ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    World Secret: ปริศนาแห่งดวงดาว

    ลำดับตอนที่ #1 : Open gate: ประตู

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 49


    ตึก ตึก ตึก ตึกๆๆๆ......เสียงฝีเท้าของเด็กชายคนหนึ่งที่วิ่งด้วยอาการเร่งรีด ในอ้อมแขนทั้งสองข้างอุ้มหนังสือเล่มหนาหลายเล่มแนบไว้กับอกตนเอง พอมาถึงที่โต๊ะนั่งเล่นในสวนย่อมเล็กๆ ข้างอาคารหอสมุด เขาก็ว่าหนังสือทั้งหมดไว้ที่โต๊ะแล้วนั่งที่ม้านั่งยาวริมโต๊ะ พร้อมกับยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก...

    - เอานี่..ฉันหามาได้แค่นี่แหละ เด็กหนุ่มทำท่าเซง
    - แค่นี่ก็พอแล้วล่ะเฟส..ดาด้าตอบ มันเป็นเสียงของเด็กหญิงที่ฟังออกจะห้าวๆซักหน่อย
    - อืมม์..ฉันว่าแค่นี่ฉันก็ทำรายงานให้เสร็จตามกำหนดได้แล้วล่ะ คิดส์พูดจบแล้วก็ลงมือเปิดหาข้อมูลในหนังสือที่เฟสหามาให้
    - นี่ดีนะที่นายอยู่ชมรมห้องสมุดเลยหาหนังสือมาได้ ไม่งั้นมีหวังโดนอาจารย์
    พอลทำโทษแน่ๆ ดาด้าพูด
    - นั่นนะซิ ฉันล่ะเบื่อกับไอ้วิชาประวัติศาสตร์เต็มทีแล้ว ทำแต่รายงานทั้งปี ไม่เห็นจะชอบเลยให้ตายซิ เฟสพูดเสริม
    - เอาน่ามีฉันอยู่ทั้งคน ไม่ว่าอะไรก็ไม่เป็นปัญหาทั้งนั่นแหล่ะ พวกนายเองอย่างกังวลให้มันมากนักเลย คิดส์พูดแทรกขึ้นมา พร้อมๆกับเขียนรายงานต่อไปอย่างสบายอารมณ์ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับเขา
    - ก็นายชอบนี่นา ก็เลยเป็นไม่ทุกข์เป็นร้อนเหมือนคนอื่นๆเค้าน่ะ เฟสพูด
    - พวกนายยังไม่เคยสัมผัสประวัติศาสตร์อย่างฉัน พวกนายไม่มีทางรู้หรอกว่ามันน่าตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้ค้นพบอดีตของโลกเรา คิดส์ตอบ
    - แล้วนี่นายรู้รึได้ไงว่าการค้นพบประวัติศาสตร์มันน่าตื่นเต้นนะ ฉันล่ะเบื่อ
    - ฉันเคยออกไปสำรวจกับพ่อฉันที่ซากโบราณสถานแห่งหนึ่งที่เค้าเรียกว่า โบราณสถานแห่งบาบิลอนน่ะ ตามตำนานเขาบันทึกไว้ว่า ที่นั่นเป็นนึครลอยฟ้า เป็นที่ประทับของเหล่าเทพเจ้าต่างๆ พอฉันไ้ด้ยินน่ะ ขนนี่ลุกเชียว แต่น่าเสียดายที่เมื่อ 500 ปีก่อนเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟหลักฐานที่จะเชื่อมโยงไปถึงที่นั่นก็เลยถูกทำลายไปด้วย ฉันก็เลยศึกษาประวัติศาสตร์ต่างๆเพื่อที่จะเปิดเผยความลับของเมืองบาบิลอนให้ได้ คิดส์หยุดเขียนรายงานทันทีและแสดงใบหน้าจริงจังในการเล่าประสพการณ์ของเขา
    - นี่นายจะบ้าไปแล้วหรอ นายคิดว่ามันมีจริงๆหรอใอ้สิ่งมหัศจรรย์ในตำนานในหนังสือน่ะ ฮ่ะคิดส์ ดาด้าพูดเย้ย
    - นี่ดาด้า ถ้าพวกเธอไม่เชื่อนะ เย็นนี้ฉันจะให้พวกนายได้ดูของสิ่งนึง ที่ฉันเก็บได้ที่ที่ฉันไปสำรวจมาให้ได้ดู ถ้าพวกนายได้เห็นแล้วจะไม่พูดแบบนี้อีกแน่ คิดส์พูดจบก็หันหน้ากับไปทำรายงานต่อ

    ...................................................................................................................................

    เวลา 18.00 น. หลังเลิกเรียน

    - เฟส ดาด้า ฉันจะพาพวกนายไปที่บ้านฉัน ฉันมีอะไรบางอย่างที่จะทำให้พวกนายเปลี่ยนความคิดใหม่ และพวกนายจะต้องเป็นแบบฉันแน่ๆ มา..ตามฉันมา คิดส์ชวนเฟส และดาด้าไปที่บ้านของตน

    เฟสและดาด้าก็ยอมตามไปที่คิดส์ชวน พอมาถึงบ้านคิดส์ก็พาทั้งสองไปที่ห้องนอนของเขา และหยิบกล่องสีดำจากใต้ที่นอนออกมา ดูเหมือนว่าข้างในจะมีอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่คิดส์จะเปิดกล่องๆนั้น เขาได้บอกกับทั้งสองว่า

    - ฉันจะเปิดกล่องนี้ให้พวกนายได้ดูว่าสิ่งที่ฉันเห็นของในกล่องนี้เป็นของที่ได้จากสถานโบราณบาบิลอนที่ฉันไปสำรวจกับพ่อฉัน แต่พ่อฉันไม่รู้เรื่องที่ฉันเอาของสิ่งนี้มาด้วย ดังนั้นห้ามไม่ให้พวกนายบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น สัญญากันก่อนนะ

    ทั้งเฟสและดาด้าตามก็สัญญากับคิดส์ เพียงเพราะหวังแค่อยากจะเห็นของที่ว่าของคิดส์เท่านั้น

    ทันทีที่คิดส์เปิดกล่องออก สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของทั้งสามคนคือ ไข่ของสัตว์อะไรบางอย่างมันมีสีเงินที่ทำท่าว่าจะฟักออกมาเป็นตัวเต็มที ยังไม่ทันขาดคำ ไข่ก็ฟักออกมาเป็น มังกรสีเงินตัวเล็กๆ มันเปล่งแสงเป็นประกายสีทองเจิดจ้า ทำให้ทุกคนแสบตาจนมองอะไรไม่เห็น พอแสงค่อยๆมอดลง เจ้ามังกรเงินตัวน้อยได้กลาย เป็นกุญแจสีเงินไปซะงั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสามคนงงกับเหตุการณ์แม้แต่คิดส์เองที่เชื่อในเรื่องนี้อยู่แล้วยิ่งใจเต้นหนักเขาไปใหญ่

    หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งสามคนเกิดความสงสัยในเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาต้องการจะสืบค้นสาเหตุหาความจริง และแล้ว Finding Kid ก็เกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะค้นหาความจริงที่ยังคงถูกเก็บซ่อนอยู่ เพื่อหวังที่จะเปิดเผยมันออกมา

    .................................................................................................................................

    พอถึงวันหยุดประจำสัปดาห์ ทั้งสามคนจึงได้ออกเดินทางไปเพื่อค้นหาความจริง โดยเริ่มต้นที่ซากโบราณสถานบาบิลอน ทั้งสามเดินทางไปพร้อมกับพ่อของคิดส์โดยอ้างสาเหตุว่าจะไปศึกษาเพื่อทำรายงานส่งอาจารย์

    พอไปถึงทั้งสามคนจึงแยกตัวออกจากกลุ่มนักสำรวจ แล้วก็เริ่มการค้นหาโดยทั่ว แต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไร

    - ฉันไม่เห็นจะมีอะไรน่าสงสัยเลย ดาด้าพูด
    - ฉันว่าเราลองดูกันอีกรอบดีกว่า คิดส์พูดแทรก

    แล้วทั้งสามคนก็เริ่มค้นหาอีกครั้งจนเริ่มเหนื่อยทุกคนเลยนั่งพัก เฟสกับดาด้านั่งพักที่ซากกองหินเก่าที่ทับถม ส่วนเฟสเดินไปรับอากาศที่ผ่านเข้ามาตามโพร่งเพดานที่ทะลุจากด้านบน ทันใดนั้นกุญแจมังกรที่คิดส์นำมาเป็นสร้อยคอ ก็เปล่งแสงเป็นระยะวูบวาบๆ เมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ที่ทะลุผ่านมาจากด้านบน จากนั้นแสงจากสร้อยก็ส่งสำแสงออกมาชี้ไปในความมืดด้านในซากโบราณ เมื่อเห็นเช่นนั้นทั้งสามคนเลยวิ่งเข้าไปด้านในตามลำแสง พอมาถึงก็เห็นกำแพงขนาดใหญ่ที่เดินผ่านมาแล้วแต่ไม่เจออะไร แต่ตอนนี้กับมีร่องรอยของอักษรโบราณที่เรืองแสงอ่อนๆ ออกมา พอสำรวจดูแล้วก็เห็นช่องเล็กๆที่เหมือนกับรูกุญแจ คิดส์ไม่รอช้า ดึงกุญแจออกมาแล้วก็สอดเข้าไปทันที

    - ฉันไม่เห็นจะมีอะไรเลย คิดส์ลำพึงกับเพื่อนๆ
    - นั้นนะสิ ฉันว่านายลองไปยืนที่เดิมดีกว่านะคิดส์เผื่อจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก เฟสบอก

    เมื่อทุกคนหันหลังกลับเพื่อจะทำตามคำแนะนำของเฟส ก็กลับไม่เห็นทางเดินที่ตนวิ่งมา มีเพียงความมืดมิดที่มีแสงอยู่ริบๆ ทำให้ทุกคนตกใจมากและสับสนจนทำอะไรไม่ถูก คิดเพียงว่าจะทำไงกันดี ด้วยความกลัวดาด้าที่ห้าวหาญถึงกับน้ำตาซึมออกมาเพราะหวาดหวั่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เฟสเข้าไปปลอบดาด้ามือจับตัวดาด้าไว้แน่น คิดส์เองก็เริ่มเดินไปตามแสงแห่งความสงสัยเล็กๆนั่นที่ละก้าวๆ อย่างช้าๆ เด็กน้อยทั้งสามจับมือกันแน่น พร้อมกับเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าหนทางที่ตนเดินไปนั้นกำลังจะเปลี่ยนชีวิตของตนเองอย่างไร และจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์อะไรต่อ ได้แต่ปลอบใจกันเองว่าคงจะไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับตนและเพื่อน ในใจหวังเพียงใครสักคนที่จะพาพวกเขาออกไปจากความสับสนนี้เท่านั้น

    ...................................................The End......................................................

    ................................................To be continue...............................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×