คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คลื่นที่ 1 : ชานสโนว่า (แก้ใหม่จ้า)
Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse Bianco สี Light Blue สุดแปลกตาและราคาแพงแล่นมาบนถนนตลอดสายจนกระทั่งมาหยุดอยู่ในหน้าผับแห่งหนึ่งบนเกาะเชจู
ขายาวภายใต้กางเกงสกินนี่สีดำก้าวลงมาจากรถราคาแพง
มือหนาประดับแหวนเกลี้ยงสแตนเลสที่นิ้วชี้กระชับเสื้อคลุมสูทสีขาวเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมเล็กน้อย
เจ้าของร่างสูงไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ ปาร์ค ชานยอลหรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนามมือกลองสุดเท่แห่งวงร็อกที่ดังที่สุดในพ.ศ.นี้ วง Exosphere
วงเราเป็นวงที่ชอบทำอะไรหลุดโลก แปลกกว่าคนอื่นเหมือนกับชั้นบรรยากาศเอ็กโซ
เอ็กโซ เอ็กโซ เอ็กโซ (เดี๋ยวๆๆๆ) ที่มาของชื่อวงคือมันมาจากชื่อชั้นบรรยากาศหนึ่งชื่อว่าเอ็กโซสเฟียร์ซึ่งมีคุณสมบัติคืออยู่ชั้นบนสุดและเป็นชั้นที่อะตอมหรือโมเลกุลของอากาศมีแนวโน้มจะหลุดหนีไปสู่อวกาศ
น่อววววว มาเป็นทฤษฎีเลย เห็นดูเหมือนคนหน้าโง่ ตอนม.ห้าเกรดสี่วิชาดาราศาสตร์นะเหวยไม่อยากจะพูด
(เกรดสี่ลบอีกสี่จ้า ไม่เคยส่งการบ้านซักครั้ง โดดแม่งทุกคาบ)
วงเอ็กโซสเฟียร์มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนถ้วน
นักร้องนำคือลู่หาน ผู้ดีชาวจีนจากเมืองปักกิ่งอันไกลโพ้นจากแผ่นดินเมืองจีน
มือเบสก็ไอ้จงอิน หรือคิม จงอิน หนุ่มผิวคล้ำสุดเท่
โซโล่เบสทีสาวกรี้ดเป็นแถว (คนข้างๆเหยียบตีนเลยกรี้ด) มือกีต้าร์นั้นคือเซฮุน
หรือ โอ เซฮุน น้องเล็กสุดของวง
มีจุดเด่นคือตัวสูงเหมือนเสาไฟฟ้า
เหมือนมากจนไอ้ด่างแถวบ้านเกือบยกขาฉี่ใส่คิดว่าเป็นเสาไฟฟ้า สุดท้ายก็อย่างที่รู้กัน
มือกลองคือปาร์ค ชานยอลหรือชานยอล หนุ่มชาวเกาหลี
เจ้าของฉายา ชาร์ลลี่ เรียกสั้นๆก็ชาน ถ้าเรียกยาวๆก็ชานลั้นลาหลั่นล้า
ชาลาล่าอินเดอะมอร์นิ่ง (ถุ้ยยย) พูดเลยว่าชานยอลหน้าตาดีที่สุดในวงและยังเป็นหน้าตาของวงอีก
(มีใครอยากให้มึงเป็นบ้าง ถามพวกกูก่อนมั้ยยังไง : Members said)
เนื่องจากวันนี้เสร็จงานแฟนไซน์ไปหนึ่งงานแล้วอีกทั้งยังมีเวลาว่างเยอะเหลือเฟือเลยตัดสินใจพากันมาเที่ยวในผับดังในเกาะเชจูถึงแม้ว่าผู้จัดการสุดเฮี้ยบอย่างคิม
จุนมยอนจะห้ามไว้แต่มีหรือที่จะฟัง หึ ไม่มีใครอยากจะเอาแต่นอนอืดเป็นศพอยู่ที่โรงแรมหรอกน่า
“กูไม่น่าขัดคำสั่งพี่จุนเค้าเลยว่ะ
รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ เป็นเพราะมึงคนเดียวเลยเนี่ย”
“ไม่ต้องทำมาพูดดี พอกูชวนคนในวงมา
มึงดิ่งมาหากูคนแรกเลย”
“เข้ากันไปเหอะมึง
จะยืนให้ลมพัดหัวล้านมึงอยู่นานมั้ย ไม่เย็นหนังหัวบ้างหรือไง” จงอินว่าพลางหยิบแว่นกันแดดราคาแพงสีชาที่เหน็บอยู่ตรงคอเสื้อขึ้นมาใส่ปกปิดใบหน้าที่แท้จริง
เกรงว่าจะมีแฟนคลับมาเที่ยวแล้วเห็นพวกเขาจะแตกตื่นเอา อุตส่าห์แอบมากับไอ้ชานกันแบบเงียบๆ
ทิ้งให้ชานยอลยืนกัดฟันกรอด
ขยับปากด่าไอ้ดำเบาๆหลังจากร่างโปร่งเดินนำหน้าไปก่อนหน้านั้นแล้ว ยอมไม่ได้
ไม่ได้หัวล้านเว้ยกูแค่โกนหัวตรงกลางเป็นรูปโลโก้วงเฉยๆ (ความจริงคือหัวล้านนั่นแหละ)
“ไอ้เชี่ยดำ”
“แบคฮยอน มีลูกค้ามาอีกแล้ว ไปเคลียร์โต๊ะตรงนู้นด้วย”
เจ้าของชื่อในชุดบริกรสะดุ้งทันทีที่ถูกเรียกจึงรีบกุลีกุจอวิ่งไปทำความสะอาดโต๊ะแล้วเก็บจานอาหารที่เกลื่อนกลาดให้เรียบร้อย
แบคฮยอน หรือบยอน
แบคฮยอนเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลบยอน ครอบครัวของเขามีเพียงแค่แม่ พี่สาว
2 คนพี่ชายอีก 1
คนรวมตัวเขาอีกด้วยไปคนนึง ชื่อของพี่สาวคือพี่โซยูและพี่ดาซม
ส่วนพี่ชายก็ชื่อพี่แจบอม พี่โซยูเป็นพี่สาวคนโต
เธอเพิ่งเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์จากมหา’ลัยชื่อดังในโซล
ถึงแม้จะเรียนจบมาได้หนึ่งปีแล้วก็ยังหางานทำไม่ได้เสียที
อาจเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจในช่วงนี้ที่ทำให้เกิดคนว่างงานเพิ่มขึ้นซึ่งพี่สาวของแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้น
คนที่สองคือพี่แจบอม คนนี้กำลังเรียนปีสุดท้ายในมหา’ลัยแถวในเมืองหลวงใกล้จบแล้วเลยไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันมากซักเท่าไหร่
คนที่สามก็คือพี่ดาซม เป็นเฟรชชี่มหา’ลัยชื่อดังในโซลแถมยังพ่วงตำแหน่งดาวคณะมาด้วยเลยไม่ได้มีเวลาช่วยบ่อยนัก
ส่วนตัวเองกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 ในโรงเรียนมัธยมชื่อดังในเมืองเล็กๆ
อีกแค่ไม่กี่เดือนก็ต้องสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว
ส่วนงานบริกรในผับ โด
คยองซูเป็นคนแนะนำให้เขามาทำเองเพื่อหารายได้เสริมช่วยครอบครัวแต่เรื่องนี้แบคฮยอนไม่ได้บอกแม่ให้รู้เพราะกลัวว่าจะโดนด่า
มีแต่พี่ๆของเขาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ทุกๆวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดแบคฮยอนมักโกหกแม่เสมอว่าขอไปนอนค้างบ้านเพื่อน
แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ดูไม่ได้ติดใจซักเท่าไหร่เพราะเธอเชื่อว่าแบคฮยอนไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทางแน่นอน
“อ้าวไอ้แบค ! มึงจะนั่งบื้อทำเขืออะไร ไปเคลียร์โต๊ะอีกตัวด้วย มีมาอีก 2 คนแล้ว”
“ฮะ ยังมีอีกหรอ !?”
คนตัวน้อยร้องเสียงหลงในขณะที่ตัวเองยังนั่งทรุดลงกับพื้น
เอามือเกาะขาเก้าอี้พร้อมหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย เพิ่งเช็ดอีกโต๊ะเสร็จไปเมื่อกี้มีลูกค้ามาอีกแล้วหรอ
แต่ในเมื่อเขาบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม
เหมือนโชคเข้าข้าง โต๊ะของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งว่างทันทีเมื่อพวกเขาเดินออกไปเพราะดูท่าคงรออาหารนานมากแล้วแต่ก็ไม่สนใจอะไร
วันนี้เป็นช่วงวันหยุดคนก็เยอะ อาหารก็ทำได้ช้ากว่าปกติ
เป็นธรรมดาที่มักจะมีลูกค้าเดินออกไปก่อนจะได้อาหารทุกครั้ง นักท่องเที่ยวหนุ่มสองคนจึงนั่งลงทันที
เด็กนั่งดริ๊งค์ผู้หญิงนับสิบคนเหมือนรู้หน้าที่ตัวเองจึงรีบวิ่งมาหาชานยอลและจงอินทันทีเพียงแค่กระดิกนิ้วชี้
แบคฮยอนที่ยังคงหอบแฮ่กประคองร่างตัวเองเดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะ
มือเรียวสวยจัดการแจกเมนูอาหารให้ลูกค้าทันทีพร้อมตั้งท่ารอจดรายการอาหาร
เมื่อเงยขึ้นมองแขกผู้มาเยือน ดวงตาเรียวรีเบิกโพลงทันที มือที่ถือปากกาน้ำเงินสั่นไปหมด….นี่มันวงเอ็กโซสเฟียร์
วงที่ดังที่สุดในพ.ศ.นี้นี่นา ชัดเลย คนผิวคล้ำๆในชุดแจ็กเก็ตหนังสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆก็พี่จงอิน
ส่วนอีกคนนี่ยิ่งกว่า
ร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามสีดำมีเสื้อสูทสีขาวคลุมทับ
ผมสีดำสนิทรับกับโครงหน้าเรียว แว่นตากันแดดราคาแพงปกปิดดวงตากลมโตดำขลับเหมือนลูกแก้ว
สันจมูกโด่งเหมือนยัดเสาไฟฟ้าเข้าไปไล่มาจนถึงริมฝีปากได้รูปสีชมพู
ใต้ท้องแขนมีรอยสักอยู่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมือกลองสุดหล่อ กางเกงสกินนี่สีดำรัดรูป
แอบเห็นแวบหนึ่งที่ลิ้นสากเลียริมฝีปากแห้งผากด้วยความเคยชิน
ก็ไม่ได้สนใจวงนี้อะไรมากนักหรอก
จริงๆนะ ติ่งวงนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ม.ต้น อัลบั้มซื้อมาเก็บสะสมทุกอัลบั้ม
โปสเตอร์ก็ติดเต็มห้องจนโดนแม่ด่า บางครั้งพวกพี่มาเล่นคอนเสิร์ตที่ เขาก็มักโดดเรียนไปดูทุกครั้งจนเกือบโดนพี่โซยูตามไปดึงหูถึงในคอนเสิร์ต
เคยแอบแม่และพี่โซยูไปติ่งวงเอ็กโซสเฟียร์ที่โซลกับพี่ดาซมด้วยแต่ไม่เคยได้เข้าไปชิดขอบเวทีบ้างเลยเพราะแฟนคลับหนาแน่นมาก
ไม่เอานะ ห้ามดีใจ ห้ามตื่นเต้น ห้ามพุ่งเข้าไปหา
ห้ามไม่ทันแล้วมั้งสาสสสสสสส
รีบสวมวิญญาณนักกีฬาวิ่งเปี้ยวที่หนึ่งของสีตอนสมัยอยู่อนุบาลหมาบีเกิล
แบคฮยอนลากรองเท้าผ้าใบสีขาวไปหาชานยอลและจงอินอย่างไวด้วยความเร็วสูง
คนตัวเล็กก้มโค้งลงเล็กน้อยเป็นการทักทายแล้วยืนยิ้มแฉ่งให้ไอดอลชื่อดัง
ท่าทางมือกลองหนุ่มคงถูกใจคนตรงหน้าไม่ใช่น้อย เหมือนเด็กผู้หญิงไม่มีผิดเพี้ยน
ทั้งตัวเล็กอ้อนแอ้นเกินจะเป็นเด็กผู้ชายและใบหน้าแสนจิ้มลิ้มน่าหยิกนั้นอีก
เด็ดกว่านั้นคือกางเกงยีนส์สีดำตัวเล็กแบบขาดๆ
เผยให้เห็นขาขาวโผล่วับๆแวมๆจากใต้รอยขาดนั้น อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองด้วยความหื่นกระหาย
คำว่าคุกเริ่มดังขึ้นในหัวเพื่อเตือนใจตัวเอง
ไม่เอาน่าชานยอล น้องยังเด็กอยู่….รอน้องโตกว่านี้หน่อย
ใจเยดๆนะ
เหมือนน้ำหนักความคิดอกุศลในตอนนี้จะหนักกว่า ชาร์ลลี่คนหื่นแกล้งมือไม้อ่อนทำเมนูอาหารตกพื้นแล้วขอให้บริกรหนุ่มน้อยก้มเก็บขึ้นมาให้
“โอ๊ะ ! น้องครับ
เก็บเมนูให้พี่หน่อยสิจ้ะ”
“เอ่อ….ได้ครับๆ”
ทันทีที่ร่างบางก้มลงเก็บเมนูอาหารให้พี่ชานสุดหล่อ
ด้วยความที่ชายเสื้อสั้นเต่อทำให้เวลาก้มลงชายเสื้อเลิกขึ้นจนเผยให้เห็นสะโพกขาวอวบล่อตา
คอเสื้อที่หย่อนคล้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงทำให้ชายหนุ่มเห็นแผ่นอกขาวบางและติ่งเนื้อยอดอกสีชมพูภายใต้เสื้อขาวบาง
ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีคนเยอะจะจับกระชากเสื้อออกแล้วจับกระแทกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
เด็กคนนี้ไม่เบาเลยนะเนี่ย
พี่ขอเก็บเข้าฮาเร็มพี่ชานไว้ซักคนคงไม่เป็นไร
“พวกพี่ใช่นักร้องวง-- อุ้ปส์ !”
คนตัวเล็กยังไม่ทันพูดอะไร
มือหนาของชานยอลก็ปิดปากเล็กทันที ดวงตาเรียวรีเบิกโพลงเล็กน้อยก่อนจะหลุบตามองมือหนาแล้วช้อนขึ้นมองชานยอลอย่างไม่เข้าใจ
ชานยอลไม่พูดอะไรแต่ส่งสายตาดุประมาณว่า ‘อย่าพูดมาก ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป’
“เดือนนี้ที่ผับเรามีโปรโมชั่นพิเศษ
เปิดไวน์ 1 ขวดฟรีอีก 1 ขวดก่อนสี่ทุ่ม
ไม่ทราบว่าพวกพี่สนใจกันมั้ยครับ ?” น้ำเสียงของแบคฮยอนเริ่มแผ่วลงกว่าเมื่อกี้
พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่ยอมแสดงออกมา
“ไม่สนใจ”
เป็นเสียงทุ้มของมือกลองแห่งวงนั่นเองที่เอ่ยขึ้นมา
สายตาคมภายใต้แว่นตาราคาแพงแอบเห็นน้องบริกรเหวอไปนิดนึงก่อนจะกลับเข้าสู่โหมดปกติพร้อมพยักหน้าตอบรับเป็นเชิงว่ารู้แล้วก็ต้องเหวออีกรอบเพราะประโยคถัดมา
“น้องน่าสนใจกว่าโปรโมชั่นพิเศษที่ว่าอีก”
จงอินรู้ดีว่าถ้าไอ้ชานพูดจาแบบนี้แสดงว่ากำลังจ้องจะงาบน้องเค้าแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
สายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวมีลูกเล่นบวกกับคำพูดสื่อไปในทางที่หื่นกามรวมถึงลิ้นร้ายที่ชอบเลียทั่วริมฝีปากหนาเวลาเจออะไรที่ถูกใจนั่นอีกยิ่งทำให้รัศมีความอันตรายของปาร์ค
ชานยอลแผ่กระจายทั่วตัว
เพราะเป็นคนหล่อบวกกับปากหวานแบบนี้เนี่ยแหละ
บรรดาผู้หญิงในฮาเร็มถึงได้หลงเสน่ห์ชาร์ลลี่คนหล่อจนหัวปักหัวปำ
ในขณะเดียวกันก็พากันทอดทิ้งชาร์ลลี่แล้วตีจากไปหลายต่อหลายคนเพราะทนความเจ้าชู้ไม่ได้
ทั้งน่าเศร้าและน่าสมน้ำหน้าในเวลาเดียวกัน
“อะแฮ่ม” จงอินแกล้งกระแอมไอ
ชานยอลจึงเหล่มองจงอินเล็กน้อยพร้อมกระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องจนชายหนุ่มกุมท้องร้องโอดโอย
“แล้วพวกพี่จะกินอะไรดีครับ ?”
“เอิ่ม….พี่ก็ไม่รู้จะกินอะไรอ่ะน้อง
เอาเป็นว่าพี่เหมาเมนูแนะนำหมดนี่เลยแล้วกัน” ชานยอลตอบ นิ้วยาววนชี้ที่รูปอาหารทั้งหมดที่มีในเมนูแนะนำ
ไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกันว่ะ เอาพวกเมนูแนะนำแล้วกัน ขึ้นว่าแนะนำแสดงว่าต้องอร่อย
สมองอันชาญฉลาด(แต่เรื่องโง่ๆ)ของพี่ชานคิดอย่างนี้
“จ่ายไหวหรอวะ รวมๆกันก็หลายวอนเลยนะเว้ย”
จงอินหันมากระซิบถามหลังจากที่น้องคนนั้นเดินออกไปลับตาแล้ว
“ไหวดีวะ มีบัตรเครดิตซะอย่าง
เดี๋ยวเสี่ยชานจัดให้” ยักคิ้วข้างเดียวพลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อความเท่
(ความจริงคือเป็นสันนิบาต)
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าบัตรเครดิตของมึงโดนพี่จุนมยอนเค้ายึดไปแล้วไม่ใช่หรอ
เงินมึงก็เพิ่งจ่ายเป็นทิปให้พวกเด็กนั่งดริ๊งค์เมื่อกี้ สมองมีแต่เรื่องโง่เง่าเต่าตุ่น”
“เอ้าหรอ” เสี่ยชานเกาหัวแกรกๆ
“เออว่ะ ชิบหายละ ลืมบัตรเอทีเอ็มอยู่ที่โรงแรม
เงินสำรองก็อยู่ที่ห้อง โอ๊ยกู” ชานยอลกุมขมับทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองดันลืมของสำคัญไว้
ชีวิตกูมันจะยุ่งยากอะไรขนาดนี้ โอยยยย อยากผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอกโว้ยยยยยย
หลังจากที่สองหนุ่มวงเอ็กโซสเฟียร์พากันสวาปามอาหารกับไวน์ราคาแพงที่โครตนุ่มลิ้นกันอยู่ซักพักใหญ่จนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่เศษติดจาน
พูดเลยว่าอาหารอร่อยถูกใจมาก
อารมณ์เหมือนกำลังนั่งกินอยู่ในภัตตาคารหรูที่ใช้วัตถุดิบราคาแพงกว่าค่าตัวพวกเขามาทำ
รสชาติไม่ได้ต่างกันมากเลยซักนิด อาหารก็อร่อย บรรยากาศก็ดี คนเสิร์ฟก็น่ารักน่าฟัด
แบบนี้พี่ชานช๊อบชอบ อิอิ ( 。≖ิ౪≖ิ)
“น้องครับ เก็บตังค์ด้วยครับ”
จงอินกวักมือเรียกเด็กชายตัวขาวที่ยืนคุยกับบาร์เทนเดอร์ที่เคาน์เตอร์
ร่างบางได้ยินคนเรียกจึงรีบเดินอาดๆเข้ามาหา
“เอ่อ ทั้งหมดแล้วก็…..” เด็กน้อยยกนิ้วสิบนิ้วขึ้นมา ทำท่านับนิ้วคิดเงิน
ดวงตาคมเพ่งมองเด็กน้อยที่ยืนนับนิ้วเป็นเด็กอนุบาลหัดบวกเลข
น้องคิดนานเกินไปแล้วมั้งจ้ะ พี่นี่ตั้งตารอฟังราคาอยู่นะจ้ะ
พี่จ่ายชาตินี้นะจ้ะไม่ใช่จ่ายชาติหน้าจ้ะ คิดนานจังค่ะคนสวย เครื่องคิดเลขมั้ยสัด
“100,000 วอนพอดีเลยพี่”
“ฮะ !!?” ถึงกับเข่าทรุดอย่างรุนแรง
โอ้โห้ เยอะขนาดนี้กูจ่ายชาติหน้าเลยดีมั้ยจ้ะ เงินก็มีติดมาแค่ 500 วอนขาดตัวเอง โฮรรรรร
ชานเหมือนคนไม่มีกำลังและหมดแรง
จะเดินจะลุกจะเดินไป ชานเหมือนคนกำลังจะตายที่ขาดอากาศจะหายใจ --- Mr.Charlie’s Feeling
“เอ่อ งานนี้มึงจ่ายเลยนะกูไม่ขอข้องเกี่ยว
บอกเองนะว่าเป็นเสี่ยชาน เอ้อ รู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆแฮะ ถ้าอยากนั่งต่อก็นั่งไปคนเดียวก่อน
กูขอตัวกลับก่อนนะ บาย วันนี้กูกลับแท็กซี่นะเว้ย” จงอินรีบโบกมือลาทันที
ปล่อยให้เสี่ยชานผู้ใจปล้ำเผชิญหน้ากับค่าอาหารเหยียบแสนวอนต่อไปคนเดียว
“เฮ้ยมึง ทิ้งกูได้ไงวะ”
“เออ
แค่เนี้ยช่วยเพื่อนหน่อยไม่ได้แงะ หล่กทง ไอ้เพื่อนทรยศ ทิ้งเพื่อนได้ลงคอ
ฮื่ออออออออ”
ชานก็จะเอาแต่ Cry Cry Cry Cry Cry
Cry ในตอนที่บิลมา
เหม่อมองดูเป๋าร้องไห้ ---
Mr.Charlie’s Feeling
บริกรตัวน้อยที่ยืนมองคนตัวสูงที่กำลังตะโกนด่าตามหลังจงอินอยู่ก็ได้แต่ยิ้มแหยพลางเกาหัวแกรกๆ
สรุปที่มานั่งกินคือไม่มีเงินจ่ายใช่มั้ยวะ กูอยากจะบ้าตายยยย
“เอ่อน้องคะ เงินพี่จ่ายให้เด็กดริ๊งค์ไปหมดแล้ว
เงินสำรองก็อยู่ที่ห้องพัก เดี๋ยวพี่ค่อยจ่ายได้มั้ยคะ ?” ริมฝีปากหนาเม้มแน่นก่อนจะตัดสินใจสารภาพออกไปตามตรง
ส่วนเด็กเสิร์ฟตัวเล็กที่ได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการไม่พอใจ ตั้งท่าจะโวยวายใส่แต่จิตใต้สำนึกบอกให้เย็นไว้
จะโวยวายต่อหน้าลูกค้าไม่ได้ ลูกค้าคือพระเจ้า ท่องไว้ๆ
“อ้าวเฮ้ย ออกมาข้างนอกทั้งทีทำไมพี่ไม่หัดเอาเงินสำรองเผื่อเวลาฉุกเฉินติดตัวมาบ้างเล่า
!?” คนตัวเล็กเริ่มเหวี่ยงเล็กน้อยที่ลูกค้าของเขาไม่มีเงินจ่าย
ส่วนชานยอลมองหน้าคนตัวเล็กอย่างเลิ่กลั่ก อ้าว ตอนแรกยังพูดจากันดีๆอยู่เลย
พอบอกไม่มีเงินเท่านั้นแหละเหวี่ยงฟาดงวงฟาดงาใส่พี่ชานเฉยเลย คนหล่องง
“โอเค….น้องอยากได้เงินค่าอาหารมากนักใช่แมะ
?” ชานยอลสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหันไปถามบริกรเด็กที่ยืนหน้าตึงอยู่
จ้องจะเอาเงินค่าอาหารลูกเดียว ก็บอกแล้วว่ากูไม่มีตังค์มึงก็ยังจะเอาอีก อีเด็กผี
“ใช่พี่ จ่ายค่าอาหารผมมาเลย”
แบคฮยอนตอบพลางแบมือขอเงินจากคนตรงหน้า
“เรื่องมาก ก็บอกแล้วยังไม่มีตังค์”
“แล้วพี่จะรับผิดชอบค่าอาหารยังไง ?”
ชานยอลนั่งใช้ความคิดอยู่ตั้งนานสองนานจนกระทั่งไอเดียหนึ่งที่เขาคิดว่ามันดูเข้าท่าที่สุดก็ผุดขึ้นมาในหัว
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่พาไปเอาเงินค่าอาหารถึงห้องพักเลย
โอเคมั้ยคะ ?”
TBC
เรามาแก้บทนำใหม่เป็นบางส่วนแต่ไปๆมาๆก็เหมือนแก้หมดแหละ เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่มันไปดูเหมือนอีกฟิคหนึ่ง
ต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอยอมรับผิดแต่โดยดี *ก้มโค้งคำนับ* ที่หายไปนานไม่ใช่อะไร
การบ้านเยอะ จะเจียดเวลามาลงฟิคก็ไม่ได้ แฟลชไดร์ที่มีไฟล์ฟิคก็เพิ่งมาเพราะอาจารย์เอาไปตรวจงาน
;___;
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์หรือสกรีมแท็กฟิคเป็นกำลังใจด้วยจ้า
เอ็นจอยรีดสะดิ้งเด้อ
ด้วยรักและขอบคุณ :D
ปล. ใครแปลชื่อแท็กได้นี่ขอตบมือให้เลย (เห็นสกิลอิ้งอย่างนี้ เกรดสี่อังกฤษนะคะบอกเลย ถถถถถ)
#chanfacepot
O W E N TM.
ความคิดเห็น