ตอนที่ 2 : Chapter 2
Chapter 2
นั่งมองหวังจวิ้นข่ายเตะบอลแล้วฉันก็อดคิดไม่ได้
ฉันมีลางสังหรณ์เหมือนว่าจวิ้นข่ายกำลังมีอะไรปิดบังอยู่ ฉันไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือว่าชอบอ่านหนังสือจิตวิทยาอ่านใจคนอะไรแบบนั้นนะ ฉันแค่รู้สึก มันเป็นแค่ความรู้สึก เพราะในห้องเรียนฉันเห็นเขาแอบคุยกับอี้หยางเซียนซีบ่อยๆ ท่าทางมีลับลมคมใน บางครั้งก็เห็นแอบเข้าไปในที่ลับตาคนกันสองคน
อี้หยางเซียนซีก็คือเพื่อนสนิทจวิ้นข่ายน่ะ
จะว่าไปเหมือนไม่เห็นเซียนซีเล่นบอลด้วยแฮะ
ไปไหนนะ? ปกติเห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน
อ๋อ... นั่นไง นั่งอยู่อีกฝั่งของสนาม ดูเหมือนว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่
เมื่อกี๊ฉันพูดถึงตรงไหนแล้วนะ?
อ๋อ ใช่ๆ สองคนนั้นดูเหมือนมีลับลมคนใน หลายครั้งที่ฉันเดินผ่านทั้งสองคนในคาบเรียน แล้วได้ยินว่าไม่ได้คุยกันเรื่องเรียน บางครั้งก็ได้ยินคุยเรื่องเวลา สถานที่ เหมือนนัดกัน บางครั้งก็ยื้อยุดกันตรงประตูห้องเรียน เหมือนเกี่ยงกันทำอะไรสักอย่าง
มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ฉันก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร เหมือนทั้งคู่กำลังพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง แล้วฉันก็คิดว่าไม่น่าจะมีใครทันสังเกตด้วย สังเกตจากที่นักเรียนคนอื่นไม่ได้มีส่วนร่วมในบทสนทนาของทั้งสองคน
ฉันไม่ควรคิดมากกับเรื่องแบบนี้เลยนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
ในที่สุดเมื่อคืนฉันก็อ่านนิยายเรื่องล่าสุดจบแล้ว ใช้เวลาไปกว่าค่อนคืนเพื่อตามหาข้อสรุปของเรื่อง ฉันมักอ่านนิยายเหมือนลืมว่าวันถัดไปต้องทำงานอยู่บ่อยๆ แต่ตราบใดที่ฉันยังมาทำงานตรงเวลาและยังไม่มีแฟน ฉันก็คงอ่านนิยายข้ามคืนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ฉันชอบเรื่องราวแฟนตาซี เวทมนตร์ พ่อมด แม่มด แวมไพร์ เรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลาย ตอนเด็กๆ ฉันเคยตามหาหนังสือเวทมนตร์พ่อมด แม่มดด้วยนะ เผื่อจะโชคดีเจอตำราที่หายสาบสูญไปหลายพันปี ฉันมักมองหาตามซอกลับของร้านหนังสือเหมือนที่เคยเห็นในหนัง แต่แล้วฉันก็มานึกได้ว่ามันโจ่งแจ้ง ใครจะเอาหนังสือเวทมนตร์หลายพันปีมาไว้ในร้านหนังสือทั่วไปใช่มั้ย ฉันคงต้องหาข้อมูลร้านลึกลับที่น่าจะมีตำราเวทมนตร์ของพ่อมดแม่มดซ่อนอยู่ คงจะมีสักที่แหละ
อ่า ฉันอาจจะคลั่งไคล้มากไป อาจจะเป็นความคิดแบบเด็กๆ แต่ครั้งหนึ่งฉันก็ตั้งใจตามหาตำราเวทมนตร์จริงๆ
เลิกงานวันนี้ฉันมาคาเฟ่แถวมหาวิทยาลัยกับหลินหยู หลินหยูเป็นเพื่อนที่เข้าทำงานพร้อมฉัน เป็นคนน่ารัก ยิ้มสวย
ฉันแพ้คนยิ้มสวย แหะๆ
พวกเรานั่งติดกระจกฝั่งทางเดิน มองออกไปจะเห็นคนเดินไปมาบนทางเท้า
“ชานมไข่มุกสองแก้วครับ” เสียงพนักงานเสิร์ฟมาพร้อมกับชานมสองแก้วบนโต๊ะ
“หวังหยวน” เป็นเสียงหลินหยู
ฉันเงยหน้ามองตามเสียงหลินหยู
“อ้าว หวังหยวน” ฉันทัก
“สวัสดีครับอาจารย์” หวังหยวนยิ้ม
“เธอทำงานอยู่ที่นี่เหรอ?” หลินหยูถาม
“ครับ เป็นพนักงานพาร์ทไทม์”
“เก่งจัง” หลินหยูชม
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมยังไม่คล่องเลย”
“เก่งมากแล้ว” ฉันชูนิ้วโป้งให้ หวังหยวนยิ้มเขิน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็โค้งให้เล็กน้อยก่อนเดินจากไป
หลังจากนั้นหลินหยูก็เริ่มเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟัง ค่อนไปทางระบายอารมณ์มากกว่า ฉันก็ฟังไป ดูดชานมไป
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ตั้งใจฟังหลินหยูนะ แต่หวังจวิ้นข่ายกับอี้หยางเซียนซีที่เพิ่งเข้าร้านมาทำให้ฉันต้องมองตาม
หูก็ฟังหลินหยู ตาก็มองจวิ้นข่าย
ตอนนี้สองคนนั้นเกี่ยงกันไปมาอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เหมือนอยากถามอะไรสักอย่าง คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ตอนนี้คือหวังหยวน
สามคนนี้เรียนสาขาเดียวกันไม่ใช่เหรอ? แล้วหวังหยวนก็เรียนวิชาภูมิศาสตร์ด้วย
ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้จักกัน แล้วที่ดันกันไปมานั้นคืออะไร?
อย่าบอกนะว่า…
สามคนนั้นทะเลาะกัน!
ฉันเบนสาตามองหลินหยู ที่กำลังพูดรัวเร็วพร้อมอารมณ์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ฉันพยักหน้าคล้อยตาม ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าหลินหยูกำลังพูดเรื่องอะไรก็เถอะ
To Be Continued...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบๆ มาต่อเร็วๆนะไรท์ สู้สู้ ^^