ตอนที่ 3 : โอเมกาเวิร์ส
“คุณแน่ใจแล้วนะนายแพทย์แอฟรอนใบอนุญาตส่งต่อจากโรงพยาบาลคุณก็ไม่มีมาให้”
“ผมแน่ใจครับ คนไข้ผมไม่ได้เป็นโรคทางจิตผมว่าเป็นเพราะมีใครสักคนฝืนกฎโลกคู่ขนาน”
“ร่างของคนไข้คุณจะอยู่ที่แล็บก่อนขอผมค้นคว้าสักครู่แล้วมีอะไรคืบหน้าจะรายงานอีกที”
“ขอบคุณครับดอกเตอร์”
.
.
ทีชัลลาเดินออกมาจากห้องโถงพลางคิดสิ่งที่มารดาตนพูดไปก่อนหน้านี้รวมกับเหตุการณ์หลายอย่างที่เอ็นจาดากาฟื้นมาก็กลายเป็นคนละคนแถมความทรงจำเจ้าตัวรวมถึงความแค้นก็แทบจะล้างออกไปหมด บวกลบชั่งน้ำหนักเหตุผลแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ใช่คนเดิม
หรือเขาคิดไปเองว่าอีกฝ่ายคือคู่แห่งโชคชะตา?
“โอ๊ยยย เบาสุดอยู่ตรงไหนเนี่ย” เสียงเอะอะดังจากห้องชูรีดึงจากภวังค์ความคิด กษัตริย์แห่งวาคานด้าที่กำลังเดินอยู่รีบวิ่งไปที่ห้องทันที แต่เมื่อพอเปิดประตูเข้าไปเขาแทบจะกลั้นรอยยิ้มไม่ได้เพราะสิ่งที่เห็นคือลูกพี่ลูกน้องยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังทะเลาะกับไดร์เป่าผมและเมื่อมองสังเกตไปอีกก็เห็นทรงผมที่เคยเป็นทรงเด็ดล็อคตอนนี้มันพองแล้วชี้ฟูขึ้นข้างบนไปทั้งหัว
ทีชัลลาเดินเข้าไปแบบไม่พูดเอ่ยอะไรเขาหยิบไดร์เป่าผมจากมือเล็กแล้วกดปิดการทำงาน
“นั่นเจ้าคิดจะทำอะไรอยู่”
“ก็เป่าผมไง แต่อะไรไม่รู้มีแต่ภาษาที่นี่เต็มไปหมดอ่านไม่ออกสักตัว ทำไมเขาไม่ใช้ภาษาอังกฤษบนเครื่องใช้ไฟฟ้ากัน” ไมเคิลโวยวายแต่ไม่มากเกินไปเพราะอีกฝ่ายเป็นกษัตริย์หากเขาทำตัวกำเริบอาจจะโดนสั่งเก็บได้
“ก็วาคานด้าไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น” ทีชัลลาพูดสาเหตุของมันอันเป็นที่รู้กัน ไมเคิลไม่ได้ตอบอะไรเขาหันไปหน้ากระจกหวีผมตัวเองที่ฟูอยู่แล้วจัดให้ฟูอย่างเป็นทรง
“แล้วนี่..เจ้าคิดจะทำผมแบบนี้จริงๆหรือ” กษัตริย์วาคานด้าชี้ที่ผมของภราดร
“ยังไม่รู้เลยอาจจะมัดรวบไว้เฉยๆ”
“นั่งลงเดี๋ยวข้าทำให้”
“หืม” ชายหนุ่มเมกันหันมามองคนที่อาสาจะช่วยอีกฝ่ายถกข้อมือจนเห็นลูกปัดสีดำ มือยาวปัดเพียงสองสามทีภาพก็ฉายขึ้นเป็นแบบทรงผมถักเปียติดหัวสำหรับผู้ชายไว้ผมยาวแล้วไถข้างล่าง ทีชัลลาดันให้ไมเคิลนั่งเก้าอี้ตรงหน้ากระจกจากนั้นจัดการแบ่งผม เสร็จแล้วจับช่อผมสามช่อมาสานกัน
“พูดมันออกมาอีริคข้ารู้ว่าเจ้ามีคำถาม” เขาโดนชายหนุ่มอายุน้อยกว่านั่งจ้องผ่านกระจกเลยถามออกไป ทีชัลลาลอบสังเกตแววตากลมมันดูสดใสและเป็นประกายตลอดเวลาต่างจากอีริคคนก่อนที่มีแต่ความว่างเปล่า เคียดแค้น และอ่อนแอ
“เมื่อกี้มันคืออะไร?”
“เขาเรียกว่าลูกปัดคีโมโย ประชาชนใช้สิ่งนี้ติดต่อสื่อสารกันรวมถึงดูสื่อต่างๆ”
“อ้อ..ทันสมัยกว่าที่คิด” ไมเคิลพยักหน้ากับความรู้ใหม่และเริ่มถามต่อ
“ทำไมถึงถักเปียเป็น?”
“ทำให้ชูรีตอนเด็กๆ มันเป็นหน้าที่พี่ชายที่ต้องดูแลอีกอย่างข้ากับชูรีก็อายุห่างกันมากอยู่” เมื่อจบคำตอบเสียงพูดก็เงียบหายไปเลยจนทีชัลลาต้องแอบเหล่มองเลยได้เห็นใครบางคนทำคิ้วขมวดคิดอะไรอยู่คนเดียว
“งั้นข้าขอถามอะไรเจ้าบ้างได้หรือไม่” เมื่อจัดการผมให้คนอายุน้อยกว่าเรียบร้อยแล้วทีชัลลาเริ่มถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้บ้าง อีกฝ่ายไม่ได้ตอบออกมาเป็นเสียงเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น
“เจ้าคือเอ็นจาดากาใช่หรือไม่” ไมเคิลหลุบตาต่ำลง เม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะส่ายหน้าอย่างช้าๆ
จะโดนเอาไปประหารไหมเนี่ย
“แล้วเจ้าเป็นใครมาจากไหน เกิดอะไรขึ้น” ทำไมเจ้าถึงมาพร้อมกับการเป็นคู่แห่งโชคชะตาของข้า
“เรื่องมันยาวอะ..อย่าตกใจนะ” ชายหนุ่มต่างถิ่นหันมาเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจเหนือคนธรรมดาในประเทศแห่งนี้
“ในโลกของผมมีศูนย์วิทยาศาสตร์จักวาลวิทยาเขาวิจัยว่าคนเราจะมีตัวตนในอีกหกโลก..” ไมเคิลชูมือขึ้นมาสองมือแล้วทำจำนวนให้เหลือหกนิ้ว
“สามจักรวาล มีโลกมนุษย์ กึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ และโลกของสัตว์ โลกคู่ขนานมันคล้ายๆแบบสมมติถ้าเราเลือกซ้าย เราในอีกโลกจะเลือกขวา”
ทีชัลลาเคยพออ่านมาบ้างของห้องสมุดในวังแต่เพียงแค่อ่านเพื่อให้รู้ว่าในห้องสมุดมีหนังสืออะไรบ้างก็เท่านั้น
“แล้วตัวเจ้าเองอยู่โลกไหน?” เขากอดอกยืนด้วยท่าทีที่สง่าและน่าเกรงขามเหมือนทุกๆครั้ง
“ผมมาจากโลกมนุษย์เหมือนกันนี่ล่ะ เพียงแต่แทบอาลัยตายอยากมาก กฎหมายทั่วโลกบังคับให้แต่ละตระกูลเหลือสมาชิกเพียงคนเดียว คริสต์ศักราชถูกยกเลิกเพราะพระเจ้าอะไรก็เลิกเชื่อกันหมด วิทยาศาสตร์เข้าครอบงำหมดจนกลายเป็นว่าใครที่ยังเชื่อในพระเจ้า คนนั้นถูกตราหน้าว่าเป็นคนงมงาย” ไมเคิลเล่าสิ่งที่ตนต้องเจอมาตลอดทั้งชีวิต
“ฟังดูน่าเศร้าแต่ยังถือว่าพระเจ้าทรงเมตตาที่ให้คนบนโลกเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น”
“หมายความว่าไง? ที่นี่ไม่ใช่โลกมนุษย์เหมือนกัน?”
เอาแล้ว..จะแปลงร่างเป็นเสือดำให้ดูรึเปล่าวะ
“ข้าแปลงร่างไม่ได้หรอกอย่ากังวลไป” รู้ทันอีกแล้ว
“สรุปแล้วนี่คือ?”
“โลกกึ่งคนกึ่งสัตว์ตามที่เจ้าเข้าใจอย่างไรล่ะ แต่ที่นี่เราเรียกกันว่าโอเมก้าเวิร์ส” เขาคิดว่าตัวเองจะทำใจยอมรับได้อย่างรวดเร็วแล้วแต่กลับกลายว่าต้องกลับมาตกใจอีกรอบเพราะตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ธรรมดา
“ในโลกนี้ตรงข้ามกับของเจ้าโดยสิ้นเชิง ที่นี่ประชากรมนุษย์น้อยลงขึ้นทุกวันจำนวนผู้หญิงนั้นน้อยกว่าผู้ชาย สสารร่างกายของคนเรามันเลยมีการปรับเปลี่ยนและวิวัฒนาการจนเกิดเผ่าพันธุ์อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า”
“โห..ไม่อยากจะเชื่อ”
“ต้องเชื่อเพราะข้าพูดจริง” ทีชัลลาตอบด้วยสีหน้าจริงจังให้เห็นว่าตนพูดจริง
“อุทานเฉยๆครับ..” ไมเคิลคิดว่าคนตรงหน้าในบางมุมก็เป็นคนมีอารมณ์ขัน อบอุ่น ใจดี แต่ในบางมุมก็ดูดุดันและเข้มงวด
“ถ้าข้าพูดวันนี้ต้องไม่จบแน่ๆเอาเป็นว่าข้าจะเอาหนังสือจากห้องสมุดมาให้อ่านจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” กษัตริย์พูดจบก็เตรียมออกจากห้องนี้
“เดี๋ยว..”
“หืม”
“บนโลกนี้เขาใช้สรรพนามข้า เจ้ากันหมดเลยหรอ ทำไมมันถึงขัดกับยุคสมัย?” คนอายุน้อยกว่าถามเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ตนเองสังเกตและชวนให้สงสัย
“เปล่า อเมริกาเขาก็ไม่เป็นกันหรอกมีแต่ที่วาคานด้าที่พูดกันยกเว้นน้องสาวข้า เธอบอกมันไม่เป็นสากล”
“ก็จริง..” ไมเคิลพึมพำกับตนเองเบาๆ
“อยากรู้ไปเสียงทุกเรื่องเลยนะ”
“อ่าว”
“ข้าล้อเล่น..เดี๋ยวข้ามาจะไปเอาหนังสือมาให้”
.
.
.
ตอนนี้ก็จวนพระอาทิตย์ตกดินแล้วแต่ก็ไร้วี่แววคนที่บอกจะไปเอาหนังสือมาให้ปฎิเสธไม่ได้อยู่แต่ในห้องนานๆก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร
“พี่อีริคคค!” ชูรีเดินมาเข้ามาพร้อมหนังสืออีกสองสามเล่ม
“องค์หญิงเดี๋ยวผมช่วย” ไมเคิลเข้าไปช่วยหยิบหนังสือมาวางไว้ที่บนโต๊ะ
“ขอโทษทีพอดีทีชัลลาติดราชการด่วนแล้วพึ่งมาบอกน้องว่าจะเอาหนังสือมาให้” ชูรีเดินไปดูที่โต๊ะสำรับอาหารก็พบว่าอาหารในจานหายไปปริมาณที่น่าพึงพอใจ
“อาหารที่วาคานด้าถูกปากพี่หรือไม่?”
“อร่อยพอตัว ได้กลิ่นเครื่องเทศหลายอย่างทีเดียว” ชายหนุ่มเดินไปดูหนังสือที่เจ้าหญิงวาคานด้านำมาด้วย เป็นหนังสือภาพเสียส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะคงทำให้เข้าใจได้ง่ายมากกว่า
“ทีชัลลาเล่าให้ฟังหมดแล้ว ไม่เป็นไรนะคะ”
“ขอบคุณครับองค์หญิง”
“เรียกชูรีก็ได้ค่ะน้องไม่ชอบให้ดูเป็นทางการขนาดนั้น” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่ถือตัว
“แล้วถ้าพี่ไม่ใช่พี่อีริค สตีเวนส์แล้ว..พี่ชื่ออะไรคะ?”
“ชื่อไมเคิล บี จอร์แดนครับยินดีที่ได้รู้จักเจ้าหญิงชูรี” ไมเคิลยื่นมือมาจับทักทายหญิงสาว เมื่อจับมือเสร็จชูรีก็สอนวัฒนธรรมในบ้านให้อีกฝ่ายรู้
“ที่วาคานด้าเรามีวิธีทักทายคือเอามือไขว้กันค่ะ ถ้าสนิทกันก็จะจับมือก่อนแล้วค่อยทำมือไขว้กัน” เธอสาธิตท่าให้ไมเคิลดูแขกต่างถิ่นพยักหน้าอย่างตั้งใจพร้อมทำตาม
พอเสร็จก็คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปก่อนจะพากันดูหนังสือที่ชูรีนำมา ไมเคิลเลือกหนังสือเล่มใหญ่ที่มีภาพเพราะดูเข้าใจง่ายสุดแต่พอเปิดมาหน้าแรกก็เป็นรูปภาพจำลองอวัยวะสืบพันธุ์ทันที
“อ..เอ่อน้องว่าอันนี้ยังดูเข้าใจยากเราเปิดไปหน้าอื่นก่อนนะคะ” ชูรีเปิดไปหน้าต่อไปพอเห็นว่าเป็นเนื้อหาปกติก็ค่อยเบาใจลงหน่อย
‘Alpha คือกลุ่มที่เป็นผู้นำสังคมสามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิงโดยมีบทนำในการสืบพันธุ์ถือว่าอยู่จุดบนสุดของโซ่อาหาร
Beta คือมนุษย์ปกติทั่วไปสามารถปฎิสัมพันธ์ได้ทั้งอัลฟ่าและโอเมก้า แต่เบต้าชายจะไม่สามารถท้องได้เพราะไม่มีมดลูกเหมือนโอเมก้า
Omega คือกลุ่มที่ถูกกระทำสามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิง โอเมก้าทุกคนจะมีมดลูกและสามารถตั้งครรภ์ให้อัลฟ่าได้ทั้งชายและหญิง’
“แล้วชูรีนี่เป็นแบบไหน?”
“เป็นอัลฟ่าค่ะ ที่วาคานด้าเชื้อสายกษัตริย์จะเป็นอัลฟ่าทั้งตระกูลเพื่อเป็นผู้นำให้กับคนในประเทศทั้งหน้าที่และทางกายภาพ” หญิงสาวอายุน้อยกว่าอธิบายให้ไมเคิลฟัง
“แล้วอย่างผมเป็น..?”
“โอเมก้าค่ะ” พอเข้าได้ยินประเภทของตนแล้วกลับไปดูรายละเอียดในหนังสืออีกครั้ง
เฮ้ยย!!ท้องได้ด้วย!!
“ต..แต่พี่อีร-- ไมเคิลไม่ต้องตกใจนะคะ!! ถ้าไม่ไปเอ่อ..มีอะไรกับใครก็ไม่ท้องแน่นอน” ชูรีปลอบใจอีกฝ่าย
เพราะแบบนี้ใช่ไหมทีชัลลา พี่ถึงไม่ยอมเอามาให้เอง!
.
.
.
“เป็นอย่างไรบ้างวันนี้” อีกไม่กี่นาทีก็เข้าสู่วันใหม่แล้วไฟภายในวังดับลงเหลือเพียงแต่ห้องของกษัตริย์วาคานด้าเท่านั้น
“แหม..พี่เล่นหนีหายไปทำธุระบ้านธุระเมืองปล่อยให้น้องคอยห้ามไม่ให้พี่อีริคตื่นตระหนกอยู่คนเดียว” น้องสาวทีชัลลาบ่นใหญ่เมื่อเขาถามไถ่ ทีชัลลาได้แต่หัวเราะเบาๆ
“แล้วเรียนรู้ไปถึงไหนแล้วหืม”
“แค่รู้ว่าโอเมก้าท้องได้พี่เขาก็หน้าซีดจะเป็นลมแล้วค่ะเลยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ” ชูรีถามต่อ “วันนี้ไปอเมริกาได้เรื่องอะไรบ้าง”
“อย่างแรกเลยคือไม่มีคนชื่อไมเคิล บี จอร์แดนอยู่บนโลกนี้”
“...”
“พี่ไปติดต่อศูนย์วิทยาศาสตร์มาแล้วเขาบอกว่าจะประสานงานกับทางดาราศาสตร์ให้แล้วจะติดต่อกลับเร็วที่สุด” ชูรีเดินไปเก็บหนังสือที่หยิบมาวันนี้ไว้บนโต๊ะทำงาน
“ทีชัลลา พี่คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะทางส่งเขากลับนั้นหมายความว่าพี่จะสูญเสียคู่แห่งโชคชะตาเลยนะ” เธอเป็นห่วงพี่ชายไม่แพ้กันหากเจอคู่แห่งโชคชะตากันแล้วก็ยากเหลือเกินที่จะไปจับคู่กับผู้อื่น
“แค่เขารู้ว่าตัวเองสามารถตั้งครรภ์ได้ก็ยังเป็นลมแบบที่เจ้าบอก ถ้าเขารู้ว่าถูกผูกดวงชะตากับพี่ ไม่เป็นเจ้าชายนิทราเลยหรือไง” ทีชัลลาเริ่มใช้เสียงดังมากกว่าเก่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่ลังเลแต่เขาก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวจับคู่กับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตนเองเป็นนั้นเรียกว่าอะไร
“ถ้าพี่ตัดสินใจดีแล้ว น้องก็จะเคารพการตัดสินใจของพี่” ชูรีลงนั่งเก้าอี้ตรงกันข้าม “สมมติว่าวิธีทางเดียวที่จะทำให้เขากลับบ้านคือพี่ต้องฆ่าเขาล่ะ?”
“หากเป็นเช่นนั้นจริงพี่ก็คงจำเป็นต้องทำ”
TBC
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะทุกคนขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าน้าา

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรื่องบางเรื่องให้อีริคได้มีส่วนตัดสินใจด้วยเถอะ
อย่าทำให้น้องต้องเสียใจทีหลังน้า
แต่คิดว่าไม่ได้ทำหรอก เดี๋ยวก็หลงรักไมเคิล ขนาดคนอ่านยังหลงรักเลย 5555