ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Attack on Levi

    ลำดับตอนที่ #15 : 18.30

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 56


    (18.30)

     

     

     

    เขาปิดประตูโบสถ์แล้วเดินเข้าไปเมื่องานแต่งดำเนินไปได้ครึ่งทาง นั่งลงตรงมุมของที่นั่งแถวหลังสุด

     

    ดีมาก ไม่มีใครสังเกตุเห็นว่าเขามาสาย พวกนั้นกำลังตั้งอกตั้งใจมองไปที่ด้านหน้า ขณะที่เพลงกำลังขับกล่อมสะท้อนไปทั่วห้องโถง

     

    เขามองเห็นเจ้านั่น....มันสวมชุดสูทเข้ากับตัว  เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่ามันช่างมีเสน่ห์เสียจริงๆ  ไม่สิ เขารู้อยู่แล้วต่างหาก

     

    ไม่มีเจ้าสาวยืนอยู่เคียงข้าง ทว่าเขากลับเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้าของหมอนั่นแม้จะอยู่ห่างออกไปไกล

     

    “ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกคุณจะพิเศษสุดยอดจริงๆนะครับ” พิธีกรออกความเห็น กลุ่มคนพากันหัวเราะครื้นเครง  ได้ยินคนที่อยู่ข้างหน้าสองสามแถวพูดขึ้นว่า “นี่แหละรักแท้”

     

    “งั้นเดี๋ยวพวกเราจะถามเจ้าสาวอีกทีว่าจริงรึเปล่านะคร้าบ งั้น...บอกเราหน่อยได้ไหมว่าไปรู้จักกันได้ยังไง ที่เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าพวกคุณต่างก็เป็นรักแรกพบน่ะ” พิธีกรถาม

     

    “อืม..จริงๆก็ไม่โรแมนติกเท่าไหร่นะครับ คนรักของผมเค้าขี่ม้าผ่านหน้าไป ตอนนั้นใจเต้นแรงมากเลยล่ะ” หมอนั่นยิ้มอายๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้น้อยมากบนหน้าของมัน

     

    “นี่ยังไม่โรแมนติกอีกเหรอเนี่ย เจ้าสาวได้ยินต้องประทับใจแน่ๆ  ตอนนั้นเธอสวมชุดทหารด้วยใช่ไหม”

     

    “ครับ ปีกแห่งอิสรภาพ”

     

    ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ก็คือเขามาสายจึงพลาดช่วงพิธีการ และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงรำลึกถึงความทรงจำแสนหวานของคู่รักสินะ

     

    “ผมกล้าพูดเลยว่าคุณน่ะเป็นเจ้าบ่าวที่เอาใจใส่ที่สุดที่ผมได้เจอมาเลยล่ะ คุณน่าจะรู้นะว่าไม่ใช่เจ้าบ่าวทุกคนจะยินดีรับมือกับช่วงนี้เองคนเดียวน่ะ”

     

    “ผมเคารพการตัดสินใจของคนรักของผม” เขาพูดด้วยใบหน้าเป็นสุข “เค้ายอมแต่งงานด้วยนี่ก็เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตแล้วล่ะครับ ของอย่างอื่นก็ไม่บังคับกันแล้วล่ะ”

     

    “งั้นต่อนะ คุณคิดว่านิสัยของแฟนคุณเป็นยังไง”

     

    “เป็นคนอ่อนโยนครับ  บางครั้งก็ขี้โมโห แต่ถ้าผมพยายามซักหน่อยแป๊ปเดียวก็หมดเรื่องแล้วล่ะ”

     

    ช่างเป็นงานแต่งที่พิเศษจริงๆที่เขาได้มารับรู้เรื่องราวแสนหวานของเจ้าพวกนั้นน่ะ

     

    พิธีกรหัวเราะ “แบบเอาแต่ใจใช่มั๊ยล่ะครับ”

     

    “ไม่เลยนะ  ผมสิอยากให้เป็นแบบนั้น ดีซะอีกถ้าเค้าจะออดอ้อนผมบ้าง ถึงจะไม่เคยเกิดขึ้นก็เหอะ อืม...จริงๆแล้วก็เป็นคนสุขุมเยือกเย็นน่ะนะ ผมเองก็ไม่สามารถยื่นมือไปช่วยงานได้มากเท่าไหร่ ก็เลยอยากเป็นคนที่เค้าพึ่งพาได้เหมือนกัน  แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยทะเลาะกันเลยซักครั้ง แล้วเค้ายังไม่สนใจด้วยว่าผมจะไปเดินอยู่กับคนอื่นน่ะ” หมอนั่นยิ้มแห้งๆแต่เต็มไปด้วยความสุข

     

    “ทหารชายที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดต้องกำลังอิจฉาคุณอยู่แน่  ผมต้องบอกว่าพวกผมอิจฉาคุณชมัดเลยล่ะ” พิธีกรพูดกึ่งล้อเล่น “คงต้องรักษาเวลากันหน่อยนะครับ....ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ อีกยี่สิบนาทีเราก็ต้องไปสนุกกับงานเลี้ยงค่ำนี้แล้ว แต่ว่า...ทุกคนน่าจะยังฟังเรื่องของพวกคุณไม่ครบนะครับ เราต้องรีบกันหน่อยล่ะ”  ไม่นะ เขาฟังมามากพอแล้ว

     

    “ถามมาได้เลยครับ ผมจำทุกเรื่องที่ผ่านมาของเราได้หมดแหละ” เพราะงั้นเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดของพวกเขาก็เลยลืมไปหมดใช่มั๊ย

     

     “ในเมื่อมันไม่ยาก งั้นก็เปลี่ยนคำถามกันดีกว่า  ช่วยลองพรรณารูปร่างหน้าตาของเจ้าสาวหน่อยได้ไหม  ผมรับรองว่าทุกคนในที่นี้จะไม่เอาไปเปิดเผยกับเจ้าสาวแน่นอน”

     

    “อืม...มีดวงตาที่สวยงาม ผมชอบมันมาก” ดูท่าเขาจะแพ้ให้กับดวงตาคู่สวยนั่นซะแล้ว

     

    “แล้วก็ตัวเล็กมาก แบบที่ผมสามารถเอามากอดไว้ในอ้อมกอดได้เลย ...อ้อ เรื่องนี้อย่าพูดออกไปเชียวนะครับ ไม่งั้นผมตายแน่” ผู้หญิงสาวตัวเล็กๆสิน่ารัก

     

    “ชอบไปหมดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”  เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามือจับแน่นที่หัวเข่าจนสั่น  นี่เขาทำอะไรอยู่

     

    ชอบคุณรีไวล์ที่สุด ชอบทั้งหมดของคุณรีไวล์เลยครับมันเคยพูดแบบนี้กับเขา  แต่ตอนนี้มันกลับยกคำพูดนี้ไปให้เจ้าสาวของมัน

     

    คุณรีไวล์ครับ ถึงจะมอบหัวใจให้แก่มนุษยชาติไปแล้ว แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าหัวใจดวงนี้จะเต้นเพื่อคุณเท่านั้น

     

    บ้าจริง แค่ระยะเวลาสั้นๆที่ได้เห็นเจ้านั่น  เขาก็รู้ว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้หมดรูป หัวใจค่อยๆปวดขึ้นมาทีละนิดๆ คำพูดที่มันเคยพูดกับเขาราวกับคมมีดบิ่นที่เสียดสีอย่างช้าๆอยู่ในหัวใจ

     

    เขาทนไม่ได้  เขารู้ว่างานแต่งนี้ไม่ได้กำลังสิ้นสุด แต่มันกำลังจะเริ่มต้นต่างหาก ต่อไปในอนาคตเขาจะใจเย็นมองดูหมอนั่นเดินจับมือกับคนอื่นผ่านไปตามท้องถนนได้หรือ

     

    หมอนั่นจะพาคนอื่นไปดูทะเล ดูทัศนียภาพที่สวยงามทั่วโลก  ทั้งที่มันเคยพูดกับเขาว่า ถึงอยากจะรีบไปดูทะเลที่สุด แต่ผมก็อยากรอจนถึงวันที่คุณรีไวล์ยอมไปด้วยกันกับผม

     

    เขาไม่....

     

    เขาพบว่าตัวเองยืนขึ้น แต่เพราะอยู่ตรงมุมจึงไม่มีใครสังเกตุเห็น เขาเดินเลียบไปทางด้านข้างของโบสถ์อย่างรวดเร็วเพื่อไปข้างหน้า คนที่อยู่ด้านข้างต่างจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง แต่เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว

     

    ดูเหมือนจะได้ยินเสียงกระซิบของเอลวินร้องเรียกเขา “รีไวล์ ใจเย็นก่อน”

     

    ใจเย็นเรอะ เขารู้ว่าหากเขายังบ้าใจเย็นเจ้านั่นมันก็ไปกับคนอื่นแล้ว!

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×