คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : My Tutor : one
Lesson one
“เซฮุน แกใกล้จะเอนทรานซ์เข้ามหาลัยแล้วนะ แกจะมัวเล่นๆ อยู่แบบนี้ไม่ได้”
“ถ้าผมสอบเข้าไม่ได้ แม่ก็เอาเงินยัดดิ เงินป๊าเยอะจะตาย”
“ไอ้เซฮุน !!!”
“โห่ ล้อเล่นน่ะแม่ ขึ้นองขึ้นไอ้ พูดไม่เพราะเลยนะเราอ่ะ”
“แกนี่มัน...จริงๆ เลย” คุณนายโอ ส่ายหน้าไปมาอย่างเหลืออด
“นี่แม่ ถามหน่อยเถอะ แม่ชอบบังคับให้ผมเรียนพิเศษ เรียนเพิ่มนู่น เติมนี่ แม่ไม่เหนื่อยบ้างหรอ?”
“เหนื่อยสิถามได้ เพราะบอกอะไรไปแกก็ไม่ทำซักอย่าง !!”
“นั่นสิ เหนื่อยก็เหนื่อย อีกอย่างแม่ก็รู้ว่าผมไม่อยากทำ แล้วแม่จะดื้อบังคับผมไปทำไมอ่ะ?”
ไอ้-เซ-ฮุน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“โอ๊ย แม่ โอ๊ยๆๆ อะไรเนี่ย” คุณนายโอรัวตีมือไปยังลูกชายไม่ยั้งด้วยความหมั่นไส้ ...ดูมันพูดเข้าสิ
“แกมันไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่างเลย ....” คุณนายโอหยุดตี และนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เซฮุนเห็นว่าแม่เงียบไป รู้เลยว่าคราวนี้คุณนายคงโกรธจริงๆ ซะแล้วล่ะ
“แม่.....คุณนาย...” เซฮุนพยายามหยอกล้อให้แม่หายงอน แต่คุณนายก็นิ่ง
“......”
“โกรธจริงดิ?” น้ำเสียงหยอกล้อยังคงพยายามง้อแม่ต่อไป
“แล้วฉันควรยิ้ม ดีใจที่แกสอบตกใช่ไหมเซฮุน” น้ำเสียงจริงจังของแม่ทำให้ลูกชายขี้เล่น ต้องลงไปนั่งพื้นและเอาคางมาเกยที่ขาของแม่อย่างอ้อนๆ
“แกโตแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนแกก็จะเข้ามหาลัยแล้ว แกจะเล่นอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ” แม่พูดพร้อมกับจ้องลูกชาย มันก็จริงที่ไม่ว่าเซฮุนจะโตแค่ไหน ยังไงก็เด็กเสมอสำหรับผู้เป็นแม่ แต่เซฮุนก็จะต้องดูแลตัวเองให้ได้เหมือนกัน เพราะพ่อแม่ ไม่สามารถดูแลชีวิตเขาได้ตลอดไปหรอก แต่เซฮุนเอาแต่เล่นไปวันๆ อยู่แบบนี้ เขาในฐานะเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูกชายเป็นธรรมดา
“แกน่ะ หัดทำอะไรที่มันจริงๆจังๆซักทีสิ”
“ผมก็เล่นแบบจริงจังอยู่นี่ไงแม่ ^_^”
“เซฮุน !!!!”
“อ่ะๆๆ โอเคๆ ไม่เล่นก็ได้ ...เฮ้อ ที่จริงผมก็อยากตั้งใจเรียนนะ แต่หนังสือมันน่าเบื่ออ่ะ” เสียงเซฮุนพ่นลมออกมาอย่างเนือยๆ
“ก็เพราะแบบนี้แหละ แกถึงได้โง่เป็นควายอยู่แบบนี้”
“อ่าวแม่ นี่ลูกแม่นะ”
“เออ รู้แล้ว เพราะถ้าแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไม่มานั่งจ้ำจี้จ้ำชัยกับแกอยู่แบบนี้หรอก”
“โด่ แม่อ่ะ”
“ไม่รู้แหละ ฉันรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะเปลี่ยนควายให้เป็นคน แต่ฉันก็เชื่อว่ามันเปลี่ยนได้”
..........แม่กำลังชมผมว่าน่ารักเหมือนควายอยู่ใช่ไหมนะ
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ แม่จะให้ครูที่โรงเรียนแม่มาติวให้แก และถ้าคราวนี้แกแกล้งเขาเหมือนติวเตอร์คนอื่นๆ ที่ผ่านมาอีกล่ะก็ แกกับชั้นได้เห็นดีกันแน่เซฮุน”
......นั่นมันเป็นการเริ่มต้นปิดเทอมที่น่าเบื่อสำหรับโอเซฮุนเลยนะแม่
คุณนายโอน่ะทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกชายของเขาเรียนได้ดีขึ้น ทั้งส่งไปติวตามสำนักติวเตอร์ดังๆ หลายแห่ง แต่อยู่ไม่ถึงอาทิตย์ ทางสำนักก็ต้องส่งจดหมายมาแจ้งให้เซฮุนลาออก เรียนก็ขาดๆ มาก็แกล้งเพื่อน แกล้งครู ไม่ตั้งใจเรียน แต่คุณนายก็ไม่ละความพยายาม ยังคงจ้างติวเตอร์เก่งๆ ดังๆ มาสอนที่บ้านให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสอนลูกชายเขาได้ซักคน ต่างก็พากันคืนเงินให้และอยู่ได้ไม่เกินสามวันซักคน......
“ผมไปติวกับราฟาเอลไม่ได้หรอแม่” เสียงลูกชายเอ่ยถาม
“ราฟาเอลหรอ ชื่อฝรั่งดีหนิ เขามาจากประเทศไหนล่ะ”
“Young Kingdom”
........เอ๊ะ ...ทำไมชื่อแปลกๆ มันอยู่ส่วนไหนของโลกล่ะเนี่ย
“แล้วแกไปเจอเขาได้ยังไง?”
“ร้านเกมส์ แหะๆ ^_^”
ไอ้-เซ-ฮุน !!!!!!!!!!!!!
“โอ๊ยๆๆ แม่ พอแล้วๆ โอเคๆๆ” คุณนายลงฝ่ามือพิฆาตรัวใส่ลูกชายอีกครั้ง นี่มันจะจริงจังซักห้านาทีไม่ได้เลยใช่มั๊ย
“แกนี่มัน ..... หืมมม”
“โอเคๆ ผมจะติวกับครูที่แม่หามาให้ก็ได้” เซฮุนรับปาก
...ทำไมมันยอมง่ายจังวะ
“แต่ถ้าครูที่แม่พามาลาออกไปเอง อันนี้ผมไม่รู้นะ”
.....น่านไง ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีแผน
“งั้นถ้าแกสอบตกคราวหน้า ฉันจะยึดรถ โทรศัพท์ และของทุกอย่างที่แกใช้เงินฉันซื้อคืนให้หมด.....อันนี้แม่ก็ไม่รู้นะ” เสียงแม่พูดยอกย้อน ทำเอาลูกชายต้องขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
...ถ้าแม่ยึดหมด มันก็เท่ากับว่าเขาไม่เหลืออะไรเลยน่ะสิ
¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥
“ลู่หาน นี่ค่าจ้างล่วงหน้าครึ่งนึงจ้ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วก็เดี๋ยวตอนเย็นฉันให้คนไปรับที่หอพักละกันนะ ตลอดเวลาที่เธอติวให้ลูกชายฉัน ฉันมีคนคอยรับ-ส่งให้ ไม่ต้องห่วง”
“อ่อ ครับ ขอบคุณมาครับ อาจารย์โอ”
“จ้ะ ไม่เป็นไร”
.....ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนใจดี ขยัน อดทน และมีความสามารถ เพราะฉะนั้น ฉันเชื่อว่านายจะทำให้ลูกชายตัวดีของฉันมันฉลาดขึ้นมาบ้างนะ ..ลู่หาน
¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥
“คุณเซฮุนคะ ติวเตอร์มารอที่ห้องแล้วค่ะ” เสียงเรียกของสาวใช้ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาซะอย่างนั้น เพราะไม่มีท่าทีว่า คนที่ถูกเรียกจะเงยหน้าขึ้นมาจากจอสี่เหลี่ยมที่กำลังกดเล่นบางอย่าง อย่างเมามันส์
“คุณเซฮุนคะ....”
“.......”
“คุณเซฮุน..”
“........”
“ไอ้ – เซ – ฮุน !!!” ดูเหมือนว่าคราวนี้จะไม่ใช่เสียงคนใช้นะ
“คร้าบบบบบบบบบบบ” เซฮุนยอมวางเครื่องไอแพดลงอย่างขัดใจ เพราะคุณนายโอกำลังยืนกอดอกพิงประตูจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง
....ขี้นไอ้ตลอดแหละ แม่อ่ะ
“ครูเขามาตั้งนานแล้ว ทำไมแกไม่ลงไป”
“กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละคร้าบบบ” เซฮุนเด้งลงจากเตียง พร้อมกับถือกล่องหนังสือเดินออกจากห้องไป
“เยอึน วันนี้ฉันจะไปดูงานกับคุณผู้ชาย อาจจะกลับดึกหน่อย เธอช่วยดูแลเซฮุนด้วยนะ”
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
คุณนายโอสั่งแม่บ้าน วันนี้เธอต้องไปดูงานที่ชานเมืองกับสามี เธอเป็นอาจารย์ในโรงเรียนชื่อดังก็จริง แต่สามีเธอเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หรือพวกที่ทำงานเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินนั่นเอง มีบ้างที่เธอต้องออกไปดูงานกับสามีบ่อยๆ ยามว่าง เพราะเธอก็พอมีความรู้ทางด้านนี้อยู่
....หวังว่าวันนี้ลูกชายของเขาจะทำตัวน่ารักกับติวเตอร์ที่เขาหามาให้นะ
ทางด้านเซฮุนเดินยิ้มลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดี เชื่อมั๊ยล่ะว่าคนอย่างเซฮุนอารมณ์เพราะจะได้ติว ไม่มีทางหรอก ที่อารมณ์ดีเพราะกำลังคิดหาทางให้ติวเตอร์ลาออกต่างหากล่ะ และก่อนออกจากห้องมาเซฮุนก็ไม่พลาดที่จะหยิบของสำคัญออกมาด้วย คิดว่าแม่คงไม่เห็นมันหรอกมั้ง
เสี่ยว ลู่หาน เด็กหนุ่มน่ารักจากจีนแผ่นดินใหญ่ ครูใหม่ไฟแรงจบจากมหาวิทยาลัยโซล เกียรตินิยมอันดับหนึ่งทางด้านภาษาอังกฤษ เป็นตัวการันตีความสามารถของเขา ลู่หานไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขา มันคือความสามารถที่มาจากตัวเขาเองล้วนๆ
ใบหน้าหวานกำลังมองเฟอร์นิเจอร์ และถ้วยโถโอชาม ที่ประดับอยู่ในห้องรับรองที่เขาใช้นั่งรอนักเรียนพิเศษคนนั้น ลู่หานมองเครื่องประดับตกแต่งบ้านอย่างหลงใหล มีบางอย่างมาจากจีนด้วย นั่นยิ่งทำให้ลู่หานยิ่งชอบและจดจ้องไม่กระพริบตา มันสวยมากจริงๆ สวยจนอยากจะมีประดับไว้ที่บ้าน ติดตรงที่ว่า เขาคงไม่มีปัญญาซื้อมันหรอก เพราะลู่หานรู้ดีว่าของพวกนี้ มันราคาสิบกว่าหลักอยู่แล้ว
“จะขโมยหรอ” เสียงทักทาย ทำให้ลู่หานสะดุ้ง หลุดจากภวังค์และหันมาตามเสียงนั้น
เห็นภาพเด็กหนุ่มที่หน้าตาจัดว่าหล่อ ผิวขาวราวกับน้ำนม แต่สีผมนี่ไม่เหมือนเด็กมอปลายเลยแฮะ ผู้ชายคนนั้นกำลังกอดอกมองเขาอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เอ่อ เปล่านะครับ ผมไม่ได้จะขโมย ผมแค่ลุกมาดูเฉยๆ เห็นว่ามันสวยดี” คนสวยรีบแก้ตัวพัลวัน
“งั้น..ก็เอาไปสิ” เสียงลอยหน้าลอยตา ทำเอาลู่หานตกใจ ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่นซะด้วย
“คะ...ครับ ??” ลู่หานอึ้งอยู่กับประโยคนั้น
“ฉันบอกว่า อยากได้ก็เอาไป ”
....เขาพูดอะไรของเขาน่ะ ของแพงขนาดนี้ยกให้ง่ายๆขนาดนี้เลยหรอ?
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ” ถึงจะอยากได้ก็เถอะ แต่มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ ที่เจ้าของเขายกให้ง่ายๆ แบบนี้
“ว้า นึกว่าจะสำเร็จแล้วเชียว” น้ำเสียงดูผิดหวัง ยิ่งทำให้ลู่หาน งง เข้าไปใหญ่
....จะได้บอกแม่ว่า ติวเตอร์คนนี้ขโมยของไป และหนีไปแล้วไง
“สำเร็จอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก นายเป็นติวเตอร์ที่แม่พามาใช่ไหม?”
...แม่....อ่อ งั้นคนนี้ก็คือเด็กนักเรียนพิเศษสินะ
“อ่อ ครับ ใช่ครับ ผมชื่อเสี่ยว ลู่หานครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ลู่หานแนะนำตัว และยิ้มตามสไตล์ให้กับอีกคน
“ไม่ต้องมายิ้มยั่วหรอก ฉัน โอ เซฮุน ไม่ยินที่รู้จัก” คำพูดของอีกคนทำเอาลู่หานเงิบ
“ลูกชายฉันมันค่อนช้างดื้อหน่อยนะ กวนมากๆ ด้วย หวังว่าเธอจะรับมือกับมันได้นะ”
“ครับ ผมจะพยายามครับ”
......แบบนี้เองสินะ
“งั้นเรามาเริ่มติวกันเลยดีกว่านะครับ” ลู่หานพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุด และตัดบทชวนเซฮุนติว
“หิวข้าว”
“ห๊ะ?”
“บอกว่าหิวข้าว ไปทำอะไรให้กินหน่อยดิ”
“ห๊ะ?”
“อ้าว ทำไมแม่หาครูหูตึงมาสอนผมวะเนี่ย”
“ผมไม่ได้หูตึง แต่ไม่เข้าใจว่าคุณมาบอกผมทำไม”
“ก็บอกเพื่อให้นายไปทำให้ฉันกินไง”
“คนใช้คุณก็มี ทำไมต้องเป็นผมล่ะ”
“จะทำไม่ทำ ถ้านายไม่ทำ ฉันก็ไม่ติว” เสียงที่เอาแต่ใจ ทำลู่หานทำหน้าเหวอ
....ให้ตายเหอะ ไม่เคยเจอเลยแบบนี้ แต่เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ ยังไงซะเราก็ต้องสอนเด็กนี่ให้ได้ อดทนไว้ลู่หาน นายต้องทำให้ได้
สุดท้าย ร่างบางจำต้องเดินเข้าครัวเพื่อทำตามที่ลูกศิษย์บอก นอกจากจะไม่นับถือลู่หานแล้ว เซฮุนยังสั่งให้ลู่หานมาทำกับข้าวให้กินอีก สงสัยว่างานนี้ลู่หานต้องรับบทหนักจริงๆ แล้วล่ะ
ต้มยำกิมจิกับข้าวยำถูกวางไว้บนโต๊ะอาหารอย่างสวยงามด้วยฝีมือของคุณครู ดีนะที่ลู่หานพอทำอาหารได้บ้าง เป็นเพราะมาต่อสู้กับชีวิตเพียงลำพังที่เกาหลี ทำให้ลู่หานได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง รวมไปถึงการทำอาหารด้วย
“กินได้จริงหรอ” หน้าตายมองสบตาเจ้าของอาหารด้วยสายตาว่างเปล่า
“กินได้ครับ”
“ไม่อยากกินอันนี้อ่ะ อยากกินข้าวผัด” เซฮุนกอดอกหน้านิ่งพิงเก้าอี้ พร้อมกับมองไปทางอื่น
“ห๊ะ?”
“ไปเซ็คประสาทหูบ้างนะครับ ผมว่ามันอาจจะตึงในระยะเริ่มแรกก็ได้”
ลู่หานกัดฟันแน่น แต่ไม่แสดงออกมาให้อีกคนเห็น พรางท่องในใจว่าต้องอดทน ...อดทนเข้าไว้
“ข้าวผัดกิมจิได้แล้วครับ” ร่างบางเดินออกมาพร้อมกับข้าวผัดกิมจิที่ตัวเองเพิ่งกลับไปทำมาใหม่เมื่อครู่
“ไม่ได้บอกว่าอยากกินข้าวผัดกิมจินี่ อยากกินข้าวผัดหมู”
“ห๊ะ?”
“ผมว่าคุณมีปัญหากับหูจริงๆนะ วันนี้คุณหูตึงไปหลายรอบเลย”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่หูผมหรอก มันอยู่ที่คุณนั่นแหละ จะเอายังไงกันแน่”
“ก็ผมหิวไง และอยากกินข้าวผัดหมู ไม่กินข้าวผัดกิมจิ ^_^” รอยยิ้มที่ร่างสูงส่งมาไม่ได้ทำให้คนที่ได้รับรู้สึกดีซักนิด ลู่หานจำใจต้องเดินเข้าไปในครัวอีกรอบ
“ข้าวผัดหมูได้แล้ว” ร่างบางวางจานข้าวผัดหมูลงตรงหน้าเซฮุน แต่ทว่าบนโต๊ะมีจานเปล่าวางอยู่ ลู่หานจำได้ว่ามันคือจานข้าวผัดกิมจิ ข้าวยำ และต้มยำกิมจิที่เขาเพิ่งทำไปเมื่อครู่ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ข้างล่างโต๊ะมีหมาน้อยสองตัวกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ...มันคืออาหารที่เขาทำนั่นแหละ
.....มากไปแล้วนะ...
“ไม่หิวแล้ว” เซฮุนหันมาตอบ
“แล้วคุณจะให้ผมกลับไปทำข้าวผัดหมูเพื่ออะไรเนี่ย” ลู่หานเริ่มโมโห
เซฮุนไม่ตอบแต่ยักไหล่อย่างไม่รู้สึกอะไร และเดินนำออกไปที่ห้องติวเหมือนเดิม ทำเอาลู่หานอยากจะฆ่าคนตรงหน้าจริงๆ นี่มันมากเกินไปแล้วจริงๆ
“มากไปแล้วนะ” ลู่หานกัดฟัน พร้อมกับพูดออกมา ทำเอาอีกคนที่กำลังเดินออกไปชะงัก และยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้าทนไม่ได้ก็ลาออกไปสิครับ ผมไม่ได้รั้งเลยนะ” น้ำเสียงผลักไสไล่ส่งยิ่งทำให้ลู่หานยิ่งโกรธ
“นายทำแบบนี้ทำไม” คำสรรพนามที่เปลี่ยนไป ทำให้เซฮุนรู้ว่าลู่หานโกรธจริงๆ ซะแล้ว...แต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเองนะ หึหึ
“อยากทำ” คำตอบสไตล์กวนๆ ที่ไม่สะทกสะท้านอะไรถูกส่งมาที่ลู่หาน
“ถ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฉันถอดใจล่ะก็ ฝันไปเถอะ” ลู่หานจ้องตาเซฮุนอย่างไม่ยอมแพ้ ....ใช่ เขาจะไม่ยอมแพ้เด็กตรงหน้านี้แน่ๆ ยังไงซะ เขาก็จะติวให้เซฮุนให้ได้
“งั้นก็ลองดู” น้ำเสียงที่ท้าทายของเซฮุนทำให้ลู่หานผงะได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาจะต้องทำหน้าที่ของติวเตอร์ให้ได้ ...ต้องทำให้ได้
บรรยากาศการติวเริ่มขึ้น ลู่หานพูดพรางชี้ไปตามหนังสือ แต่ทว่าอีกคนกลับไม่ได้จ้องหรือมีสมาธิกับการเรียนไปกับลู่หานเท่าไหร่นัก สายเซฮุนจ้องไปทื่จอสี่เหลี่ยมในมือ หูก็เสียบเฮดโฟนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ลู่หานที่เห็นแบบนี้มีหรือจะทนได้
“เฮ้ย เอาคืนมา ใกล้ชนะแล้วนะ !!” ลู่หานแย่งมือถือจากเซฮุนพร้อมกับเอาไว้ด้านหลัง เพื่อบ่งบอกว่าไม่มีทางให้คืนเด็ดขาด
“อยากได้ก็ตั้งใจเรียน” ลู่หานขู่
“เอาคืนมา” เซฮุนเริ่มหงุดหงิด
“ก็ตั้งใจเรียนซักทีสิ ถ้านายเรียนจบสองหน้า ฉันจะคืนให้” ลู่หานยังคงไม่ยอม
“เอา-คืน-มา” เซฮุนเน้นย้ำชัดเจน
“ไม่!!!!” ลู่หานไม่อยากยอมรับหรอกนะว่ากลัว แต่ทำไงล่ะ ถ้าคืนไปหมอนี่ก็เอาแต่เล่น ไม่ตั้งใจเรียนซักที
“ได้ ไม่คืนใช่ไหม” เซฮุนเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างอยู่ข้างๆ ที่เขาเตรียมมาจากบนห้อง....งูแคระ
เซฮุนแอบเลี้ยงมันไว้ในกล่อง ตอนลงมาเซฮุนก็ทำท่าทางเหมือนว่าหยิบกล่องหนังสือออกมา จริงๆ แล้วข้างล่างหนังสือ มันมีอีกกล่องเล็กๆ ที่ซ่อนงูตัวนี้ไว้อยู่ ทำให้แม่กับสาวใช้มองไม่เห็น นี่แหละ แผนเด็ดของเซฮุนเลยล่ะ เพราะมันใช้ได้ผลกับติวเตอร์ที่ผ่านมา แค่คิดเห็นภาพติวเตอร์หน้าหวานคนนี้ทำท่าทางหวาดกลัวเหมือนคนก่อนๆ แค่นี้ก็ฮาแล้วล่ะ
“นายคิดว่านี่เป็นไง” เซฮุนจงใจยื่นงูเข้าไปใกล้ลู่หาน ให้อีกคนตกใจ แต่ทว่า มันผิดคาด เพราะลู่หานแค่ผงะเล็กน้อย และทำท่าเหมือนสนใจมันซะด้วย
“นายเลี้ยงมันหรอ น่ารักดีหนิ” ท่าทางยิ้มๆ ของลู่หาน พร้อมทั้งสายตาแพรวพราวที่จ้องมาที่น้องไลลา (ชื่องู) ของเขา มันทำให้เซฮุนหงุดหงิด
“นายไม่กลัวรึไง” เซฮุนถามเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“ไม่เห็นน่ากลัวเลย มันน่ารักดีออก” ลู่หานยังคงตอบพร้อมกับมองที่งู ไม่มีสายตาแห่งความหวาดกลัวเลยซักนิด
“โธ่โว้ย” เซฮุนสบถออกมาพร้อมกับโยนงูเก็บเข้ากล่อง
.....นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย นายต้องกลัวสิ ไม่ใช่บอกว่ามันน่ารัก
“หมดแผนที่จะแกล้งฉันรึยัง คราวนี้ก็ตั้งใจเรียนซักที” ลู่หานพูดพร้อมกับจ้องเซฮุน
“ไม่มีทาง” เซฮุนพูดอย่างหงุดหงิด
“เซฮุน นายไม่ห่วงอนาคตของนายบ้างเลยหรือไง” ลู่หานจริงจัง
“พอเลย ไม่ต้องมาเทศก์แล้วเอาพ่อแม่ฉันมาอ้างให้ซึ้งหรอก ฉันเคยได้ยินมาเยอะแล้ว เบื่อ!”
“แล้วนายคิดว่าชีวิตนี้นายจะอยู่พ่อแม่ได้ตลอดหรอ นายจะไม่แต่งงาน มีครอบครัวเป็นของตัวเองเหมือนคนอื่นเขาบ้างหรือไง”
“แล้วไง...”
“ก็ถ้านายมีครอบครัว แล้วนายจะเอาอะไรไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียนาย ในเมื่อนายไม่มีอะไรเลยซักอย่าง”
“ใครบอกว่าไม่มี ฉันมีเงินมากพอที่ซื้อบ้านหลังแบบนี้ได้อีกสิบหลังเลยล่ะ”
“นั่นมันเงินพ่อกับแม่นาย ไม่ใช่เงินนาย”
“เงินพ่อก็เหมือนเงินฉันนั่นแหละ”
“นายคิดว่านายจะใช้เงินพ่อไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหม?”
“ใช่” เซฮุนตอบทันควัน
“แล้วนายไม่คิดที่จะหาเงินให้พ่อนายใช้บ้างเลยหรอ นายรู้ไหมว่าพ่อแม่นายต้องลำบากแค่ไหนที่ต้องหาเงินมาให้เด็กไม่เอาไหนอย่างนายผลาญเล่นไปวันๆ นายจะทำตัวเป็นเด็กติดแจอยู่กับพ่อแม่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก”
“นั่นมันเรื่องของฉัน”
“ใช่ มันเรื่องของนาย ฉันรู้ว่าคำพูดพวกนี้มันดูน่าเบื่อ ฉันรู้ว่านายรักพ่อกับแม่ของนายใช่ไหม ในฐานะลูกคนนึง และคนเดียวของตระกูล นายจะไม่ทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจซักอย่างเลยหรอ”
“โธ่ โว้ย พูดมากจริง” เซฮุนเดินหงุดหงิดออกไปข้างนอก เพราะคำพูดของลู่หานมันทำให้เขาอึดอัด ใช่ว่าเซฮุนไม่รู้ว่าตัวเองแย่ และไม่เอาไหนจริงๆ แต่ที่เขาทำแบบนี้เป็นเพราะเขาคือลูกคนเดียว และการที่เขาทำตัวเด็ก และเอาแต่ใจ นั่นเพราะเขาต้องการจะอยู่กับพ่อแม่ให้มากที่สุดต่างหาก แต่คำพูดของลู่หานเมื่อครู่....ทำไมมันทำให้เซฮุนรู้สึกผิดกันนะ
ลู่หานนั่งรออยู่ในห้องรับรอง ไม่ได้กลับไปไหน ในใจหวังแค่ว่าเซฮุนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ถ้าหากลู่หานออกไปตามเซฮุนตอนนี้ มีหวังเซฮุนต้องหงุดหงิดและรำคาญเขามากกว่าเดิมแน่ จึงขอนั่งรอจนกว่าจะหมดเวลาติวก็แล้วกัน
เวลาค่อยๆผ่านไปช้าๆ จนตะวันลับขอบฟ้า ยังไม่มีวี่แววว่าเซฮุนจะกลับมา ลู่หานจึงเก็บสัมภาระเตรียมกลับหอ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาติวแล้ว ลู่หานเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็หันมาเก็บของให้เซฮุนด้วย กล่องงูที่ยังวางอยู่ทำให้ลู่หานรู้สึกขนลุกเหมือนกัน....จริงๆแล้ว ลู่หานกลัวมันจนเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาต้องใช้ความอดทนมากที่สุดเท่าที่มีข่มใจให้ทำเหมือนว่ามันน่ารักจริงๆ เพื่อเอาชนะเซฮุน
“ยังไม่กลับอีกหรอ” เสียงคุ้นหูเดินเข้ามาหา ทำเอาลู่หานสะดุ้ง ไม่ใช่น้ำเสียงที่กวนบาทาเหมือนครั้งก่อนๆ แต่มันคือเสียงที่ดูเหนื่อยๆ ปลงๆ มากกว่า
“อืม แต่เดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ” ลู่หานพูดพร้อมกับพายกระเป๋าจะเดินออกไป แต่สายตาก็มองไปเห็นมือขวาของอีกคนที่มีเลือดโชกน่ากลัวอยู่
“มือไปโดนอะไรมา” ลู่หานถามอย่างตกใจ และวิ่งเข้าไปดู
“ไม่ต้องสนใจหรอกน่า จะกลับก็รีบกลับไปสิ”
“ได้ไงล่ะ ใครใช้ให้นายไปมีแผลในช่วงติวของฉัน มานี่” ลู่หานไม่ฟัง พร้อมทั้งดึงเซฮุนให้กลับมานั่งที่โซฟา เซฮุนก็ยอมตามมาเงียบๆ ลู่หานเดินออกไปซักพัก และกลับมาพร้อมกับกล่องยาในมือ...สงสัยไปเอากับแม่บ้านล่ะมั้ง
“เอามือมา” ลู่หานสั่งพร้อมกับเทยาเตรียมทำแผล เซฮุนก็ยอมยื่นมือมาให้ง่ายๆ
“.........”
“จะบอกได้หรือยังว่าไปทำอะไรมา” ลู่หานถาม แต่สายตาก็จับจ้องที่แผล
“ขี้เกียจเรียนกับนาย เลยเอามือไปชกกำแพงเล่น หาเรื่องเจ็บตัวไง ฉันจะได้มีข้ออ้างว่าเจ็บแผล แม่จะได้ไม่ด่า”
“ถ้านายมีความรู้นายจะไม่ทำแบบนี้”
“นายกำลังด่าว่าฉันโง่อยู่นะ !!”
“ก็ใช่ไง !! ”
“ลู่หาน !!! ...โอ๊ย” เซฮุนจะตะคอก แต่โดนลู่หานเอาแอลกอฮอล์เช็ดแผลจิ้มเข้าให้ ทำเอาร้องเสียงหลงไปเลย
“อยู่เฉยๆ ให้ฉันทำแผลได้ง่ายๆ หน่อยได้ไหม” น้ำเสียงเรียบๆ ทำให้เซฮุนฮึดฮัด แต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ให้ลู่หานทำแผลให้
สายตาคมกำลังจ้องมองใบหน้าหวานที่บรรจงทำแผลให้เขาอย่างเบามือ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันน่ามองตรงไหน ก็แค่ผิวเนียน หน้าสวยเหมือนผู้หญิง ปากสีชมพูระเรื่อธรรมชาติ แค่นั้นแหละ ไม่เห็นหน้ามองตรงไหนเลย แต่ทว่าวันนี้เซฮุนกลับเผลอจ้องมองไปแล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่ลู่หานกำลังจดจ้องโถจากเมืองจีนอันนั้นท่าทางลู่หานดูจะชอบมันมากๆ และครั้งที่สอง..ก็ตอนนี้แหละ
“เซฮุน นายไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้าแดงๆ นะ” ลู่หานเอ่ยถามพร้อมกับจ้องหน้าอีกคน
“ไม่เป็นไร สบายดี และจะสบายมาก ถ้านายกลับไปซักที” เซฮุน หันหน้าหนี....หน้าแดงหรอ ร้อนหรอวะ?
“เชอะ ขอบคุณซักคำก็ไม่มีแต่ช่างเถอะ ฉันไม่คาดหวังอยู่แล้ว”
“รีบๆ กลับไปเลยไป” เซฮุนไล่
“รู้แล้ว กลับแน่ ไม่ต้องไล่ แต่พรุ่งนี้ฉันจะมาอีก”
“มาทำไม”
“ลืมไปแล้วหรอ เดือนนี้ทั้งเดือน ฉันเป็นติวเตอร์ให้นาย ต่อให้พรุ่งนี้นายจะเจ็บแผลแค่ไหน ฉันก็จะทำให้นายเรียนกับฉันให้ได้” ลู่หานพูดพร้อมกับเดินออกมา แต่....
“ขอบคุณ”
คำพูดที่ทำให้ลู่หานชะงัก ก้าวท้าวต่อไปไม่ได้ เมื่อกี๊ เซฮุนพูดว่าขอบคุณงั้นหรอ หูฝาดหรือป่าววะ?
“ห๊ะ?”
“ไปเช็คหูบ้างนะเจ๊ ตึงบ้างแล้วล่ะ” เซฮุนพูดกวนๆ แต่ก็ไม่ได้หันมองลู่หาน
.....ยังไงเซฮุนก็เป็นเซฮุนแหละน่า
ลู่หานหันกลับเดินจ้ำอ้าวออกไป เหอะ ไอ้เด็กบ้า แกเรียกใครเจ๊ห๊า ?????
หลังจากเสียงรถวิ่งออกไป เซฮุนมองที่แผลตัวเอง จะว่าไปนี่มันเป็นแผลที่ได้มาแบบโง่ๆ โง่มากเหอะ เขาหงุดหงิดกับคำพูดลู่หาน จึงเดินออกไปร้านเกมส์ประจำใกล้บ้าน แต่คงเป็นเพราะใส่อารมณ์หงุดหงิดกับเกมส์มากไปหน่อย เลยเผลอกระแทกกับแป้นคีบอร์ดเก่าๆ ของร้านจนมันแตก และเศษแหลมมันเลยปักเข้าที่มือเต็มๆ เจ็บก็เจ็บ แถมยังโดนเจ้าของร้านไล่ออกมาอีก
แต่ว่าคำพูดของติวเตอร์คนนี้ มันมีอิทธิพลกับเขามากจังแฮะ เป็นติวเตอร์คนแรกเลยที่ทำให้เซฮุนหงุดหงิดกับคำพูดแบบนี้ อีกทั้งคำพูดที่ลู่หานเทศก์ให้ฟังมันก็ยังวนเวียนอยู่ในโสตประสาทเขาอยู่ หรือบางที มันอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องตั้งใจเรียนแล้วจริงๆ .... เพื่อตัวเขา และเพื่อคนที่เขารัก พ่อกับแม่นั่นเอง...
¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥¥
ความคิดเห็น