่วยหลังจากเอนหลังลงนอนตามคำสั่งก็ใช่ว่าจะยอมหลับตาลงง่ายๆ สายตาที่ปะทะเข้ากับเพดานก่อให้คนตัวเล็กนึกไปถึงใบหน้าของรุ่นพี่ใจดีที่เคยช่วยเขาไว้ในเมื่อครั้งตอนที่เขาอยู่ปี1 เพราะความเปิ่นในตอนนั้นเกือบทำให้เขาโดนรถชนหากไม่ได้พี่แทคยอนช่วยป่านนี้ซองมินก็คงโดนรถชนตายไปแล้วก็ได้ ไหนจะเรื่องในวันนี้อีก..
“ขอบคุณนะฮะพี่แทคยอน”
*สอบ สอบ สอบช่วงนี้ติดสอบ เฮ้อ
ความคิดเห็น