คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่7
ตอนที่7
ณ ตึก WE Entertainment
”พวกเธอแน่ใจหรอว่าอยากย้ายมาค่ายนี้จริงๆน่ะ” น้ำเสียงขึงขันเอ่ยถามขึ้น
”ค่ะ พวกเราแน่ใจ” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหยิ่งทระนงพูดขึ้น
”พี่ๆจะให้โอกาสฉันได้ไหมล่ะคะ” น้ำเสียงที่หยิ่งยโสตามหน้าตาคนพูดเอ่ยถามต่อไป หากแต่ว่าภายในของเธอนั้นไม่ได้เข้มแข็งหรือหยิ่งยโสวางท่าอย่างที่คนภายนอกคิดกันเลย
”เจสสิก้า พี่เข้าใจความรู้สึกเธอนะ แต่เธอเองก็ยังมีสัญญากับบริษัทเดิมของเธออยู่ อีกทั้งบริษัทนั้นยังเป็นบริษัทที่ปั้นพวกเธอขึ้นมาอีกต่างหาก”
”พวกพี่เองก็ออกจากบริษัทนั้นมาตั้งบริษัทตัวเองอย่างนี้เหมือนกันนั่นแหละค่ะ!”
”เธอ! นี่ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ และที่สำคัญคือเธอกำลังมาของานจากฉันนะเจสสิก้า”
”ฉันขอโทษค่ะพี่ เพียงแค่
ฉันแค่อยากคัมแบ๊กพร้อมหน้าพร้อมตากับน้องสาวของฉันทุกคน ฉันไม่อยากให้คนใดคนหนึ่งหายไปจากคำว่า โซนยอชิแด ค่ะ” หญิงสาวพูดเหตุผลออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาใสๆที่คลออยู่เต็มดวงตากลมโต
”พี่ เอ่อ
ขอโทษที่ตะคอกใส่เธอนะเจส พี่ก็แค่อยากให้เธอคิดดูดีๆก่อน เพราะกว่าที่พวกพี่จะหมดปัญหากับบริษัทนั้นแล้วมาเปิดบริษัทของพวกพี่ได้เองมันก็เป็นเวลานานมากเลยนะรู้ไหม”
”ฉันทราบค่ะพี่ชินดง
” หญิงสาวตอบรับเสียงอ่อย
”เธอกลับไปลองคุยกับท่านประธานก่อนนะ ถ้าท่านรอให้ซอจูฮยอนคัมแบ๊กพร้อมพวกเธอไม่ได้ แล้วเธอค่อยมาบอกพี่ พี่ขอปรึกษากับสมาชิกคนอื่นก่อนนะ”
”ขอบคุณมากนะคะพี่ชินดง ขอบคุณมากจริงๆค่ะ” หญิงสาวได้แต่โค้งขอบคุณอย่างไม่รู้จักเหนื่อย แค่เพื่อเหตุผลเดียว ให้เธอได้น้องสาวคนเล็กของวงกลับมาคัมแบ๊กเป็นโซนยอชิแดพร้อมกัน แค่เท่านั้นเองที่เธอต้องการ และนั่นแหละเหตุผลที่เธอยอมบากหน้ามาหาอดีตรุ่นพี่ที่ออกจากบริษัทเดิมแล้วมาปกครองตนเองด้วยการเปิดบริษัทของพวกเขาขึ้นมา
”อย่าลืมเก็บไปคิดนะคะพี่ ถือว่าช่วยฉันกับน้องๆเถอะนะคะพี่”
”พี่รู้แล้วๆ อย่าเครียดไปเลยนะเจส พี่ๆทุกคนเป็นห่วงเธอกันนะ” ชินดงเดินมาตบบ่าหญิงสาวรุ่นน้องอย่างเห็นใจก่อนจะเดินออกมาส่งเจสสิก้าที่หน้าห้อง และเขาก็ได้พบกับรุ่นน้องอีกคนนั่นก็คือยุนอาที่รอเจสสิก้าอยู่หน้าห้อง
”ยุนอา! ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง เธอสบายดีนะ” ชินดงเดินเข้าไปทักทายยุนอา
”ค่ะพี่ ฉันสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ” ยุนอาโค้งให้ชินดงแทนการทักทาย
”พวกเรากลับก่อนนะคะพี่” เจสสิก้าและยุนอาหันมาโค้งให้ชินดงก่อนเดินออกไปจากหน้าห้องทำงานของประธานบริษัทฝ่ายธุรการ แต่ระหว่างนั้นยุนอาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากคนบางคนที่วิ่งสวนพวกเธอไปอย่างรวดเร็ว
”พี่ชินดง!!! มาเล่นเกมส์กันเหอะ ไม่มีงานอะไรแล้วนี่ใช่ป่ะ? ไปเล่นเกมส์กับผมเหอะ”
”ย่าห์~ ไอ้เกมส์คยู นายน่ะเพลาๆลงบ้างนะเรื่องเกมส์น่ะ แล้วเดินสวนมานั่นไม่ได้มองหรือไงว่าใครเพิ่งออกจากห้องพี่ไป” ชินดงหยอดคำถามใหญ่ที่กระตุกลมหายใจของคยูฮยอนก่อนจะเดินไปตบไหล่มักเน่ของวงเบาๆ
”ไม่ได้สังเกตน่ะ ถ้าพี่ไม่เล่นกับผมงั้นผมไปชวนคนอื่นก็ได้ หึ!” แล้วคยูฮยอนก็เดินออกไปจากหน้าห้องของชินดงทันที
รู้สิ ทำไมคนสายตาเป็นเลิศ และช่างจดจำอย่างคยูฮยอน
จะมองไม่เห็นว่าผู้หญิงที่เดินสวนไปคนนั้นเป็นใคร
เมื่อเจสสิก้ากับยุนอาเดินพ้นห้องของชินดงมาแล้วนั้น เจสสิก้าก็เปิดปากถามยุนอาเกี่ยวกับคยูฮยอนที่เพิ่งเดินสวนกันไป แน่ล่ะ พวกเธออยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีตั้งแต่ยังเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ด้วยซ้ำ ทำไมเพื่อนในวงจะไม่รู้ว่ายุนอากับคยูฮยอนเคยมีความสัมพันธ์กันยังไง
”เธอโอเคนะ” เจสสิก้าเอ่ยถามสาวรุ่นน้องอย่างเป็นห่วง
”ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ แต่พี่เถอะไปคุยกับพี่ชินดงว่าไงบ้าง”
”ยังไม่ได้คำตอบหรอก แต่ตอนนี้ที่พี่เป็นห่วงก็คือเธอมากกว่า”
”ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะพี่” ยุนอาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหากแต่ข้างในเธอก็อยากจะวิ่งย้อนกลับไปถามผู้ชายคนนั้นเหมือนกันว่า
เขาจำเธอไม่ได้จริงๆหรือ?
”ก็ดีแล้วถ้าไม่เป็นอะไรเรากลับกันเถอะ” เจสสิก้าที่ไม่อยากซักไว้น้องสาวก็เลยจบประเด็นนั้นแล้วจูงมือยุนอาไปขึ้นรถของผู้จัดการวงที่จอดรออยู่หน้าตึก โดยทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีสายตาเฉียบคมคู่หนึ่งเฝ้ามองพวกเธอเดินออกจากตึกไปอยู่ทุกฝีก้าวจากห้องประธานบริษัทฝ่ายบุคลากร
”ได้แต่แอบมองเธออยู่ในมุมมืดอย่างนี้สินะ” น้ำเสียงขี้เล่นแต่อบอุ่นเอ่ยเรียกให้คนร่างสูงที่มองออกไปนอกหน้าต่างหันกลับเข้ามา
”อะไรเหรอครับ” คยูฮยอนหันหน้ามามองผู้มาใหม่อย่างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
”นายรู้อยู่แก่ใจน่าคยู นายก็รู้ตัวเองดีว่านายมองเธออยู่”
”พี่มั่วใหญ่แล้วพี่ชินดง ผมไปมองใครที่ไหนกัน ฮะๆ
” คยูฮยอนหัวเราะร่าก่อนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะตนเอง
”ทำไมพวกนายไม่เดทกันอีกครั้งหล่ะ”
”ผมเดทกับใครที่ไหน ชีวิตนี้ผมมีแต่เกมส์เท่านั้นแหละฮะ” มักเน่ของวงที่ปกติจะเป็นฝ่ายแกล้งรุ่นพี่ในวง หากแต่ตอนนี้เขากำลังถูกชินดงแกล้งบุกรุกเข้ามายังส่วนของความรู้สึกในก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยการพูดเกี่ยวกับเธอผู้นั้น ที่เขาเพิ่งเดินสวนไป
”นายนั่นแหละ ทำไมไม่ลองเดทกันอีกครั้ง
กับยุนอาน่ะ” ชินดงเดินเข้ามาตบบ่าคยูฮยอนเบาๆคล้ายจะให้กำลังใจ
”
”
”นายแคร์เอลฟ์มากไปนะคยู พี่รู้ว่านายรักเอลฟ์มาก”
”
”
”แต่นายรู้อะไรมั๊ย ถ้าพวกเขาเหล่านั้นรู้ว่านายแคร์พวกเขามากกว่าตัวเองขนาดนี้พวกเขาจะรักนายมากขึ้น พวกเขาไม่ผิดหวังเลยที่มารักนาย”
”ใช่มั๊ยล่ะครับ และแน่นอนผมไม่ใช่คนที่ชอบเห็นคนที่ผมรักต้องผิดหวังหรือรู้สึกแย่เพราะผมเหมือนกัน”
”แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าพวกเขารู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาเอง ทำให้นายกำลังทำให้คนที่นายรักต้องผิดหวังและรู้สึกแย่ นายไม่คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกแย่มากกว่างั้นเหรอ” สิ่งที่พี่ชินดงพูดออกมามันจริงทุกประการ เขามั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำร้ายยุนอาอยู่ ผมรับรู้ได้แม้ไม่ได้มองหน้าเธอตรงๆ แววตาของเธอไม่สดใสเหมือนเคย
”ผมแค่
”
”นายไม่รู้ตัวหรอกเหรอว่านายกำลังทำร้ายจิตใจคนที่นายรักอยู่”
”
”
”พี่เชื่อว่านายรักยุนอาไม่น้อยไปกว่าที่รักเอลฟ์หรอก”
”
”
”เก็บคำพี่ไปคิดละกันนะคยู” พี่ชินดงตบบ่าผมสองสามทีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
เมื่อพี่ชินดงเดินออกไปจากห้องแล้วนั้นผมก็จัดการต่อสายถึงใครบางคนที่ผมมักจะเรียกเขามาเวลาที่ปัญหากำลังถาโถมผม
”พี่ซีวอนครับ ว่างอยู่รึเปล่า”
‘คุยได้นะคยู ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรหรอ’ ปลายสายตอบกลับมาอย่างเป็นห่วงเพราะเขาคงรู้ดีเหมือนกันว่าถ้าปัญหาไม่หนักหนาอะไรผมไม่มีทางโทรหาเขาอย่างแน่นอน
”ผมแค่
หาเพื่อนดื่มน่ะฮะ”
‘แต่หัววันอย่างนี้เลยหรอ ไม่เอาน่าคยู ไปเล่นเกมส์เถอะไป ฮะๆ’ พี่ซีวอนยังเหมือนเดิม เป็นห่วงเขาแต่ก็ไม่แสดงออกมาตรงๆ แนะนำอะไรเด็กๆที่ผมไม่อยากทำ
”พี่จะมานอนหอมั๊ยฮะคืนนี้”
‘คงไม่ได้หรอก พี่ติดถ่ายละครน่ะ’
”
” ทำไมพี่เขาไม่ว่างให้ผมเหมือนเคยนะ
พี่รับงานเยอะไปแล้วนะชเวซีวอน
‘เอางี้สินายมาหาพี่ที่กองได้นะ’
”ผมไปได้หรอฮะ” คยูฮยอนตอบกลับไปอย่างตื่นเต้น ก็เพราะในกองถ่ายนั้นมีนักแสดงที่เขาชื่นชอบอยู่น่ะสิ
‘นายเข้ามาสักสามทุ่มเป็นไง ดึกไปมั๊ย?’
”ไม่ดึกฮะ ว่าแต่ผมไปได้จริงๆหรอ”
‘จริงสิ! อ้อ!คุณยูอีก็อยู่นี่นะ พี่มีฉากที่ต้องถ่ายกับเธอช่วงนั้นพอดีถ้านายมาได้พี่ว่ามันเป็นโชคของนายเลยหล่ะ’ เมื่อซีวอนเอ่ยชื่อบุคคลที่สามขึ้นมาคยูฮยอนก็แทบจะรีบบินออกจากบริษัทไปหาเขาที่กองละครเลยหล่ะ
”พี่ซีวอน สามทุ่มเจอกันนะฮะ” คยูฮยอนกดตัดสายก่อนรีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อกลับไปเตรียมตัว ระหว่างทางเขาแวะซื้อกาแฟเข้าไปฝากสมาชิกบางส่วนที่อู้งาน(?) นอนเล่นอยู่หอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสิบสามคนจะหลุดพ้นจากบริษัทเดิมที่เคยสังกัดอยู่มาได้หลายปีแล้ว แต่การลาออกมาตั้งบริษัทของตัวเองร่วมกับรุ่นพี่อย่างทงบังชินกิมันก็ไม่ใช่งานง่ายๆเหมือนกัน แต่ทว่ากระแสตอบรับนั้นกลับได้ผลเกินความคาดหมาย เพียงแค่พวกเขาเปิดบริษัทได้ไม่ถึงสองปีเต็มก็สามารถปั้นนักร้องบอยแบนด์ให้โด่งดังขึ้นมาได้ภายใต้ชื่อ ‘ชายนี่’ ตัวคยูฮยอนเองอยู่ฝ่ายบุคลากรที่รับดูแลเรื่องการฝึกร้อง เขาอยู่ฝ่ายนี้ร่วมกับ พี่เยซอง พี่เรียวอุค พี่ทงเฮและชางมิน บริษัทนี้ที่มาของชื่อ WE ก็คือมาจากคำว่า WE ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า ‘พวกเรา’ ยังไงหล่ะ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่แต่ว่าบริษัทนี้มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกับเราอยู่สองพวกนั่นก็คือ กลุ่มแฟนคลับที่ชื่อแคสสิโอเปียและเอลฟ์ พวกเขาทั้งสองต่างถือหุ้นอยู่คนละ10เปอร์เซ็นต์ ซูเปอร์จูเนียร์และทงบังชินกิต่างถือหุ้นอีกวงละ40เปอร์เซ็นต์ ภายในบริษัทพวกเราจัดการดูแลเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคัดเด็กฝึกหัดมาปั้นหรือรวมไปถึงการคัดเลือกผู้จัดการส่วนตัวของแต่ละวงที่เราเดบิวท์ให้ ในขณะเดียวกันพวกเราก็ออกอัลบั้มให้ตัวเองและโปรโมทกันเองอีกด้วย
การตัดสินใจออกจากบริษัทเดิมเป็นอะไรที่ตอนแรกตัวเขานั้นไม่อยากทำเพราะว่าเขาจะได้อยู่ห่างจากผู้หญิงคนนั้นมากกว่าเดิมน่ะสิ แต่จะให้เขาเป็นคนเดียวในวงที่ไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาเลือกอนาคตของวง เลือกแฟนคลับนับล้านที่เฝ้ามอง ทำให้เขาสูญเสียเธอคนนั้นไปตลอดกาล
อิมยุนอา
”คาปูชิโน่สองแก้ว มอคค่าหนึ่งและเอสเพรสโซ่สามครับ” ผมสั่งรายการกาแฟของสมาชิกแต่ละคนออกไปอย่างรวดเร็ว แน่ล่ะครับอยู่กันมานานเท่าไหร่แล้ว แค่รสกาแฟที่ชอบทำไมผมจะจำไม่ได้
”ลาเต้มันหวานกับเอสเพรสโซ่เย็นอย่างละแก้วค่ะ” น้ำเสียงใสๆที่คุ้นหูดังขึ้นไม่นานหลังจากผมสั่งกาแฟของผมไป
”
” และเมื่อผมหันไปมองผมก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงที่ยืนสั่งกาแฟอยู่ข้างๆผมคือซอจูฮยอน มักเน่ของวงโซนยอชิแดนั่นเอง
”อ้าวซอฮยอน! มายังไงน่ะ”
”อ๊ะ! พี่คยูฮยอน สวัสดีค่ะ” ซอฮยอนยังคงมีมารยาทเหมือนเคย จริงๆแล้วเราก็ใช่ว่าจะไม่สนิทกันเธอไม่เห็นต้องโค้งให้ผมต่ำขนาดนั้นเลยนี่นา
”มาซื้อกาแฟเหมือนกันหรอ”
”ค่ะ พี่ก็มาซื้อกาแฟเหมือนกันนี่คะ” อืมนะ
ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่ในร้านกาแฟนี่นาไม่ให้มาซื้อกาแฟแล้วให้มาทำอะไรล่ะเนี่ย = =
”เธอมากับใครหรอ เอ่อ
พี่หมายถึง จองยงฮวาสามีเธอน่ะได้มาด้วยมั๊ย” บังเอิญผมเหลือบไปเห็นแหวนสีเงินวงเล็กเกลี้ยงเกลาสะท้อนเข้าตา ผมเลยเอ่ยถามเธอออกไปถึงเรื่องชีวิตการแต่งงาน
”พี่ยงฮวารออยู่ในรถค่ะ”
”เธอสบายดีนะ?”
”ฉันสบายดีค่ะพี่ แล้วพวกพี่ละคะบริษัทเป็นยังไงบ้าง งานยุ่งรึเปล่า”
”ก็มีเรื่อยๆนะ แต่ส่วนมากพี่ไม่ค่อยทำงานหรอก จะให้พวกพี่อีทึกพี่ฮีชอลพี่ชินดงทำมากกว่า
”อ๋อ
” ซอฮยอนพยักหน้าน้อยๆอย่างมีมารยาทตามเคย จริงๆเรื่องที่เราคุยกันอยู่มันไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่เลยจริงๆ ผมเองผมยังเบื่อเลย ให้ตายสิ
”ว่าแต่เธอเคยคิดเรื่องคัมแบ๊กมั๊ยซอฮยอน” ระหว่างที่รอกาแฟเสร็จผมก็เลยเปิดปากถามถึงปัญหาที่โซนยอชิแดกำลังเผชิญ ผมได้ยินข่าวมาว่าโซนยอชิแดไม่ยอมคัมแบ๊กตามกำหนดเพราะเหตุผลคือพวกเธอทั้งแปดคนรอมักเน่ของวงอยู่
”คัมแบ๊ก
ร่วมกับสมาชิกหรอคะ ไม่หล่ะคะฉันเลยจุดๆนั้นมาแล้ว” แม้ว่าเธอจะตอบผมอย่างฉะฉานก็เถอะ แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้
”บางทีเธอน่าจะเก็บไปคิดดูอีกทีนะ พี่สาวของเธอรอเธออยู่รู้มั๊ย”
”แต่ฉันแต่งงานแล้ว
”
”เรื่องนั้นใช่ปัญหาที่ไหนเล่า ปัญหามันอยู่ที่หัวใจของเธอจะตัดสินยังไงต่างหาก” ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือออกไปขยี้หัวซอฮยอนเบาๆอย่างคุ้นเคย แต่ทว่ากลับมีฝ่ามือแข็งแรงมาคว้าข้อมือผมเอาไว้ซะก่อน
”
” ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งนั่นเองที่จับข้อมือผมเอาไว้
”พี่ยงฮวา
!” และผู้ชายคนนั้นก็คือจองยงฮวาสามีของเธอนั่นเอง
”
”
”พี่คะนี่พี่คยูฮยอน รุ่นพี่ของฉันค่ะ” ซอฮยอนแนะนำผมให้เขารู้จัก แค่ผมดูจากสายตาแล้วเขาดูจะไม่ค่อยอยากรู้จักผมสักเท่าไหร่นะ - -
”ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณยงฮวา ผมโจวคยูฮยอน” เมื่อเขาไม่ปล่อยข้อมือผมง่ายๆ ผมเลยยื่นมือที่กำลังว่างอีกมือออกไปหาเขาแทน
”
” หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเล็ดลอดออกมาจากปากของเขาเลย
”พี่คะ..เอ่อ ปล่อยพี่คยูก่อนสิคะ” ซอฮยอนเดินเข้ามาแกะมือของเขาออกจากมือของผม ผมเห็นเขายังคงขมวดคิ้วอยู่เมื่อมองหน้าผม แต่ทันใดนั้นเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นมาช่วยชีวิตผมให้หลุดจากความอึดอัดนี้
”กาแฟของคุณเบอร์ยี่สิบแปดได้แล้วค่ะ!” ผมมองดูเบอร์ตัวเองแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ผมเดินไปรับกาแฟก่อนจะเดินออกมาเพื่อบอกลาซอฮยอนและยงฮวา
”พี่ไปก่อนนะซอฮยอน ไว้เจอกันโอกาสหน้านะ” ผมโบกมือให้ซอฮยอนก่อนจะโค้งให้คุณยงฮวาแล้วเดินตรงไปที่ประตู แต่จู่ๆผมก็คิดได้ว่าอย่างน้อยผมควรจะมีเบอร์ติดต่อเธอหน่อยสิ เผื่อผมจะช่วยพูดให้เธอยอมคัมแบ๊กพร้อมโซนยอชิแดคนอื่นๆได้ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธออีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมพร้อมบันทึกเบอร์ของซอฮยอน
”ซอฮยอนอา~ พี่เพิ่งนึกได้ว่าพี่ยังไม่มีเบอร์เธอเลย เมมไว้ให้พี่หน่อยสิ” ผมพูดกับซอฮยอนก่อนจะยื่นมือถือไปให้ แต่แล้วคนที่รับไปกลับเป็นคุณยงฮวาแทน เขาแย่งโทรศัพท์มือถือผมไปกดก่อนจะส่งมันคืนให้ผมอย่างรวดเร็ว
”
”
”พี่ไปทำแบบนั้นกับพี่คยูฮยอนได้ไงน่ะ!” ซอฮยอนหันไปดุสามีอย่างจริงจัง ทำให้ผมที่ยืมมองอยู่อดขำไม่ได้
”ไม่เป็นไรหรอกซอฮยอน พี่เข้าใจว่าทำไมคุณยงฮวาเป็นอย่างนั้น พี่ไปนะไว้พี่จะโทรหา” ผมโบกมือให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปจากร้านกาแฟนั้นทันทีเพื่อรีบกลับไปที่หอแล้วเตรียมตัวพร้อมสำหรับการไปหาคุณยูอีที่กองถ่ายของพี่ซีวอน ^ ^
”ผู้ชายคนนั้นน่ะ
” เมื่ออยู่กันสองคนแล้วนั้น พี่ยงฮวาก็กลายเป็นผู้ชายที่พูดมากไปโดยปริยาย
”ผู้ชายคนนั้นทำไมคะ?”
”เขาเป็นใครน่ะ”
”เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันค่ะ” ฉันตอบความจริงออกไป
”พี่รู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่เธอ แต่ที่พี่อยากรู้คือเกี่ยวข้องยังไงกับเธอ เขาเป็นซูเปอร์จูเนียร์เมมเบอร์ใช่มั๊ย”
”ค่ะ
” ฉันตอบออกไปอย่างเสียงแผ่ว พี่ยงฮวาตอนนี้กำลังมีอาการเหมือน
หึงฉันกับพี่คยูฮยอนยังไงก็ไม่รู้สิ > <
แต่ว่าขอร้องหล่ะ พี่ยงฮวาต้องไม่ถามเรื่องโซนยอชิแดกับฉันนะ
อย่าถามเรื่องนั้นออกมานะคะพี่
”แล้วเขามาคุยอะไรกับเธอ มันจะเกี่ยวกับเรื่องให้เธอกลับไปเป็นโซนยอ
”
”พี่คะกาแฟเย็นหมดแล้ว!!” พอพี่ยงฮวาพูดเรื่องโซนยอชิแดขึ้นมา ฉันก็เลยเลือกที่จะพูดแทรกขึ้นมาก่อน ฉันไม่อยากได้ยินหรือคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับวงนั้นอีกแล้ว ฉันไม่คิดถึงมันอีกแล้ว
”อะไรกันฮยอน นี่มันเอสเพรสโซ่เย็นนะ” โกหกไม่เนียนจริงๆจูฮยอน = =
”อ้าว กะ
ก็ฉันถึงว่ามันเย็นแล้วไงคะ แหะๆ” ฉันเถียงต่อไปอย่างข้างๆคูๆก่อนจะก้มหน้าก้มตากินลาเต้มันหวานของตัวเองอย่างเงียบๆ เหมือนพี่ยงฮวาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุนี้ เขาเลยเอื้อมมือมาบีบฝ่ามือฉันเบาๆก่อนจะจูงมือฉันเดินออกไปจากร้านกาแฟ
”วันนี้เหมือนเธอจะเจอเรื่องที่ไม่สบายใจนะ” เมื่อเราขึ้นมานั่งในรถแล้วพี่ยงฮวาก็เปิดปากพูดออกมาพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงเข็มขัดนิรภัยให้ฉัน
”ค่ะ
คงอย่างนั้น” ฉันไม่สามารถโกหกพี่ยงฮวาต่อไปได้อีกแล้วว่าฉันกำลังสบายดี เรื่องคัมแบ๊กที่พี่คยูฮยอนพูดออกมามันทำให้หัวใจของฉันปั่นป่วน ถึงฉันจะบอกไปว่าไม่คิดถึงการเป็นโซนยอชิแดแล้วก็ตาม แต่คุณไม่รู้หรอกว่าความฝันของเด็กสาววัยรุ่นนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน ตอนที่ฉันไปออดิชั่นผ่านได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดของบริษัทนั้น ฉันดีใจมากและตื่นเต้นที่ได้เข้ามาซ้อมเต้นทุกเย็นที่นี่ จนกระทั่งฉันได้รู้จักพี่สาวอีกแปดคน เจสสิก้า
แทยอน
ยูริ
ซูยอง
ฮโยยอน
ทิฟฟานี่
ซันนี่ และ ยุนอา พวกเธอคือพี่สาวทั้งแปดคนที่ฉันรักมากที่สุด พวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานานมากกว่าจะได้เดบิวท์เป็นโซนยอชิแด เรื่องราวมากมายที่เราผ่านมันมาด้วยกันฉันไม่เคยลืม ช่วงที่เราโดนแอนตี้จากกลุ่มแฟนคลับบางกลุ่มฉันรู้สึกกลัวมาก แต่ทว่าก็ได้กำลังใจจากพี่สาวทั้งแปดคนนั่นแหละทำให้ฉันลุกขึ้นมาฮึดสู้อีกครั้ง
ใช่เลย ความฝันเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ฉันเชื่ออย่างนั้น แต่คนเราก็คงจะรู้อยู่แก่ใจว่าความสุขอยู่กับเราได้ไม่นานนักหรอก เมื่อในโลกแห่งความจริงคุณพ่อของฉันไม่สนับสนุนการเป็นนักร้อง ท่านเปิดปากพูดเรื่องนี้กับฉันอย่างจริงจังทันทีที่กิจกรรมโปรโมทอัลบั้มแรกและแสดงคอนเสิร์ตที่สุดท้ายที่ฮ่องกงจบลง ท่านขอร้องให้ฉันรับช่วงกิจการต่อจากท่าน แต่ทว่าฉันไม่ได้จบมาด้านธุรกิจนี่นา ท่านจึงยิ่งขอร้องให้ฉันออกจากโซนยอชิแดแล้วไปเรียนด้านธุรกิจโดยเฉพาะฉบับรวบรัดเพ่อที่ฉันจะได้รีบเรียนจบแล้วเข้ามารับงานในบริษัทเสียที นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันออกจากการเป็นโซนยอชิแด ฉันออกมาตั้งใจเรียนด้านธุรกิจให้ท่านและฉันก็เรียนจบอย่างรวดเร็วเนื่องจากว่าฉันเป็นคนหัวไวเรียนแล้วก็สอบพาสชั้นได้เร็วกว่าเพื่อนร่วมชั้นทำให้ฉันได้ปริญญาใบที่สองด้านธุรกิจมาครองให้ท่านในที่สุด ทันทีที่เรียนจบท่านก็เตรียมยกตำแหน่งให้ฉันทันที แต่ทว่าฉันไม่ต้องการ ฉันจึงอยากลองไปหาฝึกงานจากที่อื่นก่อนแล้วเมื่อฉันพร้อมฉันจะกลับมาช่วยท่านดูแลบริษัทเอง จนกระทั่งวันหนึ่งที่ฉันออกไปหาสมัครงานอยู่นั่นเอง คุณแม่ของฉันก็เรียกให้ฉันไปพบกับคุณแม่ของพี่ยงฮวา และตั้งแต่วันนั้นชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปจากเดิมเรียกได้ว่าแทบทั้งหมดที่เคยดำเนินชีวิตมาเลยก็ว่าได้
”คิดอะไรอยู่หรอฮยอน
” พี่ยงฮวาเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้บังคับพวงมาลัยออมาลูบหัวฉันเบาๆคล้ายการปลอบประโลม
”คิดอะไรเรื่องเปื่อยน่ะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร” ฉันหันไปยิ้มให้พี่ยงฮวาอย่างขอไปที ฉันไม่อยากให้เขาต้องมาเครียดกับฉันเลยจริงๆนะ
”มีอะไรก็พูดกับพี่นะฮยอน พูดมันออกมาเลย”
”
”
”เหมือนอย่างที่เธอเคยบอกพี่ไง ว่าถ้าพี่ต้องการอะไรก็ให้พูดกับเธอ ตอนนี้เธอเองก็พูดกับพี่ได้ทุกเรื่องนะ” พี่ยงฮวาหันหน้ามามองฉันตรงๆก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
”ขอบคุณนะคะพี่ยงฮวา” ฉันเอ่ยขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ทั้งๆที่เราก็ไม่เคยเดทกันมาก่อน แม้ว่าคุณป้าจะบอกว่าฉันมีความสำคัญกับเขามากขนาดไหน ตั้งแต่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แม้มันจะเป็นการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักของเราสองคนตั้งแต่ครั้งแรก แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกได้ก็คือ ฉันไม่ได้คิดผิดเลยจริงๆที่เลือกมาแต่งงานกับผู้ชายคนนี้
”
” ฉันเอื้อมมือออกไปสัมผัสมือของพี่ยงฮวาเบาๆ พี่เขาก้มมามองมือของฉันโดยไม่ทันสังเกตว่าข้างหน้ามีรถมอไซค์ของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งตัดหน้ามา
ตึง!!! โครมมม!!!
”กรี๊ดดดดดด พี่ยงฮวาระวังค่ะ!!!”
ราวกับโลกหยุดหมุน เมื่อมีมอเตอร์ไซค์มาล้มโครมอยู่หน้ารถของเรา พี่ยงฮวาเหยียบเบรกอย่างเร็วก่อนจะหันมากอดปลอบฉันที่เผลอกรีดร้องออกไปอย่างดัง แต่ทว่าเมื่อมองดูแล้วนั้นกลับเป็นรถอีกคันต่างหากที่ชนเธอกระเด็นมาใส่หน้ารถเรา แต่รถคันนั้นได้วิ่งหายไปแล้ว ฉันเห็นรถตำรวจวิ่งตามรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าพี่ยงฮวาไม่ได้เป็นคนชนแน่นอน แต่ฉันก็อดที่จะกลัวไม่ได้เพราะในชีวิตของฉัน ฉันไม่เคยเจออุบัติเหตุระยะประชิดอย่างนี้มาก่อนเลย
”ไม่เป็นไรนะฮยอน เธอรอในรถนี่แหละเดี๋ยวพี่ลงไปดูเอง” เขาบีบไหล่ฉันหนึ่งทีก่อนรีบลงจากรถไปดูผู้หญิงคนนั้น
”พี่คะฉันจะลงไปด้วยค่ะ!” ฉันไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียวฉันเลยตัดสินใจลงจากรถไปกับเขา ตอนนี้ผู้คนรอบข้างเริ่มหันมามองเรากันอย่างตกใจ ฉันวิ่งไปถึงตัวผู้เสียหายคนนั้นก่อนพี่ยงฮวา ฉันพยายามไม่ขยับเขยื้อนเธอแรงนักแต่ฉันก็ยกหัวเธอให้หนุนกระเป๋าของฉันไว้เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปในสมองของเธอ ก่อนจะรีบกดเบอร์โทรหารถพยาบาล
”พี่คะ ฉันโทรหารถพยาบาลไม่ติดเลย เราพาเธอไปส่งโรงพยาบาลได้มั๊ยคะ!” ฉันหันหน้าไปหาพี่ยงฮวาอย่างร้อนใจ แต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อนอะไรทั้งนั้นเอาแต่จ้องมองมาที่ผู้หญิงคนที่นอนอยู่บนพื้นถนนอย่างไม่กระพริบตา
”
”
”พี่คะ
เราจะทำยังไงดีคะ” ฉันเดินเข้าไปเขย่าแขนของเขาเบาๆ แต่ทว่าร่างสูงก็ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆกับฉันแม้แต่น้อย
”พี่ยงฮวา
” ฉันเขย่าเขาแรงขึ้นแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ราวกับว่าพี่ยงฮวาได้กลายเป็นรูปปั้นไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้ดวงตาของเขาไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉันแต่กลับมองตรงไปที่ผู้หญิงคนที่ได้รับอุบัติเหตุอย่างไม่วางตา ฝ่ามือหนาที่เคยกอบกุมมือของฉันเอาไว้เวลาฉันมีเรื่องร้อนใจ ในตอนนี้ก็ไม่มีการสัมผัสตอบฉันเลยสักนิด
”พี่คะ
” ฉันเรียกเขาอย่างแผ่วเบาแต่เขาก็ยังคงนิ่ง
นิ่ง
และนิ่งอยู่อย่างเดิม
”ผมโทรเรียกรถพยาบาลติดแล้วเดี๋ยวสักพักคงจะมาถึงที่นี่ครับ!” ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตะโกนขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ก่อนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า
”ชินเฮ!! ปาร์กชินเฮ!!! เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ ได้โปรดหล่ะชินเฮ!!!” ผู้หญิงคนที่วิ่งเข้ามาตะโกนเรียกชื่อของเธอคนนั้นอย่างบ้าคลั่งพร้อมน้ำตานองหน้า และชื่อของเธอนั่นเองที่ทำโลกของฉันหยุดหมุนไปอีกครั้ง เธอชื่อ ‘ปาร์กชินเฮ’
”
”
”เพราะอย่างนี้สินะคะพี่ถึงนิ่งไปราวกับวิญญาณออกจากร่างแบบนี้”
”
” ฉันหันหน้าไปมองพี่ยงฮวาอย่างน้อยใจ ผิดหวังและเสียความรู้สึกปนเปกันไปหมด แต่ทว่าเขาก็ยังคงไม่ตอบสนองต่อฉันเช่นเดิม
”พี่ทำใจได้เมื่อไหร่โทรหาฉันนะคะ อ้อ!ถ้ารถพยาบาลมาก็ขึ้นรถไปกับเธอนะคะ เพราะพี่เป็นคนขับรถแม้จะไม่ใช่คนชนเธอแต่พี่ก็คงต้องไปให้การณ์และแจ้งประวัติกับคุณหมอ ฉันเชื่อค่ะว่าถ้าเป็นเธอคนนี้พี่ต้องพูดได้อย่างแน่นอน” ฉันตัดสินใจเดินออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนน้ำตาใสๆที่ฉันไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ค่อยๆไหลลงมาพร้อมกับความรู้สึกที่สับสนปนเปอยู่ในใจของฉันเอง เธอคนนั้นกลับมาแล้วสินะ
ปาร์กชินเฮที่จองยงฮวาเคยสารภาพรักกลับมาแล้ว
"-------------------------------------------------------------
Talk with writer :
ตอนนี้บีบหัวใจหวานมากเลยจริงๆ T^T
ไม่อยาดราม่านะคะ เพราะคอนเซ็ปท์ฟิคเราคือหวานน้ำตาลเรียกพี่
แต่มันอดไม่ได้จริงๆนี่นา งือออ เดี๋ยวก็ผ่านไปๆน่า
หวานไม่ให้ยงซอดราม่านานหรอก(มั้ง?)
รีดเดอร์อย่าเพิ่งถอดใจกับฟิคเรื่องนี้นะคะ นี่มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง
เรื่องราวของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง...
ในตอนนี้พาร์ทบรรยายจะเยอะหน่อยนะคะ
เพราะมีเรื่องอยากสื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ในตอนเดียวเลยตัดพาร์ทบรรยายไม่ได้เลยค่ะ
ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะตอนนี้หวานไม่อยากพูดเลย T^T
เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้าในเร็ววันนะคะ
รักพวกคุณมากนะ กำลังใจสำคัญของหวาน J
เนื้อหาภายในตอนนี้ไม่มีเจตนาสื่อหรือพาดพิงถึงศิลปินของวงใดวงหนึ่งนะคะ
นี่คือฟิคชั่นที่หวานกลั่นกรองมาจากสมองของตัวเอง ไม่ได้มีมูลความจริงแต่อย่างใด
(แต่บางจุดก็แฝงความต้องการของตัวเองลงไปด้วย เช่น อยากให้ซูจูกับทงบังเปิดบริษัทกันเอง เป็นต้น)
ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ
ไอแอมพีเอสสึ
ความคิดเห็น