คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
If there were no words
No way to speak
I would still hear you
If there were no tears
No way to feel inside
I'd still feel for you
And even if the sun refused to shine
Even if romance ran out of rhyme
You would still have my heart until the end of time
You're all I need, my love, my Valentine
หากแม้โลกใบนี้ไม่มีแม้ถ้อยคำใดๆ
ไม่มีวิธีใดที่จะพูดจากันได้
แม้กระนั้นฉันก็สามารถที่จะได้ยินเสียงจากเธอได้
หากแม้โลกใบนี้ไม่มีน้ำตาสักเพียงหยด
ไม่มีวิธีใดที่จะรับรู้ความรู้สึกจากภายในใจ
แม้กระนั้นฉันก็ยังสามารถที่จะรู้สึกถึงเธอได้
และถึงแม้ว่าดวงตะวันปฎิเสธที่จะส่องแสง
ถึงแม้ว่าความรักแสนหวานจะจางหายไปจากบทกวี
เธอนั้นก็จะยังคงได้ครองหัวใจจากฉันตราบจนเวลาสุดท้าย
เธอนั้นคือทุกสิ่งที่ฉันนั้นต้องการ คือความรักของฉัน เธอคือวาเลนไทน์ของฉัน
เสียงเพลง My Valentine ของมาทีนา แมคบริดจ์ บทเพลงโปรดของฉันถูกเปิดขึ้นเบาๆคลอไปกับเสียงพูดคุยกันของผู้คนมากมายที่ตอนนี้ต่างก็มองมาที่ฉันเป็นตาเดียวกัน แต่ละคนส่งสายตาแห่งความตื้นตันมาที่ฉัน และแสงแฟลชนับไม่ถ้วนก็ถูกลั่นชัดเตอร์ทันทีที่ฉันและพ่อเดินควงแขนกันผ่านประตูไม้โอ๊คแกะสลักบานใหญ่ออกมา ฉันซ่อนรอยยิ้มแห่งความเขินอายไว้ใต้ผ้าคลุมหน้าสีขาวที่ยาวสลวยปิดไปถึงบริเวณไหล่ ก่อนจะกระชับวงแขนที่คล้องแขนผู้เป็นพ่อแน่นยิ่งขึ้นเพราะฉันค่อนข้างเริ่มประหม่าซะแล้ว ฉันเหลือบตามองบรรยากาศรอบข้างอย่างตื่นเต้น
ผู้คนเหล่านี้ ต่างพากันมางานนี้เพื่อฉันสินะ ทุกสายตามองมาที่ฉันคนเดียวสินะ งานนี้เป็นงานของฉันจริงๆสินะ ฉันมองด้านข้างของผู้ชายที่ฉันควงแขนอยู่ก่อนจะลอบยิ้มออกมาช้าๆ พ่อที่รู้สึกตัวว่าถูกฉันมองก็หันมายิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่นพลางวางมือของท่านบนมือของฉันแล้วบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจ ฉันตัดสินใจยิ้มกว้างๆให้ตัวเองก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ มองไปยังแท่นพิธีที่มีบาทหลวงคนหนึ่งยืนอยู่ และเบื้องหน้าแท่นพิธีนั้น ชายหนุ่มรูปงานคนหนึ่งกำลังมองมาที่ฉัน ใบหน้าคมคายของเขาไม่แสดงอาการใดๆออกมา หากแต่สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันนั้นแทบจะไม่กระพริบเลยแม้สักวินาทีเดียว
ใจเย็นไว้
อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงที่หมายแล้ว
เธอต้องทำได้สิ
เธอต้องทำให้ได้ J
ชายหนุ่มสูงโปร่งที่ยืนรอฉันอยู่แท่นพิธีก้าวออกมาเพื่อรับช่วงต่อจากพ่อของฉัน เขายื่นฝ่ามือออกมาช้าๆแล้วจับมือฉันเบาๆหากแต่มันให้ความรู้สึกที่มั่นคงเหลือเกิน หัวใจที่อยู่ภายใต้เกาะอกสีขาวนวลของฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ พ่อตบไหล่ฉันเบาๆก่อนจะส่งยิ้มให้เขาแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้ากับแม่และพี่ชายของฉัน เขายังคงไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้ฉันเห็น แต่ยิ่งเห็นท่าทางนิ่งๆของเขาที่ขัดกับแววตาที่สั่นไหวแล้วนั้นฉันก็อดที่จะยิ้มออกมาให้เขาไม่ได้จริงๆ เขาพาฉันไปยืนอยู่เคียงข้างเขาบนแท่นพิธีก่อนเราจะหันหน้าเข้าหากัน โค้งให้กัน แล้วเขาก็เปิดผ้าคลุมหน้าฉันออกช้าๆ วินาทีแรกที่เราสบตากันตรงๆเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดหมุนลงไปเสียแล้ว ฉันเห็นเขาหลุดยิ้มเบาๆที่มุมปากก่อนจะหันหน้าไปหาบาทหลวงแทนที่จะสบตาฉัน กิริยาที่เขาไม่เปิดเผยมันออกมาตรงๆนั่นยิ่งทำให้ฉันอดขำไม่ได้จริงๆ
”ลูกทั้งสองคนจงมองมาที่พ่อ จากนี้ไปพ่อจะเริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว”
”
” หัวใจของฉันที่เคยสงบนิ่ง ในตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะหลุดออกมานอกอกซะแล้วสิ
”การแต่งงานครั้งนี้เป็นความสมัครใจของคนสองคน ก็คือซอจูฮยอนและจองยงฮวา ซึ่งคนทั้งสองนี้ได้ร่วมเคียงคู่กันมาด้วยความเข้าใจและมีหัวใจที่บริสุทธิ์ให้แก่กัน และแล้ววันเวลาที่เคลื่อนผ่านพวกเขาไปก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาทั้งคู่ต่างก็เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกันของอย่างแน่นอน หากมีผู้ใดจะคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ก็ขอให้ก้าวออกมาอย่างมั่นใจ พระเจ้าพร้อมจะฟังเหตุผลของลูกทุกคน
” บาทหลวงเว้นช่วงให้ผู้คนที่ไม่พึงประสงค์ในการแต่งงานครั้งนี้ของฉันกับเขาแสดงตัว ในจังหวะที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ฉันก็เริ่มใจสั่นกว่าเดิม
กลัว
กลัวว่าเขาคนนั้นจะมา
กลัวเขาคนนั้นเขาจะเสียใจ
ฉันที่จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยากจะหันไปมองผู้คนที่มาร่วมงานซะเหลือเกินว่าเขาได้มารึเปล่า แต่ทว่าฝ่ามืออุ่นๆของคนข้างๆที่ยังคงมองไปที่บาทหลวงอย่างเดียวก็ทำให้ฉันเริ่มสงบลง เขากระชับฝ่ามือที่จับมือของฉันให้แน่นขึ้นไป แต่ใบหน้าของเขานั้นไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีดำขลับดุจท้องฟ้ายามราตรีของเขาสงบนิ่งและดูเยือกเย็น ใบหน้าด้านข้างที่มีส่วนโครงหน้าที่ลงตัวกับจมูกโด่งของเขาช่างดูสง่างามเหลือเกิน
”หากไม่มีผู้ใดคัดค้าน พ่อจะขอดำเนินพิธีต่อไป บัดนี้พวกเจ้าทั้งสองต่างก็มีความมั่นใจในความรักที่บริสุทธิ์ของกันและกันแล้ว พ่ออยากจะถามว่า จองยงฮวา ลูกจะยอมรับผู้หญิงคนนี้ ซอจูฮยอน เป็นภรรยาเพื่ออยู่เคียงคู่ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขในทุกช่วงเวลาของลูกหรือไม่
“ ช่วงเวลาระทึกใจของฉันช่างเกิดขึ้นบ่อยเหลือเกินในวันนี้ เขาจะพูดมันออกมาหรือไม่นะ
”
”
”
” เขาจะพูดมันได้แน่หรือ ? มันน่าอึดอัดใจจริงๆให้ตายเถอะ! หัวใจของฉันที่รอฟังคำตอบจากเขา หากต้องรอนานกว่านี้เพียงแค่นาทีเดียวรับประกันได้เลยว่าฉันคงจะได้เป็นลมอยู่ตรงนี้เพราะเหตุผลว่าหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันอย่างแน่นอน
”บาทหลวงครับ!” เสียงนุ่มๆถูกเปล่งออกมาจากบุรุษปริศนา ฉันค่อยๆหันไปมองต้นเสียงช้าๆและพบว่า ผู้ชายที่เรียกบาทหลวงก็คือน้องชายของเขานั่นเอง
คังมินฮยอก
”ลูกมีอะไรจะพูดอย่างนั้นหรือ ?”
บาทหลวงเอ่ยถามมินฮยอกอย่างสงสัย ฉันเห็นสายตาของแขกที่มาร่วมงานส่วนมากต่างก็สงสัยไม่แพ้บาทหลวงเหมือนกัน หลายคนคงจะแอบคิดไปว่า นี่เขาจะคัดค้านงานครั้งนี้ของฉันเพราะเขาแอบรักเจ้าสาวของพี่ชายตัวเองอย่างในละครน้ำเน่าน่ะเหรอ? คิดผิดถนัดเลยหล่ะ
ฉันมองไปที่พ่อกับแม่ของฉัน ท่านทั้งสองดูสงบนิ่งยิ่งนัก ไม่ต่างกันกับพ่อกับแม่ของเขาที่นั่งถัดกันมาเลยสักนิด แค่เพียงว่าแม่ของเขานั้นค่อนข้างจะกระวนกระวายใจสักหน่อยเท่านั้นเอง พ่อของเขาจึงโอบกอดผู้เป็นภรรยาเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะสบตากับฉัน ช่วงเวลาที่ดวงตาสีดำเหมือนของเขามองเข้ามาในดวงตาของฉันนั้น หัวใจของฉันเหมือนได้รับการปลอบประโลม แม้พ่อของเขาจะไม่แสดงอาการใดๆออกมาทางสีหน้า แต่ฉันรับรู้ได้ว่าชายผู้นั้นกำลังบอกให้ฉันเชื่อมั่นในตัวของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างฉันตอนนี้ เหมือนที่พ่อ แม่และน้องชายของเขา กับพ่อ แม่ของฉัน ต่างก็เชื่อมั่นในตัวเขา
”ผมแค่
” มินฮยอกพูดได้เพียงแค่นั้นเพราะเขาคนที่ยืนข้างฉันหันไปสบตาพอดี คล้ายๆมันจะเป็นสัญญาณบอกให้มินฮยอกนั่งลงเงียบๆ อะไรทำนองนั้น
”ไม่มีอะไรแล้วครับผม เชิญทำพิธีต่อได้เลย” มินฮยอกที่รับรู้สัญญาณนั้นก็ได้แต่เงียบแล้วนั่งลงที่เดิม ฉันหันกลับมามองคนข้างๆอีกครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายบีบมือเขาให้แน่นขึ้นแทน เขาก้มลงมองที่มือของเราช้าๆก่อนจะสบตากับฉัน ที่จ้องเขาอยู่ เขาและฉันจ้องตากันสักพักก่อนเขาจะละสายตาออกไปก่อน เพื่อมองหน้าบาทหลวงที่เงียบรอฟังคำตอบจากเขา
”ว่ายังไงลูก จะยอมรับหรือไม่
”
”
” ฉันหลับตาลงช้าๆเพื่อรอฟังคำตอบจากเขา มืออีกข้างที่ถือช่อดอกไม้ไว้ตอนนี้ฉันกำตรงก้านของมันจนแทบจะหักไปอยู่แล้ว
”
”
”
”
ได้โปรดพูดมันออกมาให้ได้เถอะนะ
พี่ต้องทำได้สิ พี่ยงฮวา
”
”
”
ผมรับครับ”
”O___o!!!” ราวกับโลกหยุดหมุน น้ำเสียงนุ่มๆนั่น
น้ำเสียงที่ฉันและคนรอบข้างที่สนิทกับเขาไม่ได้ยินมาตลอดเวลา3ปี แต่เสี้ยววินาทีที่แล้วนั้น เขาเอ่ยมันออกมาแล้ว เขาเอ่ยคำว่า ‘ผมรับครับ’ ออกมาด้วยความมั่นใจ พระเจ้า!บอกลูกทีว่านี่มันคือเรื่องจริง
”แล้วลูกหล่ะ ซอจูฮยอน ลูกจะยอมรับผู้ชายคนนี้ จองยงฮวา เป็นสามีเพื่ออยู่เคียงคู่ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขในทุกช่วงเวลาของลูกหรือไม่”
”
” ฉันที่ยังคงช็อกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี ระหว่างตบหน้าตัวเองแรงๆสักที! หรือวิ่งไปกระโดดกอดกับพ่อและแม่ของฉันดี!
”
” เขาที่คราวนี้เป็นฝ่ายบีบมือฉันแทนเรียกสติคืนมาให้ฉัน ก่อนฉันจะเอ่ยคำตอบของฉันออกไป
”ฉัน
รับค่ะ” และเมื่อฉันตอบในสิ่งที่บาทหลวงถามออกไปแล้วนั้น เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องก็เริ่มดังขึ้นมาอีกเป็นระลอกๆ
”เอาหล่ะ งั้นเจ้าบ่าวสวมแหวนให้แก่เจ้าสาวได้” เขาเอื้อมมือออกไปรับแหวนเงินที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมายมาจากบาทหลวงก่อนจะบรรจงสวมมันลงไปบนนิ้วเรียวของฉันช้าๆก่อนจะประทับรอบจูบทับลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายที่แหวนแต่งงานของเราอยู่ตรงนั้น แหวนของเราเป็นเพียงแค่แหวนเงินเรียบๆขนาดพอดีนิ้วของฉันเท่านั้นเอง ที่ไม่มีเพชรอะไรวิบวับก็เพราะว่าฉันไม่ชอบน่ะสิ ประจวบเหมาะกับที่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรหรือขัดอะไรในการวางแผนงานครั้งนี้ ทำให้เรื่องมันง่ายยิ่งกว่าง่ายน่ะสิ
”และบัดนี้ พ่อขอประกาศว่าเจ้าทั้งสองได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว ขอให้เคียงคู่กันไปตราบจนเจ้าจะตายจากกัน หากมีอะไรก็ขอให้ช่วยเหลือกัน พระเจ้าจะคอยเฝ้าดูความรักของลูกอยู่เสมอ”
เมื่อบาทหลวงพูดจบ เขาและฉันก็ได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครเคลื่อนไหวแม้ว่ารอบตัวของเราจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ร่วมโห่ร้องยินดีกับเราก็ตาม แต่ฉันและเขาก็ทำเพียงแค่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของกันและกัน
พูดกับฉันอีกสิ
พูดอะไรก็ได้ให้ฉันฟังอีกจะได้ไหม ?... ฉันแค่อยากจะได้ยินเสียงพี่อีกครั้ง
”พี่คะ ปกติแล้วคนที่แต่งงานกันเขาจะทำบางอย่างเมื่อตอนที่บาทหลวงพูดจบนะคะ
” เมื่อไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไร ฉันก็เลยเอ่ยออกไปเบาๆในสิ่งที่ฉันเคยเห็น แต่เขาก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้น เราจึงได้แต่สบตากันเงียบๆอย่างนั้นต่อไป
”
”
”
พี่จะจูบฉันไหม ?” ให้ตายสิ ฉันพูดออกไปจนได้! -/////-
”
” แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่ง
”ถ้าพี่จะไม่จูบฉัน ฉันจะได้
อุ๊บ!” ใช่แล้ว
เขาไม่ตอบฉัน แต่เขากลับโน้มใบหน้าของเขาเข้ามาประกบริมฝีปากของฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากนุ่มของเขามีรสช็อกโกแลตติดอยู่เล็กน้อย ฝ่ามืออบอุ่นของเขาคลายออกจากการเกาะกุมมือของฉันแล้วเลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าของฉันแทน ลำแขนแข็งแรงอีกข้างของเขารั้งเอวฉันให้เข้าไปแนบชิดตัวเขายิ่งขึ้น มือข้างที่ถือช่อดอกไม้ของฉันเอื้อมไปโอบกอดเขาเบาๆ ส่วนอีกข้างก็รั้งลำคอของเขาให้ใกล้เข้ามายิ่งขึ้น และเมื่อเราต่างได้สัมผัสลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น ฉันก็ได้รับรู้ว่า
ปลายลิ้นของเขาก็มีรสช็อกโกแลตติดอยู่!
”วู้ววว~” เสียงโห่ร้องดังขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเราผละออกจากกัน
”
” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากหน้าแดง เขินอาย และใจสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา พี่ยงฮวาจูบเบาๆที่หน้าผากของฉัน ก่อนเราจะผละออกจากกันแล้วหันมามองผู้คนที่มาร่วมงานได้เต็มตาอีกครั้งหนึ่ง
นี่สินะผู้คนที่มางานนี้เพื่อฉัน สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องมองมาที่ฉันคนเดียว ทุกคนตั้งใจมางานนี้
งานแต่งงานของฉัน
ชุดแต่งงานที่สั่งตัดมาเพื่อฉัน
ห้องบอลรูมของโรงแรมที่ตกแต่งเพื่อฉัน และที่สำคัญ เจ้าบ่าวของฉันที่เกิดมาเพื่อฉัน... ทันใดนั้นสายตาอันแสนเฉียบคมของฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายรูปร่างคุ้นตาที่ใส่ทักซิโดสีดำยืนมองฉันมาจากประตูไม้โอ๊คบานเดียวกันกับที่ฉันเดินออกมา เขามาจริงๆด้วย เมื่อรู้ว่าฉันมองอยู่ เขาก็แย้มรอยยิ้มออกมาให้ฉันเบาๆ รอยยิ้มที่มันเคยเป็นของฉันคนเดียว ฉันยิ้มไม่ออกเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังฝืนมันต่างหาก ฉันตัดสินใจละสายตาจากเขาแล้วมองไปทางอื่นแทน เสียงพิธีกรที่ขึ้นมาทำหน้าที่แทนบาทหลวงประกาศต่อไปว่าให้ฉันโยนช่อดอกไม้ได้ ฉันเห็นเพื่อนฉันหลายคนวิ่งกรูกันเข้ามาจับจองพื้นที่หน้าแท่นทำพิธี พี่ยงฮวาสบตาฉันอีกครั้งก่อนเดินหลบไปยืนอยู่กับรุ่นน้องของเขาอีกสองคน ฉันมองตามเขาไปก่อนจะเห็นว่า มินฮยอกเดินมาตบไหล่เขาแล้วก็ยิ้มให้เขาด้วยความตื้นตัน ฉันหันหลังให้บรรดาสาวๆที่มีความเชื่อมารอแย่งกันรับช่อดอกไม้จากฉัน เพราะใครๆต่างก็ต้องการแต่งงานเป็นคู่ต่อไปกันทั้งนั้น ฉันหลับตาแล้วโยนมันออกไป แต่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อคนที่สามารถรับมันไว้ได้ก็คือ
เขาคนนั้น!
นี่เขาบ้าไปแล้วหรือไง เขาเป็นผู้ชายมายืนรับช่อดอกไม้ร่วมกับผู้หญิงได้ยังไง ทำไมเมื่อกี้ฉันยังเห็นเขายืนอยู่ตรงประตูอยู่เลยหล่ะ เขารับช่อดอกไม้ไปถือไว้ก่อนจะหลับตาก้มหน้าสูดรับเอากลิ่นหอมของกุหลาบขาวช่อสวยนั่นช้าๆ ก่อนจะเดินนำมันไปมอบให้แก่ผู้หญิงผู้เป็นคนที่เขาจะแต่งงานด้วยในอนาคต มันคงจะไม่เป็นอะไรเลยหากผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนๆหรือคนอื่นในงาน ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน = =
เขาเดินเข้ามาหาฉันช้าๆก่อนจะยื่นช่อดอกกุหลาบขาวนั้นให้ฉันแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน เหมือนที่เขาเคยยิ้มให้ทุกครั้งที่เขาซื้อดอกไม้มาให้ฉัน และถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงส่งยิ้มกว้างให้เขาก่อนกระโดดกอดเขาแน่นๆไปแล้ว หากแต่ว่าครั้งนี้ต่างกันออกไปตรงที่ ฉันเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และนี่คืองานแต่งงานของฉัน เจ้าบ่าวของฉันก็ยืนมองฉันอยู่ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ผู้หญิงที่เคยเกือบจะได้เป็นคนรักของเขาอีกแล้ว
ฉันไม่สามารถยิ้มให้เขาแบบเดิมได้อีกแล้วเพราะหากฉันยิ้มออกไปอย่างนั้น ทุกคนคงจะรู้เลยว่าฉันเองก็ยังแคร์เขาอยู่ ฉันไม่สามารถกอดเขาได้อีกแล้วเพราะฉันได้สาบานร่วมชีวิตกับผู้ชายอีกคนไปแล้ว
”เจ้าสาว
ของผม” ฉันได้ยินคำว่า ‘ของผม’เอ่ยตามหลังคำว่าเจ้าสาวมาเบาๆ นี่เขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ
”ขอความกรุณาโยนใหม่ด้วยครับ เมื่อกี้ผมว่าจะเดินไปนั่งโต๊ะทางโน้น ทำให้ต้องผ่ามากลางวงล้อมของหญิงสาวเหล่านี้ และบังเอิญเป็นผู้โชคดีที่ได้รับช่อดอกไม้นี้จากคุณ ผมรู้สึกดีมากจริงๆ”
”
”
”แต่ผมคงจะรับช่อดอกไม้นี้จากคุณไม่ได้เพราะผมเป็นผู้ชาย ฮะๆ รบกวนช่วยโยนใหม่ด้วยนะครับ ผมขอโทษจริงๆที่ทำให้งานวุ่นวาย ขอโทษนะครับ
”ฉันได้แต่มองการกระทำของเขาอย่างไม่เข้าใจ ฉันเอื้อมมือออกไปรับช่อดอกไม้จากเขาด้วยมือที่สั่นจนสังเกตได้และหัวใจที่สั่นไหวจนแทบจะหลุดออกมาอยู่ข้างนอก ฉันยื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้จากเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ ช่วงเวลาที่ปลายนิ้วของเราสัมผัสกัน ภาพความทรงจำต่างๆระหว่างฉันกับเขาก็ไหลเข้ามาทีละนิด
ทีละนิด
แต่ทุกอย่างก็จบลงทันทีที่เจ้าบ่าวของฉัน เดินเข้ามาดึงช่อดอกไม้ไปจากมือของเขา แล้วเดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อยื่นมันให้กับฉันด้วยตัวเองแทน พี่ยงฮวาไม่พูดอะไร(แน่นอนถ้าเขาพูดอะไรนี่สิน่าเหลือเชื่อกว่า - -) ฉันรับช่อดอกไม้มาจากพี่ยงฮวาก่อนตัดสินใจไม่มองไปที่เขาคนนั้นอีกเลย แต่เมื่อมองจากหางตาฉันสามารถที่จะเห็นเขายิ้มให้ฉันเหมือนทุกครั้งได้ ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ บรรยากาศเริ่มอึมครึมเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ มินฮยอกจึงอาศัยจังหวะนี้แย่งไมค์มาจากพิธีกรแล้วจัดการดำเนินพิธีต่อไปทันที
”เหตุการณ์เมื่อครู่ก็คล้ายๆกับโจ๊กของงานเลี้ยงนี่ละครับ ฮ่าๆ สงสัยว่าช่อดอกไม้นี้คงจะไม่อยากไปอยู่กับคนอื่นนอกจากเจ้าสาวของงานละมั้งครับ เอาหล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจะให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวตัดเค้กกันเลยนะครับ” เสียงขี้เล่นของมินฮยอกช่วยแก้สถานการณ์ของงานครั้งนี้เอาไว้แท้ๆ ขอบคุณพระเจ้า _ _))
หลังจากที่ตัดเค้กและเดินพบแขกเหรื่อตามโต๊ะต่างๆ ฉันก็ควงแขนพี่ยงฮวาเดินไปทางโต๊ะของพ่อกับแม่ของเรา ฉันแอบเห็นแม่ของฉันน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อยเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้
”ซอจูฮยอนของป้า หนูสวยมากจริงๆ มาให้ป้ากอดหน่อยนะลูก
” คุณแม่ของพี่ยงฮวาพูดกับฉัน ก่อนจะเรียกฉันให้เข้าไปหา ฉันเดินเข้าไปคุณแม่ของพี่ยงฮวาอย่างเขินๆ เพื่อรับมอบอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากท่าน
”แม่ฮะ เธอเป็นลูกสะใภ้แม่แล้วนะ แม่ต้องแทนตัวเองว่าแม่สิ” มินฮยอกพูดกับผู้เป็นมารดาอย่างติดตลก
”โอ๊ะ จริงด้วยสินะ วันนี้หนูสวยมากจริงๆนะจูฮยอน ไม่ใช่แค่ใบหน้าที่สวยเท่านั้นแต่แม่ขอบคุณหัวใจของหนูด้วย เพราะถ้าหนูไม่มีหัวใจที่บริสุทธิ์ งานวันนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน” เมื่อคุณแม่ของพี่ยงฮวาพูดจบน้ำตาของท่านก็ไหลออกมาเป็นสาย พ่อของพี่ยงฮวาจึงดึงภรรยาตัวเองเข้าไปกอดไว้แทน ส่วนฉันก็เดินไปยืนอยู่ข้างๆกับเจ้าบ่าวของฉัน จนเดี๋ยวนี้เขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย
”พี่สะใภ้! พาพี่ยงฮวาไปทานอะไรก่อนสิครับ เดี๋ยวผมดูแลทางนี้เอง” มินฮยอกพูดขึ้นอย่างร่าเริงพลางเดินเข้ามาแตะไหล่พี่ชายตัวเองเบาๆ
”วันนี้พี่คือผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะฮะ ผมเชื่อว่าพี่จะต้องทำมันได้อีกครั้ง ผมรักพี่นะ!” แล้วมินฮยอกก็เดินกลับไปนั่งข้างๆแม่ของเขาเพื่อกอดท่านเบาๆ ฉันหันไปสบตากับเขาอีกครั้งก่อนเราจะเดินควงแขนกันไปยังมุมอาหาร
”พี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั๊ยคะ บอกฉันเลยนะ พูดกับฉันเลย”
”
”
”อืมม งั้นถ้าพี่ยังไม่หิวเราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่าเนอะ”
“
”
ฉันยังไม่ลดความพยายามง่ายๆหรอกนะ จองยงฮวา! ฉันจะต้องทำให้พี่กลับมาพูดให้ได้อีกครั้ง ไม่ว่าบาดแผลอะไรก็ตามที่ทำให้พี่ไม่ยอมพูด ฉันคนนี้จะเป็นคนรักษามันให้พี่เอง ฉันไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกนะ เรามาลองดูกันสักตั้งว่าพี่จะอดทนในการไม่พูดกับฉันได้นานแค่ไหน!
" -------------------------------------------------
Talk with writer :
เป็นไงบ้างงงง >w< บทนำของเรา มันดูน่าเบื่อรึเปล่า?
อย่าเพิ่งเบื่อนะ ติดตามกันหน่อย มันเป็นเรื่องแรกที่ตั้งใจแต่ง
ไม่สนุกยังไงติได้เลยเน้อออ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ -3-
ไอแอมพีเอสสึ
ความคิดเห็น