คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Only mine : Two
Only mine : Two
“อะไรอีก?” น้ำเสียงหงุดหงิดถูกเปล่งออกมาจากร่างจิ้มลิ้ม
“อยากไปส่ง” เสียงทะเล้นตอบกลับมาโดยไม่สนใจว่าอีกคนกำลังทำท่าทางรำคาญแค่ไหนก็ตาม
“ไม่ต้อง!! แล้วก็เลิกเดินตามซักที”
หลังจากที่แยกกันเมื่อตอนเที่ยง ชานยอลก็ไม่ได้กลับหอถึงแม้จะไม่มีเรียนบ่าย เพราะเขาดักรอแบคฮยอนที่หน้าตึกคณะนิเทศ ที่รู้ก็เพราะวันนี้แบคฮยอนใส่กำไลที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะนิเทศน์
ซึ่งชานยอลสังเกตเห็นเมื่อตอนที่เจอกันนั่นแหละ
ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนะ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองที่ทนร้อน รออีกคนได้ยังไงถึงสามชั่วโมง
“กลับกับฉันเถอะ นายก็รู้ว่าฉันจะไม่ทำอะไรนาย นอกจากนายอยากจะทำกับฉัน?”
“เผื่อนายเปลี่ยนใจข่มขืนฉันขึ้นมาล่ะ ฉันก็ซวยดิ”แบคฮยอนตอบปัดๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าอยากให้นายออนท๊อป ถ้านายไม่ทำฉันก็ไม่เอาหรอก ฉันอุตส่านั่งรอตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงบ่ายสามเลยนะ”
“ฉันขอร้องรึไง?”
“แหม เชิดๆ แบบนี้มันน่าตีให้ตายคาเตียงจริงๆเลย”
“นี่.....” ไม่ทันที่แบคฮยอนจะด่า แต่ก็มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกบทสนทนาเสียก่อน
“ชานยอล...คุณคือชานยอล เดือนศิลปกรรมใช่มั๊ยคะ?” เสียงหญิงสาวคนนั้นก็คือนีน่า ชานยอลจำได้ดี เพราะเป็นคนเดียวกับที่หาเรื่องแบคฮยอนเมื่อตอนเที่ยงไง
“เอ่อ ครับ” ชานยอลพูดตอบกลับโดยที่สายตามองเหมือนจะขออนุญาตแบคฮยอน แต่ก็ได้สายตาเชิ่ดกลับมาซะนี่
“ว่าแต่ ชานยอลมาที่ตึกนิเทศทำไมคะ อย่าบอกนะคะว่า....” นีน่ามองมาที่แบคฮยอนด้วยสายตารังเกียจ แต่แบคฮยอนก็นิ่งใส่เหมือนเมื่อตอนเที่ยงไม่มีผิด
“ครับ ผมมาหาแบคอยอน” คำตอบรับอย่างสุภาพบุรุษของชานยอลทำให้นีน่าไม่พอใจ
“นีน่าขอเตือนด้วยความหวังดีนะคะ ถ้าชานยอลคิดจะมั่วกับผู้ชายคนนี้ระวังได้ของแถมเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หายนะคะ แต่นีน่าว่าชานยอลอย่ายุ่งกับมันดีกว่า...เพราะมันต่ำเกินกว่าที่ชานยอลจะลดตัวลงไปหา” คำพูดเชือดเฉือนของอีกคนยิ่งทำให้ชานยอลอึดอัดแทน แต่ไม่เห็นว่าแบคฮยอนจะเดือนร้อนเอาซะเลย มีแต่เขาที่เดือดร้อนแทนซะมากกว่า
“เอ่อ....”
“นีน่าไปนะคะ นีน่าเตือนคุณแล้วนะชานยอล” นีน่าเดินออกไปไม่วายทิ้งสายตาที่ดูหมิ่นดูแคลนให้แบคฮยอนอย่างที่ไม่เคยทำ
“ทำไมไม่ตอบโต้บ้างล่ะ” ชานยอลถามอย่างหงุดหงิด นี่ขนาดเขาไม่ได้โดนด่า เขายังรู้สึกไม่พอใจเลยนะ
“มันใช่เรื่องของนายไหม?” เสียงเย็นชาตอบกลับทำเอาชานยอลชะงัก
“ความปากดีของนายที่พูดกับฉัน น่าจะเก็บมันไปใช้กับคนอื่นบ้างนะ โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง?”
“แล้วนายมาเดือดร้อนแทนฉันทำไม...มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับนายซักหน่อย” เป็นเพราะชานยอลหงุดหงิดมากไป พอแบคฮยอนถามกลับ เขาถึงกลับด้นไปไม่เป็น
นั่นน่ะสิ แล้วเขาจะเดือดร้อนทำไม เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่ แต่มันทนไม่ได้ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นพูดจาแบบนั้นใส่แบคฮยอน เขาอยากให้แบคฮยอนตอบโต้บ้าง ปฏิเสธไปบ้างก็ยังดี....โถ่ โว้ย หงุดหงิดแล้วนะเนี่ย
“ฉัน.....ฉัน....” ชานยอลพูดไม่ออก เพราะหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงหงุดหงิด
“แล้วนายไม่คิดบ้างหรอว่าบางที ผู้หญิงคนนั้นอาจจะพูดความจริง ฉันอาจจะเป็นเอดส์จริงๆ ก็ได้”
“ไม่จริง !!!” ชานยอลปฏิเสธทันควันทำให้แบคอยอนอึ้ง ตกลงว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้านี่มันยังไงกันแน่
“.........”
“ฉันมั่นใจว่านายไม่ได้เป็น” ชานยอลพูดทิ้งท้ายก่อนเดินกลับรถอย่างหัวเสีย
...กูเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย มึงเดือดร้อนทำไมชานยอล เรื่องของมึงก็ไม่ใช่ ไอ้ตัวแสบนั่นเมียมึง? ก็ไม่ใช่ แล้วกูเป็นบ้าอะไรของกูวะเนี่ย แม่งอากาศร้อนแหละ กูเลยเป็นบ้า ....
ชานยอลขยี้หัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป ส่วนทางด้านแบคฮยอนก็ไม่เข้าใจการกระทำของชานยอลเหมือนกัน แต่ดูชานยอลมีความอดทนดีนะ ตามจีบเขาไม่ปล่อยขนาดนี้ แต่แล้วไงล่ะ ในเมื่อความต้องการของชานยอลมันโต้งออกมาชัดขนาดนั้น เรื่องอะไรแบคฮยอนจะหวั่นไหวให้เสียใจเล่นล่ะ
“แบคฮยอน” เสียงหวานที่คุ้นหูเอ่ยเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงเศร้า
“มาทำไมอีก” เสียงเย็นชาตอบกลับ ทำให้พี่สาวกลั้นน้ำตาไม่อยู่
จูฮยอนมารอแบคฮยอนที่หน้าห้อง เขารู้ว่าน้องชายเลิกเรียนเวลานี้ สาเหตุที่เขามาก็เพื่ออธิบายให้อีกคนเข้าใจในเรื่องที่แบคฮยอนเข้าใจผิด
“หรือว่าทนไม่ได้กับข่าวเสียๆ หายๆ ของผมล่ะ” น้ำเสียงตัดเยื่อใยยิ่งทำให้ผู้เป็นพี่ที่รักน้องสุดหัวใจแทบขาดใจ
“แบคฮยอน ฟังพี่หน่อยได้ไหม” น้ำเสียงอ้อนวอนขอความเห็นใจถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา
“จะพูดอะไรหรอครับ จะโกหกผมเรื่องอะไรอีก ไปแย่งผัวชาวบ้าน จนครอบครัวเขาแตกแยก ยังมีคำแก้ตัวที่ฟังขึ้นอีกหรอ”
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะแบค ฟังพี่สิ ฮึก” เสียงสะอื้นทำให้แบคฮยอนน้ำตาไหลออกมาเช่นกันแต่ก็ไม่ได้หันมองหน้าพี่สาว เพราะเขาไม่ต้องการให้จูฮยอนเห็นน้ำตาเด็ดขาด
“ผมไม่อยากฟัง !! พี่มีความสุขกับสิ่งที่พี่แย่งเขามาแล้ว จะมาสนใจผมทำไม”
“แบค ฮึก....ฟังพี่หน่อย....ฮือ”
“กลับไปเถอะ ไปอยู่กับความสุขของคุณ ไม่ต้องสนใจผมหรอก ลืมไปเลยก็ได้ว่าเคยมีน้องชายอย่างผม ผมไม่โกรธหรอก” แบคฮยอนพูดพร้อมกับจะเดินเข้าห้องไปโดยไม่สนใจ แต่ก็โดนมือหนารั้งแขนไว้
“ฟังพี่สาวนายก่อนได้ไหม” ผู้ชายที่รั้งไว้คือสามีของพี่สาวแบคฮยอน
“ไม่สงสารผมหรอ พวกคุณไม่สงสารผมเลยหรือไง แค่นี้ผมยังแย่ไม่พอใช่มั๊ย ต้องรอให้ใครต่อใครมาด่าผมแรงกว่านี้ใช่ไหมถึงจะพอใจ” แบคฮยอนจะโกนพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลเป็นสาย
“มานี่แบคฮยอน” ชายคนนั้นดึงมือแบคฮยอนให้เดินตามไป และพาแบคฮยอนไปบ้านหลังหนึ่งที่จัดว่าใหญ่พอสมควร
“คุณพ่อ...” เสียงเด็กน้อยอายุประมานสี่ขวบวิ่งข้ามากอด ‘คังอิน’ ผู้เป็นพ่ออย่างคุ้นชิน
“สวัสดีค่ะ น้าจูฮยอน” เสียงทักทายที่เป็นกันเองทำให้แบคฮยอนเริ่มงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“หม่าม๊าอยู่ไหมลูก”
“อยู่ค่ะ อยู่ในสวนหลังบ้าน”
“ตามมาสิ” คังอินเอ่ยเรียกแบคฮยอน จูฮยอนจึงเดินเข้ามาจับมือน้องชายเพื่อให้เดินไป แต่ก็โดนแบคฮยอนสะบัดออก
“ว่าไง ไม่เจอกันนานเชียว” ผู้หญิงที่อายุประมานสามสิบห้าเอ่ยทักสามี พร้อมกับหันมายิ้มให้พี่สาวแบคฮยอน นั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขา
“แล้วนี่ น้องชายเธอใช่ไหม”
“ค่ะ” จูฮยอนรับคำ
“หน้าตาคล้ายกันเลยนะ” คุณนายมิยองเอ่ยอย่างใจดี
เหตุผลที่คังอินพาแบคฮยอนมาที่นี่เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของตนกับจูฮยอน จริงๆ แล้วจูฮยอนไม่ได้เป็นชู้ คังอินเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันกับมิยองตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ทั้งคู่จบลงด้วยดี และความรักของคังอินกับจูฮยอนก็เพิ่งเริ่มขึ้นได้ปีกว่าๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันเริ่มหลังจากที่เขาหย่าแล้ว เขาอยากเริ่มต้นชีวิตคู่อีกครั้งกับจูฮยอน และขอเธอแต่งงาน แต่ว่าจูฮยอนยังไม่อยากแต่ง ถ้าแบคฮยอนยังเข้าใจผิดอยู่ ถึงแม้จะพยายามหลายครั้งแต่แบคฮยอนก็ไม่เคยฟังเขาเลย
จนมิยองได้เล่าเรื่องทั้งหมดตามที่แบคฮยอนอยากรู้ จนแบคฮยอนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ที่ผ่านมาเขาเข้าใจผิดมาตลอด ตอนนี้เขาอยากขอโทษพี่สาว และรู้แล้วว่าจูฮยอนรักตัวเองมากแค่ไหน
“ผมขอโทษครับ ที่ผมทำตัวแย่ๆ แบบนั้น ฮึก...”
“ไม่เป็นไร ถ้าแบคเข้าใจพี่แล้ว พี่ก็ดีใจนะ”
สองพี่น้องกอดกัน ช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่น ซึ่งอ้อมกอดนี้มันหายไปจากพวกเขานานเหลือเกิน จนมันกลับมาอีกครั้งทำให้ทั้งคู่มีความสุขมาก
“ส่วนเรื่องข่าวเสียหายนั่น” แบคฮยอนพยายามจะอธิบาย
“พี่รู้ว่าแบคไม่ได้ทำ” คำพูดของพี่ยิ่งทำให้แบคฮยอนรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง พี่สาวเข้าไว้ใจเขามาตลอด ผิดกับเขาเองที่โง่งี่เง่าไม่ฟังอะไรเลย
“เราสองคนจะแต่งงานกัน นายจะขัดข้องไหม” เสียงคังอินเดินมาจับมือจูฮยอนต่อหน้าแบคฮยอน
“ฉันรักพี่สาวนายมาก และจะไม่ทำให้พี่สาวนายเสียใจเด็ดขาด ฉันสัญญา” คังอินเอ่ยหนักแน่น
“ลองทำพี่ผมเสียใจดูสิ ผมฆ่าคุณแน่” เสียงขู่ฆ่าที่ทำให้ทุกคนยิ้มจนแก้มปริ
“นายอนุญาตให้ฉันแต่งงานกับพี่นายใช่มั๊ย?”
“ทำไงได้ล่ะ ทำพี่ผมป่องแล้วหนิ จะแต่งก็รีบแต่งเลยนะ ปล่อยไว้นานท้องใหญ่ ใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวย”
เรื่องราววุ่นๆ ของพี่สาวแบคฮยอนก็ถูกคลี่คลายในที่สุดงานแต่งถูกจัดภายในสองอาทิตย์หลังจากนั้น จูฮยอนชวนแบคฮยอนมาอยู่บ้านและให้เลิกทำงานที่คลับ เพราะคังอินมีเงินมากพอที่จะเลี้ยงเขาและน้องไปตลอดชีวิต แต่แบคฮยอนอยากอยู่หอมากกว่า อาจจะเป็นเพราะคุ้นชินกับงานและคนที่นั่นจริงๆ ซะแล้ว ทีแรกจูฮยอนก็ไม่ยอมหรอก แต่พอเจอลูกอ้อนแบคฮยอนไม่ว่าใครก็ไม่รอดทั้งนั้นแหละ
ณ มหาลัย
“ไง ดูหน้าตาชื่นบานเชียวนะ” เสียงลู่น่าทักทาย
“ก็คนมันอารมณ์ดีนี่หว่า”
“อินเลิฟหรือไงยะ ได้ข่าวว่าเดือนศิลกำตามจีบหนิ”
....เออ จบเรื่องพี่สาว มันยังมีอีกเรื่องให้ปวดหัวนี่หว่า
“เรื่องนั้นไม่ทำให้ฉันอารมณ์ดีหรอกนะ...ใคร้มันจะไปสุขใจเท่ากับหนุ่มน่ารักแห่งนิเทศน์ล่ะว้า” แบคฮยอนเอ่ยแซวเพื่อนอีกคนที่กำลังนั่งยิ้มให้กับจอมือถือ
“อย่าพาดพิง ฉันอยู่ของฉันเงียบๆ” ดีโอตวัดสายตามอง
“ไปกินข้าวดีกว่า มีเรียนวิชาเลือกสิบโมงว่ะ ไปนะ” แบคฮยอนโบกมือลา พร้อมกับเดินไปโรงอาหาร
ณ โรงอาหาร
“มีเรียนสิบโมง ทำไมพึ่งมากินข้าว” เสียงทุ้มใหญ่ที่คุ้นหูเดินเข้ามาทักขณะที่แบคฮยอนกำลังซื้อข้าว
“อะไรอีกล่ะเนี่ย ไม่กวนฉันซักวันจะตายให้ได้เลยใช่ไหม?”
แบคฮยอนเอ่ยปัดอย่างรำคาญ จะว่าไปก็ไม่ได้รำคาญอะไรมากหรอก เพราะชินซะแล้ว ก็ชานยอลเล่นตามตื๊อไม่เลิกจนเกือบจะสามอาทิตย์แล้ว เรียกได้ว่าไปไหนก็เจอชานยอลตลอด และวันนี้ไอ้หมอนี่ก็ไม่มีเรียนหรอก แต่เพราะเป็นวิชาเลือก มีหลายคณะเข้าเรียนชานยอลจะแอบตามไปนั่งเรียนด้วยตลอด....ไม่ต้องถามว่าเอาตารางเรียนมาจากไหน เพราะเอาชื่อเสิร์ชหาในระบบของมหาลัยก็เจอละ
“ก็นี่มันสามโมงสี่สิบแล้ว กว่าจะกินข้าวเสร็จเดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก”
“เป็นพ่อฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่ต้องพูดมาก รีบกินรีบไปเรียน” ชานยอลพูดพร้อมกับเดินไปซื้อน้ำให้อีกคน
จะว่าไปตั้งแต่ชานยอลมาป้วนเปี้ยนในชีวิตมันรู้สึกดีนะ ถึงแม้จะต้องคอยฟังคำลามกจากมันที่ชวนเล่นหนังโป๊ทุกวันก็เถอะ แต่ชานยอลก็ไม่เคยล่วงเกินอะไรหรอก (ถ้าไม่นับแอบหอมแก้ม จับมือ อะไรพวกนั้นอ่ะนะ) แล้วก็ที่แปลกคือ ใครหลายคนพยายามบอกให้ชานยอลเลิกยุ่งกับเขา แต่ชานยอลก็ทำหูทวนลมและมาป้วนเปี้ยนอยู่กับเขาอยู่ดี
“ไง...สมใจแล้วสิ เหอะพี่สาวนายนี่เก่งนะ พอผู้ชายจะทิ้งก็ปล่อยตัวเองให้ป่องจนต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน” เสียงแว้ดๆ คุ้นหูตามมาหาเรื่องแบคฮยอนอีกครั้ง ผิดกลับครั้งนี้ที่แบคฮยอนคิดจะตอบโต้
“ขาดความอบอุ่นขนาดนั้นเลยหรอ....หรือพ่อแม่ไม่รัก ถึงได้เทียวพูดจาหาเรื่องคนอื่นอยู่ได้” ไม่ใช่น้ำเสียงเย็นชาเหมือนแต่ก่อน แต่กลับเป็นน้ำเสียงเยาะเย้ยกลับ จนคนหาเรื่องอึ้งในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
“แก...ปากดีนักนะ ทุกคนฟังไว้นะ.....”
“ไอ้หมอนี่มันขายตัว มันเป็นเอดส์ ใครที่เคยเอามันก็ไปตรวจเลือดบ้างนะ เผื่อติดโรคมาจากมัน !!”เสียแหลมที่ล้อเลียนจากแบคฮยอนยิ่งทำให้นีน่าโกรธจัด
“สมองน่ะ มีบ้างไหม ถ้าฉันเป็นเอดส์จริงๆ ป่านนี้คงขึ้นตุ่ม คันตามร่างกายไปแล้วมั้ง...แต่ฉันก็ยังปกติดีหนิ ฉันเห็นมีแต่เธอแหละที่คัน และคอยว่าแต่คนอื่น หรือบางทีคนที่เป็นเอดส์อาจจะเป็นเธอก็ได้นะ” แบคฮยอนพูดตอกกลับทำเอาหญิงสาวได้แค่กรีดร้อง
“ไอ้....ไอ้หน้าด้าน หน้าไม่อาย...นายมันไร้ยางอายที่สุด !!”
“ใครกันแน่ที่ไร้ยางอาย ฉันว่าเธอมากกว่านะ เที่ยวหาเรื่องชาวบ้านและใส่ร้ายคนนั้นคนนี้ไปทั่ว คิดบ้างไหมว่าคนที่เขารู้ความจริง เขาจะรู้ว่าเธอขายความโง่ตัวเอง มันเหมือนคนบ้าอ่ะเข้าใจไหม”
“กะ...”
“เลิกเอะอะกรี๊ด เอะอะกรี๊ดซักที แสบแก้วหู...เดี๋ยวปั๊ดกรี๊ดคืนให้แก้วหูแตกเลยหนิ” แบคฮยอนพูดพร้อมกับเดินหนี จะว่าไปการที่ได้ด่าคืนแบบนี้มันรู้สึกดีกว่าโดนด่าคนเดียวอีกแฮะ
ชานยอลที่มองเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นก็ยิ้มออก ที่จริงว่าจะเข้ามาช่วยแต่อรกแล้วแหละ เพราะเขารู้ว่าแบคฮยอนคงไม่ตอบโต้เหมือนแต่ก่อน แต่ผิดคาด เมื่อแบคฮยอนเริ่มเอาคืนบ้าง ชานยอลจึงยืนดูห่างๆ
“แหม่ะ เก่งแล้วหนิ?” ชานยอลแกล้งตบมือให้อีกคนพร้อกับส่งน้ำให้
“พูดมาก” แบคฮยอนรับน้ำและเดินนำเข้าชั้นเรียนไป
ตลอดการเรียนแบคฮยอนก็เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะมีไอ้โย่งหัวหยอยคอยนั่งกวนตลอด พอเขาทำท่าไม่สนใจก็นั่งจ้องจนอึดอัด (หรือเขินก็ไม่รู้) แต่พอพูดดีด้วยหน่อยมันก็ชวนเข้าเรื่องหนังโป๊ตลอด
“สรุปว่านายจะให้ฉันเล่นหนังโป๊กับนายให้ได้เลยใช่ไหม?”
“ครับ ^_____^”
“ฝันไปเถอะ ไอ้โย่งบ้ากาม”
“ฝันทุกคืนแหละ อยากให้ฝันเป็นจริงมั่งอ่ะ”
“ไปเสี่ยวไกลๆ เลย ฉันเรียนไม่รู้เรื่อง”
“ฉันมีแนวข้อสอบวิชานี้น่า อย่าซีเรียสไป วิชานี้ฉันเรียนแล้ว”
“ให้ฟรี?”
“ฮึ แลกกับหนังโป๊”
.....ว่าแล้วไง ไม่เคยจะทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก !!
“ให้ฉันตกอย่างภาคภูมิใจเถอะ”
“ฮ่าๆๆๆ อย่าทำหน้างอน่า ฉันล้อเล่น เดี๋ยวเอามาให้”
“วันนี้พาไปตัดผมหน่อยสิ” จู่ๆ ชานยอลก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสยผมตัวเองเพื่องบ่งบอกว่ามันยาวมากแล้ว
“หัวนายก็รับผิดชอบเองสิ ไม่เกี่ยวกับฉันซักหน่อย”
“อยากตัดและอยากทำสีใหม่ด้วย” ชานยอลอธิบายโดยไม่ฟังคำปฏิเสธ
“มาบอกฉันทำไมเล่า”
“นายต้องเลือกสีและย้อมให้ฉัน”
“เรื่องอะไรล่ะ? ไม่ทำหรอก”
“แลกกะแนวข้อสอบวิชานี้ ” ชานยอลยักคิ้วอย่างเหนือกว่า
“........”
“อย่าทำหน้าคิดมากน่า แค่ย้อมผม ไม่ได้ลากขึ้นเตียง”
“เออ ย้อมก็ได้”
สุดท้ายแบคฮยอนก็รับคำเพื่อแลกกับแนวข้อสอบ ที่จริงมันก็ไม่ได้อะไรมากอยู่แล้วก็แค่ย้อมผม เพราะเขาเชื่อว่าชานยอลคงไม่ทำอะไรอยู่แล้ว เพราะถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้ว คงไม่มาตื๊อให้เสียเวลาตั้งสามอาทิตย์หรอก
ณ ร้านตัดผม
เส้นผมหยิกหยอยสีทองกำลังถูกกรรไกรตัดฉับจนกลายเป็นทรงใหม่ เปิดหู และสั้นกว่าเดิม หลังจากที่ตัดเสร็จชานยอลก็เดินมาหาอีกคนที่กำลังอ่านหนังสือนู่นนั่นนี่รอ
“อะแฮ่ม....เป็นไง หล่อขึ้นใช่ป่ะ” เสียงชานยอลกระแอมเรียกร้องความสนใจ
“...ชิ...หลงตัวเอง” แบคฮยอนมองชั่วครู่และหลบหน้า...จะว่าไปผมทรงนี้มันก็ดูหล่อขึ้นจริงๆ อ่ะ
“หล่อพอจะเป็นพระเอกหนังโป๊ให้นายได้ยัง” อาจจะเป็นเพราะเสียงพูดดังไปหรือคนในร้านเงียบกันแน่ หลังจากประโยคนี้ทุกคนในร้านต่างก็มองมาที่ทั้งคู่เป็นตาเดียว
“ไอ้บ้า พูดมาได้ไม่อายคนเลยนะ” แบคฮยอนเอามือตีปากเบาๆ พร้อมกับกระซิบด่าอีกคน
“โทษที ลืมตัว ออกไปเถอะ อาย” ชานยอลจึงอาศัยจังหวะนั้นเดินจับมือแบคฮยอนออกมาทันที ส่วนแบคฮยอนก็เอามือที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นมาบังหน้าเพราะอาย
ก่อนตัด
หลังตัด
ชานยอล : ตัดแล้วครับ แต่เดี๋ยวมาดูกันว่าไอ้ตัวแสบของผมจะเลือกสีและทำสีอะไรให้...ที่ผมให้เขาทำให้ ผมมีเหตุผลนะ อิอิ
ความคิดเห็น